ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ 81
จิวโมไป๋สลัดเรื่องของเนี่ยฟูหานทิ้งไปก่อน เพราะมีเวลาอีก 2 วัน เขาไปตรวจสอบหัวลูกธนูที่ทำเสร็จพอดี ก่อนที่จะทำการประกอบลูกธนู1,000 ดอกจนเสร็จ ก่อนจะเก็บพวกมันไว้ในมิติเก็บของ
จากนั้นเขาก็หยิบแร่เหล็กสีดำประกายแดงออกมา ทำการถลุง จนเป็นแท่งเหล็ก จากนั้นเขาก็ทำการตีมันจนกลายเป็นมีดสั้น ยาว 10 นิ้ว ที่ปลายมีดมีลักษณะโค้ง ใบมีดเป็นสีดำแดง ดูลึกลับน่ากลัว
จิวโมไป๋เก็บมันเข้าแหวนมิติก่อนที่จะกลับที่พัก เขาก็เห็นเสี่ยวไป๋นอนขี้เกียจบนโซฟา ตาสีเขียวของมันดูTV ไม่กระพริบ มันอยู่ตรงจุดเดิมไม่ขยับตัวไปไหนมาตั้งแต่ตอนที่เขาออกไป
เขาก็ส่ายหัวเบาๆ ก่อนจะทำอาหารอ่อนๆมากิน
“เจ้าเหมียวมากินข้าว”จิวโมไป๋ร้องเรียก
โฮกกกก เสี่ยวไป๋ร้องไม่พอใจแต่ก็ยอมกระโดดมานั่งกิน ความเร็วในการกินของมันมากกว่าปกติหลายเท่า
จิวโมไป๋สั่นหัวเบาๆ ไม่คิดว่าเสือจะติด TV ได้เขาไม่น่าให้มันดูเลย
เมื่อทำความสะอาดเสร็จจิวโมไป๋ก็ปิดTV อุ้มเจ้าเหมียวเข้าห้อง มันร้องตำรามไม่พอใจ พยายามจะสะบัดออก แต่สุดท้ายมันก็แพ้แรง
มันนอนขดตัวร้องคำรามเบาๆ อย่างไม่พอใจอยู่บนเตียง
จิวโมไป๋ไม่สนใจเจ้าเหมียวอีก เขาเริ่มบ่มเพาะจิตวิญญาณหัวใจพิสุทธิ์
เช้าวันต่อมา
จิวโมไป๋กลับมาทำการบ่มเพาะพลัง หลังจากทานอาหารเสร็จ ส่วนเจ้าเหมียวเสี่ยวไป๋ ก็นั่งแหมะอยู่บนโซฟาดู TV เรียกยังไงก็ไม่ยอมลุก
จิวโมไป๋สั่นหัวเบาๆ ก่อนจะเดินมาอยู่ที่ลานโล้งด้านข้างอาคารที่เขาพัก จากนั้นก็ท่องเคล็ดบ่มเพาะเตาหลอม 9 สุริยัน ภายในตำหนักยุทธ ทันทีที่เริ่มท่องเคล็ดบ่มเพาะ เปลวเพลิงนิรันดร์สีเขียวเข้มก็ลุกไหม้ เตาหลอมที่เรือนลางสั่นไหวไปมาอย่างรุนแรง
จิวโมไป๋รู้สึกได้ว่าร่างกายร้อนไปทั้งร่าง อุณหภูมิในร่างพุ่งขึ้นสูงทันที โดยไม่มีทีท่าว่าจะลดลง จิวโมไป๋กัดฟันข่มความเจ็บปวดจนเส้นเลือดดำผุดขึ้นข้างขมับ
เพลิงสีเขียวยังเผาไหม้เตาหลอมอย่างไม่มีทีท่าว่าจะลดลง จิวโมไป๋ได้แต่ผืนพยายามควบคุมมันให้ได้ เขารู้ถึงผลกระทบของการฝืนดูดซับเปลวเพลิงที่มีระดับสูงอยู่แล้ว ทำให้เขาไม่แปลกใจกับความรุนแรงของมัน
เขาค่อยๆลดความร้อนของมันลง โชคดีที่เขามีเลือดของมังกรพายุอัสนี และร่างกายของเขาผ่านการทะลวงขั้นผิวหนังได้สำเร็จ ทำให้พื้นฐานร่างกายแข็งแกร่งเหนือธรรมดา ทำให้ร่างกายไม่ระเบิดทันทีที่เริ่มท่องเคล็ดบ่มเพาะพลัง
เขายังสามารถฝืนควบคุมมันได้
เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ เพลิงนิรันดร์ก็สงบลง จิวโมไป๋ก็ถอนหายใจเฮือกหนึ่งก่อนจะค่อยๆใช้เวลาในการทำความคุ้นเคยกับมัน 1 ชั่วโมง
ขั้นต่อไปเป็นขั้นที่ยากที่สุด เพราะเขาต้องใช้วิชาหลอมกายามังกรเทวะ ในขั้นตอนนี้จะเป็นการดึงขีดจำกัดสุดยอดของร่างกาย เพื่อพัฒนาร่างกาย
ถ้าใช้พร้อมกับเคล็ดบ่มเพาะเตาหลอม 9 สุริยันที่หลอมรวม มันก็เหมือนกับการท้าทายชีวิต แต่ผลลับที่ได้มันจะทวีคูณมากขึ้น การบ่มเพาะพลังเตาหลอม 9 สุริยัน ปกติหลายเท่า
ที่จริงแล้วเขาสามารถบ่มเพาะโดยใช้ตำหนักยุทธหลังอื่นได้ ซึ่งไม่มีปัญหาอะไร เขาสามารถบ่มเพาะขั้นสร้างฐานต่อไปได้
แต่ที่เขายอมเสี่ยงอันตรายมากมาย ก็เพื่อการทะลวงขีดจำกัดขั้นสร้างฐาน ถ้าเขากลัวที่จะตาย เขาคงไม่เริ่มตั้งแต่แรก
เมื่อสงบอารมณ์ได้แล้ว จิวโมไป๋ก็เริ่มกระบวนท่าที่ 1 ของวิชาหลอมกายามังกรเทวะ ทันทีที่เริ่มออกกระบวนท่าร่างกายของจิวโมไป๋ก็เหมือนลูกระเบิด ไอหมอกสีแดงพุ่งออกตามรูขุมขนอย่างน่ากลัว
ใบหน้าของจิวโมไป๋บิดเบี้ยวเต็มไปด้วยความเจ็บปวด และร่างกายที่แดงก่ำไปทั้งร่างก็อ่อนลงไปเล็กน้อย เพราะที่ระเบิดไปเป็นเลือดของเขา
ในตำหนักยุทธเพลิงนิรันดร์ลุกไหม้อย่างบ้าคลั่ง ด้านล่างตำหนักยุทธ หยดน้ำปราณไหลลงทะเลปราณอย่างถี่ยิบ บ่งบอกได้ว่าความเร็วในการบ่มเพาะด้วยวิธีนี้ มากกว่าปกติหลายเท่าจริงๆ
จิวโมไป๋ขบฟันแน่นก่อนจะออกกระบวนท่าที่ 1 จนจบ
จากนั้นก็เริ่มกระบวนท่าที่ 2 หมอกสีเลือดหนาแน่นขึ้นทีละน้อย
จิวโมไป๋ไม่สนใจเขาออกกระบวนท่าต่อไปเรื่อยๆ ยิ่งมากยิ่งรุนแรงดุดัน
จนไปถึงกระบวนท่าที่ 8 หมอกสีแดงเข้มจนน่ากลัว ใบหน้าของจิวโมไป๋ในตอนนี้ซีดเผือก
แต่น่าแปลกที่เลือดที่ออกจากร่าง ไม่กระจัดกระจายไปไหน มันลอยวนเวียนอยู่รอบๆร่างของจิวโมไป๋
“บัดซบ!”จิวโมไป๋ร้องคำรามก่อนจะออกกระบวนท่าที่ 9 ผิวหนังของเขาก็เปล่งประกายสีทอง ก่อนจะหลอมรวมกันจนคล้ายเกล็ดมังกร กระบวนท่าที่ออกทรงพลัง จนอากาศรอบด้านส่งเสียงกรีดร้องราวมังกรคำราม
เสี่ยวไป๋ที่ดู TV อยู่สะดุ้งเฮือกอย่างตกใจ มันมองผ่านหน้าต่างไปที่จิวโมไป๋ที่ตอนนี้ร่างกายห่อหุ้มด้วยเกล็ดสีทอง รอบร่างเต็มไปด้วยหมอกเลือดสีแดงเข้ม เหมือนเทพปีศาจ เสี่ยวไป๋หดร่างหลังโซฟาไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมาอีก
จิวโมไป๋ในตอนนี้เหมือนตกอยู่ในพายุแห่งความบ้าคลั่ง เหมือนในตอนที่สู้กับพวกนักฆ่าอีกครั้ง เขาออกกระบวนท่าโดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น
พริบตาเดียวจบกระบวนท่าที่ 18 แล้วเริ่มใหม่ ยิ่งใช้กระบวนท่ามากขึ้น ยิ่งรุนแรงดุดันทรงพลัง แต่ร่างกายที่ห่อหุ้มด้วยเกล็ดสีทองของจิวโมไป๋ค่อยๆ ปริแตกเต็มไปด้วยบาดแผลแต่เลือดไม่ไหลออกมาจากบาดแผล
และที่น่าแปลกคือหมอกสีเลือดที่ลอยอยู่รอบๆ ถูกดูดซับกลับเข้าร่าง บาดแผลค่อยๆสมานอย่างรวดเร็ว เพียงไม่นานหมอกสีเลือดก็ไม่เหลือ ทำให้บาดแผลเกิดขึ้นเรื่อยๆ ถ้าไม่รีบหยุดร่างกายต้องพังลงก่อนอย่างแน่นอน
จนใช้วิชาหลอมกายามังกรเทวะครบ 3 รอบ ดวงตาที่บ้าคลั่งก็สงบลงเล็กน้อย จิวโมไป๋เหมือนได้สติเขารีบหยุดอย่างรวดเร็ว ก่อนจะหยิบยาเหลวฟื้นฟูพลังที่เหลือไม่กี่ขวดมาดื่มทีเดียว 2 ขวด ก่อนจะนั่งสมาธิและท่องเคล็ดบ่มเพาะจิตวิญญาณหัวใจพิสุทธิ์
จิตใจที่บ้าคลั่นพลันค่อยๆสงบลง
บาดแผลบนร่างกายก็ค่อยๆสมานตัวอย่างช้าๆ
เผ่ามังกรขึ้นชื่อเรื่องพลังในการฟื้นฟูอยู่แล้ว จิวโมไป๋จึงไม่ใช้ยารักษาแผล
เวลาผ่านไป 2 ชั่วโมงจิวโมไป๋ก็ ฟื้นตัวได้ 6 ใน 10 ส่วน ผิวหนังสมานกันอย่างรวดเร็วแต่อวัยวะภายในได้รับบาดเจ็บไม่สามารถฟื้นฟูได้ทันที
จิวโมไป๋ถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขาประมาทไปจริงๆ ไม่คิดเลยว่าสัญชาตญาณมังกร จะทรงพลังขนาดนี้ ที่เขาบ่มเพาะพลังจิตวิญญาณ หัวใจพิสุทธิ์ ก็เพราะมันช่วยทำให้จิตใจสงบและสร้าง หัวใจแห่งสติ ซึ่งมันสามารถต่อต้านความบ้าคลั่งของสัญชาตญาณมังกรได้ แต่เพราะระดับการบ่มเพราะจิตวิญญาณไม่เพียงพอ ทำให้มันไม่ช่วยอะไรมากนัก
จิวโมไป๋นั่งครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งมองเวลา ก็ บ่าย 3 โมง กว่าแล้ว ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะส่ายหัวอย่างหนักใจ การบ่มเพราะเตาหลอม 9 สุริยันเป็นการสร้างภาระให้กับร่างกายจริงๆ คงต้องลดการบ่มเพาะพลังลงและเพิ่มการบ่มเพาะจิตวิญญาณอย่างจริงจังมากขึ้นแล้ว
Comments