ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน 196-2 รนหาที่ตายถึงจะแข็งแกร่งขึ้นได้ (2)

Now you are reading ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน Chapter 196-2 รนหาที่ตายถึงจะแข็งแกร่งขึ้นได้ (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 196 รนหาที่ตายถึงจะแข็งแกร่งขึ้นได้ (2)

จ้าวเหล่ยใบหน้าดำคล้ำจนแทบดูไม่ได้ ถังเฟิงเห็นแบบนั้นก็หมดคำพูดเช่นกัน

ผ่านไปพักหนึ่งค่อยเอ่ยว่า “นั่งลง ต่อจากนี้ห้ามถามจนกว่าจะได้รับอนุญาตจากฉัน!”

ลูกศิษย์ตัวเองก็ไร้ประโยชน์ ถูกฟางผิงคุมซะอยู่หมัด

มาเรียนด้วยสภาพสะบักสะบอมแทบทุกวัน ถังเฟิงจำไม่ได้แล้วว่าหลายเดือนที่ผ่านมานี้ จ้าวเหล่ยหน้าบวมไปกี่ครั้งแล้ว

ฟางผิงไม่เล่นตัวเช่นกัน นั่งลงแต่โดยดี

จ้าวเหล่ยกัดฟันแน่น “ฟางผิง เรื่องของพวกเรายังไม่จบ!”

“ฮ่าๆ ถ้าอาจารย์นายรังแกฉันอีก ฉันก็ยังไม่จบกับนายง่ายๆ หรอก”

“นาย…”

“อย่าเอาแต่นายๆๆ รอนายเข้าไปอยู่ในการจัดอันดับขั้นสองค่อยมาพูดกันเถอะ”

จ้าวเหล่ยโมโหอย่างมาก ปิดปากเงียบไม่สาวความต่อ ฟางผิงพูดถูก ฉันต้องให้ความสามารถพูดแทน!

รอฝีมือฉันล้ำหน้าฟางผิง ฉันจะอัดไอ้เวรนี้จนหน้าบวมเป็นหัวหมูต่อหน้าคนทั้งมหาวิทยาลัยให้ได้…

ให้หน้าบวมเป็นหัวหมูทั้งปีไปเลย!

ถังเฟิงหูผึ่ง บทสนทนาของทั้งสอง เขาได้ยินเช่นกัน

มองจ้าวเหล่ยอย่างจนใจอยู่บ้าง ไอ้บื้อคนนั้นอยู่ขั้นสามแล้ว

นายทะลวงขั้นสองสูงสุด ไม่แน่ว่าเขาอาจจะอยู่ขั้นสามสูงสุดไปแล้ว ดูท่าหลังจากนี้คงได้เห็นหน้าบวมเป็นหัวหมูบ่อยๆ แน่

“คลาสความรู้เกี่ยวกับถ้ำใต้ดิน คลาสฝึกวิชาต่อสู้ คลาสเอาตัวรอดพวกนี้ หากทำได้ยอดเยี่ยมจะมีรางวัลเป็นคะแนนให้ด้วย นอกจากรางวัลการสอบ คลาสฝึกพิเศษยังจะมีรางวัลรายวันให้สิบคะแนน…”

“อาจารย์ครับ จะเอารางวัลได้ยังไง?”

ครั้งนี้ฟางผิงอดไม่ไหวจริงๆ พอเขาได้ยินว่ามีรางวัลก็คันยุบยิบทันที ไม่ได้จงใจจะหาเรื่อง

ถังเฟิงถลึงตามองเขา ครั้งนี้กลับไม่ได้ตำหนิ เอ่ยว่า “รางวัลรายวันจะมีอาจารย์ที่สอนวิชาในวันนั้นเป็นผู้ตัดสินใจ…”

“ไม่ยุติธรรม!”

ฟางผิงเอ่ยทันที “ผมคิดว่าแบบนี้ไม่ยุติธรรม”

“งั้นเธอลองบอกความเห็นของตัวเองมา?”

“ผม…ผมคิดว่าให้เพื่อนๆ ในคลาสโหวตได้ คนที่ได้รับผลโหวตมากที่สุดก็ได้คะแนนไป”

ถังเฟิงมองเขาแปลกๆ อยู่บ้าง ประชาธิปไตยขนาดนี้เลย?

คนอื่นก็แปลกใจเช่นกัน ฟางผิงพูดแบบนี้หมายความว่าทุกคนล้วนมีโอกาสกันหมด ต้องวัดที่เรื่องมนุษย์สัมพันธ์แล้ว

ใครมนุษย์สัมพันธ์ดี คนนั้นก็มีโอกาสได้รางวัลสูง

ทุกวันสิบคะแนนไม่ใช่จำนวนน้อยๆ เลย

อย่างน้อยคลาสฝึกพิเศษต้องต่อเนื่องไปอีกสองเดือน หรือหกสิบวันเป็นอย่างต่ำ รางวัลหกร้อยคะแนน!

ถังเฟิงครุ่นคิดเล็กน้อย เหมือนว่าจะไม่เลวเช่นกัน การเลือกโดยสมัครใจ แม้จะผูกขาดอยู่ที่คนๆ เดียว แต่ก็หมายความว่าในคลาสจะมีนักศึกษาที่สามารถปกครองคนอื่นได้ปรากฏออกมา สำหรับการต่อสู้ในถ้ำใต้ดิน กลับจะเป็นเรื่องดีซะอีก

ส่วนฟางผิง…ถังเฟิงคิดว่าโอกาสมีไม่สูงมาก

“ได้”

ฟางผิงได้ฟังก็ลูบไม้ลูบมือ หยางเสี่ยวม่านที่นั่งข้างหน้าหันมาว่า “นายปกติดีอยู่หรือเปล่า! นี่ไม่ใช่จะเป็นการให้คะแนนคนอื่นฟรีๆ หรือไง? พวกเฉินเผิงเฟยมีคนสนับสนุนเยอะแยะ…”

ฟางผิงแค่นเสียง “ทั้งหมดต้องดูที่ความสามารถ พรุ่งนี้เช้าฉันจะเข้าไปพูดกับพวกเขาดีๆ ทีละคน ไม่เลือกฉัน พวกนายก็รอดูเถอะ!”

“ขอแค่ดึงคนมาได้ห้าสิบคน หกร้อยคะแนนนี้ก็เป็นของฉันแล้ว!”

ฟางผิงคำนวณยกใหญ่ ก่อนจะกระซิบว่า “พวกนายแปดคนต้องเลือกฉันทั้งหมด หนึ่งเดือนสามร้อยคะแนน ฉันจะเอาสองร้อยคะแนน ส่วนที่เหลือให้พวกนาย”

“นายคิดว่านายจะได้จริงๆ?”

ฟู่ชางติ่งถามอย่างตกตะลึง ส่วนเรื่องที่ฟางผิงแบ่งหนึ่งร้อยคะแนนให้พวกเขาแปดคนต่อหนึ่งเดือน ทุกคนไม่เห็นต่างอะไร

หากจะให้พึ่งตัวเองจริงๆ พูดให้ระคายหูหน่อย นอกจากหยางเสี่ยวม่านและเฉินอวิ๋นซีจะใช้กลยุทธ์หญิงงามแล้ว ก็อย่าหวังจะได้กลับไปสักคะแนนเลย

ทุกคนโหวตใครก็ได้ทั้งนั้น แต่คงไม่อาจโหวตให้พวกเขาที่เป็นนักศึกษาใหม่

“ทำได้อยู่แล้ว แค่ต้องเกลี้ยกล่อมอีกสี่สิบสองคนเท่านั้น”

ฟางผิงคำนวณดิบดีแล้ว เอ่ยว่า “กลับไปส่งรายชื่อนักศึกษาในคลาสให้ฉันหนึ่งแผ่น คนที่มนุษย์สัมพันธ์ดีทำเครื่องหมายไว้ให้ฉันหน่อย”

สี่สิบสองคน ไม่จำเป็นต้องอัดสั่งสอนทุกคน

จัดการคนที่เป็นหัวหน้าในกลุ่มเล็กๆ นั้นก็น่าจะเกินพอแล้ว ไม่ต้องทำงานหนักมาก

เห็นเขามั่นอกมั่นใจ พวกเขาจึงไม่พูดอะไรอีก ฟางผิงทำได้ย่อมดีที่สุด ทุกคนได้เท่าไหร่ก็เท่านั้น

หากไม่สำเร็จก็ไม่เป็นไร

พวกเขาเก้าคนร่วมมือกัน บางทีอาจจะได้คะแนนกลับมาบ้างก็ได้

ถังเฟิงไม่สนใจว่าพวกเขาจะคิดยังไง กำชับเรื่องราวต่างๆ และแผนการในอนาคตอีกครั้ง

วันแรกยังไม่ต้องเข้าเรียนอย่างเป็นทางการ

รอจนเขาพูดคอแห้งแล้ว ถังเฟิงไม่ได้คิดจะจากไปทันที ฟางผิงเอ่ยขึ้นว่า “อาจารย์ วันนี้ไม่ให้คะแนนเหรอครับ?”

ถังเฟิงนิ่งไปเล็กน้อย ฟางผิงเอ่ยเสียงดังว่า “นี่ก็นับเป็นการเข้าเรียนเหมือนกัน คุณพูดคำไหนต้องเป็นคำนั้นหรือเปล่า?”

ถังเฟิงไร้คำจะพูด เอ่ยว่า “ได้ ตอนนี้มาโหวตกัน!”

“สวัสดีทุกคน ฉันชื่อฟางผิง เคยเข้าร่วมการแข่งขันแลกเปลี่ยนของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ ฉันยอมเสียสละเลือดเนื้อเพื่อมหาวิทยาลัย ช่วยมหาวิทยาลัยช่วงชิงทรัพยากรมาจากปักกิ่งสิบเปอร์เซ็นต์ เทอมหน้าผลประโยชน์ของพวกเราก็มากขึ้นแล้ว!”

เมื่อคำพูดนี้ออกมา ทุกคนต่างเผยสีหน้าตกตะลึง แบบนี้ก็ได้?

ฟางผิงรู้ว่าวันแรกทุกคนยังไม่มีการปรึกษาหารือหรือเจรจาอะไรกัน โหวตตอนนี้มีความเป็นไปได้สูงที่ผลจะกระจัดกระจาย

เขาดึงนักศึกษาใหม่มาเป็นพวกได้แปดคน รวมตัวเองเป็นเก้าคน เปิดเผยให้เห็นหน้าค่าตาอีก ก็แทบที่จะได้คะแนนของวันแรกมาอยู่ในมือแล้ว

อีกอย่างจะได้สามารถตรวจสอบด้วยว่าใครมนุษย์สัมพันธ์ดี มีโอกาสถูกสนับสนุนสูง

ผลโหวตนั้นสามารถมองได้จากวันพรุ่งนี้…ไม่สิ เย็นวันนี้ก็ไปคุยได้แล้ว!

ถังเฟิงไม่สนใจเรื่องนี้ มองเวลาก่อนจะเอ่ยว่า “เร็วหน่อย ให้จบในสามนาที!”

ทุกคนไม่มีทางเลือก ทำได้เพียงเริ่มต้นโหวต

ฟางผิงยังคงพูดทวนอยู่ตลอด “ฉันชื่อฟางผิง ฉันยอมเสียเลือดเสียเนื้อเพื่อมหาวิทยาลัย!”

พวกฟู่ชางติ่งพากันปิดปากเงียบ นายมั่นใจนะว่าเคยเสียเลือดเสียเนื้อ?

แต่ฟางผิงจ้องพวกเขา ภายใต้สถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ทุกคนทำได้เพียงโหวตให้เขา วันแรกพวกเขาไม่ได้คาดหวังว่าจะได้คะแนนอยู่แล้ว

ไม่นานการโหวตก็เป็นอันสิ้นสุด

ถังเฟิงได้ผลโหวตมาแล้ว พลิกดูหนึ่งรอบ ก่อนจะเอ่ยว่า “ฟางผิง สิบหกโหวต เป็นอันดับแรก คะแนนไปเอาด้วยตัวเอง!”

ทิ้งคำพูดนี้ไว้ ถังเฟิงก็จากไปทันที

ฟางผิงกลับรีบขึ้นไปข้างหน้า เอาผลโหวตมาไว้ที่ตัวเอง เตรียมจะเอากลับไปดู ถือโอกาสไปคุยกับคนอื่นด้วย

เห็นเขาดูยุ่งวุ่นวาย ฟู่ชางติ่งถอนหายใจว่า “ฉันว่าแล้ว มีผลประโยชน์ เขาวิ่งเร็วกว่าคนอื่นเสมอ ปกตินายให้เขาพูดเพิ่มอีกหนึ่งประโยค เขายังขี้เกียจ เจ้าหมอนี้…เกินจะเยียวยาแล้วจริงๆ”

เฉินอวิ๋นซีเอ่ยเสียงเบา “อาจจะเกี่ยวกับเรื่องที่เขาบ้านจน…”

ฟู่ชางติ่งกลอกตา บ้านจน?

ฉันก็จนเหมือนกัน เธอจะสนับสนุนฉันสักหน่อยไหมล่ะ?

ฟางผิงนี่เหรอจน!

แค่ขายยาบำรุงได้เงินไปตั้งเท่าไหร่แล้ว!

สี่สิบห้าสิบล้าน!

รวมกับรางวัลที่ได้จากภารกิจ ครึ่งปีนี้ฟางผิงได้เงินเท่าไหร่ อย่างน้อยก็ห้าสิบล้านขึ้นไป นี่ยังเรียกว่าจนอีก?

นี่ถ้ายังเรียกว่าจน ในมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ยังจะมีคนรวยหรือไง?

ฟู่ชางติ่งไม่เอ่ยเรื่องนี้ต่อ เบี่ยงไปประเด็นอื่น “พรุ่งนี้เป็นต้นไปจะได้เริ่มสัมผัสกับเรื่องในถ้ำใต้ดินอย่างเป็นทางการแล้ว คิดดูแล้วก็ตื่นเต้นอยู่บ้าง…”

“พวกนายคุยกันเถอะ ฉันขอตัวกลับก่อน”

ระหว่างที่เขาพูด ฟางผิงกลับมาบอกลา ก่อนจะจากไปอย่างรวดเร็ว

เห็นเขาไปอย่างเร่งรีบ เฉินอวิ๋นซีอดเอ่ยไม่ได้ “เขา…คงไม่ไปหาคนอื่นจริงๆ หรอกสินะ?”

ทุกคนประสานสายตากัน ก่อนฟู่ชางติ่งจะเริ่มวิ่งเหยาะๆ “ยังนิ่งอะไรอยู่ ไปดูเรื่องสนุกกัน!”

ฟางผิงเจ้าหมอนี่คงไม่ปล่อยให้ผลประโยชน์ชิ้นใหญ่อย่างนี้หลุดมือไปแน่นอน มีเรื่องสนุกให้ดูแล้ว

ทุกคนดึงสติกลับมา ก่อนจะพากันตามไป

ฟางผิงที่อยู่ข้างหน้านั้นเอากล่องไม้ของตัวเองออกมาจากตู้เก็บของแล้ว คว้ากล่องไม้ได้ก็วิ่งไปหน้าประตูตึกเรียนอย่างรวดเร็ว

ดูจากท่าทีนี้แล้วต้องขวางหน้าประตูแน่ๆ!

พวกฟู่ชางติ่งพากันอ้าปากค้าง คนนับร้อย นายยังกล้าขวางอีก!

นี่ไม่ใช่กลุ่มคนธรรมดา ทั้งไม่ใช่นักศึกษาใหม่ที่เพิ่งเริ่มเรียน เป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสองกันทั้งนั้น นี่ไม่ได้เป็นการรนหาที่ตายหรือยังไง?

ถังซงถิงพึมพำว่า “ตอนนี้ฮิตรนหาที่ตายกันหรือไง?”

ฉินเฟิ่งชิงจากสมาคมผู้ฝึกยุทธ์รนหาที่ตายท้าประลองจางอวี่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่ทุกวัน

ฟู่ชางติ่งก็รนหาที่ตาย แต่พอถูกอัดครั้งหนึ่งก็สงบเสงี่ยมขึ้นมาแล้ว

ตอนนี้กลับยิ่งแล้วใหญ่ ฟางผิงที่ปกติยังนับว่าสุขุมใจเย็น เริ่มจะรนหาที่ตายเหมือนคนอื่นแล้ว

“หรือนี่จะเป็นแก่นแท้ของความแข็งแกร่ง?”

ถังซงถิงครุ่นคิด แข็งแกร่งถึงรนหาที่ตายหรือรนหาที่ตายถึงจะแข็งแกร่ง?

ตรรกะพวกนี้ตัวเองต้องทำความเข้าใจสักหน่อยแล้ว

——————–

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *