ยอดหญิงอันดับหนึ่ง 262.2 ขึ้นครองราชย์ (2)

Now you are reading ยอดหญิงอันดับหนึ่ง Chapter 262.2 ขึ้นครองราชย์ (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ทั้งฉลาดทั้งกล้าหาญ สมกับเป็นลูกชายตน

บัวลอยน้อยเห็นมีคนบุกเข้ามากลางค่ำกลางคืน หลังจากตกใจแล้ว แขนขาวๆ สะบัดไปมา อือๆ อาๆ กำลังจะร้องออกมา ซย่าโหวซื่อถิงเดินเข้าไปหาสองสามก้าว อุ้มเขาขึ้นมา ปิดปากบัวลอยน้อยไว้ ดวงตาแฝงไว้ด้วยรอยยิ้ม กระซิบตำหนิเสียงเบาว่า “นกฮูกน้อย ยังไม่นอนอีก”

ก้อนนุ่มนิ่มเจือด้วยกลิ่นนมธรรมชาติ ทำให้เขากลัวว่าเสื้อผ้าตัวเองจะขูดลูกเอา และกลัวว่าเสียงจะดังไปทำให้ลูกตกใจ

ตัวน้อยในอ้อมอกถูกคนแปลกหน้าที่มาเยือนอุ้มขึ้นมา แม้ดวงตาจะเบิกกว้างกว่าเดิม แต่ก็ไม่ได้หวาดกลัว ไว้หน้ากันมากทีเดียว ซบอยู่ในอกบุรุษคนนั้นอย่างเงียบงัน พินิจมองเขาอย่างสดชื่น

“เจ้าชื่อบัวลอยน้อยหรือ” เขาขยับไปใกล้ข้างหูเด็กน้อย หรี่ตาลงอย่างไม่ค่อยพอใจ “เดี๋ยวพ่อค่อยตั้งชื่อจริงที่น่าเกรงขามให้เจ้าเอง”

บัวลอยน้อยจ้องเขานิ่งอย่างสนใจใคร่รู้ เหมือนเข้าใจในสิ่งที่เขาพูด อ้าปากออกบ่งบอกว่าตัวเองชื่อบัวลอยน้อยจริงๆ เห็นเขาส่งเสียง ‘ชู่’ ก็เข้าใจที่เขาบอก มืออ้วนป้อมน้อยๆ ปิดปากตัวเองไว้ ไม่ให้เสียงเปล่งออกมา

ลูกชายเอาใจพ่อนัก เขาหัวเราะออกมาอย่างไร้เสียง บีบลูกน้อยยอดดวงใจที่เงียบงันในอ้อมอกซึ่งถูกเลี้ยงดูมาอย่างดี รักไม่ยอมวาง แล้วมองเงาร่างวับแวมที่อยู่ในม่านผืนบางไม่ไกลกันนักแวบหนึ่ง เด็กตัวน้อยผิวขาวดุจหยกเช่นนี้ นางคลอดเขาออกมาได้อย่างไร แล้วเลี้ยงให้โตเพียงนี้ได้อย่างไร

“เรียกพ่อหน่อยเร็ว” เขาหลอกล่อให้พูด

บัวลอยน้อยไม่ตกหลุมพราง คำว่าพ่อจะเอามาเรียกเล่นๆ ได้หรือ ท่านเป็นใคร เหมือนว่าพวกเราเพิ่งจะเคยเจอกันครั้งแรกเองนะ กระทั่งลูกอมยังไม่ให้สักเม็ด ให้เรียกลุงยังไม่ได้เลย

เขาก็ไม่ไปบังคับ ภายหน้ายังมีเวลา ไม่เรียกตนว่าพ่อยังจะเรียกคนอื่นได้อีกหรือ เขาวางบัวลอยน้อยกลับลงบนเตียง ห่มผ้าห่มให้ วันนี้มีเด็กน้อยอยู่ด้วย ก็ไม่สะดวกเข้าใกล้นางผู้เป็นที่รักแล้ว เขาโน้มตัวลงสะกิดจมูกลูก “ไอ้หนู ทำลายเรื่องดีๆ ของพ่อเสียแล้ว”

แล้วก็หักใจจากไปไม่ได้ แต่ก็จำต้องปลีกตัวไป เพิ่งจะเดินไปได้สองก้าว ด้านหลังก็มีเสียงฮึมฮัมดังขึ้น เขายังไม่ทันได้ตอบสนอง เด็กน้อยบนเตียงเด็กก็ชิงร้องไห้ออกมา แม้เสียงร้องจะไม่ดัง แต่ก็เพียงพอจะทำให้คนในห้องตื่นขึ้นได้

เขาแอบยิ้มขื่นในใจ เร่งฝีเท้าเดินไป แต่มีเสียงดังลอยมาจากหลังว่า “ข้าเลี้ยงมานานเพียงนี้ยังไม่เคยได้ยินบัวลอยน้อยเรียกแม่สักคำ ท่านไม่ได้เลี้ยงเลยสักวัน มาถึงก็จะชุบมือเปิบให้บัวลอยน้อยเรียกท่านว่าพ่อแล้วหรือ ฝันไปเถอะ!”

ฝีเท้าเขาหยุดชะงัก หันหลังกลับไป คนบนเตียงคลุมชุดนอนผืนบางอันอ่อนนุ่มไว้ นั่งอยู่บนเตียง ผิวขาวราวหิมะอาจเพราะอารมณ์ไม่คงที่จึงได้แดงระเรื่อ น้ำเสียงแฝงไว้ด้วยความโกรธ

ตอนบัวลอยน้อยตื่นขึ้นมากลางดึก อวิ๋นหว่านชิ่นก็ตื่นแล้ว แต่ยังไม่ทันลุกไปอุ้มลูก ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเดินเข้ามา จึงได้รีบแกล้งหลับต่อ เป็นเขาจริงๆ ด้วย ดูท่าแล้วเมื่อคืนวานก็เป็นเขาด้วยเช่นกัน

นางคร้านจะไปสนใจเขา จึงเดินไปยังเตียงเด็กด้วยรองเท้านุ่ม เตรียมจะไปปลอบลูก

บัวลอยน้อยหยุดร้องไปนานแล้ว คล้ายสัมผัสได้ถึงบรรยากาศแปลกๆ ภายในห้อง และสัมผัสได้ว่ามารดาอารมณ์ไม่ดี จึงมองซย่าโหวซื่อถิงนิ่งๆ ดูว่าเขาจะปิดฉากอย่างไร

ซย่าโหวซื่อถิงเห็นนางตื่นแล้ว อารมณ์ก็กระเพื่อมไหว ไม่สนใจว่าลูกชายร้องไห้จนน้ำหูน้ำตาไหลเปื้อนหน้า ก้าวเข้าไปกางแขนออกโอบเอวนางไว้ ก้มลงเย้าตรงคอนางว่า “ชุบมือเปิบอันใดกัน ไม่มีการร่วมแรงร่วมมือของข้า เจ้าคนเดียวจะ…”

นางเห็นลูกอยู่ด้วย สีหน้าก็แดงก่ำ ถองศอกใส่ แต่ถองไม่โดนแผ่นอกเขา กลับโดนเขาดึงและโถมไปเต็มอกเขา

ได้พบกันในเวลาสั้นๆ เขาไม่มีเวลาไปง้อมากนัก ไม่รุนแรงและไม่ให้ความร่วมมือ อุ้มนางขึ้นในท่าเจ้าสาว โยนลงเตียงไป

บัวลอยน้อยสูดหายใจเอาลมเย็นๆ เข้าไปเฮือกหนึ่ง กลั้นน้ำตาไว้อย่างให้ความร่วมมือ ดึงผ้าห่มขึ้น มุดหัวเข้าไปหลายชุ่นอย่างเชื่อฟัง ไม่เหมาะสำหรับเด็กเล็ก

เขาหันไปมองนอกม่านเตียงแล้วหัวเราะออกมายกใหญ่ “สมกับเป็นลูกชายข้า!”

ตอนไม่ได้พบเขานางคะนึงหายิ่ง แต่พอได้พบกันแล้วก็น้อยอกน้อยใจ โดยเฉพาะตอนเห็นว่าเขาแอบเข้ามา กระทั่งไม่ส่งเสียงใดออกมาสักคำ นางก็ยิ่งไม่พอใจ เห็นเขาหัวเราะเบิกบานใจเช่นนี้ นางก็ยิ่งมีสีหน้าเย็นชา ผลักใส่คราหนึ่ง หันหน้าหนีไม่มองเขาอีก “ที่นี่เป็นวังหลัง ท่านอุปราชบุกเข้ามาเอิกเกริก เห็นที่นี่เป็นอะไร…”

เขายกมือขึ้นดึงม่านมุ้งบนตะขอทองลงมา

ในชั่วขณะที่ม่านมุ้งร่วงลงมา เขาโน้มกายลง แขนสองข้างจับไหล่ของนาง จับมือของนางกดไว้เหนือศีรษะ “ชิ่นเอ๋อร์ ข้ากลับมาแล้ว ครานี้ ข้าจะไม่ห่างจากพวกเจ้าสองแม่ลูกอีกแล้ว แต่นี้ไป จะมีเพียงเจ้าและลูกที่เกิดจากเจ้าเท่านั้นที่สามารถอยู่ข้างกายข้าได้”

จากกันเกือบสองปี ระหว่างนั้นขมขื่นเพียงใดไม่ต้องพูดให้มาก สุดท้ายกลายเป็นแรงกำลังของเขาที่เต็มเปี่ยม ทำให้วันนี้เขาสามารถบอกนางได้อย่างชัดถ้อยชัดคำ

นางใจกระตุก เขาเป็นคนนิสัยไม่ชอบให้คำมั่นสัญญา คำหวานรื่นหูที่ทำให้สตรีฟังแล้วสบายอกสบายใจอย่างของมู่หรงไท่พวกนั้น แต่ไหนแต่ไรมาเขาไม่เคยพูด…แต่นางก็ยังคงไม่เอ่ยคำใด และไม่ได้หันหน้าไปหา

เขาก้มใบหน้าหล่อเหลาลง ขยับไปใกล้ใบหน้ารูปไข่ของนาง

นางสัมผัสได้ถึงไอร้อนที่เข้ามาใกล้ ในที่สุดก็หันหน้าไป ถลึงตาใส่เขา ใช้มือดันอกเขาไว้ “เมื่อคืนยังไม่พออีกหรือ จึงได้มาอีก”

ในที่สุดก็ทำให้นางตอบสนองและยอมพูดได้แล้ว เขาสบายใจโดยพลัน แต่ก็มีศักดิ์ศรีของลูกผู้ชายที่ต้องปกป้อง จึงขมวดคิ้ว “เมื่อคืนอันใดกัน…”

นางเอาหลักฐานออกมาทันที ดึงคอเสื้อลงกึ่งหนึ่ง บนหน้าอกขาวยังมีรอยจูบสีแดงสดที่ยังไม่จางไป ดวงตาเป็นประกายระยับดั่งผิวน้ำกระเพื่อมไหว มีหมอกควันลอยคลุ้งขึ้น “รอยแบบนี้ไม่มีใครทำออกมาได้อีกแล้ว”

รอยแดงเป็นวงๆ ในซอกคอทำให้เขามองแล้วจมูกแดงเรื่อ เมื่อวานเห็นนางหลับสนิทชวนใจสั่นดั่งพลับพลึงน้ำ ก็อารมณ์พลุ่งพล่าน ยามนี้เห็นคนงามตรงหน้าก็ยิ่งห้ามใจกินลงท้องไม่ได้

ความคะนึงหาสองปี ไม่ได้พบนางยังพอทำเนา แต่พอได้พบแล้ว ไหนเลยจะระงับได้ไหว

พักหนึ่ง เขากลับเงียบงันลง ดึงคอเสื้อนางขึ้น ขยับไปใกล้หูเอ่ยเสียงขรึมว่า “สงบใจรออีกสองสามวัน”

ดวงตาสองข้างของนางที่เมื่อครู่เจือความไม่พอใจพลันสงบลงทันที ซุกตัวเข้าสู่อ้อมอกเขา กอดคอเขาเอาไว้ “ท่านใกล้จะได้เป็นฮ่องเต้แล้ว ใช่หรือไม่”

เขาทำเพียงมองนางนิ่ง กุมมือนางไว้อีกครั้ง เกี่ยวนิ้วกับนาง

แม้จะไม่ได้ตอบ แต่นางกลับรู้ คำตอบคือแน่นอนอยู่แล้ว จึงไม่ได้ถามมากความอีก ดวงใจมีเรื่องหนึ่งข่มไว้นานพลันกระเพื่อมขึ้น กำลังจะถามออกไปกลับได้ยินเสียงชูซย่ากระซิบมาจากนอกม่านว่า “ท่านอ๋อง…แม่นมบอกว่าบัวลอยน้อยจะตื่นมาด้วยความเคยชิน จึงจะมาดูเสียหน่อย บ่าวกลัวว่านางจะสงสัย ซ้ำยังไล่ไปไม่ได้ด้วย…”

ซย่าโหวซื่อถิงเงยหน้าขึ้น เหลือบมองนอกม่านแวบหนึ่ง ไม่ได้พูดอะไร หยัดกายลุกขึ้น จัดเสื้อผ้าให้ดี โอบเอวนางมาสูดดมความหอมจากซอกคอนางลึกเข้าปอด แล้วอาศัยความมืดยามราตรีจากไป

วันรุ่งขึ้น ณ ตำหนักฉือหนิง เจี่ยไทเฮานั่งอยู่บนตำแหน่งหลัก ขมวดคิ้วมุ่น “แอบไปหอเหยาไถจริงๆ รึ”

เบื้องล่าง แม่นมหอเหยาไถคุกเข่าอยู่บนพรม พยักหน้าแต่โดยดี “เพคะ ไปมาสองครั้งแล้ว”

เจี่ยไทเฮาสบตากับหม่าซื่อที่อยู่ข้างกายแวบหนึ่ง รู้ตั้งนานแล้วว่าเจ้าสามไหนเลยจะเชื่อฟังเพียงนั้น ดังนั้นจึงให้แม่นมที่อยู่ข้างกายบัวลอยน้อยแอบจับตาดูไว้ตั้งแต่เจ้าสามมาพักอยู่ในวัง เป็นไปดังคาด แอบไปหาจริงๆ ด้วย

เจี่ยไทเฮาก็เคยเป็นสาวมาก่อน เข้าใจดีถึงความลุ่มหลงระหว่างชายหญิง สองคนนี้ห่างกันนานเพียงนี้ คนหนึ่งสาวสะพรั่ง อีกคนกระฉับกระเฉงทรงพลัง ข่มไม่ไหวก็เป็นเรื่องธรรมดา แต่ว่า จะยังไม่พูดถึงความสัมพันธ์ยามนี้ของทั้งคู่ กฎของวังหลวงอย่างไรเสียก็ไม่อาจมีไว้เพื่อประดับได้

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด