ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน 131 เก็บค่าคุ้มครอง (1)

Now you are reading ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน Chapter 131 เก็บค่าคุ้มครอง (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 131 เก็บค่าคุ้มครอง (1)

ออกมาจากสนามมวย

ฟางผิงเหมือนอยากจะพูดอะไรสักอย่างแต่ก็หยุดไป หลู่เฟิ่งโหรวที่กำลังขับรถจึงพูดออกมาตรงๆ ว่า “เงินที่ฉันลงพนันไม่เกี่ยวกับนาย อย่ามาคิดวางแผนกับอาจารย์ ชีวิตของอาจารย์ก็ไม่ง่ายเหมือนกัน”

ฟางผิงขำแห้งว่า “ใครจะทำอย่างนั้นกันล่ะครับ”

“ฉันว่านายคิดจะทำอย่างนั้นนั่นแหละ”

“ผมเปล่าสักหน่อย!”

ฟางผิงรีบปฏิเสธ ก่อนจะหันไปทางจ้าวเสวี่ยเหมย “รุ่นน้อง ตอนนี้เธอยังอยู่ในมหาวิทยาลัย ไม่ได้ใช้เงินเยอะหรอก ให้ฉันช่วยเก็บดีหรือเปล่า?”

จ้าวเสวี่ยเหมยใบหน้าเปลี่ยนสีทันที ผ่านไปพักใหญ่ค่อยส่ายหัวว่า “ไม่ต้อง ขอบใจ”

“อีกอย่าง…นายอย่ามาเรียกฉันว่ารุ่นน้องได้รึเปล่า?”

จ้าวเสวี่ยเหมยไม่คุ้นชินอยู่บ้าง ก่อนหน้านี้ฟางผิงไม่ได้เป็นมิตรถึงขนาดนี้

หลู่เฟิ่งโหรวเอ่ยหยอกว่า “ฟางผิง ไม่งั้นนายตามจีบจ้าวเสวี่ยเหมยสิ จีบติดแล้ว เงินของเธอก็เป็นของนายแล้วไม่ใช่รึไง?”

“อาจารย์คะ!”

แม้ว่าจ้าวเสวี่ยเหมยจะมีนิสัยห้าวเหมือนผู้ชาย แต่ตอนนี้กลับทำตัวไม่ถูกอยู่บ้างเช่นกัน

ฟางผิงหัวเราะว่า “ตอนนี้ยังไม่มีความคิดนี้ แต่ถ้าถึงเวลาหาแฟนแล้ว จะลองพิจารณาตามคำแนะนำของอาจารย์ดูครับ”

“ฟางผิง!”

จ้าวเสวี่ยเหมยถลึงตามองเขา

ฟางผิงหัวเราะ ไม่ล้อเล่นอีกแล้ว เบี่ยงไปประเด็นอื่น “อาจารย์ครับ กำลังจะกลับมหาวิทยาลัยแล้วใช่หรือเปล่า?”

“อืม พวกเธอยังเป็นนักศึกษาใหม่ ออกมาเปิดโลกสักหน่อยก็พอแล้ว ไม่มีความจำเป็นต้องอยู่ข้างนอกนานๆ”

เวลาแบบนี้ให้พวกฟางผิงเรียนรู้ในมหาวิทยาลัยจะดีกว่า

ครั้งนี้เป็นเพราะว่าหลังจากนี้คลาสฝึกพิเศษจะสอนเนื้อหาเข้มข้นยิ่งขึ้น หลู่เฟิ่งโหรวที่พยายามทำหน้าที่อาจารย์จึงได้พาเด็กทั้งสองคนออกมาเปิดหูเปิดตา

“ครั้งหน้าถ้านายอยากมาที่นี่ก็มาเองได้เลย แต่เหมาะกับคนที่เริ่มหาประสบการณ์เท่านั้น เมื่อถึงขั้นสองขั้นสามแล้ว ไม่มีความจำเป็นต้องมาที่นี่อีก ต่อสู้ชี้เป็นชี้ตายกับผู้ฝึกยุทธ์เพื่อเรื่องเงิน ไม่ใช่เป้าหมายหลักของพวกเรา ไม่ว่าจะเป็นนักธุรกิจ นักการเมืองหรือทหาร สุดท้ายเป้าหมายของผู้ฝึกยุทธ์ก็คือเปลี่ยนเป็นแข็งแกร่งขึ้น เดินได้ไกลขึ้นและขจัดภัยร้ายจากถ้ำใต้ดิน”

ฟางผิงพยักหน้าเป็นนัยว่าเข้าใจแล้ว

หลู่เฟิ่งโหรวไม่ร่ำรี้ร่ำไรอีก ขับรถมุ่งหน้าไปยังมหาวิทยาลัย

หน้าประตูมหาวิทยาลัย ฟางผิงขอลงรถก่อน

ด้านนอกมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ มีตึกเชิงพาณิชย์เก่าๆ อยู่หลังหนึ่ง

ฟางผิงสาวเท้าเข้าไปในโถงใหญ่ บริษัทหยวนฟางอยู่ชั้นหกของตึกใหญ่นี้ เช่าเกือบครึ่งชั้นเพื่อเป็นสำนักงาน

นับตั้งแต่เช่าตึก ดึงหลี่เฉิงเจ๋อมาร่วมงาน ฟางผิงก็แทบไม่ได้เข้ามาเลย

ตั้งแต่ต้นรวมกับเงินแปดล้านครั้งก่อน ฟางผิงลงทุนไปเกือบสิบล้านแล้ว

แม้จะคิดว่าหลี่เฉิงเจ๋อไม่กล้าหักหลัง แต่นานวันเข้าจะไม่สนใจอะไรเลย ก็ไม่ถูกเหมือนกัน นี่ถือเป็นการกระตุ้นให้ลูกน้องทรยศคุณ

เข้ามาในลิฟต์ ไม่นานก็ถึงชั้นหกแล้ว

ออกมาจากลิฟต์ ด้านซ้ายเป็นบริษัทหยวนฟาง ด้านขวาเป็นบริษัทเงินกู้เล็กๆ แห่งหนึ่ง

ทางหยวนฟางค่อนข้างเงียบสงบ ส่วนทางขวานั้นเต็มไปด้วยเสียงเอะอะโวยวาย

บริษัทหยวนฟางไม่มีเคาน์เตอร์ต้อนรับ ประเด็นแรกเพราะตอนนี้ยังเป็นบริษัทเล็กๆ อีกประเด็นคือเพื่อประหยัดเงินค่ายิบย่อย

เวลานี้บริษัทหยวนฟางไม่ได้มีธุรกิจมากมายที่ต้องให้คนเข้ามาติดต่อ

ฟางผิงเดินมาถึงหน้าประตู ก็เปิดเข้าไปในสำนักงานโดยไม่ได้เคาะประตู

มีพนักงานเห็นเขาทันที รีบมาสอบถามว่า “สวัสดีครับ ไม่ทราบว่ามาหาใคร?”

“ผู้จัดการหลี่เฉิงเจ๋ออยู่หรือเปล่า?”

“อยู่ครับ ตอนนี้อยู่ในห้องทำงานด้านในสุด”

“ขอบคุณ”

ฟางผิงเอ่ยขอบคุณแล้ว ตรงดิ่งไปด้านในทันที ไม่มีคนขวางเขาเช่นกัน

การจัดการดูแลของบริษัทค่อนข้างหละหลวม ฟางผิงขมวดคิ้วเล็กน้อย ครุ่นคิดดูแล้วก็รู้สึกว่าปกติ

ตอนนี้พนักงานทั้งหมดมีแค่ไม่กี่คน พนักงานส่งของไม่ได้อยู่ทางนี้เหมือนกัน

ที่นี่ล้วนเป็นพนักงานที่รับผิดชอบบริการทางเว็บไซต์และฝ่ายพัฒนากิจการ ฟางผิงกวาดสายตาดู น่าจะมีประมาณสามสิบคน

บริษัทเล็กๆ แบบนี้ ก่อตั้งขึ้นมาไม่นาน การจัดการจะหละหลวมหน่อยก็พอเข้าใจได้

“ประธานจาง ผมบอกแล้วว่าผมไม่ใช่เจ้าของบริษัท ยังมีเจ้านายของพวกเราอีก”

“…”

“ผมรู้ว่าการร่วมธุรกิจเป็นประโยชน์ต่อพวกเรา แต่ผมเป็นแค่พนักงานคนหนึ่ง ไม่อาจตัดสินใจแทนเจ้านายได้”

“…”

“ยิ่งไปกว่านั้นเงื่อนไขของคุณยังขูดเลือดกันเกินไป…”

“…”

“ผมจะถ่ายทอดคำพูดให้ คุณวางใจเถอะ”

“ก๊อกๆ…”

“ได้ งั้นผมขอวางก่อน ผมยังมีธุระต้องจัดการอีกนิดหน่อย รอเจ้านายมีความคืบหน้ายังไง ผมจะโทรกลับหาคุณอีกที”

“เข้ามาได้!”

หลี่เฉิงเจ๋อวางโทรศัพท์ ก่อนจะตอบรับ

รอจนฟางผิงผลักประตูเข้ามา หลี่เฉิงเจ๋อตกใจอยู่บ้าง รีบหยัดกายขึ้นว่า “คุณฟาง มาได้ยังไงครับ?”

“มาทำธุระแถวนี้เลยแวะเข้ามา”

ฟางผิงเผยยิ้ม ก่อนจะสำรวจรอบๆ ห้องทำงานของหลี่เฉิงเจ๋อไม่ใหญ่มาก ค่อนข้างซ่อมซอทีเดียว เทียบกับทางโรมแรมมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้แล้วยังด้อยกว่าอยู่บ้าง

ฟางผิงไม่อ้อมค้อม เอ่ยไปตามตรง “เมื่อกี้มีคนขอร่วมธุรกิจกับพวกเรา?”

“น่าจะเป็นตัวแทนมากกว่า”

หลี่เฉิงเจ๋ออธิบาย “ตั้งแต่คุณโอนเงินมาแปดล้าน นอกจากขยับขยายด้านบริการส่งอาหาร ก็ยังเพิ่มจุดส่งของเข้ามาไม่น้อย ตอนนี้ในเมืองมหาวิทยาลัยมีจุดส่งของยี่สิบแห่ง ถ้ามีจุดส่งของประมาณสี่สิบถึงห้าสิบแห่ง คงจะครอบคลุมในพื้นที่เมืองมหาวิทยาลัยแล้ว ปัจจุบันมีบริษัทส่งของขนาดกลางหลายแห่ง พวกเขาไม่มีธุรกิจในเมืองมหาวิทยาลัยเท่าไหร่ จึงหวังให้พวกเราสามารถดำเนินธุรกิจแทนพวกเขาในเมืองมหาวิทยาลัย”

ระหว่างที่พูด หลี่เฉิงเจ๋อลังเลเล็กน้อย ก่อนเอ่ยว่า “คุณฟาง ความจริงผมคิดว่าการยอมรับตัวแทนก็ไม่ได้แย่เสมอไป พวกเราสามารถอาศัยชื่อเสียงของบริษัทพวกเขาได้ แน่นอนว่านี่ไม่ใช่ประเด็นหลัก สิ่งที่สำคัญคือใช้ประโยชน์จากช่องทางของพวกเขาต่างหาก ตอนนี้พวกเราปูช่องทางได้แค่ในเมืองมหาวิทยาลัยเท่านั้น ไม่มีจุดส่งของกระจายทั่วประเทศ คลังจัดเก็บของ สถานีขนส่งสินค้า กระทั่งรถส่งสินค้ายังไม่มีเตรียมพร้อม สถานการณ์แบบนี้ หากพวกเราไม่เป็นตัวแทนบริษัทส่งของในพื้นที่สักแห่ง คงไม่อาจขยับขยายกิจการต่อไปได้ ทำได้แค่ขยับขยายด้วยตัวเองเท่านั้น การส่งของและส่งอาหารนั้นไม่เหมือนกัน การส่งของนั้นจำเป็นต้องครอบคลุมทั้งประเทศ แต่การส่งอาหารขึ้นอยู่กับพื้นที่นั้นๆ จำกัดขอบเขตอยู่ในท้องถิ่น ดังนั้นการส่งอาหารจึงสามารถขยับขยายมีละเล็กทีละน้อยได้ แต่การส่งของทำไม่ได้…”

อันที่จริงเทียบกันแล้ว ปูช่องทางธุรกิจส่งอาหารจะง่ายกว่ามาก ทั้งสามารถแยกออกมาทำได้

แต่การส่งของ หากคุณไม่มีช่องทางกระจายอยู่ทั่วประเทศ คงทำไม่ได้

มีแค่คนในพื้นที่เมืองมหาวิทยาลัยส่งของให้คนในพื้นที่กันเอง นอกจากนั้นแล้วคุณก็ไม่อาจทำอย่างอื่นได้เลย

ส่วนธุรกิจโลจิสติกส์ ตอนนี้ยังไม่ค่อยเข้าท่า ทั้งไม่เป็นที่นิยมเท่าไหร่

บริษัทขนส่งในตอนนี้แทบจะเป็นแบบลูกค้าส่งให้ลูกค้าทั้งหมด

ฟางผิงเงียบไปพักหนึ่งค่อยเอ่ยว่า “ใช้ชื่อหยวนฟางของพวกเรา เป็นตัวแทนธุรกิจในพื้นที่ของพวกเราเป็นยังไง? ให้หยวนฟางเป็นจุดส่งในพื้นที่ก่อน หลักๆ คือเน้นเรื่องอีคอมเมิร์ซ ตอนนี้เทียบกับพวกเขาแล้ว ธุรกิจขนส่งของเราครองพื้นที่ค่อนข้างน้อย ทั้งแม้ว่าธุรกิจอีคอมเมิร์ซจะไม่ใหญ่มาก แต่ขั้นตอนขนส่งค่อนข้างยุ่งยาก เจอกับลูกค้าเยอะกว่า กำไรก็เทียบกับการส่งโลจิสติกส์ครั้งละจำนวนมากไม่ได้ ถ้าพวกเราใช้ชื่อหยวนฟางเป็นตัวแทนด้านอีคอมเมิร์ซ บางทีอาจจะเป็นตัวแทนธุรกิจของบริษัทส่งของหลายแห่งได้”

หลี่เฉิงเจ๋อเอ่ยทันที “ความหมายของคุณคือ ตอนนี้พวกเราจะเป็นตัวแทนทำธุรกิจขนส่งอีคอมเมิร์ซในพื้นที่ของเมืองมหาวิทยาลัย?”

“ใช่ จะทำได้หรือเปล่า?”

หลี่เฉิงเจ๋อครุ่นคิดอยู่พักใหญ่ ก่อนจะตอบอย่างลังเลอยู่บ้าง “แต่ตอนนี้บริษัทขนส่งแห่งอื่น ก็มีตัวแทนในพื้นที่เมืองมหาวิทยาลัยเหมือนกันนะครับ…”

——————

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน 131 เก็บค่าคุ้มครอง (1)

Now you are reading ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน Chapter 131 เก็บค่าคุ้มครอง (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 131 เก็บค่าคุ้มครอง (1)

ออกมาจากสนามมวย

ฟางผิงเหมือนอยากจะพูดอะไรสักอย่างแต่ก็หยุดไป หลู่เฟิ่งโหรวที่กำลังขับรถจึงพูดออกมาตรงๆ ว่า “เงินที่ฉันลงพนันไม่เกี่ยวกับนาย อย่ามาคิดวางแผนกับอาจารย์ ชีวิตของอาจารย์ก็ไม่ง่ายเหมือนกัน”

ฟางผิงขำแห้งว่า “ใครจะทำอย่างนั้นกันล่ะครับ”

“ฉันว่านายคิดจะทำอย่างนั้นนั่นแหละ”

“ผมเปล่าสักหน่อย!”

ฟางผิงรีบปฏิเสธ ก่อนจะหันไปทางจ้าวเสวี่ยเหมย “รุ่นน้อง ตอนนี้เธอยังอยู่ในมหาวิทยาลัย ไม่ได้ใช้เงินเยอะหรอก ให้ฉันช่วยเก็บดีหรือเปล่า?”

จ้าวเสวี่ยเหมยใบหน้าเปลี่ยนสีทันที ผ่านไปพักใหญ่ค่อยส่ายหัวว่า “ไม่ต้อง ขอบใจ”

“อีกอย่าง…นายอย่ามาเรียกฉันว่ารุ่นน้องได้รึเปล่า?”

จ้าวเสวี่ยเหมยไม่คุ้นชินอยู่บ้าง ก่อนหน้านี้ฟางผิงไม่ได้เป็นมิตรถึงขนาดนี้

หลู่เฟิ่งโหรวเอ่ยหยอกว่า “ฟางผิง ไม่งั้นนายตามจีบจ้าวเสวี่ยเหมยสิ จีบติดแล้ว เงินของเธอก็เป็นของนายแล้วไม่ใช่รึไง?”

“อาจารย์คะ!”

แม้ว่าจ้าวเสวี่ยเหมยจะมีนิสัยห้าวเหมือนผู้ชาย แต่ตอนนี้กลับทำตัวไม่ถูกอยู่บ้างเช่นกัน

ฟางผิงหัวเราะว่า “ตอนนี้ยังไม่มีความคิดนี้ แต่ถ้าถึงเวลาหาแฟนแล้ว จะลองพิจารณาตามคำแนะนำของอาจารย์ดูครับ”

“ฟางผิง!”

จ้าวเสวี่ยเหมยถลึงตามองเขา

ฟางผิงหัวเราะ ไม่ล้อเล่นอีกแล้ว เบี่ยงไปประเด็นอื่น “อาจารย์ครับ กำลังจะกลับมหาวิทยาลัยแล้วใช่หรือเปล่า?”

“อืม พวกเธอยังเป็นนักศึกษาใหม่ ออกมาเปิดโลกสักหน่อยก็พอแล้ว ไม่มีความจำเป็นต้องอยู่ข้างนอกนานๆ”

เวลาแบบนี้ให้พวกฟางผิงเรียนรู้ในมหาวิทยาลัยจะดีกว่า

ครั้งนี้เป็นเพราะว่าหลังจากนี้คลาสฝึกพิเศษจะสอนเนื้อหาเข้มข้นยิ่งขึ้น หลู่เฟิ่งโหรวที่พยายามทำหน้าที่อาจารย์จึงได้พาเด็กทั้งสองคนออกมาเปิดหูเปิดตา

“ครั้งหน้าถ้านายอยากมาที่นี่ก็มาเองได้เลย แต่เหมาะกับคนที่เริ่มหาประสบการณ์เท่านั้น เมื่อถึงขั้นสองขั้นสามแล้ว ไม่มีความจำเป็นต้องมาที่นี่อีก ต่อสู้ชี้เป็นชี้ตายกับผู้ฝึกยุทธ์เพื่อเรื่องเงิน ไม่ใช่เป้าหมายหลักของพวกเรา ไม่ว่าจะเป็นนักธุรกิจ นักการเมืองหรือทหาร สุดท้ายเป้าหมายของผู้ฝึกยุทธ์ก็คือเปลี่ยนเป็นแข็งแกร่งขึ้น เดินได้ไกลขึ้นและขจัดภัยร้ายจากถ้ำใต้ดิน”

ฟางผิงพยักหน้าเป็นนัยว่าเข้าใจแล้ว

หลู่เฟิ่งโหรวไม่ร่ำรี้ร่ำไรอีก ขับรถมุ่งหน้าไปยังมหาวิทยาลัย

หน้าประตูมหาวิทยาลัย ฟางผิงขอลงรถก่อน

ด้านนอกมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ มีตึกเชิงพาณิชย์เก่าๆ อยู่หลังหนึ่ง

ฟางผิงสาวเท้าเข้าไปในโถงใหญ่ บริษัทหยวนฟางอยู่ชั้นหกของตึกใหญ่นี้ เช่าเกือบครึ่งชั้นเพื่อเป็นสำนักงาน

นับตั้งแต่เช่าตึก ดึงหลี่เฉิงเจ๋อมาร่วมงาน ฟางผิงก็แทบไม่ได้เข้ามาเลย

ตั้งแต่ต้นรวมกับเงินแปดล้านครั้งก่อน ฟางผิงลงทุนไปเกือบสิบล้านแล้ว

แม้จะคิดว่าหลี่เฉิงเจ๋อไม่กล้าหักหลัง แต่นานวันเข้าจะไม่สนใจอะไรเลย ก็ไม่ถูกเหมือนกัน นี่ถือเป็นการกระตุ้นให้ลูกน้องทรยศคุณ

เข้ามาในลิฟต์ ไม่นานก็ถึงชั้นหกแล้ว

ออกมาจากลิฟต์ ด้านซ้ายเป็นบริษัทหยวนฟาง ด้านขวาเป็นบริษัทเงินกู้เล็กๆ แห่งหนึ่ง

ทางหยวนฟางค่อนข้างเงียบสงบ ส่วนทางขวานั้นเต็มไปด้วยเสียงเอะอะโวยวาย

บริษัทหยวนฟางไม่มีเคาน์เตอร์ต้อนรับ ประเด็นแรกเพราะตอนนี้ยังเป็นบริษัทเล็กๆ อีกประเด็นคือเพื่อประหยัดเงินค่ายิบย่อย

เวลานี้บริษัทหยวนฟางไม่ได้มีธุรกิจมากมายที่ต้องให้คนเข้ามาติดต่อ

ฟางผิงเดินมาถึงหน้าประตู ก็เปิดเข้าไปในสำนักงานโดยไม่ได้เคาะประตู

มีพนักงานเห็นเขาทันที รีบมาสอบถามว่า “สวัสดีครับ ไม่ทราบว่ามาหาใคร?”

“ผู้จัดการหลี่เฉิงเจ๋ออยู่หรือเปล่า?”

“อยู่ครับ ตอนนี้อยู่ในห้องทำงานด้านในสุด”

“ขอบคุณ”

ฟางผิงเอ่ยขอบคุณแล้ว ตรงดิ่งไปด้านในทันที ไม่มีคนขวางเขาเช่นกัน

การจัดการดูแลของบริษัทค่อนข้างหละหลวม ฟางผิงขมวดคิ้วเล็กน้อย ครุ่นคิดดูแล้วก็รู้สึกว่าปกติ

ตอนนี้พนักงานทั้งหมดมีแค่ไม่กี่คน พนักงานส่งของไม่ได้อยู่ทางนี้เหมือนกัน

ที่นี่ล้วนเป็นพนักงานที่รับผิดชอบบริการทางเว็บไซต์และฝ่ายพัฒนากิจการ ฟางผิงกวาดสายตาดู น่าจะมีประมาณสามสิบคน

บริษัทเล็กๆ แบบนี้ ก่อตั้งขึ้นมาไม่นาน การจัดการจะหละหลวมหน่อยก็พอเข้าใจได้

“ประธานจาง ผมบอกแล้วว่าผมไม่ใช่เจ้าของบริษัท ยังมีเจ้านายของพวกเราอีก”

“…”

“ผมรู้ว่าการร่วมธุรกิจเป็นประโยชน์ต่อพวกเรา แต่ผมเป็นแค่พนักงานคนหนึ่ง ไม่อาจตัดสินใจแทนเจ้านายได้”

“…”

“ยิ่งไปกว่านั้นเงื่อนไขของคุณยังขูดเลือดกันเกินไป…”

“…”

“ผมจะถ่ายทอดคำพูดให้ คุณวางใจเถอะ”

“ก๊อกๆ…”

“ได้ งั้นผมขอวางก่อน ผมยังมีธุระต้องจัดการอีกนิดหน่อย รอเจ้านายมีความคืบหน้ายังไง ผมจะโทรกลับหาคุณอีกที”

“เข้ามาได้!”

หลี่เฉิงเจ๋อวางโทรศัพท์ ก่อนจะตอบรับ

รอจนฟางผิงผลักประตูเข้ามา หลี่เฉิงเจ๋อตกใจอยู่บ้าง รีบหยัดกายขึ้นว่า “คุณฟาง มาได้ยังไงครับ?”

“มาทำธุระแถวนี้เลยแวะเข้ามา”

ฟางผิงเผยยิ้ม ก่อนจะสำรวจรอบๆ ห้องทำงานของหลี่เฉิงเจ๋อไม่ใหญ่มาก ค่อนข้างซ่อมซอทีเดียว เทียบกับทางโรมแรมมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้แล้วยังด้อยกว่าอยู่บ้าง

ฟางผิงไม่อ้อมค้อม เอ่ยไปตามตรง “เมื่อกี้มีคนขอร่วมธุรกิจกับพวกเรา?”

“น่าจะเป็นตัวแทนมากกว่า”

หลี่เฉิงเจ๋ออธิบาย “ตั้งแต่คุณโอนเงินมาแปดล้าน นอกจากขยับขยายด้านบริการส่งอาหาร ก็ยังเพิ่มจุดส่งของเข้ามาไม่น้อย ตอนนี้ในเมืองมหาวิทยาลัยมีจุดส่งของยี่สิบแห่ง ถ้ามีจุดส่งของประมาณสี่สิบถึงห้าสิบแห่ง คงจะครอบคลุมในพื้นที่เมืองมหาวิทยาลัยแล้ว ปัจจุบันมีบริษัทส่งของขนาดกลางหลายแห่ง พวกเขาไม่มีธุรกิจในเมืองมหาวิทยาลัยเท่าไหร่ จึงหวังให้พวกเราสามารถดำเนินธุรกิจแทนพวกเขาในเมืองมหาวิทยาลัย”

ระหว่างที่พูด หลี่เฉิงเจ๋อลังเลเล็กน้อย ก่อนเอ่ยว่า “คุณฟาง ความจริงผมคิดว่าการยอมรับตัวแทนก็ไม่ได้แย่เสมอไป พวกเราสามารถอาศัยชื่อเสียงของบริษัทพวกเขาได้ แน่นอนว่านี่ไม่ใช่ประเด็นหลัก สิ่งที่สำคัญคือใช้ประโยชน์จากช่องทางของพวกเขาต่างหาก ตอนนี้พวกเราปูช่องทางได้แค่ในเมืองมหาวิทยาลัยเท่านั้น ไม่มีจุดส่งของกระจายทั่วประเทศ คลังจัดเก็บของ สถานีขนส่งสินค้า กระทั่งรถส่งสินค้ายังไม่มีเตรียมพร้อม สถานการณ์แบบนี้ หากพวกเราไม่เป็นตัวแทนบริษัทส่งของในพื้นที่สักแห่ง คงไม่อาจขยับขยายกิจการต่อไปได้ ทำได้แค่ขยับขยายด้วยตัวเองเท่านั้น การส่งของและส่งอาหารนั้นไม่เหมือนกัน การส่งของนั้นจำเป็นต้องครอบคลุมทั้งประเทศ แต่การส่งอาหารขึ้นอยู่กับพื้นที่นั้นๆ จำกัดขอบเขตอยู่ในท้องถิ่น ดังนั้นการส่งอาหารจึงสามารถขยับขยายมีละเล็กทีละน้อยได้ แต่การส่งของทำไม่ได้…”

อันที่จริงเทียบกันแล้ว ปูช่องทางธุรกิจส่งอาหารจะง่ายกว่ามาก ทั้งสามารถแยกออกมาทำได้

แต่การส่งของ หากคุณไม่มีช่องทางกระจายอยู่ทั่วประเทศ คงทำไม่ได้

มีแค่คนในพื้นที่เมืองมหาวิทยาลัยส่งของให้คนในพื้นที่กันเอง นอกจากนั้นแล้วคุณก็ไม่อาจทำอย่างอื่นได้เลย

ส่วนธุรกิจโลจิสติกส์ ตอนนี้ยังไม่ค่อยเข้าท่า ทั้งไม่เป็นที่นิยมเท่าไหร่

บริษัทขนส่งในตอนนี้แทบจะเป็นแบบลูกค้าส่งให้ลูกค้าทั้งหมด

ฟางผิงเงียบไปพักหนึ่งค่อยเอ่ยว่า “ใช้ชื่อหยวนฟางของพวกเรา เป็นตัวแทนธุรกิจในพื้นที่ของพวกเราเป็นยังไง? ให้หยวนฟางเป็นจุดส่งในพื้นที่ก่อน หลักๆ คือเน้นเรื่องอีคอมเมิร์ซ ตอนนี้เทียบกับพวกเขาแล้ว ธุรกิจขนส่งของเราครองพื้นที่ค่อนข้างน้อย ทั้งแม้ว่าธุรกิจอีคอมเมิร์ซจะไม่ใหญ่มาก แต่ขั้นตอนขนส่งค่อนข้างยุ่งยาก เจอกับลูกค้าเยอะกว่า กำไรก็เทียบกับการส่งโลจิสติกส์ครั้งละจำนวนมากไม่ได้ ถ้าพวกเราใช้ชื่อหยวนฟางเป็นตัวแทนด้านอีคอมเมิร์ซ บางทีอาจจะเป็นตัวแทนธุรกิจของบริษัทส่งของหลายแห่งได้”

หลี่เฉิงเจ๋อเอ่ยทันที “ความหมายของคุณคือ ตอนนี้พวกเราจะเป็นตัวแทนทำธุรกิจขนส่งอีคอมเมิร์ซในพื้นที่ของเมืองมหาวิทยาลัย?”

“ใช่ จะทำได้หรือเปล่า?”

หลี่เฉิงเจ๋อครุ่นคิดอยู่พักใหญ่ ก่อนจะตอบอย่างลังเลอยู่บ้าง “แต่ตอนนี้บริษัทขนส่งแห่งอื่น ก็มีตัวแทนในพื้นที่เมืองมหาวิทยาลัยเหมือนกันนะครับ…”

——————

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน 131 เก็บค่าคุ้มครอง (1)

Now you are reading ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน Chapter 131 เก็บค่าคุ้มครอง (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 131 เก็บค่าคุ้มครอง (1)

ออกมาจากสนามมวย

ฟางผิงเหมือนอยากจะพูดอะไรสักอย่างแต่ก็หยุดไป หลู่เฟิ่งโหรวที่กำลังขับรถจึงพูดออกมาตรงๆ ว่า “เงินที่ฉันลงพนันไม่เกี่ยวกับนาย อย่ามาคิดวางแผนกับอาจารย์ ชีวิตของอาจารย์ก็ไม่ง่ายเหมือนกัน”

ฟางผิงขำแห้งว่า “ใครจะทำอย่างนั้นกันล่ะครับ”

“ฉันว่านายคิดจะทำอย่างนั้นนั่นแหละ”

“ผมเปล่าสักหน่อย!”

ฟางผิงรีบปฏิเสธ ก่อนจะหันไปทางจ้าวเสวี่ยเหมย “รุ่นน้อง ตอนนี้เธอยังอยู่ในมหาวิทยาลัย ไม่ได้ใช้เงินเยอะหรอก ให้ฉันช่วยเก็บดีหรือเปล่า?”

จ้าวเสวี่ยเหมยใบหน้าเปลี่ยนสีทันที ผ่านไปพักใหญ่ค่อยส่ายหัวว่า “ไม่ต้อง ขอบใจ”

“อีกอย่าง…นายอย่ามาเรียกฉันว่ารุ่นน้องได้รึเปล่า?”

จ้าวเสวี่ยเหมยไม่คุ้นชินอยู่บ้าง ก่อนหน้านี้ฟางผิงไม่ได้เป็นมิตรถึงขนาดนี้

หลู่เฟิ่งโหรวเอ่ยหยอกว่า “ฟางผิง ไม่งั้นนายตามจีบจ้าวเสวี่ยเหมยสิ จีบติดแล้ว เงินของเธอก็เป็นของนายแล้วไม่ใช่รึไง?”

“อาจารย์คะ!”

แม้ว่าจ้าวเสวี่ยเหมยจะมีนิสัยห้าวเหมือนผู้ชาย แต่ตอนนี้กลับทำตัวไม่ถูกอยู่บ้างเช่นกัน

ฟางผิงหัวเราะว่า “ตอนนี้ยังไม่มีความคิดนี้ แต่ถ้าถึงเวลาหาแฟนแล้ว จะลองพิจารณาตามคำแนะนำของอาจารย์ดูครับ”

“ฟางผิง!”

จ้าวเสวี่ยเหมยถลึงตามองเขา

ฟางผิงหัวเราะ ไม่ล้อเล่นอีกแล้ว เบี่ยงไปประเด็นอื่น “อาจารย์ครับ กำลังจะกลับมหาวิทยาลัยแล้วใช่หรือเปล่า?”

“อืม พวกเธอยังเป็นนักศึกษาใหม่ ออกมาเปิดโลกสักหน่อยก็พอแล้ว ไม่มีความจำเป็นต้องอยู่ข้างนอกนานๆ”

เวลาแบบนี้ให้พวกฟางผิงเรียนรู้ในมหาวิทยาลัยจะดีกว่า

ครั้งนี้เป็นเพราะว่าหลังจากนี้คลาสฝึกพิเศษจะสอนเนื้อหาเข้มข้นยิ่งขึ้น หลู่เฟิ่งโหรวที่พยายามทำหน้าที่อาจารย์จึงได้พาเด็กทั้งสองคนออกมาเปิดหูเปิดตา

“ครั้งหน้าถ้านายอยากมาที่นี่ก็มาเองได้เลย แต่เหมาะกับคนที่เริ่มหาประสบการณ์เท่านั้น เมื่อถึงขั้นสองขั้นสามแล้ว ไม่มีความจำเป็นต้องมาที่นี่อีก ต่อสู้ชี้เป็นชี้ตายกับผู้ฝึกยุทธ์เพื่อเรื่องเงิน ไม่ใช่เป้าหมายหลักของพวกเรา ไม่ว่าจะเป็นนักธุรกิจ นักการเมืองหรือทหาร สุดท้ายเป้าหมายของผู้ฝึกยุทธ์ก็คือเปลี่ยนเป็นแข็งแกร่งขึ้น เดินได้ไกลขึ้นและขจัดภัยร้ายจากถ้ำใต้ดิน”

ฟางผิงพยักหน้าเป็นนัยว่าเข้าใจแล้ว

หลู่เฟิ่งโหรวไม่ร่ำรี้ร่ำไรอีก ขับรถมุ่งหน้าไปยังมหาวิทยาลัย

หน้าประตูมหาวิทยาลัย ฟางผิงขอลงรถก่อน

ด้านนอกมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ มีตึกเชิงพาณิชย์เก่าๆ อยู่หลังหนึ่ง

ฟางผิงสาวเท้าเข้าไปในโถงใหญ่ บริษัทหยวนฟางอยู่ชั้นหกของตึกใหญ่นี้ เช่าเกือบครึ่งชั้นเพื่อเป็นสำนักงาน

นับตั้งแต่เช่าตึก ดึงหลี่เฉิงเจ๋อมาร่วมงาน ฟางผิงก็แทบไม่ได้เข้ามาเลย

ตั้งแต่ต้นรวมกับเงินแปดล้านครั้งก่อน ฟางผิงลงทุนไปเกือบสิบล้านแล้ว

แม้จะคิดว่าหลี่เฉิงเจ๋อไม่กล้าหักหลัง แต่นานวันเข้าจะไม่สนใจอะไรเลย ก็ไม่ถูกเหมือนกัน นี่ถือเป็นการกระตุ้นให้ลูกน้องทรยศคุณ

เข้ามาในลิฟต์ ไม่นานก็ถึงชั้นหกแล้ว

ออกมาจากลิฟต์ ด้านซ้ายเป็นบริษัทหยวนฟาง ด้านขวาเป็นบริษัทเงินกู้เล็กๆ แห่งหนึ่ง

ทางหยวนฟางค่อนข้างเงียบสงบ ส่วนทางขวานั้นเต็มไปด้วยเสียงเอะอะโวยวาย

บริษัทหยวนฟางไม่มีเคาน์เตอร์ต้อนรับ ประเด็นแรกเพราะตอนนี้ยังเป็นบริษัทเล็กๆ อีกประเด็นคือเพื่อประหยัดเงินค่ายิบย่อย

เวลานี้บริษัทหยวนฟางไม่ได้มีธุรกิจมากมายที่ต้องให้คนเข้ามาติดต่อ

ฟางผิงเดินมาถึงหน้าประตู ก็เปิดเข้าไปในสำนักงานโดยไม่ได้เคาะประตู

มีพนักงานเห็นเขาทันที รีบมาสอบถามว่า “สวัสดีครับ ไม่ทราบว่ามาหาใคร?”

“ผู้จัดการหลี่เฉิงเจ๋ออยู่หรือเปล่า?”

“อยู่ครับ ตอนนี้อยู่ในห้องทำงานด้านในสุด”

“ขอบคุณ”

ฟางผิงเอ่ยขอบคุณแล้ว ตรงดิ่งไปด้านในทันที ไม่มีคนขวางเขาเช่นกัน

การจัดการดูแลของบริษัทค่อนข้างหละหลวม ฟางผิงขมวดคิ้วเล็กน้อย ครุ่นคิดดูแล้วก็รู้สึกว่าปกติ

ตอนนี้พนักงานทั้งหมดมีแค่ไม่กี่คน พนักงานส่งของไม่ได้อยู่ทางนี้เหมือนกัน

ที่นี่ล้วนเป็นพนักงานที่รับผิดชอบบริการทางเว็บไซต์และฝ่ายพัฒนากิจการ ฟางผิงกวาดสายตาดู น่าจะมีประมาณสามสิบคน

บริษัทเล็กๆ แบบนี้ ก่อตั้งขึ้นมาไม่นาน การจัดการจะหละหลวมหน่อยก็พอเข้าใจได้

“ประธานจาง ผมบอกแล้วว่าผมไม่ใช่เจ้าของบริษัท ยังมีเจ้านายของพวกเราอีก”

“…”

“ผมรู้ว่าการร่วมธุรกิจเป็นประโยชน์ต่อพวกเรา แต่ผมเป็นแค่พนักงานคนหนึ่ง ไม่อาจตัดสินใจแทนเจ้านายได้”

“…”

“ยิ่งไปกว่านั้นเงื่อนไขของคุณยังขูดเลือดกันเกินไป…”

“…”

“ผมจะถ่ายทอดคำพูดให้ คุณวางใจเถอะ”

“ก๊อกๆ…”

“ได้ งั้นผมขอวางก่อน ผมยังมีธุระต้องจัดการอีกนิดหน่อย รอเจ้านายมีความคืบหน้ายังไง ผมจะโทรกลับหาคุณอีกที”

“เข้ามาได้!”

หลี่เฉิงเจ๋อวางโทรศัพท์ ก่อนจะตอบรับ

รอจนฟางผิงผลักประตูเข้ามา หลี่เฉิงเจ๋อตกใจอยู่บ้าง รีบหยัดกายขึ้นว่า “คุณฟาง มาได้ยังไงครับ?”

“มาทำธุระแถวนี้เลยแวะเข้ามา”

ฟางผิงเผยยิ้ม ก่อนจะสำรวจรอบๆ ห้องทำงานของหลี่เฉิงเจ๋อไม่ใหญ่มาก ค่อนข้างซ่อมซอทีเดียว เทียบกับทางโรมแรมมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้แล้วยังด้อยกว่าอยู่บ้าง

ฟางผิงไม่อ้อมค้อม เอ่ยไปตามตรง “เมื่อกี้มีคนขอร่วมธุรกิจกับพวกเรา?”

“น่าจะเป็นตัวแทนมากกว่า”

หลี่เฉิงเจ๋ออธิบาย “ตั้งแต่คุณโอนเงินมาแปดล้าน นอกจากขยับขยายด้านบริการส่งอาหาร ก็ยังเพิ่มจุดส่งของเข้ามาไม่น้อย ตอนนี้ในเมืองมหาวิทยาลัยมีจุดส่งของยี่สิบแห่ง ถ้ามีจุดส่งของประมาณสี่สิบถึงห้าสิบแห่ง คงจะครอบคลุมในพื้นที่เมืองมหาวิทยาลัยแล้ว ปัจจุบันมีบริษัทส่งของขนาดกลางหลายแห่ง พวกเขาไม่มีธุรกิจในเมืองมหาวิทยาลัยเท่าไหร่ จึงหวังให้พวกเราสามารถดำเนินธุรกิจแทนพวกเขาในเมืองมหาวิทยาลัย”

ระหว่างที่พูด หลี่เฉิงเจ๋อลังเลเล็กน้อย ก่อนเอ่ยว่า “คุณฟาง ความจริงผมคิดว่าการยอมรับตัวแทนก็ไม่ได้แย่เสมอไป พวกเราสามารถอาศัยชื่อเสียงของบริษัทพวกเขาได้ แน่นอนว่านี่ไม่ใช่ประเด็นหลัก สิ่งที่สำคัญคือใช้ประโยชน์จากช่องทางของพวกเขาต่างหาก ตอนนี้พวกเราปูช่องทางได้แค่ในเมืองมหาวิทยาลัยเท่านั้น ไม่มีจุดส่งของกระจายทั่วประเทศ คลังจัดเก็บของ สถานีขนส่งสินค้า กระทั่งรถส่งสินค้ายังไม่มีเตรียมพร้อม สถานการณ์แบบนี้ หากพวกเราไม่เป็นตัวแทนบริษัทส่งของในพื้นที่สักแห่ง คงไม่อาจขยับขยายกิจการต่อไปได้ ทำได้แค่ขยับขยายด้วยตัวเองเท่านั้น การส่งของและส่งอาหารนั้นไม่เหมือนกัน การส่งของนั้นจำเป็นต้องครอบคลุมทั้งประเทศ แต่การส่งอาหารขึ้นอยู่กับพื้นที่นั้นๆ จำกัดขอบเขตอยู่ในท้องถิ่น ดังนั้นการส่งอาหารจึงสามารถขยับขยายมีละเล็กทีละน้อยได้ แต่การส่งของทำไม่ได้…”

อันที่จริงเทียบกันแล้ว ปูช่องทางธุรกิจส่งอาหารจะง่ายกว่ามาก ทั้งสามารถแยกออกมาทำได้

แต่การส่งของ หากคุณไม่มีช่องทางกระจายอยู่ทั่วประเทศ คงทำไม่ได้

มีแค่คนในพื้นที่เมืองมหาวิทยาลัยส่งของให้คนในพื้นที่กันเอง นอกจากนั้นแล้วคุณก็ไม่อาจทำอย่างอื่นได้เลย

ส่วนธุรกิจโลจิสติกส์ ตอนนี้ยังไม่ค่อยเข้าท่า ทั้งไม่เป็นที่นิยมเท่าไหร่

บริษัทขนส่งในตอนนี้แทบจะเป็นแบบลูกค้าส่งให้ลูกค้าทั้งหมด

ฟางผิงเงียบไปพักหนึ่งค่อยเอ่ยว่า “ใช้ชื่อหยวนฟางของพวกเรา เป็นตัวแทนธุรกิจในพื้นที่ของพวกเราเป็นยังไง? ให้หยวนฟางเป็นจุดส่งในพื้นที่ก่อน หลักๆ คือเน้นเรื่องอีคอมเมิร์ซ ตอนนี้เทียบกับพวกเขาแล้ว ธุรกิจขนส่งของเราครองพื้นที่ค่อนข้างน้อย ทั้งแม้ว่าธุรกิจอีคอมเมิร์ซจะไม่ใหญ่มาก แต่ขั้นตอนขนส่งค่อนข้างยุ่งยาก เจอกับลูกค้าเยอะกว่า กำไรก็เทียบกับการส่งโลจิสติกส์ครั้งละจำนวนมากไม่ได้ ถ้าพวกเราใช้ชื่อหยวนฟางเป็นตัวแทนด้านอีคอมเมิร์ซ บางทีอาจจะเป็นตัวแทนธุรกิจของบริษัทส่งของหลายแห่งได้”

หลี่เฉิงเจ๋อเอ่ยทันที “ความหมายของคุณคือ ตอนนี้พวกเราจะเป็นตัวแทนทำธุรกิจขนส่งอีคอมเมิร์ซในพื้นที่ของเมืองมหาวิทยาลัย?”

“ใช่ จะทำได้หรือเปล่า?”

หลี่เฉิงเจ๋อครุ่นคิดอยู่พักใหญ่ ก่อนจะตอบอย่างลังเลอยู่บ้าง “แต่ตอนนี้บริษัทขนส่งแห่งอื่น ก็มีตัวแทนในพื้นที่เมืองมหาวิทยาลัยเหมือนกันนะครับ…”

——————

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+