ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน 384-2 ศัตรูของฉันมีอยู่เต็มไปหมด (2)

Now you are reading ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน Chapter 384-2 ศัตรูของฉันมีอยู่เต็มไปหมด (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 384 ศัตรูของฉันมีอยู่เต็มไปหมด (2)

นึกมาถึงตรงนี้ จู่ๆ พวกเขาก็ตระหนักอะไรได้!

ฟางผิงเอาของสิ่งนี้ไปซ่อนไว้ที่ไหนกัน?

เมื่อกี้เขาไม่ได้สวมเสื้อผ้าสักหน่อย!

จู่ๆ ก็ควักมาจากข้างหลัง…

ฉินเฟิ่งชิงที่ยังยื่นลิ้นนั้น ชักลิ้นกลับทันที!

ตกลงไปซ่อนไว้ที่ไหนกัน?

หลังของคนยังมีที่ซ่อนของอีกหรือไง?

พวกเขาสีหน้าเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาไม่หยุด เป็นความรู้สึกที่ถูกล่อลวง ทั้งนึกไปถึงที่ซ่อนของของฟางผิงจึงเผยสีหน้าสับสนออกมา!

นี่…นี่ยังกินได้จริงๆ หรือเปล่า?

ไอ้เวรฟางผิงจะน่าขยะแขยงเกินไปแล้ว!

แต่หยดเล็กๆ แค่นั้นก็ห้าล้านเป็นอย่างต่ำแล้ว ทั้งไม่ใช่สิ่งที่เงินสามารถซื้อได้อีก มูลค่านี้ไม่ได้หมายความว่าจะสามารถซื้อได้จริงๆ

ฟางผิงไม่ได้สนใจมากมายขนาดนั้น เผยสีหน้าระแวดระวัง ยัดนิ้วเข้าไปในปากตาเฒ่าหลี่ทันที ก่อนจะเช็ดที่ตัวตาเฒ่า เอ่ยเตือนว่า “หยุดก่อเรื่องได้แล้ว พวกเรายังหนีไม่พ้นเลย!”

คนพวกนั้นเผยสีหน้าขัดแย้งอยู่บ้าง เห็นตาเฒ่าหลี่กลืนลงไปอย่างไม่สนใจก็เผยท่าทีรังเกียจ อยากอาเจียนอยู่บ้าง

ตาเฒ่าหลี่ไม่รู้ว่าฟางผิงควักมาจากไหน?

รู้แล้วยังจะกินอย่างสบายใจแบบนี้ได้ยังไง?

ช่วงเวลาสั้นๆ นั้นฟางผิงยังไม่ทันคิดอะไรมากมาย พูดขึ้นมาว่า “หมดแล้ว ไม่มีเหลือแล้ว เมื่อวานดื่มไปจนเกลี้ยง ฉันดื่มไปหลายจิน เหล่าหลี่น่าจะดื่มเกือบร้อยจินได้ ไม่งั้นพวกนายจะลองกัดเขาดูหนึ่งคำก็ได้ว่ายังมีอยู่หรือเปล่า…”

‘กร๊อบ!’

เสียงแสบแก้วหูดังขึ้น ฉินเฟิ่งชิงคิดจะลองกัดหนึ่งคำจริงๆ ผลปรากฏว่าเกิดเสียงเสียดสีขึ้นอย่างบาดหู ฉินเฟิ่งชิงกุมปากน้ำตาคลอเบ้า

ของที่ฟางผิงเอาออกมา เขารู้สึกสะอิดสะเอียนอยู่บ้าง แต่ลองดื่มเลือดผู้เฒ่า เขาคิดว่ายังพอได้ ไม่ได้รังเกียจอะไร

นึกไม่ถึงว่าเกือบฟันหักซะแล้ว

ตาเฒ่าหลี่ระเบิดความเร็วอีกครั้ง เหนื่อยใจอยู่บ้าง ฉันคร้านจะพูดแล้ว มีความสามารถก็ลองกัดดูเถอะ กัดเข้านับว่าเธอเก่งแล้ว!

พวกเขาก่อเรื่องวุ่นจนเกือบลืมไปว่าถูกคนไล่ฆ่าอยู่ หวังจินหยางนับว่าฟื้นฟูท่าทีเป็นปกติแล้ว ละล่ำละลักว่า “อาจารย์หลี่ คุณ…คุณทะลวงด่านแล้ว?”

แม้ตาเฒ่าหลี่จะไม่ใช่อาจารย์ของมหาวิทยลัยหนานเจียง แต่ยอดฝีมือที่มาช่วยเหลือหนานเจียงในครั้งนี้ หวังจินหยางยังคงรู้จักทุกคน

ก่อนหน้านี้หลี่ฉางเซิงไม่ได้แข็งแกร่งขนาดนี้

ทั้งฉินเฟิ่งชิงกัดไปหนึ่งคำกลับเกิดเสียงดังลั่น นี่นับว่าร่างทองแล้วสินะ?

แต่ทะลวงด่าน…ขั้นหกถึงขั้นแปดงั้นเหรอ?

นี่ฟังขึ้นที่ไหน?

เขาพูดแบบนี้ คนอื่นๆ ต่างดึงสติกลับมาได้ เมื่อกี้ถูกยั่วยวนจนเกือบลืมเรื่องนี้ไป

ฉินเฟิ่งชิงคุ้นเคยกับตาเฒ่าหลี่ไม่น้อย เวลานี้เอ่ยอย่างตกใจว่า “หรือคุณกินของนั่นไปหลายร้อยจินก็กลายเป็นขั้นแปดแล้ว?”

พูดจบก็มองไปทางฟางผิงด้วยตาเป็นมัน “นายล่ะ?”

ฟางผิงเอ่ยอย่างเรียบนิ่ง “ขั้นห้า”

“แม่งเอ้ย!”

เวลานี้ฉินเฟิ่งชิงอดไม่ไหวจริงๆ ทั้งไม่สนใจว่าฟางผิงควักสิ่งนั้นมาจากไหน เพื่อการทะลวงด่าน ผู้ฝึกยุทธ์ทำได้ทุกเรื่องอยู่แล้ว

อย่าพูดเลยว่าเอามาจากไหน ถึงจะขี้ออกมา เขาก็กล้ากินเหมือนกัน!

ข่มความตื่นเต้นไม่อยู่แล้ว ฉินเฟิ่งชิงตะโกนว่า “ฟางผิง เอาให้ฉันกินหน่อย แค่นิดเดียวเท่านั้น ให้ฉันทะลวงถึงขั้นห้าก็พอแล้ว…นี่มันยาวิเศษชัดๆ”

ไม่ใช่แค่เขา อีกสองคนก็ถูกจุดความปรารถนาอย่างแรงกล้าขึ้นมาอีกครั้ง!

หลี่ฉางเซิงจากขั้นหกไปขั้นแปดในชั่วพริบตา

นี่ไม่ใช่ยาวิเศษ แล้วอะไรจะคือยาวิเศษอีก?

โดยเฉพาะหลี่ฉางเซิง ก้าวเดียวสู่สวรรค์ชัดๆ!

ก่อนหน้านี้เคยได้ยินเรื่องเล่าพวกนี้มาเหมือนกัน นึกไม่ถึงว่าตอนนี้ตำนานจะกลายเป็นเรื่องจริง ทุกคนกระตือรือร้นขึ้นมา แทบจะลืมพวกทหารที่ไล่ตามมาข้างหลังแล้ว

เช้าได้รู้แจ้งสัจธรรม คืนนั้นถึงตายก็ยินดี!

ตอนนี้ฟางผิงให้พวกเขากินนิดเดียว ถึงตายก็รู้สึกคุ้มค่าแล้ว

ฟางผิงจนใจ เอ่ยอย่างไร้เรี่ยวแรงว่า “หมดแล้วจริงๆ”

“ฉันไม่เชื่อ!”

“ไม่เชื่อก็แล้วแต่”

ระหว่างที่ฟางผิงพูดก็ตบตาเฒ่าหลี่เบาๆ เอ่ยอย่างจนใจว่า “รีบหน่อย น้ำแร่แห่งชีวิตในร่างกายคุณน่าจะยังสลายไม่หมด จะล่อพวกเขาวิ่งไปทำไม พวกเราหาที่ซ่อนสักแห่งกันดีกว่า”

เมื่อวานตาเฒ่าหลี่ดูดกลืนไปเยอะจริงๆ แม้ว่าจะหลอมร่างทองแล้ว ฟางผิงคิดว่ายังคงหลงเหลืออยู่

ตอนนี้ตาเฒ่าหลี่ไม่ยอมระเบิดออกมา น่าจะรอให้ฟางผิงลงแรงเสียก่อน

ตาเฒ่าคนนี้ยังมีมโนธรรมอยู่หรือเปล่า?

เขาเหลือเล็กน้อยแค่นั้น เขายังไม่คิดจะปล่อยไป มโนธรรมอยู่ที่ไหนกัน?

ตาเฒ่าหลี่ได้ฟังก็ถอนหายใจ “เหลือไม่เยอะแล้วจริงๆ?”

ไม่ได้ถามว่ามีหรือเปล่า ต้องมีอย่างแน่นอน!

ฟางผิงเจ้าเด็กนี้ทำใจใช้หมดไม่ได้อยู่แล้ว เขาไม่เชื่อหรอก

“หมดแล้ว”

“ดูท่าเหลือไม่เยอะแล้วจริงๆ…”

ตาเฒ่าหลี่ถอนหายใจ ในร่างกายตัวเองเหลือแค่เล็กน้อยเท่านั้น ไม่พอให้บ่มเพาะพลังจิตใจ

ไม่พูดมากอีก ตาเฒ่าหลี่เปล่งแสงสีทองออกมานอกร่างอย่างเจิดจ้า พลังงานแข็งแกร่งสายหนึ่งระเบิดออกมา ครู่ต่อมาก็เร็วขึ้นถึงสามส่วน!

ฉินเฟิ่งชิงอิจฉาตาร้อนขึ้นมาอีกครั้ง พลังงานแข็งแกร่งอะไรอย่างนี้!

“เปรียบเทียบกันแล้ว…น่าโมโหชะมัด!”

ฉินเฟิ่งชิงเผยสีหน้าจนใจ ไม่นานก็ฟื้นฟูความมุ่งมุ่นขึ้นมา!

หาปลามาให้กินยังไม่สู้สอนวิธีหาปลาให้ ฟางผิงกอบโกยของได้มากมายขนาดนั้นเพราะอะไรกัน?

เกี่ยวข้องกับเรื่องลมหายใจ!

“ฟางผิง สอนวิชาเก็บงำลมหายใจให้ฉันเป็นยังไง? ฉันจ่ายค่าเรียนให้หนึ่งล้าน!”

“ไสหัวไป!”

“ห้าล้าน!”

“จะไปไม่ไป?”

“สิบล้าน!”

ฉินเฟิ่งชิงเผยแววตาลุกโชน เท่าไหร่ฉันก็เรียนทั้งนั้น

ฟางผิงคร้านจะสนใจเขา หันกลับไปมองข้างหลังแวบหนึ่ง โบกมือให้คนที่อยู่ไกลๆ พวกนั้น ลาล่ะ!

เมืองจู้หลิวถูกเขาทำจนมีสภาพนี้ ช่วงเวลาสั้นๆ คงไม่อาจกลับไปได้ หากไปอีก ต่อให้ต้นหลิวปีศาจจะทำลายเมืองก็ต้องชำแหละเขาเป็นชิ้นๆ เรื่องนี้ฟางผิงยังคงตระหนักได้

เข้าไปในเมืองอย่างยากลำบาก ผลปรากฏว่ากลับก่อเรื่องจนเป็นสภาพนี้ ฟางผิงรู้สึกเสียใจทีหลังอยู่บ้าง

หากรู้ว่าเป็นแบบนี้คงจะเคลื่อนไหวแค่เล็กน้อย

แร่พวกนั้น เดิมทีเป็นเหมืองแร่ส่วนตัวของเขา ตอนนี้พูดยากแล้ว

“ถ้ำใต้ดินยังมีเมืองอื่นอีก แต่ว่าแถวนี้น่าจะมีการป้องกันแล้ว ครั้งหน้าไปขโมยเมืองเทียนเหมินหรือที่อื่นดีกว่า…”

ในใจนึกถึงเรื่องพวกนี้ ฟางผิงมองช่องเก็บของที่ว่างอยู่ครึ่งหนึ่งของตัวเองอีกครั้ง รู้สึกเสียดายอย่างเห็นได้ชัด

ช่องว่างที่ไม่สามารถเติมให้เต็มได้ น่าเสียดายเกินไปแล้ว

หินพลังงานที่ทิ้งกระจัดกระจายบนพื้นดินราวกับหินธรรมดา นึกไม่ถึงว่าตัวเองจะไม่เก็บมาจนเต็มช่องเก็บของ จำต้องพูดว่าครั้งนี้ขาดทุนอยู่บ้างจริงๆ

“ข่ากู่!”

ในเวลานี้เสียงตะโกนอย่างโมโหก็ทะลวงผ่านความว่างเปล่ามาจากที่ไกลๆ ในอากาศมีการสั่นสะเทือนขึ้น!

เสียงที่โมโหจนถึงขีดสุดและแฝงด้วยไอสังหารเข้มข้นนั้นทำให้ฟางผิงอดเสียวสันหลังวาบไม่ได้ ช่างเถอะ ไม่สามารถไปเมืองจู้หลิวได้อีกแล้วจริงๆ ราชาหลิวคนนั้นน่าจะบ้าคลั่งไปแล้ว

เมืองจู้หลิวบาดเจ็บล้มตายนับไม่ถ้วน เมืองถูกทำลายไปกว่าครึ่ง แหล่งแร่ใต้ดินก็ถูกระเบิดไปไม่น้อย

เวลานี้ไม่ได้โมโหจนระเบิดตัวเองยังนับว่าเป็นยอดฝีมือที่ใจเย็นมากแล้ว หากเป็นคนอื่นน่าจะโมโหจนระเบิดพลังแล้วจริงๆ

ฟางผิงหวาดกลัวจนตัวสั่น คนอื่นๆ แทบไม่ต่างกัน

พวกเขาต่างเงียบเป็นเป่าสาก สบสายตากัน ครั้งนี้นับว่าล่วงเกินเจ้าเมืองคนนี้แล้ว ครั้งหน้าเจอกับพวกเขา เกรงว่าอีกฝ่ายจะไม่มองแม้แต่เป็นมดแมลง คงฆ่าในทันที

อย่าลืมว่าขั้นเก้าของถ้ำใต้ดิน แม้จะเจอผู้อ่อนแอกว่าก็อาจไม่ลงมือฆ่าเสมอไป

หลังจากนั้นทุกคนก็มองไปทางฟางผิง นี่เป็นศัตรูของนาย พวกเราแค่ฆ่าผู้ฝึกยุทธ์รอบนอกบางส่วนเท่านั้น

ฟางผิงราวกับเข้าใจความหมายของพวกเขา เอ่ยอย่างเรียบนิ่งว่า “เขาไม่เคยเจอฉันสักหน่อย ลมหายใจของฉันเขาก็สัมผัสไม่ได้ กลับเป็นพวกนาย เกรงว่าจะถูกจดจำแล้วจริงๆ”

ราชาหลิวไม่เคยเจอพวกเขา แต่เจ้าพวกนี้ถูกคนไล่ฆ่ามานานขนาดนั้น หน้าตา กลิ่นลมหายใจ นั่นคงถูกคนจดจำเข้ากระดูกดำแล้ว

หากจะฆ่าก็ต้องฆ่าคนพวกนี้ก่อน

ฟางผิงยืนอยู่ต่อหน้าราชาหลิว เขาอาจจะไม่รู้ว่าฟางผิงเป็นคนทำลายเมืองราชาเสมอไป

พวกเขาต่างหน้าเปลี่ยนสีในทันที หลี่หานซงร้องไห้ไม่ออกอยู่บ้าง ฉันสัญญาว่าครั้งหน้าจะไม่มาอีกแล้ว!

นอกจากได้รับประโยชน์แค่เล็กน้อยแล้ว ยังต้องตกเป็นแพะรับบาปแทนคนอื่นอีก

นี่เพิ่งจะขั้นห้าเอง ถูกขั้นเก้าจำบัญชีแค้นซะแล้ว ใครจะกล้ามาอีก

ฟางผิงรำพึงรำพันกับตัวเองเช่นกัน “ศัตรูในถ้ำใต้ดินเยอะอยู่บ้างแล้ว ขั้นเก้าสองคน ขั้นแปดหลายคน ขั้นเจ็ดอีกกองใหญ่…”

ราชาหลิว ต้นหลิวปีศาจ พวกนี้ต้องฆ่าเขาแน่

เจ้าเมืองเทียนเหมิน ฟางผิงต้องฆ่าอีกฝ่ายให้ได้

ขั้นเก้าสามคนนี้ เป็นศัตรูที่ถูกกำหนดไว้แน่นอนแล้ว

นี่ยังไม่ถึงขั้นเก้าก็อันตรายอยู่บ้างแล้ว

พวกเขาต่างหมดคำพูด ตาเฒ่าหลี่ไม่ปริปากเช่นกัน

ในโลกนี้มีแค่นายคนเดียวเท่านั้น!

ผู้ฝึกยุทธ์หลายคน ในช่วงระดับกลางแทบไม่เคยต่อสู้กับระดับสูงซึ่งๆ หน้าด้วยซ้ำ

นายกลับแล้วใหญ่ ขั้นเจ็ดกลุ่มหนึ่งยังพอว่า แต่นี่เป็นขั้นเก้า ทั้งยังไม่ใช่แค่คนเดียวอีก

หากเป็นแบบนี้ต่อไป รอฟางผิงถึงขั้นเจ็ดแล้ว บางทีขั้นเก้าอาจจะมากขึ้นกว่านี้ ตกลงมีเท่าไหร่เป็นเรื่องที่พูดยาก

————————

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด