ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ 889 หมากัดกัน

Now you are reading ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ Chapter 889 หมากัดกัน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 889 หมากัดกัน

เจี่ยนเฟิงฉือโยนหน้ากากในมือไปมา แล้วยิ้มอย่างร้ายกาจ

“ถ้าพูดตามตรงแล้ว คุณชายเช่นข้านั้นก็ได้ดูแลฝ่าบาทมาช่วงระยะเวลาหนึ่ง แม้ว่าจะใช้ภายใต้ชื่อของใต้เท้าจั่วหมิงซีก็ตาม แต่ว่า…ที่ข้าทำไปนั้นเพื่อให้อาการของฝ่าบาทดีขึ้น ข้าเชื่อว่าทุกคนที่มีความจงรักภักดี คงจะไม่รังเกียจหรอกใช่หรือไม่?”

ภาระนี้ยิ่งใหญ่เกินไป จะมีใครบ้างจะกล้าพูดคำว่า “รังเกียจ”

เขาต้องยืนอยู่ข้างฝ่าบาทถึงจะสามารถออกจากตำหนักหลางคุนพร้อมฝ่าบาทได้ ดังนั้นจึงต้องพิสูจน์ให้พระองค์เห็นถึงความจงรักภักดีที่ยิ่งใหญ่!

แล้วเขาจะกล้าปากมากได้อย่างใด?

“ความจริงแล้วเรื่องนี้นั้น ต้องเริ่มพูดจากองค์หญิงสาม”

เจี่ยนเฟิงฉือยิ้มแล้วพูดขึ้น

“คุณชายอย่างข้านั้นยังจำได้แม่น ครั้งแรกตอนที่ข้าเข้าวังมาในฐานะจั่วหมิงซี และได้บังเอิญเจอกับองค์หญิงสาม ไม่ทราบว่าตอนนั้นองค์หญิงสามยังจำได้หรือไม่ว่าพูดอันใดออกมา?”

ซั่งกวนหว่านหน้าซีดเผือด

นางไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเจี่ยนเฟิงฉือปลอมตัวเป็นจั่วหมิงซีตั้งแต่เมื่อไร แล้วนางจะรู้ได้อย่างใดว่านางพูดอันใดออกไปบ้าง?

แต่ว่า…นางนั้นเชื่อใจจั่วหมิงซีมาโดยตลอด เรื่องราวที่เกี่ยวกับเสด็จพ่อนางล้วนไม่ได้ปิดบังใดๆ ทั้งสิ้น…

“ในตอนนั้นองค์หญิงสามกังวลว่าฝ่าบาทจะ “ตื่น” ช้า ดังนั้นจึงให้ “ข้า” ลดจำนวนยาที่วางลงซะ และหาทางปลุกฝ่าบาทให้ตื่นขึ้นมาให้ได้”

เจี่ยนเฟิงฉือปรบมืออย่างจริงใจ

แปะ!

แปะ!

แปะ!

“องค์หญิงสามนี่ช่างกตัญญูเสียจริง! ฟ้าดินเป็นพยาน! เพื่อให้ฝ่าบาทได้ฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง ดังนั้นท่านจึงไม่ป้อนโอสถเหล่านั้นอีกแล้ว ด้วยเหตุผลเพียงข้อนี้ข้อเดียว น่าจะไม่มีใครสามารถมาเทียบเทียมได้แล้วใช่หรือไม่? หือ?”

คำพูดของเจี่ยนเฟิงฉือเหมือนมีดที่แหลมคม มันสามารถแทงทะลุเสื้อนอกของซั่งกวนหว่านได้โดยตรง!

สีหน้าของนางแข็งค้าง

“ข้า ข้าเปล่า…”

นางโต้เถียงทันที แต่สีหน้าของนางนั้นเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก ฝีเท้าล่องลอย เหมือนว่าคำพูดได้แทงใจดำนางไปตรงๆ!

