ยามดอกวสันต์ผลิบาน 419 เงื่อนไข

Now you are reading ยามดอกวสันต์ผลิบาน Chapter 419 เงื่อนไข at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

โจว​เสาจิ่น​เงยหน้า​ขึ้น​มาอย่าง​ประหลาดใจ​ ดวง​หน้า​ยัง​เปียกชุ่ม​ด้วย​หยาด​น้ำตา​

เฉิงฉือ​ยิ้ม​น้อย​ๆ พลาง​ใช้หัวแม่มือ​ช่วย​เช็ด​น้ำตา​บน​ใบหน้า​ให้​นาง​ กล่าว​ด้วย​น้ำเสียง​อบอุ่น​ว่า​ “เจ้าดู​สิ เพื่อให้​ข้า​ชื่นชอบ​ แม้แต่​เรื่อง​ที่​เจ้าไม่ชอบ​ที่สุด​เจ้าก็​ยัง​อดทน​ได้​ ข้า​ก็​เหมือนกัน​ ข้า​ก็​อยาก​ให้​เจ้าชื่นชอบ​ เมื่อ​อยู่​กับ​ข้า​ เวลา​ที่​อยาก​หัวเราะ​ก็​หัวเราะ​ เวลา​ที่​อยาก​ร้องไห้​ก็​ร้องไห้​ เวลา​ที่​อยาก​ทำ​อะไร​ก็​ทำ​ไป​ เวลา​ที่​ไม่อยาก​ทำ​อะไร​ก็​ปฏิ​เสธ… ใช้ชีวิต​ตามใจ​ปรารถนา​… เวลา​ที่​ไม่พอใจ​แล้ว​เตะ​ข้า​ที​หนึ่ง​นับ​เป็นเรื่อง​อะไร​กัน​”

เป็น​เช่นนี้​จริง​หรือ​

นาง​มีชีวิต​อยู่​มาสอง​ชาติ​ภพ​ ล้วน​มีแต่​เวลา​ที่​ต้อง​กล้ำกลืน​ฝืนทน​มากมาย​

แต่​เมื่อ​ใคร่ครวญ​ดู​แล้ว​ ก็​เป็น​เช่นนี้​จริงๆ​

เพราะ​รู้​ว่า​เฉิงฉือ​ตามใจ​นาง​ ดังนั้น​นาง​จึงทำ​ตามอำเภอใจ​โดย​ไม่เกรงกลัว​เมื่อ​อยู่​ต่อหน้า​เขา​ได้​

เวลา​ที่​นาง​อยู่​ต่อหน้า​เขา​ ก็​มักจะ​อยาก​ทำ​อะไร​ก็​ทำ​อย่างนั้น​มิใช่หรือ​

ไม่ว่า​นาง​จะมีท่าที​เช่นไร​ ท่าน​น้า​ฉือ​ก็​มักจะ​ดี​กับ​นาง​เช่น​เดิม​… ดู​ที​แล้ว​ต่อให้​ท่าน​น้า​ฉือ​รู้เรื่องราว​ใน​ชาติก่อน​ของ​นาง​ ก็​ยัง​ชื่นชอบ​นาง​อยู่​เหมือนเดิม​ ยัง​บอ​กว่า​อยาก​จะแต่งงาน​กับ​นาง​อีก​… นาง​ควร​ตระหนัก​ได้​ตั้งแต่แรก​ถึงจะถูก​… เป็น​นาง​เอง​ที่​มีปม​ใน​ใจ มักจะ​ระแวง​สงสัย​และ​ไม่ยอมรับ​… ท่าน​น้า​ฉือ​หลอกล่อ​นาง​เช่นนี้​ เสมือน​หลอกล่อ​เด็ก​คน​หนึ่ง​ อดทน​อดกลั้น​เหลือ​แสน.​.. แต่​คนเรา​มักจะ​มีเวลา​ที่​เหนื่อยล้า​ มาก​ไป​กว่า​นั้น​ท่าน​น้า​ฉือ​มีพรรค​เจ็ด​ดารา​อยู่​ใน​เงามืด​ ซ้ำยัง​ถูก​ท่าน​ผู้นำ​ตระกูล​จาก​จวน​รอง​คอย​หวาดระแวง​เช่นนั้น​อีก​ นาน​วัน​เข้า​ ต่อให้​เป็น​คน​ที่​ทำ​จาก​เหล็กกล้า​ก็​ต้อง​เหนื่อยหน่าย​… ถึงเวลา​นั้น​หาก​ท่าน​น้า​ฉือ​ไม่ชอบ​นาง​แล้ว​นาง​จะทำ​อย่างไร​

นาง​ต้อง​รีบ​โต​เป็นผู้ใหญ่​ถึงจะถูก.​..

แต่​จะโต​เป็นผู้ใหญ่​โดยเร็ว​พลัน​ได้​อย่างไร​

นาง​ไม่รู้​เลย​

นาง​รู้​แต่ว่า​ นาง​ต้อง​เริ่ม​ทำ​ใน​สิ่งที่​เขา​ชื่นชอบ​…อย่างไร​ก็​ไม่มีทาง​ผิดพลาด​แน่นอน​

น้ำตา​ของ​โจว​เสาจิ่น​ร่วง​ลงมา​ราวกับ​สาย​ไข่มุก​ที่​ขาดสะบั้น​ก็​ไม่ปาน​

นาง​จับ​สาบ​เสื้อ​ของ​เฉิงฉือ​ไว้​แน่น​ เป็นครั้งแรก​ที่​เป็น​ฝ่าย​เอา​ดวง​หน้า​แนบชิด​อ้อม​อก​ของ​เขา​ก่อน​

อ้อม​อก​ของ​เฉิงฉือ​อบอุ่น​และ​สะอาดสะอ้าน​อยู่​เสมอ​ ยัง​ได้ยิน​เสียง​หัว​ใจเต้น​ตึก​ตัก​ของ​เขา​อีกด้วย​ หนักแน่น​และ​ทรงพลัง​ ทำให้​นาง​รู้สึก​ผ่อนคลาย​เป็น​อย่างยิ่ง​

ใบ​หู​ของ​โจว​เสาจิ่น​ค่อยๆ​ ขึ้น​สีแดง​เรื่อ​

ครั้น​สงบใจ​ลงมา​แล้ว​ เรื่อง​บาง​เรื่อง​ก็​มิได้​ยาก​ปาน​นั้น​เหมือน​ในจินตนาการ​ของ​นาง​

เฉิงฉือ​ลอบ​พรู​ลมหายใจ​ยาวเหยียด​

ไม่เสียที​ที่​เขา​ทำตัว​ซุกซน​เกเร​ ในที่สุด​เด็กน้อย​ก็​เริ่ม​อิงแอบ​อ้อม​อก​ของ​เขา​แล้ว​

แม้ว่า​เป็นครั้งแรก​ แต่​มีครั้งแรก​ก็​ต้อง​มีครั้ง​ต่อไป​มิใช่หรือ​

เฉิงฉือ​โอบกอด​นาง​เป็นการ​ให้กำลังใจ​ กระซิบ​เสียงทุ้ม​บอก​นาง​ว่า​ “เพียงแต่​เมื่อ​ถึงเวลา​นั้น​อย่า​เตะ​ข้า​ตก​จาก​เตียง​ก็แล้วกัน​นะ​”

“ท่าน​น้า​ฉือ!”​ โจว​เสาจิ่น​ทั้ง​กระดากอาย​และ​ขุ่นเคือง​ ผลัก​เขา​ออก​ไป​ โมโห​จัด​จน​กระทืบเท้า​

จริงๆ​ เลย​… เริ่ม​พูดจา​เลื่อนเปื้อน​อีกแล้ว​… เขา​พูดจา​ดี​ๆ กับ​ตน​บ้าง​มิได้​หรือ​

เฉิงฉือ​ฉวยโอกาส​ถอย​ไป​สอง​ก้าว​ แล้ว​ขำ​พรืด​ยกใหญ่​

ท่าทาง​โกรธเคือง​ของ​เด็กน้อย​ก็​น่ารัก​ดี​เหมือนกัน​

เวลา​ฉุน​โกรธ​ ดวงตา​เบิก​กว้าง​ เป็นประกาย​พราว​ระยับ​ ทว่า​ดวง​หน้า​ของ​นาง​กลับ​ย้อม​ด้วย​สีแดง​ระเรื่อ​จน​เปล่งปลั่ง​หา​ใด​เปรียบ​ปาน​

เขา​ก้าว​เข้าไป​โน้ม​กาย​จุมพิต​กระหม่อม​ของ​นาง​

ดวง​หน้า​ของ​โจว​เสาจิ่น​แดงเถือก​ยิ่งขึ้น​

แต่​มิได้​ตั้งท่า​วิ่งหนี​เหมือน​อย่าง​แต่ก่อน​

นี่​ก็​นับว่า​มีพัฒนาการ​แล้ว​ใช่หรือไม่​นะ​

เฉิงฉือ​รู้สึก​ปลาบปลื้ม​ยินดี​เล็กน้อย​

ทว่า​ข้างนอก​ประตู​กลับ​มีเสียง​ลังเล​ของ​ไหว​ซาน​ดัง​ขึ้น​มาว่า​ “นาย​ท่าน​สี่ จื่อ​อัน​กลับมา​แล้ว​ขอรับ​”

เฉิงฉือ​ระบาย​ยิ้ม​พลาง​ลูบ​ศีรษะ​ของ​โจว​เสาจิ่น​ กระซิบ​ว่า​ “นั่งลง​ตรงนี้​ดี​ๆ ได้​หรือไม่​”

โจว​เสาจิ่น​พยักหน้า​อย่าง​ขวยเขิน​

เป็นครั้งแรก​ที่​นาง​ฟังเฉิงฉือ​พูดคุย​ธุระ​

โจว​เสาจิ่น​จัด​ชุด​เครื่อง​ชาอย่าง​เป็นกังวล​เล็กน้อย​

เฉิงฉือ​ไป​ที่​ห้อง​ชั้นนอก​

ฉิน​จื่อ​อัน​เดิน​เข้ามา​ด้วย​ท่าทาง​เหนื่อยล้า​จาก​การ​เดินทาง​

เขา​ประสานมือ​คารวะ​เฉิงฉือ​ แล้ว​พลัน​พบ​ว่า​โจว​เสาจิ่น​ก็​อยู่​ใน​ห้อง​ด้วย​

ฉิน​จื่อ​อัน​เหลือบมอง​เฉิงฉือ​ครั้งหนึ่ง​

เห็น​เฉิงฉือ​นั่งลง​หน้า​โต๊ะเขียนหนังสือ​โดย​ไม่ใส่ใจ

เขา​ยิ้ม​หัวใน​ใจ แล้ว​รายงาน​สถานการณ์​ให้​เฉิงฉือ​ฟังด้วย​ความ​นอบน้อม​เหมือนปกติ​ว่า​ “เนื่องจาก​หลักฐาน​ใน​มือ​ของ​ฮูหยิน​หยวน​นั้น​แน่นหนา​ อีก​ทั้ง​มีท่าที​แข็งขัน​ หนำซ้ำ​ยัง​ส่งคน​ไป​ถงเซียง​เชิญนาย​ท่าน​ตระกูล​หยวน​มาช่วย​มอบ​ความเป็นธรรม​อีกด้วย​ขอรับ​ ท่าน​ผู้นำ​ตระกูล​จาก​จวน​รอง​เห็น​ฮูหยิน​หยวน​ค่อนข้าง​ดึงดัน​โดย​ไม่สนใจ​อะไร​ทั้งสิ้น​ รู้​ว่า​ยิ่ง​พูด​ไป​ก็​เปล่าประโยชน์​ จึงส่งคน​ไป​บอก​ฮูหยิน​ผู้เฒ่า​ว่า​ จะแยก​ตระกูล​ก็ได้​ แต่​จวน​หลัก​ต้อง​แยก​ออก​ไป​ ที่ดิน​และ​ผืน​นา​ของ​บรรพชน​ใน​จิน​ห​ลิง​จะตกเป็นของ​จวน​รอง​ เรือน​ที่​จิงเฉิงแบ่ง​ให้​จวน​หลัก​…” กล่าวถึง​ตรงนี้​ เขา​ก็​ตวัดสายตา​มอง​โจว​เสาจิ่นที​หนึ่ง​พลาง​กล่าวว่า​ “จากนั้น​จวน​หลัก​ต้อง​มอบ​เงิน​สามล้าน​เหลี่ยง​แก่​จวน​รอง​และ​จวน​สามขอรับ​…”

โจว​เสาจิ่น​ตกใจ​สะดุ้ง​ตัว​โหยง​

สามล้าน​เหลี่ยง…​อยาก​จะให้​เฉิงฉือ​เป็น​วัว​เป็น​ม้าให้​พวกเขา​ตลอดไป​อย่างนั้น​หรือ​

นาง​อยาก​จะกระโดด​ออก​ไป​ปฏิเสธ​โดยสัญชาตญาณ​ แต่​ฉิน​จื่อ​อัน​อยู่​ใน​ห้อง​ ประเดี๋ยว​นาง​จะต้อง​คุย​เรื่อง​นี้​กับ​เฉิงฉือ​อีกที​

ทว่า​สีหน้า​ของ​เฉิงฉือ​กลับ​สงบนิ่ง​เป็นอย่างมาก​ ราวกับ​เฉิงซวี่​จะเอ่ย​เงื่อนไข​เช่นไร​ออกมา​เขา​ก็​รู้ดี​แต่แรก​แล้ว​

เขา​เพียง​เอ่ย​ถามฉิน​จื่อ​อันว่า​ “ฮูหยิน​ผู้เฒ่า​กับ​หยวน​ซื่อ​ว่า​อย่างไรบ้าง​”

“ฮูหยิน​ผู้เฒ่า​ไม่ได้​ว่า​อะไร​เลย​ขอรับ​” เห็นได้ชัด​ว่า​ฉิน​จื่อ​อัน​ก็​คิด​ว่า​เงื่อนไข​นี้​มากเกินไป​ น้ำเสียง​ค่อนข้าง​อัดอั้นตันใจ​เล็กน้อย​ กล่าวว่า​ “เพียง​ให้​ข้า​แจ้งเรื่อง​นี้​แก่​ท่าน​ ส่วน​หยวน​ซื่อ​ไม่ยินยอม​ขอรับ​ บอ​กว่า​ตระกูล​เฉิงมีเรือน​ทั้งหมด​ใน​จิงเฉิงเพียง​สามหลัง​ หลัง​หนึ่ง​อยู่​ซอย​ซิ่งหลิน​ หลัง​หนึ่ง​อยู่​ซอย​ซวงอวี๋​ และ​อีก​หลัง​อยู่​ย่าน​ประตู​เฉาหยาง​ ใน​ทั้ง​สามเรือน​นี้​ เรือน​ที่​ซอย​ซิ่งหลิน​เป็น​เรือน​ที่​จื้อกง​ท่าน​ผู้นำ​ตระกูล​จาก​จวน​หลัก​ของ​พวกเรา​ซื้อ​ไว้​ใน​ตอนนั้น​ เรือน​ที่​ซอย​ซวงอวี๋​เป็น​สินเดิม​ของ​นาย​หญิง​ผู้เฒ่า​ของ​นาย​ท่าน​ผู้เฒ่า​รอง​ ส่วน​เรือน​ที่​ย่าน​ประตู​เฉาหยาง​เป็น​เรือน​ที่​ฮูหยิน​ผู้เฒ่า​ซื้อ​ด้วย​เงิน​ส่วนตัว​ ไม่มีเรือน​ใด​เกี่ยวข้อง​กับ​ตระกูล​เฉิงเลย​ทั้งสิ้น​ ตอนนี้​เฉิงสือ​กับ​เฉิงเจิ้งทำผิด​ จวน​รอง​กับ​จวน​สามทำ​เช่นนี้​ยัง​มีเหตุผล​อยู่​หรือ​ ทรัพย์สิน​มรดก​ทั้งหมด​ที่​บรรพบุรุษ​ทิ้ง​ไว้​ให้​ล้วน​เป็น​ของ​จวน​รอง​ ไม่อยาก​เชื่อ​ว่า​จวน​หลัก​ต้อง​แยก​ตระกูล​ออก​ไป​ตัวเปล่า​ ไม่มีเรื่อง​ที่ต่ำ​ช้ำเยี่ยง​นี้​หรอก​!…

…ฮูหยิน​หยวน​ยัง​กล่าว​อี​กว่า​ ถ้าหาก​ต้องการ​คิดบัญชี​ เช่นนั้น​ก็​คิด​ให้​ชัดเจน​แล้วกัน​…

…จวน​รอง​กับ​จวน​หลัก​ได้​แบ่ง​จวน​ภายใต้​การกำกับ​ของ​บรรพชน​มานาน​แล้ว​ ทรัพย์สิน​ของ​แต่ละ​จวน​ย่อม​เป็น​ของ​จวน​นั้นๆ​ เป็นธรรมดา​ ทรัพย์สิน​ส่วนรวม​ก็​มีเพียง​ที่นา​เท่านั้น​…

…จวน​หลัก​เป็น​ทายาท​สาย​ตรง​ ทั้ง​มิได้​อุ้ม​กลับ​มาจาก​ซอก​มุมใด​เลย​ทั้งสิ้น​ เหตุใด​ที่นา​นี้​ถึงได้​ตกเป็นของ​จวน​รอง​เล่า​ ต่อให้​ยื่น​คดี​นี้​ถึงองค์​ฮ่องเต้​ จวน​หลัก​ก็​ถือว่า​มีเหตุผล​ ยิ่ง​มิต้อง​พูดถึง​อยาก​ให้​จวน​หลัก​มอบ​เงิน​สามล้าน​เหลี่ยง​แก่​จวน​รอง​เลย​…

…เห็นได้ชัด​ว่า​จวน​รอง​ไม่อยาก​แยก​ตระ​กู​ล.​..

…อย่างไรก็ตาม​ หาก​ไม่แยก​ตระกูล​จวน​รอง​กับ​จวน​สามก็​เอาแต่​คิด​จะวาง​อุบาย​ให้​คุณชาย​ใหญ่​สวี่​ตกหลุมพราง​ จะได้​ควบคุม​คุณชาย​ใหญ่​สวี่​ให้​เขา​อย่า​ได้คิด​จะเป็น​คน​ที่​ดี​พร้อม​ไป​ตลอดชีวิต​ แทนที่จะ​รอ​ให้​ถึงเวลา​นั้น​ทำลาย​ชื่อเสียง​ให้​ป่นปี้​ไม่สู้ฉวยโอกาส​ตอนที่​คุณชาย​ใหญ่​สวี่​ยัง​มีอายุ​น้อย​ จะได้​ใช้ข้อ​อ้างว่า​ ‘เด็กหนุ่ม​ไม่รู้ความ​’ เล่น​ละคร​ ‘บุตร​เสเพล​กลับใจ​มีค่า​มากกว่า​ทองคำ​’ ฉาก​หนึ่ง​ได้​ ตอนนี้​จึงต้อง​ดำเนินเรื่อง​นี้​ให้​ถึงที่สุด​ ทำให้​ทุกคน​รู้​ว่า​คุณชาย​ใหญ่​สือ​ของ​จวน​รอง​เป็น​คน​เช่นไร​ คุณชาย​ใหญ่​เจิ้งของ​จวน​สามกับ​คุณหนู​เจีย​ล่อลวง​ญาติ​ที่​เกี่ยวดอง​ไป​ติดกับ​อย่างไร​ ทำให้​ทุกคน​เห็น​หน้าตา​ที่​แท้จริง​ของ​ตระกูล​เฉิงใน​เมือง​จิน​ห​ลิง​ ถึงเวลา​นั้น​จวน​หลัก​จะขาย​ที่ดิน​ใต้​นาม​ตนเอง​ แล้ว​ย้าย​ทุกอย่าง​ไป​จิงเฉิง จะแยก​หรือไม่​แยก​ตระกูล​นั้น​เกี่ยว​อะไร​ด้วย​เล่า​”

กล่าวถึง​ตรงนี้​ เขา​ก็​ชำเลือง​มอง​เฉิงฉือ​แวบ​หนึ่ง​ ทว่า​ใน​ใจกลับ​อด​วิพากษ์​ไม่ได้​

จะแยก​ตระกูล​จริงๆ​ หรือไม่​นั้น​ไม่เกี่ยวกับ​จวน​หลัก​สัก​เท่าใด​ ยัง​ได้​ลาก​จวน​รอง​เข้าสู่​เรื่อง​พิพาท​ขัดแย้ง​ ทำให้​เฉิงสือ​ไม่มีกะ​จิต​กะ​ใจเล่าเรียน​ ครั้น​ลาก​เฉิงซวี่​จนถึง​ความตาย​แล้ว​ ถึงเวลา​นั้น​จวน​รอง​ก็​กลายเป็น​เนื้อ​ปลา​บน​เขียง​แล้ว​ละ​

แต่​มิอาจ​ขัด​นาย​ท่าน​สี่ที่​ต้องการ​แยก​ตระกูล​ได้​!

หาก​ไม่แยก​ตระกูล​ นาย​ท่าน​สี่จะแต่งงาน​กับ​คุณหนู​รอง​ตระกูล​โจว​ได้​อย่างไร​

เกรง​ว่า​ฮูหยิน​ผู้​ฒ่าคงจะ​มอง​เรื่อง​นี้​ออก​เหมือนกัน​ ดังนั้น​จึงโยน​เรื่อง​นี้​ให้​นาย​ท่าน​สี่ไป​โดย​ไม่เอ่ย​แย้ง​คำ​ใด​ คล้าย​จะสื่อ​ว่า​ใคร​ก่อเรื่อง​วุ่นวาย​ขึ้น​มาผู้​นั้น​ก็​หา​ทางแก้ไข​เอง​อย่างไร​อย่างนั้น​

ไม่คาดคิด​ว่า​เมื่อ​ถึงเวลา​สำคัญ​ฮูหยิน​หยวน​จะร้ายกาจ​ยิ่งนัก​

คิด​การ​เดินหมาก​เช่นนี้​ออกมา​ได้​

ไม่รู้​ว่า​นาย​ท่าน​สี่จะโกรธ​จน​หน้าดำหน้าแดง​หรือไม่​

โจว​เสาจิ่น​ก็​มอง​ไป​ทาง​เฉิงฉือ​เหมือนกัน​

นาง​ได้ยิน​แล้วก็​เข้าใจ​ทันที​

จวน​รอง​ไม่ได้คิด​จะแย่งชิง​พรรค​เจ็ด​ดารา​กับ​จวน​หลัก​อยู่แล้ว​ เพราะฉะนั้น​จึงต้องการ​ให้​จวน​หลัก​ชดเชย​ให้​พวกเขา​เป็น​เงิน​สามล้าน​เหลี่ยง​ใน​คราว​เดียว​

แต่​นั่น​มิใช่เพราะ​จวน​รอง​ไม่มีคน​รับช่วง​ดูแล​พรรค​เจ็ด​ดารา​ได้​หรอก​หรือ​

นอกจากนี้​ต่อให้​จวน​หลัก​ยก​พรรค​เจ็ด​ดารา​ให้​จวน​รอง​จริง​ จวน​รอง​ถือ​อยู่​ใน​มือ​แล้​วจะ​ทำประโยชน์​อะไร​ได้​

กล่าว​ไป​กล่าว​มา ก็​เป็น​ท่าน​น้า​ฉือ​ที่​ยัง​ต้อง​ดูแล​พรรค​เจ็ด​ดารา​มิใช่หรือ​!

นี่​ช่างสมกับ​การโยน​โครง​ไก่​ให้​ท่าน​น้า​ฉือ​แล้ว​ยัง​ต้องการ​ให้​ท่าน​น้า​ฉือ​ยอมรับ​ว่า​นั่น​เป็น​ไก่​ตัว​หนึ่ง​อย่างไร​อย่างนั้น​

จวน​รอง​ดีดลูกคิด​นี้​ได้​ช่ำชอง​เกินไป​แล้ว​

เสมือน​คนอื่น​ล้วน​เป็น​คน​โง่งม

ท่าน​น้า​ฉือ​จะต้อง​ไม่ตกลง​เป็นแน่​

ทว่า​ใคร​จะรู้​ว่า​เฉิงฉือ​กลับ​เลิกคิ้ว​ขึ้น​พลาง​หัวเราะ​ขึ้น​มา กล่าวว่า​ “เห็นที​ว่า​เมื่อ​ถึงเวลา​สำคัญ​พี่สะใภ้​ใหญ่​ของ​ข้า​ท่าน​นี้​ก็​ยัง​มีประโยชน์​มาก​ เพียงแต่​ไม่รู้​ว่า​ความคิด​นี้​นาง​เป็น​คน​เสนอ​เอง​ หรือว่า​นาย​ท่าน​ตระกูล​หยวน​เป็น​ผู้เสนอ​”

ฉิน​จื่อ​ผิง​เอง​ก็​ไม่รู้​เหมือนกัน​ ตอบ​ไป​ตามตรง​ว่า​ “นาย​ท่าน​ตระกูล​หยวน​พา​ที่ปรึกษา​ตระกูล​มาทั้งหมด​ห้า​ท่าน​ ว่า​กัน​ว่า​สามท่าน​ใน​นั้น​ต่าง​มีตำแหน่ง​เป็น​ผู้ช่วย​ส่วนตัว​ด้าน​กฎหมาย​ขอรับ​”

เฉิงฉือยก​ยิ้ม​พลาง​พยักหน้า​ กล่าวว่า​ “ข้า​ก็​รู้​ แม้นาย​ท่าน​ตระกูล​หยวน​มิได้​มีประวัติ​รับราชการ​ที่​น่าภาคภูมิใจ​นัก​ แต่​สุดท้าย​ก็​เป็น​บุตรชาย​จาก​ตระกูล​ขุนนาง​ชั้นสูง​คน​หนึ่ง​ คงจะ​ไม่ขาด​ความรู้​ประสบการณ์​และ​เล่ห์เหลี่ยม​สัก​เท่าใด​ถึงจะถูก​” และ​ถามอี​กว่า​ “ท่าน​ผู้นำ​ตระกูล​จาก​จวน​รอง​ว่า​อย่างไร​”

ฉิน​จื่อ​ผิง​ก็​คลี่​ยิ้ม​พลาง​ตอบ​ว่า​ “ท่าน​ผู้นำ​ตระกูล​จาก​จวน​รอง​บอ​กว่า​ ตระกูล​เฉิงถึงคราว​ที่​แม่ไก่​ขัน​แต่เช้า​ตั้งแต่​เมื่อใด​! ถ้าหาก​นาย​ท่าน​ใหญ่​ไม่ว่าง​ ก็​เชิญนาย​ท่าน​สี่กลับมา​สักครั้ง​!”

เฉิงฉือ​หัวเราะ​ร่วน​ กล่าว​กับ​ฉิน​จื่อ​ผิง​ว่า​ “เช่นนั้น​เจ้าก็​กลับ​ไป​บอก​ท่าน​ผู้นำ​ตระกูล​จาก​จวน​รอง​ว่า​ ข้า​รู้สึก​ว่า​เรื่อง​แยก​ตระกูล​อะไร​ ทำให้​ดู​ไม่ค่อย​รักใคร่​สามัคคี​กัน​เกินไป​แล้ว​ จวน​หลัก​ของ​พวก​ข้า​ใน​รุ่น​ท่าน​พ่อ​ของ​ข้า​มีสอง​พี่น้อง​ เมื่อ​ถึงรุ่น​ของ​พวก​ข้า​มีสี่พี่น้อง​ คราว​ถึงรุ่น​เจีย​ซาน​ กลับ​มีแค่​สอง​พี่น้อง​ ไม่เหมือนกับ​จวน​รอง​ของ​พวกเขา​ ใน​สามรุ่น​ล้วน​มีแต่​ลูกโทน​ เมื่อ​ถึงรุ่น​ของ​โห​ย่ว​อี้​มีพี่น้อง​สอง​คน​ พอ​ถึงรุ่น​ของ​เกิง​เก​อเอ๋อร์…​ ปี​นี้​โห​ย่ว​อี้​…ถ้าข้า​จำไม่ผิด​ เขา​คงจะ​อายุ​เท่า​ข้า​ ก็​มีบุตรชาย​ทั้งหมด​สอง​คน​ ข้า​เห็น​แล้วก็​รู้สึก​อิจฉา​เหลือเกิน​ นับประสาอะไร​กับ​จะแยก​ตระกูล​ พี่น้อง​อยู่​ด้วยกัน​อย่าง​รักใคร่​กลมเกลียว​กัน​เช่นนี้​ไม่ดี​หรือ​”

ฉิน​จื่อ​ผิง​ได้ยิน​แล้​วอด​พึมพำ​ใน​ใจไม่ได้​

นาย​ท่าน​สี่ท่าน​คง​แสร้ง​พูด​กระมัง​

ถ้าเกิด​ฮูหยิน​หยวน​ตัดสินใจ​ไม่แยก​ตระกูล​เพราะ​การ​เกลี้ยกล่อม​ของ​นาย​ท่าน​ตระกูล​หยวน​ล่ะ​ก็​ ข้า​จะดู​ว่า​ท่าน​จะเสแสร้ง​ต่อไป​อย่างไร​

นัยน์ตา​ของ​เขา​มีรอยยิ้ม​สาย​หนึ่ง​วาบ​ผ่าน​อย่าง​ยาก​จะระงับ​ ขานรับ​อย่าง​นอบน้อม​ว่า​ “เช่นนั้น​ข้า​ก็​จะแจ้งกลับ​ไป​ตามที่​ท่าน​บอก​ขอรับ​”

เฉิงฉือ​โบกมือ​ บุ้ยใบ้​ให้​เขา​ออก​ไป​ได้​แล้ว​

โจว​เสาจิ่น​แย้ม​รอยยิ้ม​ราว​บุปผา​

เฉิงฉือ​ลูบ​จมูก​ของ​นาง​ “ตระกูล​เฉิงไม่แยก​ตระกูล​แล้ว​ เจ้าเลย​ดีใจ​ขนาด​นี้​?”

“ไม่ใช่เจ้าค่ะ​!” ทว่า​พอ​เข้าใจ​ความนัย​แฝงใน​คำพูด​ของ​เฉิงฉือ​แล้ว​ โจว​เสาจิ่น​ก็​เขินอาย​เล็กน้อย​ กล่าวว่า​ “ข้า​เพียง​รู้สึก​ว่า​ท่าน​ผู้นำ​ตระกูล​จวน​รอง​น่ารังเกียจ​เกินไป​แล้ว​เจ้าค่ะ​! โยน​เผือก​ร้อน​ลวก​มือ​หัว​หนึ่ง​ให้​ท่าน​ประหนึ่ง​เป็น​โถเก็บ​สมบัติ​ล้ำค่า​ ซ้ำยัง​กล่าว​อย่าง​สละสลวย​ว่า​เขา​ตัดใจ​ทิ้ง​ไม่ลง​… ท่าน​ไม่ควร​รับ​หมาก​กระดาน​นี้​ของ​เขา​นะ​เจ้าคะ​! สละ​พรรค​เจ็ด​ดารา​ให้​เขา​ไป​เสีย​”

เฉิงฉือ​อุ้ม​นาง​ขึ้น​มาเสมอ​แนว​สายตา​ของ​ตนเอง​ จ้อง​ดวงตา​ดำขลับ​กระจ่าง​ใสของ​นาง​ พลาง​กระซิบ​ยิ้ม​ๆ ว่า​ “นี่​เจ้าจงใจทำให้​ข้า​ขุ่นเคือง​กระมัง​ พวกเขา​ลาก​เรื่อง​นี้​ออก​ไป​แปด​ถึงสิบ​ปี​แล้ว​ค่อย​พูด​เรื่อง​แยก​ตระกูล​กัน​ใหม่​ได้​ แต่​ข้า​รอ​ไม่ได้​… นี่​เจ้าคง​กำลัง​ทำลาย​แผนการ​ของ​ข้า​อยู่​กระมัง​…” ขณะที่​กล่าว​ เขา​ก็​ประทับ​จูบ​ริมฝีปาก​ของ​นาง​เบา​ๆ

………………………………………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด