ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน 284-2 การเปลี่ยนแปลงของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ (2)
ตอนที่ 284 การเปลี่ยนแปลงของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ (2)
แท่นประธานบนเวทีไม่มีการจัดวางเก้าอี้
อู๋ขุยซานยืนตระหง่านอยู่ตรงกลาง มีหวงจิ่งและชายชราผอมแห้งคนหนึ่งยืนขนาบข้าง เป็นหลิวพั่วหลู่ที่รีบกลับมาจากหนานเจียง
ทั้งสองฝั่งยังมียอดฝีมือขั้นหกสูงสุดอีกเจ็ดคน
ตอนนี้บนเวทีมีเพียงสิบคนนี้ที่มาจากมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ อาจารย์คนอื่นๆ กลับยืนอยู่บนสนามฝึกเหมือนกับพวกนักศึกษา
นอกจากคนของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ บนเวทีหลักยังมียอดฝีมืออีกหลายคนที่มาจากแวดวงอื่น
รัฐบาลกลาง กระทรวงการศึกษา หน่วยทหารและเมืองเซี่ยงไฮ้ต่างส่งยอดฝีมือเข้ามาเป็นพยานในการเลือกอธิการบดีมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ตามคำสั่งเบื้องบน
“อาจารย์ทุกท่าน นักศึกษาทุกคน!”
อู๋ขุยซานเป็นคนเอ่ยปากก่อน “ปี 2009 วันที่ 28 มิถุนายน ขอให้ทุกคนจำวันนี้ให้ดี! วันนั้นผู้เป็นที่เคารพรักหลายคนได้จากพวกเราไปตลอดกาล! รวมถึง…อธิการบดีของพวกเราด้วย!
ชั่วชีวิตนี้ ความหวังสูงสุดของเขาคือนำพามหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้เดินไปให้ได้ไกล!
ชั่วชีวิตนี้ ความเสียดายสุดท้ายของเขาคือไม่อาจเติบโตไปพร้อมกับมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ได้!
ทุ่มเทแรงกายแรงใจมาหกสิบปี แม้จะเป็นช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต เขาก็ไม่คิดจะละทิ้งมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้…”
ด้านล่างเวทีเกิดความโกลาหลยกใหญ่
หลายคนเห็นได้ชัดว่าสับสนอยู่บ้าง
อธิการบดีตายแล้ว?
ปรมาจารย์ยอดฝีมือคนหนึ่ง ตายง่ายๆ แบบนี้?
วันที่ก่อตั้งอนุสาวรีย์ ไม่ได้มีคนรู้ทุกคน บางคนกลับบ้าน บางคนไม่มีสิทธิ์ไปเขตทางใต้ พวกเขาย่อมไม่รู้
อู๋ขุยซานพูดอะไรต่อ พวกเขาแทบจะไม่ได้สนใจแล้ว
หลังจากนั้นพักหนึ่ง อู๋ขุยซานก็เอ่ยเสียงดังว่า “คนตายย่อมไม่อาจมองเห็นแล้ว มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้จะหยุดอยู่กับที่ไม่ได้เหมือนกัน!”
“วันนี้อู๋ขุยซานจะสืบทอดความปรารถนาสุดท้ายของอธิการบดีด้วยความเคารพจากใจจริง รับตำแหน่งอธิการบดีมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เซี่ยงไฮ้อย่างเป็นทางการ…”
อู๋ขุยซานเอ่ยตรงไปตรงมา ไม่พรรณนายืดยาว ทั้งไม่จำเป็นต้องให้คนอื่นประกาศ ตัวเองเป็นผู้ประกาศรับตำแหน่งอธิการบดีเอง
ด้านล่างเวทีตกสู่ความเงียบงัน
ไม่มีเสียงปรบมือให้ได้ยิน
อู๋ขุยซานไม่ใส่ใจเช่นกัน ตอนนี้เดิมทีก็ไม่ใช่เวลาต้องมาปรบมืออยู่แล้ว
ชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่กลางระหว่างเขาและหวงจิ่งไปทางด้านหลัง รอเขาพูดจบแล้ว ไม่จำเป็นต้องให้ใครมาแนะนำ เป็นฝ่ายแนะนำตัวเองออกมาก่อน เป็นผู้ฝึกยุทธ์ที่มาจากกระทรวงการศึกษา
แนะนำตัวแล้ว อีกฝ่ายก็เริ่มประกาศคำสั่งแต่งตั้งใหม่ของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้
อู๋ขุยซานจะรับตำแหน่งอธิการบดี
หวงจิ่งรับหน้าที่รองอธิการบดี
หลิวพั่วหลู่รับตำแหน่งอธิการกิตติมศักดิ์ต่อ ในความเป็นจริงไม่ได้เข้าร่วมจัดการภาระงานทั่วไป นี่เป็นธรรมเนียมที่สืบทอดมาหลายปีเช่นกัน
มีแค่การประกาศตำแหน่งของสามคนนี้ ส่วนการเลือกคณบดี นั่นเป็นเรื่องมหาวิทยาลัยและปรมาจารย์ทั้งสามคน
ด้านอู๋ขุยซาน รออีกฝ่ายประกาศเสร็จแล้วก็ประกาศการแต่งตั้งใหม่
หวงจิ่งรับตำแหน่งคณบดีสาขายุทโธปกรณ์ต่อ ถังเฟิงและหลี่ฉางเซิงทำหน้าที่รองคณบดี
สาขาสังคมศาสตร์ไม่มีการเปลี่ยนแปลง
สาขาศึกษาวิจัยไม่มีการเปลี่ยนแปลงเช่นกัน
แต่สาขายุทธศาสตร์กลับมีการเปลี่ยนแปลง
“หลัวอี้ชวนรับตำแหน่งคณบดีสาขายุทธศาตร์ คณบดีเจิ้ง…ได้สละชีพในวันที่ 16 กรกฏาคมแล้ว!”
ด้านล่างเวทีเกิดความวุ่นวายขึ้นอีกครั้ง!
นักศึกษาสาขายุทธศาสตร์พากันหน้าเปลี่ยนสี คณบดีตายแล้ว?
ตกลงเกิดอะไรขึ้นกันแน่!
อธิการบดีที่อยู่ระดับปรมาจารย์ตาย คณบดีสาขายุทธศาตร์ที่อยู่ขั้นหกสูงสุดก็ตายไปอีกคน
ยังมีอาจารย์ที่คุ้นเคยบางส่วนไม่เห็นแม้แต่เงา
วันปกติมหาวิทยาลัยไม่ได้รวมตัวนักศึกษาและอาจารย์ ทุกคนจึงไม่รู้สึกอะไร
แต่ตอนนี้เปิดการประชุมใหญ่ทั้งมหาวิทยาลัย ใครหายไปบ้าง พวกเขาย่อมกระจ่างใจดี
ฟางผิงอยู่ด้านล่างเวที ความจริงตอนที่เขาเห็นบนเวทีมีขั้นหกสูงสุดแค่เจ็ดคนก็เดาได้ลางๆ แล้ว
แต่ก่อนหน้านี้เขาคาดเดาว่าคณบดีเจิ้งอาจจะรั้งตัวเฝ้าในถ้ำใต้ดิน แต่ฟางผิงก็เข้าใจเช่นกันว่ามีความเป็นไปได้น้อย
ยอดฝีมือที่รักษาการณ์ในถ้ำใต้ดินพวกนั้นกลับมาหมดแล้ว คณบดีเจิ้งจะรั้งตัวอยู่ได้ยังไงอีก
ตอนนี้ฟางผิงได้ยินข่าวการสูญเสียของคณบดีเจิ้งจึงถอนหายใจเบาๆ ไม่ได้ลนลานมากมาย
หลัวอี้ชวน อาจารย์ของฟู่ชางติ่งรับตำแหน่งคณบดีสาขายุทธศาสตร์ หากเป็นช่วงปกติคงจะมีเสียงแสดงความยินดีเกรียวกราว แต่ตอนนี้พวกฟางผิงต่างไม่มีกะจิตกะใจ
ยอดฝีมือขั้นหกสูงสุดเจ็ดคน สามคนรับหน้าที่คณบดี อีกสองคนรับหน้าที่รองคณบดีสาขายุทโธปกรณ์ อันที่จริงตำแหน่งรองคณบดีสาขายุทโธปกรณ์นั้นสำคัญกว่าคณบดีสาขาอื่นๆ
สองคนที่เหลือ คนหนึ่งมักจะประจำการที่ถ้ำใต้ดิน ไม่ได้รับตำแหน่งอะไร อีกคนคือหลู่เฟิ่งโหรว ไม่ได้รับตำแหน่งอะไรเหมือนกัน
จุดนี้ไม่เหนือความคาดหมาย
พูดถึงเรื่องฝีมือ บางทีหลู่เฟิ่งโหรวอาจเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในเจ็ดคน
แต่หลู่เฟิ่งโหรวไม่เหมาะที่จะรับตำแหน่งสำคัญ
บางครั้งหลู่เฟิ่งโหรวจะบ้าคลั่งอย่างรุนแรง แม้ความบ้าคลั่งนี้จะมีเป้าหมายแค่ไม่กี่คน แต่เพราะเรื่องนี้ มหาวิทยาลัยจึงไม่กล้าให้เธอรับตำแหน่งที่สำคัญ
ประกาศการแต่งตั้งแล้ว หัวหน้าฝ่ายอื่นๆ กลับไม่จำเป็นต้องประกาศอีก
ในมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้หรือมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ มีแค่ตำแหน่งพวกนี้ที่เป็นตำแหน่งที่สูงอย่างแท้จริง
อธิการบดีและรองอธิการ คณบดีทั้งสี่สาขา แม้ว่าจะเป็นฝ่ายบริการก็ไม่นับว่าสำคัญเท่าไหร่เช่นกัน
ประกาศการแต่งตั้งแล้ว ปกติเมื่อการประชุมใหญ่เสร็จสิ้น ผู้ฝึกยุทธ์ยอดฝีมือจะไม่ใช้คำพูดพรรณนาอะไรมากมาย ส่วนเรื่องสุนทรพจน์ในการรับตำแหน่งก็ไม่มีเหมือนกัน เพราะไม่จำเป็น
แต่ครั้งนี้พวกอู๋ขุยซานกลับไม่ได้ประกาศจบการประชุม
บนเวทีนั้นหลู่เฟิ่งโหรวมองไปทางฟางผิง
ประธานสมาคมผู้ฝึกยุทธ์ก็เป็นตำแหน่งที่สำคัญอย่างหนึ่งในมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เช่นกัน คิดจะรวมนักศึกษาและอาจารย์มาทั้งหมด ไม่ใช่เรื่องง่ายขนาดนั้น
ท่ามกลางฝูงชน พวกจางอวี่ก็มองไปทางฟางผิงเช่นกัน
ตอนนี้เป็นจังหวะที่เหมาะสมที่สุด
ตอนที่ความเงียบเริ่มปกคลุม จู่ๆ ฉินเฟิ่งชิงก็เดินออกมาหนึ่งก้าว กำลังจะพูดอะไรสักอย่าง ฟางผิงเห็นแบบนั้นจึงเอ่ยเสียงดังทันที “อธิการอู๋ อธิการหวง ความจริงวันนี้ไม่ควรรบกวนทุกคน! แต่ผมอยากให้ทุกคนช่วยเป็นพยาน! วันที่ผมก่อตั้งสมาคมผิงหยวนเคยพูดไว้ว่าก่อนเปิดเทอมปีสองจะท้าประลองประธานจางของสมาคมผู้ฝึกยุทธ์เซี่ยงไฮ้! ลูกผู้ชายพูดคำไหนคำนั้น ตอนนี้กำลังจะเปิดเทอมแล้ว เรื่องการท้าประลองควรจะรักษาสัญญาเช่นกัน! ไม่ใช่เพียงแค่นี้ มหาวิทยาลัยสอนพวกเราว่าผู้ฝึกยุทธ์ต้องแย่งชิงแข่งขัน วันนี้ผมก็อยากแย่งชิงตำแหน่าประธานสมาคมผู้ฝึกยุทธ์เช่นกัน! มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ยึดผู้แข็งแกร่งเป็นหลัก นี่เป็นปรัชญาที่คณบดีหวงมอบให้แก่ทุกคนเมื่อตอนเปิดเทอมปีที่แล้ว ดังนั้น…ผมจึงอยากท้าประลองประธานจางอวี่ แย่งชิงตำแหน่งประธานสมาคมผู้ฝึกยุทธ์เซี่ยงไฮ้สักหน่อย!”
เมื่อคำพูดนี้ออกมา รอบๆ ก็เกิดความโกลาหลขึ้นอีกครั้ง
วันนี้มีเรื่องเกิดขึ้นเรื่องแล้วเรื่องเล่า นี่มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้จะเริ่มศักราชใหม่เลยหรือไง?
พวกอู๋ขุยซานและจางอวี่ยังไม่ทันเอ่ยปาก ก็มีอาจารย์ตำหนิขึ้นก่อน “ตำแหน่งประธานสมาคมผู้ฝึกยุทธ์มอบให้ใครได้ง่ายๆ ที่ไหนกัน ฟางผิง วันนี้ไม่ใช่เวลาที่เธอควรจะเล่นสนุก!”
ฟางผิงตะโกนว่า “อาจารย์ คุณคิดว่าผมเล่นสนุก? วันนี้ปรมาจารย์ใหญ่สามคนของเซี่ยงไฮ้ อาจารย์และนักศึกษาหลายพันมารวมตัวกัน คำพูดเล่นสนุกนั้นผมพูดขึ้นมาตั้งแต่ตอนไหน?”
“ประธานสมาคมผู้ฝึกยุทธ์เป็นผู้นำของนักศึกษามหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ เธอมีคุณธรรมมีความสามารถอะไร เคยทำคุณูปการผลงานใดให้มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้กัน? จางอวี่มีความระมัดระวังรอบคอบ ไม่เคยทำเรื่องผิดมาก่อน จะให้ปลดจากตำแหน่งอย่างส่งเดชได้ยังไง!”
ฟางผิงเอ่ยด้วยเสียงดังอีกครั้ง “ฝีมือไม่แข็งแกร่งพอ ในมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ถือว่าเป็นความผิดที่ใหญ่ที่สุดแล้ว! มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ไม่ใช่มหาวิทยาลัยทั่วไป จุดนี้ตั้งแต่พวกเราเข้ามาเรียนก็ถูกย้ำเตือนครั้งแล้วครั้งเล่า! อธิการอู๋ อธิการหวง รวมถึงคณบดีแต่ละสาขา ใครไม่ใช่ยอดฝีมือในหมู่ยอดฝีมือบ้าง? ประธานสมาคมผู้ฝึกยุทธ์ก็ต้องเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่นักศึกษาเช่นกัน! สมาคมผู้ฝึกยุทธ์มหาวิทยาลัยปักกิ่ง หลี่หานซงทะลวงขั้นสี่สูงสุดแล้ว มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้อื่นๆ ก็ให้ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดมารับตำแหน่งประธานสมาคมผู้ฝึกยุทธ์! ตอนนี้นักศึกษาขั้นห้าของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้จบการศึกษาแล้ว สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว ไม่อาจเกียจคร้านเหมือนก่อนหน้านี้ได้ ผมเอาชนะประธานจางได้ด้วยความสามารถ ใช้ฝีมือมาพิสูจน์ตัวเอง มีอะไรไม่เหมาะสมกัน?”
ฟางผิงเอ่ยต่อ “ส่วนเรื่องผลงาน ต้นปีผมนำทีมมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ได้รับชัยชนะในการแข่งขันแลกเปลี่ยน ถือว่าเป็นคุณูปการหรือเปล่า? ผมไร้คู่ต่อสู้ในขั้นสาม ท้าประลองคู่ต่อสู้ไปทั่ว แสดงอานุภาพของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ นับว่าเป็นผลงานหรือเปล่า? ผมเคยนำข่าวสารสำคัญกลับมารายงานให้ประเทศจีน นี่เป็นผลงานหรือเปล่า? ถ้าอาจารย์คิดว่าจะปฏิเสธคุณสมบัติท้าประลองของผม ผมคิดว่าไม่เหมาะสม!”
อาจารย์ที่โต้แย้งกำลังคิดจะพูดต่อ อู๋ขุยซานกลับเอ่ยเรียบนิ่งว่า “จางอวี่ เธอคิดเห็นยังไง?”
ในฝูงชน จางอวี่สาวเท้าเดินออกมา เงยหน้าว่า “ผมรับการท้าประลอง ฟางผิงพูดไม่ผิด สถานการณ์ในตอนนี้ไม่เหมือนในวันนั้นแล้ว มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ต้องการนักศึกษาที่แข็งแกร่งมารับตำแหน่งประธานสมาคมผู้ฝึกยุทธ์ แม้ฟางผิงจะไม่พูด ผมก็มีความคิดนี้เหมือนกัน! แน่นอนว่าเอาชนะผมได้ อาจจะไม่ใช่ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด ฟางผิง หากนายชนะ กล้ารับการท้าประลองจากคนอื่นหรือเปล่า?”
ฟางผิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “รุ่นพี่จางไม่จำเป็นต้องยั่วยุผม ท้าประลองผมนั้นได้อยู่แล้ว ผมไม่คิดจะปฏิเสธผู้ใด!”
ในเวลานี้จู่ๆ เซี่ยเหล่ยก็ตะโกนว่า “ฟางผิง นายอยากท้าประลองกับประธาน ต้องผ่านด่านฉันก่อนแล้วค่อยว่ากัน!”
จางอวี่กำลังจะห้าม ฟางผิงกลับตะโกนว่า “อยากแลกเปลี่ยนความรู้กับนายมานานแล้ว เซี่ยเหล่ย ในเมื่อนายรอคอยไม่ไหวแล้ว งั้นฉันก็จะสู้กับนายก่อน วอร์มร่างกายสักหน่อยจะเป็นไรไป!”
“อวดดี!”
เซี่ยเหล่ยปะทุโทสะขึ้นมา คำว่าวอร์มร่างกายของฟางผิง นับว่ากระตุ้นโมโหเขาอย่างถึงที่สุด!
ครู่ต่อมาเซี่ยเหล่ยก็เคลื่อนไหวอย่างว่องไว กระโดดข้ามฝูงชนไปปรากฏตัวอยู่ข้างหน้าสุด
———————
Comments