ในที่สุดซั่งกวนหว่านก็ไม่สามารถอดทนได้อีกต่อไป ก่อนจะกัดฟันกรอดแล้วมองไปจั่วหมิงซีที่ยืนอยู่ด้านข้าง

“จั่วหมิงซี เสียแรงที่ข้าไว้ใจเจ้า คาดไม่ถึงว่าเจ้าจะกล้าหักหลังข้าได้เช่นนี้!”

หากไม่ใช่เพราะเขากับเจี่ยนเฟิงฉือร่วมมือกัน เรื่องก็ไม่มีทางมาถึงขั้นนี้หรอก!

“เจ้า ข้า…หม่อมฉันไม่รู้อันใดเลยนะพ่ะย่ะค่ะ!”

จั่วหมิงซีอยากจะพูดอันใดบางอย่าง แต่เหมือนเขาจะรู้สึกผิดขึ้นมา ไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างใดออกมาดี

เขาไม่รู้จริงๆ ว่าเจี่ยนเฟิงฉือแอบปลอมตัวเป็นเขาแล้วเข้ามาในวังหลวง

เพียงแต่ในช่วงเวลานี้เขามักจะคิดว่าเขาชอบนอนมากกว่าเมื่อก่อนเท่านั้นเอง สมองก็รู้สึกพร่าเลือน

โดยเฉพาะในตอนที่เขากำลังเปลี่ยนกะ ความรู้สึกเหล่านี้ก็เหมือนว่าจะชัดเจนมากยิ่งขึ้น

เขามักจะคิดว่ามีอันใดบางอย่างไม่ถูกต้อง แต่กลับไม่กล้าพูดอันใดออกไป เพราะเกรงว่าหลังจากที่ซั่งกวนหว่านรู้เรื่องนี้เข้า นางอาจจะมาฆ่าปิดปากเขาได้

แต่คิดไม่ถึงเลยว่า เขาจะไม่สามารถหลบซ่อนมันได้

จนเกิดเรื่องวุ่นวายในวันนี้!โนเวล-พีดีเอฟ

ภายในใจของซั่งกวนหว่านรู้สึกเคียดแค้นอย่างมาก แต่นางก็รู้ว่าพูดอันใดไปตอนนี้มันก็ไม่มีประโยชน์แล้ว

วิธีเดียวที่จะสามารถสลัดเรื่องเหล่านี้ให้พ้นตัวไปได้คือต้องล้างมลทินให้กับตัวเอง!

แต่มันง่ายขนาดนั้นเสียเมื่อไรกัน!?

นางคิดได้ว่าก่อนหน้านี้ที่อยู่ตำหนักชิงเฟิง ในตอนที่เสด็จพ่อยังไม่ฟื้น นางก็ได้พูดเรื่องราวเช่นนี้ไปหลายครั้ง

หากคำพูดเหล่านั้นเสด็จพ่อได้ยินหมดแล้วละก็…

“โอ้ จริงสิ ยังมีเจียงอวี่เฉิง”

แววตาของเจียงอวี่เฉิงสั่นระริกเล็กน้อย มุมปากยกขึ้น รอยยิ้มเต็มไปด้วยความชั่วร้ายและกำเริบเสิบสาน สายตามีร่องรอยการประชดประชัน

“ต่อมาเจ้าก็เคยพูดคำพูดประเภทนี้อยู่ด้วยเช่นกัน ข้าเองก็จำได้อย่างแม่นยำเช่นกัน

สีหน้าของเจียงอวี่เฉิงก็นิ่งค้างไปแทบจะทันที ตาจมูกปากแข็งกระด้างไปจนน่ากลัว!

ในสมองของเขามีภาพเหตุการณ์จำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นมา!

มิน่าล่ะ…

มิน่าล่ะในตอนนั้นเขาถึงได้รู้สึกว่าจั่วหมิงซีนั้นแปลกๆ ไป ที่แท้ก็เพราะการสับเปลี่ยนคนนี่เอง!

เมื่อครู่ตอนที่เขาเห็นว่าเจี่ยนเฟิงฉือเดินออกมาพร้อมกับฝ่าบาท เขาเองก็รู้สึกไม่สบายใจอย่างมากแล้ว และเรื่องทั้งหมดก็เปิดเผยออกมาจริงๆ!

ไม่ว่าเจี่ยนเฟิงฉือจะพูดเรื่องจริงหรือเรื่องเท็จ แต่ทั้งเขาและซั่งกวนหว่านนั้นไม่สามารถปฏิเสธได้เลย!

…ก็ใครใช้ให้เขามายืนอยู่ข้างกายฝ่าบาทกัน!

เมื่อเจี่ยนเฟิงฉือพูดเรื่องเช่นนั้นออกมาแล้ว เห็นได้ชัดว่าเขาได้รับอนุญาตจากฝ่าบาทแล้ว ดังนั้น…เดิมทีแล้วนี่เป็นการแสดงถึงตำแหน่งผู้แทนพระองค์!

“ตัวข้านั้นเข้าวังแทบจะนับครั้งได้ ความจริงแล้วถือว่าไม่ได้เป็นจำนวนมาก แต่ว่าเมื่อเจอกับพวกเจ้าทั้งสองคนก็ต้องคุยเรื่องการใช้ยาตัวนั้นเป็นประจำ เรื่องวางยาที่ใต้เท้าซย่าโหวพูดขึ้นเมื่อครู่นี้ เกรงว่าจะไม่ได้เป็นเรื่องไร้สาระละมั้ง? ว่าอย่างใด เจ้าจะปฏิเสธมันหรือไม่?”

เมื่อมีหลักฐานมาโบกอยู่ตรงหน้าขนาดนี้แล้ว ยังจะไม่ยอมรับอีกหรือ? ให้ตายเถอะ เขานี่หน้าหนาจริงๆ!

สมควรตาย!

เจียงอวี่เฉิงและซั่งกวนหว่านเงียบกริบ

เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่ปฏิเสธไปแล้วทุกคนจะคลายความสงสัยในทันที

ท้ายที่สุดแล้วท่ามกลางเรื่องมากมายเหล่านี้ ฝ่าบาทก็อาจจะรู้เรื่องอยู่แล้วก็เป็นได้!

หากว่าเขาฟื้นขึ้นมาตั้งนานแล้วละก็ ถ้าเช่นนั้น…เรื่องราวมากมายก็ได้ถูกกำหนดเอาไว้อยู่แล้ว!

ทุกคนต่างคิดว่า ความจริงได้ถูกเปิดเผยขึ้นแล้ว ในที่สุดพวกเขาก็จะต้องรับสารภาพผิดแล้ว แต่ว่าในตอนนั้นเองเจียงอวี่เฉิงก็พูดขึ้นมาว่า

“ในปีนั้นที่ฝ่าบาทโดนวางยา ข้าไม่รู้เรื่องจริงๆ หว่านเออร์บอกข้าว่า ในตอนแรกฝ่าบาทต้องการพักฟื้นพระวรกาย ดังนั้นหากใช้โอสถบางตัวในจำนวนที่มากเกินไป จะทำให้ท่านสลบไสลไปตลอดกาล เรื่องการลดใช้โอสถตัวนั้น พวกเราได้ปรึกษากันเป็นเวลานานมาก แต่ข้าไม่รู้จริงๆ ว่ามันคือยาพิษ”

เมื่อได้ยินดังนั้น ซั่งกวนหว่านก็เบิกตาโพลงขึ้นมาด้วยความตกใจ แล้วมองเจียงอวี่เฉิงด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ

“เจ้า…เจ้าพูดอันใดน่ะ?”

ใบหน้าของเจียงอวี่เฉิงเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด

“ขอโทษนะหว่านเออร์ ก่อนหน้านี้เจ้าปิดบังข้ามาโดยตลอด ถึงได้ยอมช่วยเจ้า แต่ในเมื่อตอนนี้ข้าได้รับความกระจ่างแล้ว เช่นนั้น…ข้าก็ไม่สามารถช่วยเจ้าพูดได้อีกต่อไปแล้ว เจ้าทำเองเจ้าก็ต้องรับผิดชอบมันด้วยตนเอง”

ฉู่หลิวเยว่ที่ได้ยินดังนั้นก็อดที่จะรู้สึกประหลาดใจไม่ได้

ถ้าไม่ใช่เพราะว่าบรรยากาศตอนนี้ไม่เหมาะสม นางอยากจะปรบมือเชิดชูความสามารถในการพูดโต้เถียงของเจียงอวี่เฉิงอย่างมาก

อันใดที่เรียกว่ากลับผิดเป็นถูก วันนี้นางได้ประจักษ์แล้ว!

เมื่อเห็นว่าเรื่องนี้ถูกเปิดเผยแล้ว เขาก็สลัดซั่งกวนหว่านทิ้งออกไปทันที ขอเพียงรักษาชีวิตรอดปลอดภัยเป็นดี!

แต่จะว่าไปแล้วคำพูดที่ดูโหดร้ายรุนแรงนั้นก็จะลักษณะพิเศษของเขาอยู่แล้ว

ซั่งกวนหว่านจะไปเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้อย่างใด?

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ซั่งกวนหว่านก็ตกตะลึงไปทันที ก่อนจะระเบิดอารมณ์ออกมาอย่างสมบูรณ์แบบ!

“เจียงอวี่เฉิง! นี่เจ้าพูดอันใดออกมากันเนี่ย! ตอนนี้เจ้ากำลังจะโยนความผิดทั้งหมดมาที่ข้าใช่หรือไม่?! ดี! ในเมื่อเจ้าไร้เยื่อใย ก็อย่าหาว่าข้าไร้ไมตรีเลย!”

ซั่งกวนหว่านสาวเท้าไปด้านหน้าหนึ่งก้าว ก่อนจะเดินไปตรงกลางพร้อมพูดเสียงแหลม

“สิ่งที่ซย่าโหวหรงพูดเมื่อครู่นี้ถูกต้องทั้งหมด! ที่เขาทำมาทั้งหมดนี้เพราะว่ามีเจียงอวี่เฉิงคอยบงการ! เขาเป็นคนลงมือกับเสด็จพ่อ และโยกย้ายสิบสามผู้พิทักษ์เยว่ออกไป! ยิ่งไปกว่านั้นเขายังส่งคนไปลอบโจมตีสำนักชงซูเก๋อ! เรื่องทั้งหมดนี้เขาต่างหากที่เป็นคนบงการทั้งหมด!”

เส้นเลือดตรงขมับของเจียงอวี่เฉิงแทบจะระเบิด เขากดเสียงต่ำแล้วพูดอย่างเย็นชาว่า

“หว่านเออร์ เจ้าอย่ามาพูดจาเลื่อนเปื้อน!”

แต่ซั่งกวนหว่านกลับไม่สนใจ

วันนี้นางเสียหน้าไปหมดแล้ว เดิมทีอารมณ์ก็ไม่คงที่ กอปรกับคำพูดยุยงปลุกปั่นของเจี่ยนเฟิงฉือและคนอื่นๆ นางจึงไม่สามารถอดทนได้แล้ว

ไม่ต้องพูดถึงเรื่องนางไม่มีวาสนากับตำแหน่งรัชทายาทเลย เกรงว่าตำแหน่งองค์หญิงสามนางก็จะรักษาเอาไว้ไม่ได้แล้ว!

หลังจากวันนี้ไปอนาคตของนางเป็นหรือตายก็มิอาจทราบได้!

แต่ในตอนนี้เจียงอวี่เฉิงกลับมาหักหลังนางเช่นนี้ เช่นนั้นนางก็จะไม่ไว้ไมตรีต่อกันแล้ว!

นางจ้องไปที่เจียงอวี่เฉิงด้วยแววตาแดงก่ำ แล้วยิ้มเย็นๆ

“หึ! เป็นอย่างใดเล่า ยังไม่ยอมรับใช่หรือไม่? เจ้าลืมไปแล้วหรือ เจ้าวางยาผงฮวาหยวนกับซั่งกวนเยว่เป็นเวลาสามปี จากนั้นก็ตัดสินใจลงมือในคืนวันก่อนแต่งงาน จากนั้นก็ยังขังนางไว้ที่หอบรรพกษัตริย์

————————————————————–

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด