ยอดหญิงอันดับหนึ่ง 261.2 ในที่สุดแผ่นดินก็ตกอยู่ในมือเขา (2)

Now you are reading ยอดหญิงอันดับหนึ่ง Chapter 261.2 ในที่สุดแผ่นดินก็ตกอยู่ในมือเขา (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

คนทั้งกลุ่มนึกไปถึงจุดจบของพวกคนตำหนักถงกวงก็รีบเอ่ยขึ้นว่า “ยามปกติเหม่ยเหรินดีต่อพวกเราเพียงนี้ เราจะเอาไปพูดพล่อยๆ ได้อย่างไร แม่นางชูซย่ากับฉีกงกงวางใจเถิด”

ฉีไหวเอินให้พวกเขาแยกย้ายกันกลับไป แล้วไปยังหน้าประตู ชูซย่ามองดูอยู่ตรงประตูห้องนอน แม้พวกคนรับใช้ของหอเหยาไถจะเชื่อใจได้ว่าจะไม่ปากพล่อย แต่ใจยังคงเต้นแรงอยู่ หลายวันมานี้มักจะบ่นว่าท่านอ๋องไม่มาพบหน้านายหญิงอยู่บ่อยๆ แต่วันนี้เห็นเขาใจกล้าแอบบุกมาวังหลังเข้าจริงๆ เช่นนี้ก็วิตกยิ่ง

ภายในห้องนอน ผ้าม่านผืนบางเปิดกว้าง คนบนเตียงปักหลับสนิทอยู่ภายใต้การช่วยเหลือของกำยานกล่อมนอน ไม่รู้ว่าเล่นหมากล้อมกับโจวกงไปกี่ตาแล้ว

ราตรีในสารทฤดูห่มคลุมเพียงผ้าห่มชั้นเดียว ยามนอนหลับพลิกตัวอยู่สองครั้ง ผ้าจึงได้ลื่นตกลงมา ชุดนอนของนางอ้าออกเล็กน้อย เผยให้เห็นแผ่นหลังและลำคอขาวเนียนดุจหิมะ ผมงามม้วนอยู่ข้างแก้ม ขับให้สีผิวยิ่งเนียนนุ่มขึ้น ไร้ตำหนิใด

ถึงแม้นางจะหันหน้าเข้าหาผนัง หันหลังให้กับเขา แต่เขาก็ยังคงสามารถได้ยินเสียงหายใจอันสม่ำเสมอของนางได้

เห็นนางหลับฝันหวาน หายใจสะดวก ใจเขาก็สงบลงเช่นกัน

แผ่นดินเขาได้มาแล้ว หญิงงามก็ไม่ได้เสียไป เช่นนี้ดียิ่งนัก

วสันตฤดูเมื่อปีที่แล้ว ฝ่าบาทส่งจดหมายลับมาให้ยังเขตส่านซี บอกเป็นนัยให้เขากลับเมืองหลวงพาตัวสองแม่ลูกไป

ครานั้น ขุนนางข้างกายต่างห้ามไว้ กลัวว่าหลงชังฮ่องเต้จะเล่นลูกไม้ล่อเขาให้ไปติดกับ สุดท้าย เขาจึงได้ปฏิเสธที่จะกลับเมืองหลวง พวกขุนนางคนสนิทจึงได้เบาใจลง

ทว่าไม่ได้กลัวฝ่าบาทคดโกงผิดคำพูด และเขาก็ไม่ได้กลัวความตาย

ตอนนั้นหากกลับเมืองหลวงมา เขาสามารถมอบสิ่งใดให้แก่นางได้เล่า ก็เป็นแค่การพานางหลบหลีกบ้านเกิดเมืองนอนอย่างเมืองหลวงอันรุ่งเรืองอบอุ่น ใช้ชีวิตเสี่ยงอันตรายอยู่ในเขตการปกครองชายแดนเหนืออันไม่คุ้นเคยอย่างกล้ำกลืนเท่านั้น

ในเมื่อได้หักใจแยกจากนางมาชั่วคราวได้แล้ว เช่นนั้นเขาก็ต้องถวายสิ่งที่ดีที่สุดให้ตรงหน้านาง

เขายอมรับว่าเขามีความทะเยอทะยาน ตั้งแต่เป็นหนุ่มน้อย รักษาทัวป๋าจวิ้น เลี้ยงทหารไว้ที่สวนแอปริคอต ลากพรรคพวก กลับราชสำนักเพื่อรับตำแหน่ง ไม่เพียงแต่อยากจะเป็นท่านอ๋องว่างงานไม่มีอะไรทำที่เยี่ยจิงเมืองเหนือเป่ยเฉิงเท่านั้น

ทว่าจู่ๆ มีอยู่วันหนึ่ง เขาก็พบความทะเยอทะยานนี้มีส่วนหนึ่งที่มีสาเหตุมาจากนาง นางควรค่าที่จะได้รับสิ่งที่ดีที่สุดของแผ่นดิน

ยอมถอดใจไม่ไปพบนางไวเกินไป เขาก็อดทนอย่างยากลำบากเหมือนกัน คืนนั้นเห็นนางเกือบจะตายในวันเดียวกันกับที่ตนกลับมา ก็ยิ่งตกใจจนเหงื่อเย็นผุดซึม

ดีร้ายอย่างไร สุดท้ายยามนี้ได้มีความเงียบสงบด้วยกันกับนางแล้ว และอีกไม่นานก็จะได้ร่วมนั่งอยู่ท่ามกลางความเจริญรุ่งเริงของเขตพระราชฐาน

แต่นี้ต่อไป จะไม่ให้นางได้ห่างกายเขาไปอีกแม้แต่ก้าวเดียว

ซย่าโหวซื่อถิงยืนอยู่หน้าผ้าม่านที่กางกั้น หรี่ตาลงพินิจมองภาพคนงามหลับใหล ลมหายใจติดขัดเล็กน้อย โชคดีที่พิษนี้ดีขึ้นแล้ว

เขาสาวเท้าไปหา เลิกผ้าห่มที่คลุมนางไว้ขึ้น นั่งลงข้างเตียง โน้มตัวลงขยับไปใกล้ใบหูขาวสะอาดของนาง แนบริมฝีปากไว้บนนั้น ดวงใจกระเพื่อมไหวเหมือนหินตกลงทะเลสาบเกิดคลื่นขึ้น น้ำเสียงไม่พอใจ กระซิบเสียงแหบว่า “วันนี้ที่สวนหลวงเจ้าหนีไปเร็วนัก ต่อให้ไม่สะดวกจะพูดคุย แต่แค่จะมองข้าสักหน่อยก็ไม่อยากทำเชียวหรือ…”

นางหลับสบายอุรา ไร้ปฏิกิริยาใดตอบสนองต่อการกระทำเล็กๆ ของเขาเลยสักนิด รู้สึกเพียงจั๊กจี้ พลิกตัวอยู่ครู่หนึ่งตามปฏิกิริยาตอบสนองเท่านั้น ใบหน้ารูปไข่หันไปหาเขาเล็กน้อย

ใบหน้ายามนอนอมชมพูระเรื่อ องเอวอ่อนนุ่มเล็กบาง มองดูแล้วเหมือนจะจับได้ไม่เต็มมือ

นางขยับตัวเล็กน้อย ผ้าห่มหลุดออกอีกหลายชุ่น[1] ราวกับจงใจทำลายจิตใจอันแน่วแน่ของเขา

เขาจ้องเท้าขาวสะอาดของนางอยู่สักพัก จมูกโด่งของเขาขึ้นสีแดงคว้าผ้าห่มมาคลุมขานางเอาไว้

คนบนเตียงจั๊กจี้ขึ้นมา พลิกตัวอีกครั้ง

เขาสูดลมหายใจลึก แววตาค่อยๆ เข้มและลุ่มลึกขึ้น อากาศเย็นสบายดั่งสายน้ำ แต่บนหน้าผากเขากลับมีเหงื่อร้อนผุดซึมออกมา

กำยานช่วยหลับหอมอวล มีประสิทธิภาพให้หลับสบายอยู่เล็กน้อย ผนวกกับวันนี้เหนื่อยมาทั้งวัน นางจึงหลับลึกมาก เขาก็ไม่อยากปลุกนางให้ตื่น แต่มันระงับความรู้สึกเอาไว้ไม่ได้จริงๆ คิดแต่อยากจะกอดนางเอาไว้ กระซิบข้างหูนางเสียงขรึมว่า “อย่าโทษข้าเลย” นิ้วมือพลิกมือนาง หาจุดฝังเข็มแล้วกดลง

ครู่หนึ่ง แค่ครู่เดียว จะไม่ทำเรื่องนอกเหนือจากนี้แน่นอน…

หลังจากฟ้าสว่างในยามเช้า ชูซย่ายกน้ำเข้ามา เห็นอวิ๋นหว่านชิ่นนั่งอยู่ข้างเตียง ยกมือกำเป็นหมัดทุบไหล่และน่องไปมาไม่หยุด

“นายหญิงไม่สบายตัวตรงไหนหรือเจ้าคะ” ชูซย่าเอ่ยอย่างสงสัย

“ไม่รู้ว่าไม่ได้ออกกำลังกายนานเกินไปหรือไม่ เมื่อวานไปเดินเล่นในสวนหลวงตั้งนาน หลับมาตื่นหนึ่งทั่วร่างก็ปวดเมื่อยไปหมด” อวิ๋นหว่านชิ่นแหวกคอเสื้อให้นางดู “เจ้าดูสิ ยังมีจุดแดงๆ ขึ้นด้วย ไม่เหมือนว่าเดินเยอะเลยนะ ไม่รู้เหมือนกันว่าหลับลึกเกินไปแล้วตกเตียงหรือไปชนตรงไหนเข้าหรือไม่”

ชูซย่ามองไป บนผิวขาวสะอาดเนียนนุ่มของนางมีรอยเป็นจ้ำๆ สีแดงปรากฏขึ้นจางๆ โดยเฉพาะบริเวณซอกคอกับหน้าอก เหมือนปลูกผลเบอร์รี่ในชนบทไว้หลายลูก ชูซย่าหน้าแดงขึ้นทันที รีบเบนหน้าหนี จะได้ไม่ให้นายหญิงพบว่าตนขายชาติเข้าพวกกับศัตรู “จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไรเจ้าคะ บ่าวกับฉีไหวเอินอยู่ข้างนอกกัน ไม่ได้ยินเสียงอันใดเลยนะเจ้าคะ…เมื่อคืนนายหญิงได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวใดหรือไม่เล่า”

“คงเพราะจุดกำยานช่วยนอนหลับจึงได้หลับสนิทเกินไป” อวิ๋นหว่านชิ่นสายหน้า และสงสัยอยู่ไม่น้อย กำยานนั่นมีประสิทธิภาพสามารถสะกดจิตได้อ่อนๆ แต่ไม่ถึงขั้นเป็นยาสลบได้ หากไปชนตรงไหนเข้าจริงๆ เหตุใดปฏิกิริยาตอบสนองสักนิดจึงไม่มีเลยเล่า

“เอ๊ะ” ชูซย่าเอ่ยขัดขึ้น “เป็นฝันหรือไม่เจ้าคะ บางครั้งบ่าวพลิกตัวไปมานอนหลับไม่สบาย วันรุ่งขึ้นตื่นมาก็ปวดเนื้อปวดตัวไปหมดเหมือนกัน”

นางถูกถามจนนิ่งอึ้งไป มีอาการกินปูนร้อนท้องอยู่เล็กน้อย เมื่อคืน…คล้ายว่าจะฝันอย่างอ่อนโยนหอมหวานจริงๆ เหมือนว่ามีคนมากอดนางไว้ แทบอยากจะกอดจมเข้าไปในกระดูกอยู่แล้ว มือซุกซนลูบไล้ไปทั่วร่างนางอวดความเก่งกาจไม่หยุดหย่อน

เป็นแม่คนแล้ว ฝันวาบหวิวของเด็กสาวเช่นนี้จะให้พูดออกไปได้อย่างไร

ชูซย่าเห็นนางไม่ได้ไล่ต้อนถามอีกก็แล่บลิ้นออกมา เมื่อคืนก่อนท่านอ๋องจะออกไปได้กำชับไว้ว่าให้นางอย่าเพิ่งบอกนายหญิง ที่แท้นึกไม่ถึงว่าจะทำเรื่องชั่วร้ายเช่นนี้ นางคิดๆ พลางวิ่งไปยังข้างกระถางกำยาน กำยานช่วยให้นอนหลับเมื่อคืนมอดหมดแล้ว จึงเติมอีกก้านเข้าไป

“วันนี้ข้าไม่ใช้อันนี้” อวิ๋นหว่านชิ่นสงสัย วันนี้นางแปลกๆ นะ สิ่งที่ควรจะเอาใจใส่ไม่เอาใจใส่ ที่ไม่ควรใส่ใจกลับลงมือไปทำเอง

ชูซย่าลุกขึ้น แกล้งทำเป็นงุนงงทั้งๆ ที่รู้แจ้งแก่ใจ “เอ๋ ไม่ใช้หรือ บ่าวเห็นว่ากำยานอันนี้ใช้ดี วันนี้นายหญิงใช้ต่อดีหรือไม่เจ้าคะ…” ท่านอ๋องเหมือนจะได้คืบแล้วจะเอาศอก เห็นหอเหยาไถเป็นสวนดอกไม้ท้ายจวนของตัวเองไปแล้ว คืนนี้ยังจะมาหานายหญิงอีก ได้สั่งไว้ว่าให้จุดกำยานอันนี้อีก

ก่อนหน้านี้ชูซย่ายังไม่เข้าใจ ยามนี้แจ่มแจ้งยิ่ง เขาลงมือสะดวกน่ะสิ

บอกแล้วว่าองค์ชายสามผู้นี้ดูๆ แล้วเหมือนเงียบๆ ไม่ค่อยพูด แต่ความจริงแล้วเจ้าเล่ห์มากแผนการไม่น้อย ชูซย่าแอบกลืนน้ำลายอยู่เงียบๆ

อวิ๋นหว่านชิ่นเห็นสีหน้านางเดี๋ยวแดงเดี๋ยวม่วง ก็ยิ่งสงสัยหนักกว่าเดิม แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ทำเพียงล้างหน้าเปลี่ยนชุด ลุกขึ้นทานมื้อเช้า

เพิ่งจะรับมื้อเช้าเสร็จ แม่นมก็อุ้มบัวลอยน้อยมาหา บัวลอยน้อยที่เพิ่งจะกินมื้อเช้าเสร็จมีชีวิตชีวาเป็นพิเศษ พูดออกมาได้หลายคำ พอเข้ามาก็กางแขนเข้าสู่อ้อมอกมารดา แม่นมถือโอกาสประจบว่า “ดูสิเพคะองค์ชายรองยิ่งติดนายหญิงมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว เมื่อวานกลับจากห้องเหม่ยเหรินไป ตอนกลางคืนก่อนนอนก็หักใจไม่ไหว ศีรษะน้อยๆ มองไปด้านนอกเพื่อหามารดาแหน่ะ”

——————-

[1] ชุ่น (หน่วยวัดจีน) นิ้ว

คนทั้งกลุ่มนึกไปถึงจุดจบของพวกคนตำหนักถงกวงก็รีบเอ่ยขึ้นว่า “ยามปกติเหม่ยเหรินดีต่อพวกเราเพียงนี้ เราจะเอาไปพูดพล่อยๆ ได้อย่างไร แม่นางชูซย่ากับฉีกงกงวางใจเถิด”

ฉีไหวเอินให้พวกเขาแยกย้ายกันกลับไป แล้วไปยังหน้าประตู ชูซย่ามองดูอยู่ตรงประตูห้องนอน แม้พวกคนรับใช้ของหอเหยาไถจะเชื่อใจได้ว่าจะไม่ปากพล่อย แต่ใจยังคงเต้นแรงอยู่ หลายวันมานี้มักจะบ่นว่าท่านอ๋องไม่มาพบหน้านายหญิงอยู่บ่อยๆ แต่วันนี้เห็นเขาใจกล้าแอบบุกมาวังหลังเข้าจริงๆ เช่นนี้ก็วิตกยิ่ง

ภายในห้องนอน ผ้าม่านผืนบางเปิดกว้าง คนบนเตียงปักหลับสนิทอยู่ภายใต้การช่วยเหลือของกำยานกล่อมนอน ไม่รู้ว่าเล่นหมากล้อมกับโจวกงไปกี่ตาแล้ว

ราตรีในสารทฤดูห่มคลุมเพียงผ้าห่มชั้นเดียว ยามนอนหลับพลิกตัวอยู่สองครั้ง ผ้าจึงได้ลื่นตกลงมา ชุดนอนของนางอ้าออกเล็กน้อย เผยให้เห็นแผ่นหลังและลำคอขาวเนียนดุจหิมะ ผมงามม้วนอยู่ข้างแก้ม ขับให้สีผิวยิ่งเนียนนุ่มขึ้น ไร้ตำหนิใด

ถึงแม้นางจะหันหน้าเข้าหาผนัง หันหลังให้กับเขา แต่เขาก็ยังคงสามารถได้ยินเสียงหายใจอันสม่ำเสมอของนางได้

เห็นนางหลับฝันหวาน หายใจสะดวก ใจเขาก็สงบลงเช่นกัน

แผ่นดินเขาได้มาแล้ว หญิงงามก็ไม่ได้เสียไป เช่นนี้ดียิ่งนัก

วสันตฤดูเมื่อปีที่แล้ว ฝ่าบาทส่งจดหมายลับมาให้ยังเขตส่านซี บอกเป็นนัยให้เขากลับเมืองหลวงพาตัวสองแม่ลูกไป

ครานั้น ขุนนางข้างกายต่างห้ามไว้ กลัวว่าหลงชังฮ่องเต้จะเล่นลูกไม้ล่อเขาให้ไปติดกับ สุดท้าย เขาจึงได้ปฏิเสธที่จะกลับเมืองหลวง พวกขุนนางคนสนิทจึงได้เบาใจลง

ทว่าไม่ได้กลัวฝ่าบาทคดโกงผิดคำพูด และเขาก็ไม่ได้กลัวความตาย

ตอนนั้นหากกลับเมืองหลวงมา เขาสามารถมอบสิ่งใดให้แก่นางได้เล่า ก็เป็นแค่การพานางหลบหลีกบ้านเกิดเมืองนอนอย่างเมืองหลวงอันรุ่งเรืองอบอุ่น ใช้ชีวิตเสี่ยงอันตรายอยู่ในเขตการปกครองชายแดนเหนืออันไม่คุ้นเคยอย่างกล้ำกลืนเท่านั้น

ในเมื่อได้หักใจแยกจากนางมาชั่วคราวได้แล้ว เช่นนั้นเขาก็ต้องถวายสิ่งที่ดีที่สุดให้ตรงหน้านาง

เขายอมรับว่าเขามีความทะเยอทะยาน ตั้งแต่เป็นหนุ่มน้อย รักษาทัวป๋าจวิ้น เลี้ยงทหารไว้ที่สวนแอปริคอต ลากพรรคพวก กลับราชสำนักเพื่อรับตำแหน่ง ไม่เพียงแต่อยากจะเป็นท่านอ๋องว่างงานไม่มีอะไรทำที่เยี่ยจิงเมืองเหนือเป่ยเฉิงเท่านั้น

ทว่าจู่ๆ มีอยู่วันหนึ่ง เขาก็พบความทะเยอทะยานนี้มีส่วนหนึ่งที่มีสาเหตุมาจากนาง นางควรค่าที่จะได้รับสิ่งที่ดีที่สุดของแผ่นดิน

ยอมถอดใจไม่ไปพบนางไวเกินไป เขาก็อดทนอย่างยากลำบากเหมือนกัน คืนนั้นเห็นนางเกือบจะตายในวันเดียวกันกับที่ตนกลับมา ก็ยิ่งตกใจจนเหงื่อเย็นผุดซึม

ดีร้ายอย่างไร สุดท้ายยามนี้ได้มีความเงียบสงบด้วยกันกับนางแล้ว และอีกไม่นานก็จะได้ร่วมนั่งอยู่ท่ามกลางความเจริญรุ่งเริงของเขตพระราชฐาน

แต่นี้ต่อไป จะไม่ให้นางได้ห่างกายเขาไปอีกแม้แต่ก้าวเดียว

ซย่าโหวซื่อถิงยืนอยู่หน้าผ้าม่านที่กางกั้น หรี่ตาลงพินิจมองภาพคนงามหลับใหล ลมหายใจติดขัดเล็กน้อย โชคดีที่พิษนี้ดีขึ้นแล้ว

เขาสาวเท้าไปหา เลิกผ้าห่มที่คลุมนางไว้ขึ้น นั่งลงข้างเตียง โน้มตัวลงขยับไปใกล้ใบหูขาวสะอาดของนาง แนบริมฝีปากไว้บนนั้น ดวงใจกระเพื่อมไหวเหมือนหินตกลงทะเลสาบเกิดคลื่นขึ้น น้ำเสียงไม่พอใจ กระซิบเสียงแหบว่า “วันนี้ที่สวนหลวงเจ้าหนีไปเร็วนัก ต่อให้ไม่สะดวกจะพูดคุย แต่แค่จะมองข้าสักหน่อยก็ไม่อยากทำเชียวหรือ…”

นางหลับสบายอุรา ไร้ปฏิกิริยาใดตอบสนองต่อการกระทำเล็กๆ ของเขาเลยสักนิด รู้สึกเพียงจั๊กจี้ พลิกตัวอยู่ครู่หนึ่งตามปฏิกิริยาตอบสนองเท่านั้น ใบหน้ารูปไข่หันไปหาเขาเล็กน้อย

ใบหน้ายามนอนอมชมพูระเรื่อ องเอวอ่อนนุ่มเล็กบาง มองดูแล้วเหมือนจะจับได้ไม่เต็มมือ

นางขยับตัวเล็กน้อย ผ้าห่มหลุดออกอีกหลายชุ่น[1] ราวกับจงใจทำลายจิตใจอันแน่วแน่ของเขา

เขาจ้องเท้าขาวสะอาดของนางอยู่สักพัก จมูกโด่งของเขาขึ้นสีแดงคว้าผ้าห่มมาคลุมขานางเอาไว้

คนบนเตียงจั๊กจี้ขึ้นมา พลิกตัวอีกครั้ง

เขาสูดลมหายใจลึก แววตาค่อยๆ เข้มและลุ่มลึกขึ้น อากาศเย็นสบายดั่งสายน้ำ แต่บนหน้าผากเขากลับมีเหงื่อร้อนผุดซึมออกมา

กำยานช่วยหลับหอมอวล มีประสิทธิภาพให้หลับสบายอยู่เล็กน้อย ผนวกกับวันนี้เหนื่อยมาทั้งวัน นางจึงหลับลึกมาก เขาก็ไม่อยากปลุกนางให้ตื่น แต่มันระงับความรู้สึกเอาไว้ไม่ได้จริงๆ คิดแต่อยากจะกอดนางเอาไว้ กระซิบข้างหูนางเสียงขรึมว่า “อย่าโทษข้าเลย” นิ้วมือพลิกมือนาง หาจุดฝังเข็มแล้วกดลง

ครู่หนึ่ง แค่ครู่เดียว จะไม่ทำเรื่องนอกเหนือจากนี้แน่นอน…

หลังจากฟ้าสว่างในยามเช้า ชูซย่ายกน้ำเข้ามา เห็นอวิ๋นหว่านชิ่นนั่งอยู่ข้างเตียง ยกมือกำเป็นหมัดทุบไหล่และน่องไปมาไม่หยุด

“นายหญิงไม่สบายตัวตรงไหนหรือเจ้าคะ” ชูซย่าเอ่ยอย่างสงสัย

“ไม่รู้ว่าไม่ได้ออกกำลังกายนานเกินไปหรือไม่ เมื่อวานไปเดินเล่นในสวนหลวงตั้งนาน หลับมาตื่นหนึ่งทั่วร่างก็ปวดเมื่อยไปหมด” อวิ๋นหว่านชิ่นแหวกคอเสื้อให้นางดู “เจ้าดูสิ ยังมีจุดแดงๆ ขึ้นด้วย ไม่เหมือนว่าเดินเยอะเลยนะ ไม่รู้เหมือนกันว่าหลับลึกเกินไปแล้วตกเตียงหรือไปชนตรงไหนเข้าหรือไม่”

ชูซย่ามองไป บนผิวขาวสะอาดเนียนนุ่มของนางมีรอยเป็นจ้ำๆ สีแดงปรากฏขึ้นจางๆ โดยเฉพาะบริเวณซอกคอกับหน้าอก เหมือนปลูกผลเบอร์รี่ในชนบทไว้หลายลูก ชูซย่าหน้าแดงขึ้นทันที รีบเบนหน้าหนี จะได้ไม่ให้นายหญิงพบว่าตนขายชาติเข้าพวกกับศัตรู “จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไรเจ้าคะ บ่าวกับฉีไหวเอินอยู่ข้างนอกกัน ไม่ได้ยินเสียงอันใดเลยนะเจ้าคะ…เมื่อคืนนายหญิงได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวใดหรือไม่เล่า”

“คงเพราะจุดกำยานช่วยนอนหลับจึงได้หลับสนิทเกินไป” อวิ๋นหว่านชิ่นสายหน้า และสงสัยอยู่ไม่น้อย กำยานนั่นมีประสิทธิภาพสามารถสะกดจิตได้อ่อนๆ แต่ไม่ถึงขั้นเป็นยาสลบได้ หากไปชนตรงไหนเข้าจริงๆ เหตุใดปฏิกิริยาตอบสนองสักนิดจึงไม่มีเลยเล่า

“เอ๊ะ” ชูซย่าเอ่ยขัดขึ้น “เป็นฝันหรือไม่เจ้าคะ บางครั้งบ่าวพลิกตัวไปมานอนหลับไม่สบาย วันรุ่งขึ้นตื่นมาก็ปวดเนื้อปวดตัวไปหมดเหมือนกัน”

นางถูกถามจนนิ่งอึ้งไป มีอาการกินปูนร้อนท้องอยู่เล็กน้อย เมื่อคืน…คล้ายว่าจะฝันอย่างอ่อนโยนหอมหวานจริงๆ เหมือนว่ามีคนมากอดนางไว้ แทบอยากจะกอดจมเข้าไปในกระดูกอยู่แล้ว มือซุกซนลูบไล้ไปทั่วร่างนางอวดความเก่งกาจไม่หยุดหย่อน

เป็นแม่คนแล้ว ฝันวาบหวิวของเด็กสาวเช่นนี้จะให้พูดออกไปได้อย่างไร

ชูซย่าเห็นนางไม่ได้ไล่ต้อนถามอีกก็แล่บลิ้นออกมา เมื่อคืนก่อนท่านอ๋องจะออกไปได้กำชับไว้ว่าให้นางอย่าเพิ่งบอกนายหญิง ที่แท้นึกไม่ถึงว่าจะทำเรื่องชั่วร้ายเช่นนี้ นางคิดๆ พลางวิ่งไปยังข้างกระถางกำยาน กำยานช่วยให้นอนหลับเมื่อคืนมอดหมดแล้ว จึงเติมอีกก้านเข้าไป

“วันนี้ข้าไม่ใช้อันนี้” อวิ๋นหว่านชิ่นสงสัย วันนี้นางแปลกๆ นะ สิ่งที่ควรจะเอาใจใส่ไม่เอาใจใส่ ที่ไม่ควรใส่ใจกลับลงมือไปทำเอง

ชูซย่าลุกขึ้น แกล้งทำเป็นงุนงงทั้งๆ ที่รู้แจ้งแก่ใจ “เอ๋ ไม่ใช้หรือ บ่าวเห็นว่ากำยานอันนี้ใช้ดี วันนี้นายหญิงใช้ต่อดีหรือไม่เจ้าคะ…” ท่านอ๋องเหมือนจะได้คืบแล้วจะเอาศอก เห็นหอเหยาไถเป็นสวนดอกไม้ท้ายจวนของตัวเองไปแล้ว คืนนี้ยังจะมาหานายหญิงอีก ได้สั่งไว้ว่าให้จุดกำยานอันนี้อีก

ก่อนหน้านี้ชูซย่ายังไม่เข้าใจ ยามนี้แจ่มแจ้งยิ่ง เขาลงมือสะดวกน่ะสิ

บอกแล้วว่าองค์ชายสามผู้นี้ดูๆ แล้วเหมือนเงียบๆ ไม่ค่อยพูด แต่ความจริงแล้วเจ้าเล่ห์มากแผนการไม่น้อย ชูซย่าแอบกลืนน้ำลายอยู่เงียบๆ

อวิ๋นหว่านชิ่นเห็นสีหน้านางเดี๋ยวแดงเดี๋ยวม่วง ก็ยิ่งสงสัยหนักกว่าเดิม แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ทำเพียงล้างหน้าเปลี่ยนชุด ลุกขึ้นทานมื้อเช้า

เพิ่งจะรับมื้อเช้าเสร็จ แม่นมก็อุ้มบัวลอยน้อยมาหา บัวลอยน้อยที่เพิ่งจะกินมื้อเช้าเสร็จมีชีวิตชีวาเป็นพิเศษ พูดออกมาได้หลายคำ พอเข้ามาก็กางแขนเข้าสู่อ้อมอกมารดา แม่นมถือโอกาสประจบว่า “ดูสิเพคะองค์ชายรองยิ่งติดนายหญิงมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว เมื่อวานกลับจากห้องเหม่ยเหรินไป ตอนกลางคืนก่อนนอนก็หักใจไม่ไหว ศีรษะน้อยๆ มองไปด้านนอกเพื่อหามารดาแหน่ะ”

——————-

[1] ชุ่น (หน่วยวัดจีน) นิ้ว

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด