ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) 372 ซุปโสม

Now you are reading ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) Chapter 372 ซุปโสม at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 372

ซุปโสม

มู่หรงจ้องไปที่หลินหยางแล้วจึงพูดแผ่วเบากับสาวงามที่นั่งอยู่ที่พื้น “ทุกคนลุกขึ้นได้แล้ว!”

“ขอบพระทัยเพคะ” สาวงามทั้งหมดที่นั่งอยู่ที่พื้นต่างก็มีความรู้สึกผสมปนเปกันไปหมด โดยเฉพาะหลิวจือหลิง เธอคิดว่าหลังจากเรื่องเมื่อคืน ถึงแม้เธอจะเทียบกับพระมเหสีไม่ได้แต่อย่างน้อยเธอก็น่าที่จะได้ความสนใจจากองค์จักรพรรดิบ้าง ไม่คิดเคยเลยว่าองค์จักรพรรดิจะไม่มองเธอเลยด้วยซ้ำ คนอื่นๆยังดีกว่าเพราะพวกนางยังไม่เคยเจอ ดังนั้นความคาดหวังจึงไม่ได้สูงมากอะไร

หลินหยางนั่งอยู่ข้างๆมู่หรงเสวี่ยพร้อมทั้งมองไปที่เหล่าสาวงามทุกคนที่นั่งอยู่ข้างล่าง ในตอนแรกเขาไม่ค่อยชินกับเรื่องพวกนี้เท่าไร แต่ตอนนี้เขาเริ่มที่จะมีสติและรับเรื่องนี้ได้มากขึ้น

หลังจากที่ต้องเจอกับแสง มู่หรงก็เริ่มที่จะรู้สึกปวดหัว

“ไม่สบายเหรอ? อยากให้ตามหมอหลวงไหม?” หลินหยางถาม

“ไม่ต้อง ลืมไปแล้วหรือไงว่าข้าก็เป็นหมอ” มู่หรงพูดเสียงเรียบ

เหล่าสาวงามต่างก็มองหน้ากันไปมา ไม่เข้าใจว่าจะต้องตามหมอทำไม แต่แน่นอนว่าพวกนางก็ไม่กล้าพอที่จะถามพระมเหสีและองค์จักรพรรดิ

ได้ข่าวมาว่าเมื่อวานองค์จักรพรรดิดีกับคุณหนูหลิวมากเลยไม่ใช่เหรอ?! ข่าวลือมั่วหรือเปล่า กลับไปต้องไปตรวจสอบให้ดีๆซะแล้ว สายตาแวบประกายเย็นชาในสายตาของทุกคน ส่วนสาวงามคนอื่นๆต่างก็เกิดความสงสัยแบบเดียวกัน

มีเพียงคนเดียวที่รู้สึกอับอายคือหลิวจือหลิง เธอกัดริมฝีปากและดวงตาก็แดงระเรื่อแต่ก็พยายามที่จะไม่ให้น้ำตาไหลออกมา เธอจะยอมเป็นตัวตลกให้คนอื่นหัวเราะได้ยังไงล่ะ

หลิวจือหลิงเงยหน้าและมองอย่างระวังไปที่ องค์จักรพรรดิแต่เพราะสายตาที่เย็นชาของพระองค์ทำให้เธอต้องรีบก้มหน้าลง มันแย่มาก! เป็นแบบนี้ไปได้ยังไง?

หรือว่าองค์จักรพรรดิจะไม่พอใจการปรนนิบัติของเธอเมื่อคืน? หรือพระองค์จะผิดหวังเพราะรู้ว่าเมื่อวานเป็นแผนที่เธอตั้งใจทำ?!

เธอกำผ้าเช็ดหน้าที่อยู่ในมือแน่นและรู้สึกสับสนอยู่ชั่วขณะ แม่นมที่อยู่ข้างหลังก็ใจเต้นรัวด้วยความกังวล แม้แต่เสียงลมหายใจก็ยังดูมีพิรุจ เห็นได้อย่างชัดเจนว่าไม่ปกติ เธอกลัวว่าคุณหนูจะต้องถูกลงโทษและจะไม่มีใครที่ช่วยนางได้

แม่นมค่อยๆเดินมาข้างหน้าและเมื่อไม่มีใครสนใจ เธอก็แตะเบาๆไปที่หลิวจือหลิง ร่างที่สั่นเทิ้มของหลินจือหลิงนั่งหลังตรงขึ้นมาในทันที

นี่เป็นเรื่องที่เข้าใจกันได้ในทันทีระหว่างเธอและท่านแม่นม และยังเป็นนิสัยที่ถูกฝึกมาอย่างยาวนานแล้วด้วย

ไม่ว่าเหตุการณ์จะน่าอายขนาดไหน ตราบใดที่ท่านแม่นมเตือนเธอ เธอก็จะได้สติขึ้นมาทันที เธอควรที่จะขอบคุณท่านแม่นม

ท่านแม่นมเสียสละเวลาอย่างมากเพื่อที่จะคอยอบรมเธอ แม้แต่เรื่องวิธีนี้ก็ยังเป็นความคิดของนางด้วย ใช่ ตอนนี้เธอจะสติหลุดไม่ได้

พูดง่ายๆคือเธอเองก็เป็นคนที่ได้ขึ้นเตียงกับพระองค์ ซึ่งดีมากกว่าเหล่าสาวๆที่อยู่ข้างเธอมาก อย่างน้อยเธอก็ยังก้าวหน้ากว่า

ในตอนนี้บังเอิญว่าสาวใช้ที่รับโสมไปจากเฟิงอู๋ซีก็เดินออกมาพร้อมกับซุปโสมในมือด้วย

เฟิงอู๋ซีดวงตาเปล่งประกายด้วยความตื่นเต้น บังเอิญว่าองค์จักรพรรดิก็อยู่ที่นี่ด้วย พระมเหสีก็คงจะไม่ได้กิน นี่เป็นการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวเลยจริงๆ ฮ่าฮ่า!

“พระมเหสี ซุปโสมพร้อมแล้วเพคะ” สาวใช้พูดอย่างเชื่องช้า พร้อมทั้งหยิบเข็มเงินออกมาเพื่อตรวจสอบ สีของเข็มเงินไม่ได้เปลี่ยน

ประกายในดวงตาของเฟิงอู๋ซียิ่งเปล่งประกายมากขึ้นไปอีก ดื่มเลย, ดื่มเลย, ดื่มเลย ถ้ายิ่งเป็นหลินหยางยิ่งดีเข้าไปใหญ่

เธอไม่สนใจหรอกว่าใครจะมาครองโลก เธอแค่อยากที่จะแก้แค้นให้ท่านพี่ของเธอ อย่างน้อยท่านพี่ก็จะมีศัตรูตายตามไปด้วย จะได้ไม่เหงาเกินไป

มู่หรงเสวี่ยกซุปขึ้นมาและดมกลิ่น กลิ่นหอมอย่างมากแต่น่าเสียดายที่มียาพิษอยู่ในนี้ด้วย

หลินหยางมองไปที่เธอ “ซุปอะไรเหรอ?”

“ซุปโสมน่ะ เฟิงอู๋ซีเอาโสมมาถวาย” มู่หรงเสวี่ยยิ้ม

สายตาของหลินหยางแวบประกายพร้อมทั้งใช้นิ้วตัวเองแตะไปที่หลังมือของมู่หรงเสวี่ย มู่หรงโบกมือเพื่อบอกเป็นนัยๆว่าเธอรู้แล้ว

ดื่มสิ ทำไมยังไม่ดื่มอีกล่ะ?! หัวใจของเฟิงอู๋ซีเต้นรัว

“พระสนมเฟิงอู๋ซี” มู่หรงเสวี่ยเรียกอย่างอ่อนโยน

เฟิงอู๋ซีนิ่งไปชั่วขณะแล้วก็รีบตอบกลับมา “เพคะ พระมเหสี”

“เข้ามานี่ที” มู่หรงเสวี่ยโบกมือเรียก

เฟิงอู๋ซีเก็บซ่อนประกายในสายตาเอาไว้พร้อมทั้งเดินเข้าไปด้วยท่าทางสง่างามทำให้เหล่าสาวงามที่นั่งอยู่ข้างล่างรู้สึกเกลียดขึ้นมา ทำไมพระมเหสีถึงเรียกนางเข้าไปหานะ ช่างเป็นเกียรติจริงๆที่ได้เข้าไปให้องค์จักรพรรดิเห็นใกล้ๆแบบนี้ได้

“เพคะ?” เฟิงอู๋ซีเดินขึ้นไปและไม่เข้าใจว่าทำไมถึงถูกเรียก

มู่หรงเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย! “เอ้านี่ ดื่มสิ”

“ไม่ได้เพคะ นี่เป็นของพระองค์” ไม่ เป็นไปไม่ได้ที่พระมเหสีจะรู้ว่าโสมนี่ถูกปนเปื้อน เป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีใครรู้เรื่องนี้

“ก็เพราะเจ้าเอามาให้ข้า ข้าก็เลยจะเอาให้เจ้ากินไงล่ะ” น้ำเสียงของมู่หรงเสวี่ยเย็นชายิ่งกว่าเดิม

หลินหยางที่นั่งอยู่ข้างมีสีหน้าที่ไม่แยแส เขาเชื่อว่า มู่หรงเสวี่ยไม่ใช่คนที่จะทำตามอะไรง่ายๆ อีกอย่างเฟิงอู๋ซีก็กล้ามากขึ้นเรื่อยๆด้วย ถึงขนาดกล้าที่จะวางยาพิษอย่างโจ่งแจ้งขนาดนี้เลย

“ไม่เป็นไรเพคะ ที่ตำหนักของข้าก็ยังมีอยู่อีก พระองค์ดื่มเลยเพคะ” สีหน้าของเฟิงอู๋ซียังไม่เปลี่ยนและพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม ยิ่งในเวลาแบบนี้ยิ่งจะตื่นตระหนกไม่ได้

มู่หรงเสวี่ยเผยรอยยิ้มแสยะ “ข้าเกรงว่าในนี้จะมีบางอย่างที่ไม่ควรจะมีผสมอยู่ด้วย ข้าไม่ค่อยมั่นใจเท่าไร งั้นเจ้าก็ควรที่จะดื่มก่อนเผื่อให้ทุกคนได้เห็นด้วย”

“พระมเหสี ล้อเล่นหรือเปล่าเพคะ นี่เป็นโสมนะเพคะ แล้วจะมีอะไรที่แปลกปลอมได้ยังไงเพคะ? อีกอย่างคนที่ทำซุปนี้ก็เป็นคนของพระมเหสีเองด้วย” เฟิงอู่ซีพูดออกมาพร้อมรอยยิ้ม

ปากนี้ช่างทรงอำนาจจริงๆ พูดง่ายๆก็คือต่อให้มีปัญหา มู่หรงเสวี่ยก็คือคนที่ทำเอง ยังไงซะตอนที่ตอนที่เธอมอบโสมให้ พระมเหสีก็ไม่ได้บอกว่ามีปัญหาอะไร

ในตอนนี้เหล่าสาวงามคนอื่นๆต่างก็เริ่มที่จะซุบซิบกันแล้ว

บางคนถึงขนาดคาดเดาไปว่าพระมเหสีเป็นคนที่ขโมยความดีความชอบของนางไปด้วยซ้ำ วันทุกคนต่างก็มาที่นี่อีก ทำให้เธอไม่พอใจดังนั้นเธอก็จะทำให้ทุกคนรู้สึกแย่ไปกันให้หมดเลย

“อวดดี!” มู่หรงเสวี่ยเปล่งเสียงออกมา

“อย่าทรงโมโหไปเลยเพคะ” อะไรทำให้พระมเหสีอวดดีได้ขนาดนี้

“พวกเจ้าเข้ามาจับนางมัดไว้แล้วลากตัวออกไป” มู่หรงพูดอย่างเย็นชา

“ไม่นะเพคะ ข้าไม่ได้ทำอะไรผิด ทำไมถึงทำกับข้าแบบนี้?” เฟิงอู๋ซีร้องตะโกนออกมา

“องค์จักรพรรดิ, องค์จักรพรรดิ พระมเหสีเข้าใจข้าผิด องค์จักรพรรดิช่วยข้าด้วยเพคะ!”

อย่างไรก็ตามไม่มีใครสนใจเธอเลย

สาวใช้ห้านางรีบเดินเข้ามาและจับเฟิงอู๋ซีไว้ หนึ่งในพวกนางรับถ้วยซุปโสมเมื่อกี้และจับเธออ้าปากพร้อมทั้งกรอกซุปลงไปในปากด้วย

เฟิงอู่ซีพยายามดิ้นรนอย่างหนัก ไม่ เธอไม่อยากที่จะดื่ม มันจะฆ่าเธอถึงแม้จะไม่ใช่ตอนนี้ก็ตาม

สาวใช้คุ้นชินกับเรื่องพวกนี้ดี เธอจึงกรอกซุปในปริมาณน้อยๆเพียงสองสามครั้งก็หมด ซุปโสมทั้งถ้วยลงไปอยู่ในท้องของเธอเรียบร้อย

“แค็กๆ!” เฟิงอู๋ซีไอออกมาอย่างสิ้นหวังและอยากที่จะอ้วกเอาซุปโสมออกมา

“ปล่อยนางได้” มู่หรงพูดเสียงเรียบ

สายตาของเฟิงอู๋ซีดูโหดเหี้ยม เธอมองไปที่มู่หรงเสวี่ยด้วยความดุดัน “พระองค์ช่างจิตใจโหดเหี้ยม พระองค์ให้คนทำแบบนี้กับข้าได้ยังไง?”

มู่หรงเสวี่ยเคาะเล็บตัวเองแล้วจึงมองไปที่เฟิงอู๋ซีเล็กน้อย พร้อมทั้งพูดออกมาว่า “ข้าโหดเหี้ยมยังไงเหรอ? ข้าก็แค่เชิญเจ้ามาดื่มซุปโสมด้วยกัน ดูสิสีหน้าเจ้าดีขึ้นเยอะเลยนะ”

เฟิงอู่ซีสำลัก เธอรู้ดีว่าโสมนี่ถูกปนเปื้อนด้วยยาพิษ ในตอนแรกที่ดื่มเธอจะเปล่งปลั่งขึ้นและดูสวยมากขึ้นด้วยซ้ำและไม่นานเธอก็จะเสพติด พอเวลาผ่านไปถ้าเธอดื่มมากเกินไป เธอก็จะสลบไปราวกับกลายเป็นเจ้าหญิงนิทราก็ไม่ปาน

แต่มีเพียงแค่เธอเท่านั้นที่รู้เรื่องธรรมชาติของยาพิษนี้แต่เธอก็พูดออกไปไม่ได้

“ลุกขึ้น ที่พื้นมันเย็นนะ ข้าเองก็เป็นห่วงพระสนมเหมือนกันนะ ข้าก็แค่อยากที่จะชดเชยให้เจ้าแต่ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะมีปฏิกิริยาที่รุนแรงขนาดนี้” มู่หรงเสวี่ยพูดอย่างอ่อนโยน

สนมที่นั่งอยู่ข้างๆ ในตอนแรกก็คิดว่าพระมเหสีคงจะลงมือทำอะไรแน่ๆแต่เมื่อมองไปที่เฟิงอู๋ซีที่นอกจากหน้าตาที่แดงก่ำแล้วก็ไม่เห็นเป็นอะไรอีก นางจึงอดไม่ได้ที่จะเข้าใจ

อีกอย่างองค์จักรพรรดิก็อยู่ที่นี่ด้วยและองค์ราชินีก็คงไม่กล้าที่จะทำอะไรโจ่งแจ้งหรอก

ตรงกันข้ามเลยหน้าตาของเฟิงอู๋ซีตอนนี้กลับดูน่าหลงใหลขึ้นมาก

ถ้าเป็นแบบนี้ก็น่าที่จะดื่มเข้าไปตั้งแต่แรกแล้วเพื่อที่จะได้ดูสวยเวลาที่อยู่เบื้องหน้าองค์จักรพรรดิ

ตอนนี้องค์จักรพรรดิไม่อยากที่จะเห็นหน้าเธอ เฟิงอู๋ซีลุกขึ้น แผนการครั้งแรกออกมาไม่ดีเอามากๆ เธออยากที่จะฉีกร่างของคนทั้งสองที่นั่งอยู่ข้างบนแล้วปล่อยให้พวกเขาตายซะ แต่เธอก็รู้ว่าทำไม่ได้

ไม่ต้องพูดถึงจำนวนของสาวใช้และองครักษ์ที่อยู่ตรงนี้เลย แถมยังมีเหล่าทหารลับที่ฝีมือสุดยอดที่แอบซ่อนอยู่มากมายอีก นี่คาดว่าเธอคงจะตายก่อนที่จะได้เริ่มลงมือซะอีก เธอกัดฟันแน่นและจำเป็นต้องกลับไปนั่งในที่ของตัวเอง

เป็นเธอเองที่เข้าใจเจตนาของมู่หรงเสวี่ยผิด โชคดีที่ตราบใดที่เธอไม่กินเข้าไปมากเธอก็จะไม่ตาย

หลิวจือหลิงคิดอยู่สักพักและสุดท้ายก็รวบรวมความกล้าและพูดออกมา “องค์จักรพรรดิเพคะ” น้ำเสียงทรงเสน่ห์ ฟังดูไพเราะ

หลินหยางเงยหน้าขึ้นมาและนึกถึงความงามของเมื่อคืนขึ้นมาได้ “มานี่สิ” หลินหยางโบกมือเรียก

หลิวจือหลังมีความสุขมากในตอนนี้ พร้อมทั้งเดินเข้าไปในอ้อมแขนขององค์จักรพรรดิอย่างเชื่อฟัง

หลินหยางยื่นมือออกไป กลิ่นหอมของสาวงามทำให้รู้สึกผ่อนคลาย

มู่หรงมองไปที่หลินหยางด้วยสายตาดูถูก พวกผู้ชายนี่นะ!

หลินหยางเลิกคิ้วขึ้น เขาทำให้ผู้คนเชื่อฟังได้ โอ้ อำนาจนี่ช่างน่ากลัวจริงๆ!

“ข้าจะกลับก่อนนะ ขอให้สนุกล่ะ!” มู่หรงเสวี่ยลุกขึ้น แสงแดดวันนี้ร้อนมากจนเธอแทบจะทนความเจ็บปวดไม่ไหว ร่างที่เห็นดูเหมือนจะมีความทรงจำที่ดีมากมายกับเธอ

เฟิงจือหลิงงั้นเหรอ?

แต่เขาก็ไม่เคยบอกอะไรเธอเลยนี่ อย่างไรก็ตามพวกเธอก็ไม่ได้เจอกันมานานมากแล้ว เธอเองก็ควรที่จะเข้าไปในมิติลับหน่อยเพื่อดูว่าสถานการณ์เป็นยังไงบ้างแล้ว

ไม่รู้ว่าเสี่ยวฉิงจะฝึกตนจนก้าวหน้าไปถึงไหนแล้ว

หลิวจือหลิงเผยรอยยิ้มราวกับว่าตัวเองแย่งตำแหน่งพระมเหสีมาได้ ตอบนี้คนที่เศร้าคือพระมเหสี และแน่นอนว่าเธอคือคนที่มีความสุข เป็นที่แน่นอนแล้วว่าในหัวใจขององค์จักรพรรดิมีที่สำหรับเธออยู่ด้วย

“องค์จักรพรรดิ คืนนี้แวะมาที่ตำหนักข้านะเพคะ” หลิวจือหลิงจับไปที่กระดุมเม็ดเล็กที่ด้านหน้าของเสื้อคลุม องค์จักรพรรดิ พร้อมพูดออกมาอย่างคลุมเครือ

เหล่าสาวงามที่นั่งอยู่ด้านล่างทุกคนต่างก็เงยหน้าขึ้นมาทันที

เมื่อคืนหลิวจือหลิงเพิ่งจะร่วมเตียงกับพระองค์แต่คืนนี้นางกลับพูดเรื่องนี้ขึ้นมาอีกงั้นเหรอ มันมากไปแล้วนะ

บางคนถึงขนาดสาปแช่งอยู่ในใจให้พระมเหสีลากนังจิ้งจอกนี่ออกไปยิงทิ้งซะเลย

บนสีหน้าของหลินหยางไม่แสดงอาการใดๆ เขากำลังคิดเรื่องมู่หรงเสวี่ยและคนอื่นๆอยู่

ถึงแม้จะพูดกันว่าเขามีสายเลือดของมังกร แต่ก็ไม่มีใครการันตีได้ว่ามันจะเกิดขึ้น

หลิวจือหลิงที่ไม่ได้ยินคำตอบสายตาก็ถึงกับหมองลง

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) 372 ซุปโสม

Now you are reading ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) Chapter 372 ซุปโสม at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 372

ซุปโสม

มู่หรงจ้องไปที่หลินหยางแล้วจึงพูดแผ่วเบากับสาวงามที่นั่งอยู่ที่พื้น “ทุกคนลุกขึ้นได้แล้ว!”

“ขอบพระทัยเพคะ” สาวงามทั้งหมดที่นั่งอยู่ที่พื้นต่างก็มีความรู้สึกผสมปนเปกันไปหมด โดยเฉพาะหลิวจือหลิง เธอคิดว่าหลังจากเรื่องเมื่อคืน ถึงแม้เธอจะเทียบกับพระมเหสีไม่ได้แต่อย่างน้อยเธอก็น่าที่จะได้ความสนใจจากองค์จักรพรรดิบ้าง ไม่คิดเคยเลยว่าองค์จักรพรรดิจะไม่มองเธอเลยด้วยซ้ำ คนอื่นๆยังดีกว่าเพราะพวกนางยังไม่เคยเจอ ดังนั้นความคาดหวังจึงไม่ได้สูงมากอะไร

หลินหยางนั่งอยู่ข้างๆมู่หรงเสวี่ยพร้อมทั้งมองไปที่เหล่าสาวงามทุกคนที่นั่งอยู่ข้างล่าง ในตอนแรกเขาไม่ค่อยชินกับเรื่องพวกนี้เท่าไร แต่ตอนนี้เขาเริ่มที่จะมีสติและรับเรื่องนี้ได้มากขึ้น

หลังจากที่ต้องเจอกับแสง มู่หรงก็เริ่มที่จะรู้สึกปวดหัว

“ไม่สบายเหรอ? อยากให้ตามหมอหลวงไหม?” หลินหยางถาม

“ไม่ต้อง ลืมไปแล้วหรือไงว่าข้าก็เป็นหมอ” มู่หรงพูดเสียงเรียบ

เหล่าสาวงามต่างก็มองหน้ากันไปมา ไม่เข้าใจว่าจะต้องตามหมอทำไม แต่แน่นอนว่าพวกนางก็ไม่กล้าพอที่จะถามพระมเหสีและองค์จักรพรรดิ

ได้ข่าวมาว่าเมื่อวานองค์จักรพรรดิดีกับคุณหนูหลิวมากเลยไม่ใช่เหรอ?! ข่าวลือมั่วหรือเปล่า กลับไปต้องไปตรวจสอบให้ดีๆซะแล้ว สายตาแวบประกายเย็นชาในสายตาของทุกคน ส่วนสาวงามคนอื่นๆต่างก็เกิดความสงสัยแบบเดียวกัน

มีเพียงคนเดียวที่รู้สึกอับอายคือหลิวจือหลิง เธอกัดริมฝีปากและดวงตาก็แดงระเรื่อแต่ก็พยายามที่จะไม่ให้น้ำตาไหลออกมา เธอจะยอมเป็นตัวตลกให้คนอื่นหัวเราะได้ยังไงล่ะ

หลิวจือหลิงเงยหน้าและมองอย่างระวังไปที่ องค์จักรพรรดิแต่เพราะสายตาที่เย็นชาของพระองค์ทำให้เธอต้องรีบก้มหน้าลง มันแย่มาก! เป็นแบบนี้ไปได้ยังไง?

หรือว่าองค์จักรพรรดิจะไม่พอใจการปรนนิบัติของเธอเมื่อคืน? หรือพระองค์จะผิดหวังเพราะรู้ว่าเมื่อวานเป็นแผนที่เธอตั้งใจทำ?!

เธอกำผ้าเช็ดหน้าที่อยู่ในมือแน่นและรู้สึกสับสนอยู่ชั่วขณะ แม่นมที่อยู่ข้างหลังก็ใจเต้นรัวด้วยความกังวล แม้แต่เสียงลมหายใจก็ยังดูมีพิรุจ เห็นได้อย่างชัดเจนว่าไม่ปกติ เธอกลัวว่าคุณหนูจะต้องถูกลงโทษและจะไม่มีใครที่ช่วยนางได้

แม่นมค่อยๆเดินมาข้างหน้าและเมื่อไม่มีใครสนใจ เธอก็แตะเบาๆไปที่หลิวจือหลิง ร่างที่สั่นเทิ้มของหลินจือหลิงนั่งหลังตรงขึ้นมาในทันที

นี่เป็นเรื่องที่เข้าใจกันได้ในทันทีระหว่างเธอและท่านแม่นม และยังเป็นนิสัยที่ถูกฝึกมาอย่างยาวนานแล้วด้วย

ไม่ว่าเหตุการณ์จะน่าอายขนาดไหน ตราบใดที่ท่านแม่นมเตือนเธอ เธอก็จะได้สติขึ้นมาทันที เธอควรที่จะขอบคุณท่านแม่นม

ท่านแม่นมเสียสละเวลาอย่างมากเพื่อที่จะคอยอบรมเธอ แม้แต่เรื่องวิธีนี้ก็ยังเป็นความคิดของนางด้วย ใช่ ตอนนี้เธอจะสติหลุดไม่ได้

พูดง่ายๆคือเธอเองก็เป็นคนที่ได้ขึ้นเตียงกับพระองค์ ซึ่งดีมากกว่าเหล่าสาวๆที่อยู่ข้างเธอมาก อย่างน้อยเธอก็ยังก้าวหน้ากว่า

ในตอนนี้บังเอิญว่าสาวใช้ที่รับโสมไปจากเฟิงอู๋ซีก็เดินออกมาพร้อมกับซุปโสมในมือด้วย

เฟิงอู๋ซีดวงตาเปล่งประกายด้วยความตื่นเต้น บังเอิญว่าองค์จักรพรรดิก็อยู่ที่นี่ด้วย พระมเหสีก็คงจะไม่ได้กิน นี่เป็นการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวเลยจริงๆ ฮ่าฮ่า!

“พระมเหสี ซุปโสมพร้อมแล้วเพคะ” สาวใช้พูดอย่างเชื่องช้า พร้อมทั้งหยิบเข็มเงินออกมาเพื่อตรวจสอบ สีของเข็มเงินไม่ได้เปลี่ยน

ประกายในดวงตาของเฟิงอู๋ซียิ่งเปล่งประกายมากขึ้นไปอีก ดื่มเลย, ดื่มเลย, ดื่มเลย ถ้ายิ่งเป็นหลินหยางยิ่งดีเข้าไปใหญ่

เธอไม่สนใจหรอกว่าใครจะมาครองโลก เธอแค่อยากที่จะแก้แค้นให้ท่านพี่ของเธอ อย่างน้อยท่านพี่ก็จะมีศัตรูตายตามไปด้วย จะได้ไม่เหงาเกินไป

มู่หรงเสวี่ยกซุปขึ้นมาและดมกลิ่น กลิ่นหอมอย่างมากแต่น่าเสียดายที่มียาพิษอยู่ในนี้ด้วย

หลินหยางมองไปที่เธอ “ซุปอะไรเหรอ?”

“ซุปโสมน่ะ เฟิงอู๋ซีเอาโสมมาถวาย” มู่หรงเสวี่ยยิ้ม

สายตาของหลินหยางแวบประกายพร้อมทั้งใช้นิ้วตัวเองแตะไปที่หลังมือของมู่หรงเสวี่ย มู่หรงโบกมือเพื่อบอกเป็นนัยๆว่าเธอรู้แล้ว

ดื่มสิ ทำไมยังไม่ดื่มอีกล่ะ?! หัวใจของเฟิงอู๋ซีเต้นรัว

“พระสนมเฟิงอู๋ซี” มู่หรงเสวี่ยเรียกอย่างอ่อนโยน

เฟิงอู๋ซีนิ่งไปชั่วขณะแล้วก็รีบตอบกลับมา “เพคะ พระมเหสี”

“เข้ามานี่ที” มู่หรงเสวี่ยโบกมือเรียก

เฟิงอู๋ซีเก็บซ่อนประกายในสายตาเอาไว้พร้อมทั้งเดินเข้าไปด้วยท่าทางสง่างามทำให้เหล่าสาวงามที่นั่งอยู่ข้างล่างรู้สึกเกลียดขึ้นมา ทำไมพระมเหสีถึงเรียกนางเข้าไปหานะ ช่างเป็นเกียรติจริงๆที่ได้เข้าไปให้องค์จักรพรรดิเห็นใกล้ๆแบบนี้ได้

“เพคะ?” เฟิงอู๋ซีเดินขึ้นไปและไม่เข้าใจว่าทำไมถึงถูกเรียก

มู่หรงเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย! “เอ้านี่ ดื่มสิ”

“ไม่ได้เพคะ นี่เป็นของพระองค์” ไม่ เป็นไปไม่ได้ที่พระมเหสีจะรู้ว่าโสมนี่ถูกปนเปื้อน เป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีใครรู้เรื่องนี้

“ก็เพราะเจ้าเอามาให้ข้า ข้าก็เลยจะเอาให้เจ้ากินไงล่ะ” น้ำเสียงของมู่หรงเสวี่ยเย็นชายิ่งกว่าเดิม

หลินหยางที่นั่งอยู่ข้างมีสีหน้าที่ไม่แยแส เขาเชื่อว่า มู่หรงเสวี่ยไม่ใช่คนที่จะทำตามอะไรง่ายๆ อีกอย่างเฟิงอู๋ซีก็กล้ามากขึ้นเรื่อยๆด้วย ถึงขนาดกล้าที่จะวางยาพิษอย่างโจ่งแจ้งขนาดนี้เลย

“ไม่เป็นไรเพคะ ที่ตำหนักของข้าก็ยังมีอยู่อีก พระองค์ดื่มเลยเพคะ” สีหน้าของเฟิงอู๋ซียังไม่เปลี่ยนและพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม ยิ่งในเวลาแบบนี้ยิ่งจะตื่นตระหนกไม่ได้

มู่หรงเสวี่ยเผยรอยยิ้มแสยะ “ข้าเกรงว่าในนี้จะมีบางอย่างที่ไม่ควรจะมีผสมอยู่ด้วย ข้าไม่ค่อยมั่นใจเท่าไร งั้นเจ้าก็ควรที่จะดื่มก่อนเผื่อให้ทุกคนได้เห็นด้วย”

“พระมเหสี ล้อเล่นหรือเปล่าเพคะ นี่เป็นโสมนะเพคะ แล้วจะมีอะไรที่แปลกปลอมได้ยังไงเพคะ? อีกอย่างคนที่ทำซุปนี้ก็เป็นคนของพระมเหสีเองด้วย” เฟิงอู่ซีพูดออกมาพร้อมรอยยิ้ม

ปากนี้ช่างทรงอำนาจจริงๆ พูดง่ายๆก็คือต่อให้มีปัญหา มู่หรงเสวี่ยก็คือคนที่ทำเอง ยังไงซะตอนที่ตอนที่เธอมอบโสมให้ พระมเหสีก็ไม่ได้บอกว่ามีปัญหาอะไร

ในตอนนี้เหล่าสาวงามคนอื่นๆต่างก็เริ่มที่จะซุบซิบกันแล้ว

บางคนถึงขนาดคาดเดาไปว่าพระมเหสีเป็นคนที่ขโมยความดีความชอบของนางไปด้วยซ้ำ วันทุกคนต่างก็มาที่นี่อีก ทำให้เธอไม่พอใจดังนั้นเธอก็จะทำให้ทุกคนรู้สึกแย่ไปกันให้หมดเลย

“อวดดี!” มู่หรงเสวี่ยเปล่งเสียงออกมา

“อย่าทรงโมโหไปเลยเพคะ” อะไรทำให้พระมเหสีอวดดีได้ขนาดนี้

“พวกเจ้าเข้ามาจับนางมัดไว้แล้วลากตัวออกไป” มู่หรงพูดอย่างเย็นชา

“ไม่นะเพคะ ข้าไม่ได้ทำอะไรผิด ทำไมถึงทำกับข้าแบบนี้?” เฟิงอู๋ซีร้องตะโกนออกมา

“องค์จักรพรรดิ, องค์จักรพรรดิ พระมเหสีเข้าใจข้าผิด องค์จักรพรรดิช่วยข้าด้วยเพคะ!”

อย่างไรก็ตามไม่มีใครสนใจเธอเลย

สาวใช้ห้านางรีบเดินเข้ามาและจับเฟิงอู๋ซีไว้ หนึ่งในพวกนางรับถ้วยซุปโสมเมื่อกี้และจับเธออ้าปากพร้อมทั้งกรอกซุปลงไปในปากด้วย

เฟิงอู่ซีพยายามดิ้นรนอย่างหนัก ไม่ เธอไม่อยากที่จะดื่ม มันจะฆ่าเธอถึงแม้จะไม่ใช่ตอนนี้ก็ตาม

สาวใช้คุ้นชินกับเรื่องพวกนี้ดี เธอจึงกรอกซุปในปริมาณน้อยๆเพียงสองสามครั้งก็หมด ซุปโสมทั้งถ้วยลงไปอยู่ในท้องของเธอเรียบร้อย

“แค็กๆ!” เฟิงอู๋ซีไอออกมาอย่างสิ้นหวังและอยากที่จะอ้วกเอาซุปโสมออกมา

“ปล่อยนางได้” มู่หรงพูดเสียงเรียบ

สายตาของเฟิงอู๋ซีดูโหดเหี้ยม เธอมองไปที่มู่หรงเสวี่ยด้วยความดุดัน “พระองค์ช่างจิตใจโหดเหี้ยม พระองค์ให้คนทำแบบนี้กับข้าได้ยังไง?”

มู่หรงเสวี่ยเคาะเล็บตัวเองแล้วจึงมองไปที่เฟิงอู๋ซีเล็กน้อย พร้อมทั้งพูดออกมาว่า “ข้าโหดเหี้ยมยังไงเหรอ? ข้าก็แค่เชิญเจ้ามาดื่มซุปโสมด้วยกัน ดูสิสีหน้าเจ้าดีขึ้นเยอะเลยนะ”

เฟิงอู่ซีสำลัก เธอรู้ดีว่าโสมนี่ถูกปนเปื้อนด้วยยาพิษ ในตอนแรกที่ดื่มเธอจะเปล่งปลั่งขึ้นและดูสวยมากขึ้นด้วยซ้ำและไม่นานเธอก็จะเสพติด พอเวลาผ่านไปถ้าเธอดื่มมากเกินไป เธอก็จะสลบไปราวกับกลายเป็นเจ้าหญิงนิทราก็ไม่ปาน

แต่มีเพียงแค่เธอเท่านั้นที่รู้เรื่องธรรมชาติของยาพิษนี้แต่เธอก็พูดออกไปไม่ได้

“ลุกขึ้น ที่พื้นมันเย็นนะ ข้าเองก็เป็นห่วงพระสนมเหมือนกันนะ ข้าก็แค่อยากที่จะชดเชยให้เจ้าแต่ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะมีปฏิกิริยาที่รุนแรงขนาดนี้” มู่หรงเสวี่ยพูดอย่างอ่อนโยน

สนมที่นั่งอยู่ข้างๆ ในตอนแรกก็คิดว่าพระมเหสีคงจะลงมือทำอะไรแน่ๆแต่เมื่อมองไปที่เฟิงอู๋ซีที่นอกจากหน้าตาที่แดงก่ำแล้วก็ไม่เห็นเป็นอะไรอีก นางจึงอดไม่ได้ที่จะเข้าใจ

อีกอย่างองค์จักรพรรดิก็อยู่ที่นี่ด้วยและองค์ราชินีก็คงไม่กล้าที่จะทำอะไรโจ่งแจ้งหรอก

ตรงกันข้ามเลยหน้าตาของเฟิงอู๋ซีตอนนี้กลับดูน่าหลงใหลขึ้นมาก

ถ้าเป็นแบบนี้ก็น่าที่จะดื่มเข้าไปตั้งแต่แรกแล้วเพื่อที่จะได้ดูสวยเวลาที่อยู่เบื้องหน้าองค์จักรพรรดิ

ตอนนี้องค์จักรพรรดิไม่อยากที่จะเห็นหน้าเธอ เฟิงอู๋ซีลุกขึ้น แผนการครั้งแรกออกมาไม่ดีเอามากๆ เธออยากที่จะฉีกร่างของคนทั้งสองที่นั่งอยู่ข้างบนแล้วปล่อยให้พวกเขาตายซะ แต่เธอก็รู้ว่าทำไม่ได้

ไม่ต้องพูดถึงจำนวนของสาวใช้และองครักษ์ที่อยู่ตรงนี้เลย แถมยังมีเหล่าทหารลับที่ฝีมือสุดยอดที่แอบซ่อนอยู่มากมายอีก นี่คาดว่าเธอคงจะตายก่อนที่จะได้เริ่มลงมือซะอีก เธอกัดฟันแน่นและจำเป็นต้องกลับไปนั่งในที่ของตัวเอง

เป็นเธอเองที่เข้าใจเจตนาของมู่หรงเสวี่ยผิด โชคดีที่ตราบใดที่เธอไม่กินเข้าไปมากเธอก็จะไม่ตาย

หลิวจือหลิงคิดอยู่สักพักและสุดท้ายก็รวบรวมความกล้าและพูดออกมา “องค์จักรพรรดิเพคะ” น้ำเสียงทรงเสน่ห์ ฟังดูไพเราะ

หลินหยางเงยหน้าขึ้นมาและนึกถึงความงามของเมื่อคืนขึ้นมาได้ “มานี่สิ” หลินหยางโบกมือเรียก

หลิวจือหลังมีความสุขมากในตอนนี้ พร้อมทั้งเดินเข้าไปในอ้อมแขนขององค์จักรพรรดิอย่างเชื่อฟัง

หลินหยางยื่นมือออกไป กลิ่นหอมของสาวงามทำให้รู้สึกผ่อนคลาย

มู่หรงมองไปที่หลินหยางด้วยสายตาดูถูก พวกผู้ชายนี่นะ!

หลินหยางเลิกคิ้วขึ้น เขาทำให้ผู้คนเชื่อฟังได้ โอ้ อำนาจนี่ช่างน่ากลัวจริงๆ!

“ข้าจะกลับก่อนนะ ขอให้สนุกล่ะ!” มู่หรงเสวี่ยลุกขึ้น แสงแดดวันนี้ร้อนมากจนเธอแทบจะทนความเจ็บปวดไม่ไหว ร่างที่เห็นดูเหมือนจะมีความทรงจำที่ดีมากมายกับเธอ

เฟิงจือหลิงงั้นเหรอ?

แต่เขาก็ไม่เคยบอกอะไรเธอเลยนี่ อย่างไรก็ตามพวกเธอก็ไม่ได้เจอกันมานานมากแล้ว เธอเองก็ควรที่จะเข้าไปในมิติลับหน่อยเพื่อดูว่าสถานการณ์เป็นยังไงบ้างแล้ว

ไม่รู้ว่าเสี่ยวฉิงจะฝึกตนจนก้าวหน้าไปถึงไหนแล้ว

หลิวจือหลิงเผยรอยยิ้มราวกับว่าตัวเองแย่งตำแหน่งพระมเหสีมาได้ ตอบนี้คนที่เศร้าคือพระมเหสี และแน่นอนว่าเธอคือคนที่มีความสุข เป็นที่แน่นอนแล้วว่าในหัวใจขององค์จักรพรรดิมีที่สำหรับเธออยู่ด้วย

“องค์จักรพรรดิ คืนนี้แวะมาที่ตำหนักข้านะเพคะ” หลิวจือหลิงจับไปที่กระดุมเม็ดเล็กที่ด้านหน้าของเสื้อคลุม องค์จักรพรรดิ พร้อมพูดออกมาอย่างคลุมเครือ

เหล่าสาวงามที่นั่งอยู่ด้านล่างทุกคนต่างก็เงยหน้าขึ้นมาทันที

เมื่อคืนหลิวจือหลิงเพิ่งจะร่วมเตียงกับพระองค์แต่คืนนี้นางกลับพูดเรื่องนี้ขึ้นมาอีกงั้นเหรอ มันมากไปแล้วนะ

บางคนถึงขนาดสาปแช่งอยู่ในใจให้พระมเหสีลากนังจิ้งจอกนี่ออกไปยิงทิ้งซะเลย

บนสีหน้าของหลินหยางไม่แสดงอาการใดๆ เขากำลังคิดเรื่องมู่หรงเสวี่ยและคนอื่นๆอยู่

ถึงแม้จะพูดกันว่าเขามีสายเลือดของมังกร แต่ก็ไม่มีใครการันตีได้ว่ามันจะเกิดขึ้น

หลิวจือหลิงที่ไม่ได้ยินคำตอบสายตาก็ถึงกับหมองลง

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+