ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน 390 ประโยชน์ของฟางผิง (1)

Now you are reading ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน Chapter 390 ประโยชน์ของฟางผิง (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 390 ประโยชน์ของฟางผิง (1)

ทุกคนถกเถียงกันอย่างออกรส ดูราวกับมีใจอยากจะลองสักครั้ง

สำหรับผู้ฝึกยุทธ์ จะมีเรื่องอะไรสำคัญไปกว่าการเพิ่มพลังให้แข็งแกร่งขึ้นได้!

ผู้ฝึกยุทธ์ระดับล่างไม่ได้ร้อนใจเหมือนระดับสูง

ยิ่งระดับสูงเท่าไหร่ก็ยิ่งเข้าใจมากเท่านั้น วิกฤตของมนุษยชาติร้ายแรงขนาดไหน

ตอนนี้ยังรักษาสถานการณ์แบบนี้ได้ถือว่าถึงขีดกำจัดแล้ว คล้อยตามกาลเวลาที่ผ่านพ้นไป คล้อยหลังจากที่ผู้ฝึกยุทธ์ถ้ำเพิ่มขึ้น เผ่าเยามิ่งและเยาจื๋อก็ค่อยๆ รวมกันเป็นหนึ่งเดียว…

หากเป็นแบบนี้ต่อไป มนุษยชาติจะตกสู่ในวิกฤตแล้ว!

ถ้าสามารถแข็งแกร่งกว่าคนในระดับเดียวกัน สำหรับหลายคนแล้ว ทะลวงด่านเป็นเรื่องยาก แข็งแกร่งกว่าคนในระดับเดียวกันจึงเป็นเรื่องที่สำคัญมาก

เห็นทุกคนอยากลองดู ฟางผิงก็กระแอมไอว่า “เอ่อ…อันที่จริงความยากยังไม่ใช่น้อยๆ…”

“ไม่เป็นไร ลองดูก่อน!”

“ลองสักหน่อย อย่างมากก็บาดเจ็บเล็กน้อยเท่านั้น!”

“ไม่ลองแล้วจะรู้ได้ไงว่าทำได้หรือเปล่า!”

“…”

ทุกคนต่างเปิดปากพูด กระทั่งขั้นเก้าสองคนก็ไม่เว้น

ฟางผิงยิ้มเจื่อน ได้ ตอนนี้เขาพูดอะไรก็ไม่มีประโยชน์แล้ว ต่อให้ยากแค่ไหน เกรงว่าเจ้าคนพวกนี้คงคิดอยากจะลองอยู่ดี

พวกเขาพูดคุยถกประเด็นกัน ฟางผิงกลับไม่สนใจอีก ลองดูก็ไม่เป็นไร

หลายครั้งที่ปาฏิหาริย์เกิดขึ้นอย่างบังเอิญ

ตอนนี้ฟางผิงยังคิดเรื่องพลังฟ้าดินอยู่

ค่าทรัพย์สินสามารถเปลี่ยนเป็นพลังฟ้าดินได้ มีคุณสมบัติเพิ่มมาอีกหนึ่งอย่างถือเป็นเรื่องดี อานุภาพทำลายล้างของพลังฟ้าดินยังคงสูงไม่น้อย

อีกอย่างตอนนี้พลังฟ้าดินรวมตัวได้น้อย เสียค่าทรัพย์สินมากหน่อย น่าจะสามารถหลอมรวมได้มากกว่านี้ หากเขวี้ยงออกไปเหมือนระเบิดได้จริงๆ รวบรวมมากแล้ว เกรงว่าจะไม่อ่อนแอไปกว่าการจู่โจมของยอดฝีมือขั้นเจ็ดเลย

อันที่จริงนี่เทียบได้กับวิชาท่าไม้ตายอย่างหนึ่งเช่นกัน แต่เป็นท่าไม้ตายที่ทำลายระดับสูง

ไม่งั้นผู้ฝึกยุทธ์ระดับกลางอย่างฟางผิง อยากจะโจมตีระดับสูง เป็นเรื่องที่ยากจริงๆ

ตาเฒ่าหลี่อยู่ขั้นหกสูงสุด หลอมร่างทองครึ่งหนึ่ง บ่มเพาะกระบี่มาสิบปี…

เงื่อนไขมากมายพวกนี้รวมกันแล้ว หากกระบี่อย่างเดียวเจอกับขั้นเจ็ด เขาอาจไม่สามารถฟันอีกฝ่ายได้เสมอไป ช่องว่างระหว่างขั้นมากเกินไป

สามารถฟันขั้นแปดได้ ไม่ใช่ผลงานของตาเฒ่าหลี่เพียงคนเดียว จางติ้งหนานเกือบถูกซัดตายทั้งเป็นแล้วเหมือนกัน นี่เป็นผลที่ยอดฝีมือขั้นเจ็ดคนนี้พยายามสกัดอย่างสุดชีวิตแล้ว

“แต่พลังฟ้าดินแข็งแกร่งเกินไป ตอนนี้ฉันรับไม่ค่อยไหว…”

รวบรวมพลังฟ้าดิน ฟางผิงก็ต้องยอมรับการต่อต้านของพลังประเภทนี้ให้ได้เช่นกัน

พื้นฐานร่างกายเขาไม่อ่อนแอ เทียบได้กับยอดฝีมือขั้นห้าสูงสุด

แต่แรงต่อต้านของพลังฟ้าดิน เขายากจะรับไหวเหมือนกัน หากน้อยยังพอว่า มากไปเขาคงต้องเจ็บหนัก

“นอกจากใช้เป็นท่าไม้ตายแล้ว ยังมีประโยชน์อื่นอีกหรือเปล่า?”

ฟางผิงเพิ่งจะครุ่นคิดปัญหานี้ ตาเฒ่าหลี่ไม่นั่งวาดวงกลมอีกแล้ว ถามขึ้นว่า “พลังจิตใจและปราณของเธอเปลี่ยนเป็นพลังฟ้าดินโดยใช้สัดส่วนอะไร?”

“อะไรนะ?”

ฟางผิงงุนงงอยู่บ้าง

“ก็คือสิ้นเปลืองพลังจิตใจและปราณเท่าไหร่ถึงรวบรวมพลังฟ้าดินที่แข็งแกร่งขึ้นมาได้?”

ฟางผิงละล่ำละลักว่า “พลังฟ้าดินมีหน่วยนับเหมือนกัน?”

“แน่อยู่แล้ว”

ตาเฒ่าหลี่รู้ว่าเขาไม่เข้าใจจึงอธิบายว่า “เพื่อการประเมินความสามารถของผู้แข็งแกร่งให้แม่นยำขึ้น มีหน่วยนับจะเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดในการตัดสินผู้แข็งแกร่งและอ่อนแอ ถ้ามีสมการนี้ งั้นก็สามารถให้สมการทางทฤษฎีกับเธอได้ พลังจิตใจสิบเฮิรตซ์บวกพลังปราณหนึ่งร้อยแคลเท่ากับพลังฟ้าดินหนึ่งหลุน”

“หลุนที่หมายถึงล้อรถ?”

“เธอจะสนใจทำไมว่าหลุนอะไร พอจะเข้าใจความหมายหรือเปล่า?”

ฟางผิงพยักหน้าว่า “หมายความว่าสิ้นเปลืองปราณหนึ่งร้อยแคลถึงจะสามารถหลอมรวมกลายเป็นพลังฟ้าดินหนึ่งหลุนได้สินะครับ?”

“ใช่”

“งั้นความแตกต่างด้านพลังทำลายล้างล่ะ?”

“ประมาณห้าเท่า” ตาเฒ่าหลี่เอ่ยต่อ “เธอหลอมรวมพลังปราณและพลังจิตใจ พลังฟ้าดินหนึ่งหลุน อย่างน้อยจะเทียบกับการระเบิดพลังปราณห้าร้อยแคล!”

“ไม่สอดคล้องกับกฎในทางฟิสิกส์เลย!” ฟางผิงพึมพำ “ปราณหนึ่งร้อยแคลรวมกับพลังจิตใจสิบเฮิรตซ์ แรงระเบิดปราณสูงถึงห้าร้อยแคล?”

ตาเฒ่าหลี่ใบหน้าดำคล้ำ เอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “กฎไร้สาระ แม้จะมีอยู่จริงๆ ก็หมายความว่าก่อนหน้านี้เธอไม่ได้แสดงพลังที่แข็งแกร่งของปราณออกมาทั้งหมด เข้าใจหรือยัง? พลังปราณของเธอ ตอนนี้ไม่ได้ปล่อยออกไปแตะถึงขีดจำกัด เหมือนกับระเบิดมือลูกหนึ่ง เธอโยนออกไปตรงๆ ไม่จุดชนวน จะสร้างพลังทำลายล้างได้เท่าไหร่? แต่ระเบิดแล้ว นั่นถึงจะแสดงอานุภาพมากที่สุดได้ พลังปราณก็เป็นแบบนั้น ผ่านการหลอมรวมของพลังจิตใจ ระเบิดอานุภาพที่มากกว่าเดิม นี่ก็คือพลังฟ้าดิน”

ฟางผิงกระจ่างแจ้งทันที ตาเฒ่าหลี่นับว่าพูดเข้าใจง่าย ไม่มีข้อสงสัยอีกแล้ว

ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง ฟางผิงเอ่ยต่อว่า “หมายความว่าถ้าเมื่อกี้ผมใช้พลังปราณสองพันแคลในการปรับเปลี่ยนก็จะเป็นพลังฟ้าดินยี่สิบหลุน อานุภาพทำลายล้างน่าจะขยายถึงห้าเท่า เทียบได้กับการระเบิดปราณหนึ่งหมื่นแคลสินะครับ?”

“ใช่”

ฟางผิงขมวดคิ้วทันที “ไม่มั้งครับ หากเป็นแบบนั้นจริงๆ การระเบิดปราณหมื่นแคล ผมสามารถจัดการขั้นหกได้ด้วยซ้ำ!”

เมื่อกี้เขาสิ้นเปลืองค่าทรัพย์สินไปเกือบสองล้านเปลี่ยนเป็นพลังปราณก็สองพันแคล

จากทฤษฏีของตาเฒ่าหลี่ ก้อนพลังที่เขาโยนออกไปเมื่อครู่ก็น่าจะระเบิดความแข็งแกร่งเท่ากับปราณหนึ่งหมื่นแคล

ล้อกันเล่นแล้ว!

ตาเฒ่าหลี่กระแอมไอว่า “ฉันบอกว่าในทฤษฏีเป็นแบบนั้น ในความเป็นจริงยอดฝีมือไม่สามารถทำถึงขั้นผสมผสานจนไร้ที่ติได้ การควบคุมพลังนี้ต้องแตะถึงขีดจำกัดหรือขั้นเกินพิกัด ในสถานการณ์ทั่วไปทำไม่ถึงขั้นนั้นได้ ดังนั้นในความเป็นจริงจะสิ้นเปลืองเยอะกว่าหน่อย”

ฟางผิงทำหน้าหมดคำจะพูด แต่ยังคงขมวดคิ้ว พลังนี้ไม่ใช่เขาหลอมรวมเอง แต่ระบบหลอมรวมให้!

ระบบน่าจะไว้ใจได้อยู่มั้ง ทำไมหลอมรวมถึงขั้นสมบูรณ์แบบไม่ได้ล่ะ?

ไม่สิ บางทีพลังฟ้าดินที่เขารวบรวมเมื่อกี้น่าจะไม่ถึงยี่สิบหลุนด้วยซ้ำ

ฟางผิงมองไปทางอู๋ชวนทันที “รุ่นพี่อู๋ พลังฟ้าดินที่ผมหลอมรวมเมื่อกี้แข็งแกร่งประมาณเท่าไหร่เหรอครับ?”

“สองสามหลุนล่ะมั้ง”

อู๋ชวนตอบไปอย่างไม่ใส่ใจนัก

ฟางผิงหางตากระตุกเล็กน้อย เข้าใจแล้ว สิ้นเปลืองค่าทรัพย์สินสองล้าน เพียงพอให้เติมปราณสองพันแคล สุดท้ายจึงหลอมรวมพลังฟ้าดินได้แค่สองหลุนเท่านั้น สัดส่วนหนึ่งต่อสิบ!

หรือจะพูดว่าสิ้นเปลืองสิบเท่า

นี่บางทีอาจจะเป็นราคาที่ระบบให้ตัวเองจ่ายออกไปมากหน่อย ยังไงเขาก็ไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเจ็ด

เขาว่าแล้วระบบไม่ได้ใจกว้างขนาดนั้น

ถ้าเป็นสองหลุน งั้นก็เข้าใจง่ายแล้ว พลังฟ้าดินหนึ่งหลุน ในทฤษฏีเทียบเท่ากับการระเบิดปราณห้าร้อยแคล

ระเบิดพลังงานที่โยนออกไปเมื่อกี้ก็ระเบิดประมาณพันแคล

พลังนี้ ฟางผิงสามารถโจมตีผลลัพธ์แบบนี้ออกมาได้อย่างสบายๆ

“ดูท่า ทำได้แค่ใช้เป็นท่าไม้ตายเท่านั้น เจอผู้ฝึกยุทธ์ที่แข็งแกร่งกว่าฉันถึงจะมีประโยชน์ คนที่อ่อนแอกว่ายังไม่สู้จัดการด้วยตัวเอง ปัญหาเรื่องประสิทธิภาพต่อต้นทุนสินะ”

แต่เจอกับยอดฝีมือจริงๆ ตัวเองมีโอกาสหนีสูงกว่า ใครจะโง่คิดจัดการกัน!

“ไม่แน่เหมือนกัน บางครั้งเจอยอดฝีมือขั้นหก อาจจะได้ใช้ก็ได้”

“รู้สึกเหมือนไม่คุ้มค่ายังไงไม่รู้”

ฟางผิงด่าถึงมารดาอยู่ในใจ ยังไงก็รู้สึกว่าสิ่งนี้ไม่ค่อยคุ้มค่าอยู่บ้าง

เขากำลังคิดเรื่องนี้ ตาเฒ่าหลี่ก็เอ่ยอีกครั้ง “เธอยังไม่ได้บอกเลยว่าสัดส่วนการเปลี่ยนแปลงเท่าไหร่?”

ฟางผิงเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “สิ้นเปลืองปราณสองพันแคลก็สร้างพลังทำลายล้างได้เล็กน้อยแค่ไหน ไม่มีตาดูหรือไง”

ตาเฒ่าหลี่ไม่สนใจท่าทีของเขา ไอ้หนูนี้ช่วงนี้เหิมเกริมไม่น้อย กลับไปค่อยจัดการก็ไม่สาย

กวาดตามองหลุมด้านข้างแวบหนึ่ง ตาเฒ่าหลี่ลูบคางอย่างครุ่นคิด “สำหรับผู้ฝึกยุทธ์ขั้นห้าอย่างเธอ สามารถหลอมรวมพลังฟ้าดินได้ถือว่าไม่ง่ายแล้ว ตอนนี้ดูท่าไม่ได้สิ้นเปลืองมากจนเกินไป สัดส่วนเปลี่ยนแปลงยังนับว่าสูง มองจากการสิ้นเปลืองอย่างเดียว สองต่อหนึ่ง สิ้นเปลืองปราณสิบแคล สร้างพลังทำลายล้างประมาณห้าแคล”

ฟางผิงเริ่มสงสัยแล้วว่าเขาโง่หรือเปล่า เอ่ยอย่างลำบากใจว่า “งั้นผมใช้ปราณไม่ดีกว่าเหรอ ต้องสิ้นเปลืองไปทำไม”

“ปัญญาอ่อน!”

ตาเฒ่าหลี่กลอกตาใส่เขา ก่อนจะเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ไอ้หนู ฉันบอกแล้วว่าพลังปราณอย่างเดียวไม่แข็งแกร่งพอ เปรียบเทียบให้เห็นสักหน่อย อาวุธระดับ B สี่ชิ้น มูลค่าอาจจะเป็นสองเท่าตัวของอาวุธระดับ A หนึ่งชิ้น แต่อาวุธระดับ B สี่ชิ้นสามารถตัดระดับ A ขาดได้หรือเปล่าล่ะ?”

“อาจเป็นไปได้ ถ้าแนบติดปราณไปสักชิ้นหนึ่ง…”

“หุบปาก ฉันหมายถึงมองที่ความแข็งแรงเพียงอย่างเดียว”

——————

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด