ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน 306-2 ฉันเคยวิ่งชนะขั้นแปด (2)

Now you are reading ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน Chapter 306-2 ฉันเคยวิ่งชนะขั้นแปด (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 306 ฉันเคยวิ่งชนะขั้นแปด (2)

ฟางผิงทำสีหน้าขมขื่น เมื้อกี้เขาเพิ่งลองเคลื่อนฝีเท้า ปรากฏว่าเจี่ยวนั้นจ้องเขาเขม็ง เขาหวาดกลัวอยู่บ้าง

ครั้งก่อนตัวเองไปไม่กลับน่าจะห่างจากตอนนี้ประมาณสามเดือนได้

นานถึงสามเดือนไม่กลับมา หากเจี่ยวมีสติปัญญา คงจะคาดเดาได้ว่าตัวเองหนีไป

“ทำยังไงดี?”

ฟางผิงครุ่นคิดในใจ ครั้งนี้เกรงว่าจะปลีกตัวไม่ง่ายแล้ว

“ยอดฝีมือขั้นเก้าของพวกเราจะมาที่นี่หรือเปล่า?” ฟางผิงกระซิบถาม

ฉินเฟิ่งชิงเผยสีหน้าระทมทุกข์ “ใครจะว่างมาที่นี่กัน หาเรื่องใส่ตัวหรือไง?”

“งั้น…งั้นพวกเราคงจบเห่จริงๆ แล้ว”

ตอนนี้มีเจี่ยวอยู่ ก่อนหน้านี้ถูกไล่ฆ่ามาโดยตลอด ของที่ฟางผิงพกมายังไม่ได้แลกเปลี่ยนเป็นค่าทรัพย์สินด้วยซ้ำ

ค่าทรัพย์สินเขามีเยอะขนาดนี้ อย่างมากประคองได้สี่ห้าวัน เขาก็คงถูกกินแล้ว

ความหิวกระหายของเจี่ยวนับวันก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ก่อนหน้านี้ยังไม่จำเป็นต้องป้อนให้มันเยอะถึงขนาดนี้ ตอนนี้นึกไม่ถึงว่าจะหมดค่าทรัพย์สินไปเกือบเจ็ดล้านแล้ว นี่แค่ในเวลาไม่นานเท่านั้น? ดูดกลืนปราณไปถึงหกพันเจ็ดพันแคลแล้ว

หากให้สามมื้อต่อวัน นั่นคงน่ากลัวแล้ว

ฟางผิงกำลังร้อนใจ จู่ๆ เจี่ยวก็หันหน้ามองไปที่ไกลๆ

ชั่วพริบตานี้ฟ้าพลันสว่างขึ้นมา

เมื่อฟ้าสว่าง ฟางผิงและฉินเฟิ่งชิงจึงเห็นชัดเจนยิ่งขึ้น ที่ไกลๆ นั้นเหมือนมีเงาคนกลางอากาศ!

ไม่สิ มีคนอยู่จริงๆ

ครู่ต่อมาทั้งสองคนก็รับรู้ถึงคลื่นพลังงานที่รุนแรง

บางทีเจี่ยวอาจจะกลบกลิ่นอายไว้ หรืออีกฝ่ายอาจจะโมโหจนไม่สนใจเรื่องพวกนี้ ตอนนี้คลื่นพลังงานจึงกระจัดกระจายอย่างไร้ความหวั่นเกรงขึ้นมา

“ปรมาจารย์?”

ฟางผิงสงสัย ฉินเฟิ่งชิงขมวดคิ้วว่า “ไม่เหมือนเท่าไหร่…ระดับสูงของพวกถ้ำ?”

ลมหายใจของปรมาจารย์และระดับสูงนั้น อันที่จริงยากจะแยกออก

ทุกคนต่างเป็นยอดฝีมือระดับสูง ปรมาจารย์เป็นแค่คำยกย่องของมนุษย์เท่านั้น

ลมหายใจที่ปลดปล่อยอย่างไม่กลัวเกรงเช่นนี้ มีแค่ในช่วงทำสงครามเท่านั้น เพราะยอดฝีมือมนุษย์ค่อนข้างถ่อมตัว

เจี่ยวเหมือนจะแยกได้ว่าเป็นอะไร เสี้ยวนาทีต่อมาแววตาราวกับเผยความโกรธเกรี้ยวขึ้นมา

มันมีสติปัญญา!

จำลมหายใจของฟางผิงได้ ทั้งจำลมหายใจของคนที่มาได้เช่นกัน

เวลานั้นมันยังอยู่ในขั้นเจ็ด เมืองเทียนเหมินและเมืองความหวังเปิดฉากทำสงคราม เมืองเทียนเหมินคิดว่าป่าราชันเจี่ยวเป็นอุปสรรค ทัพใหญ่เคลื่อนพลมายังต้องอ้อมเล็กน้อย ทั้งง่ายที่จะถูกยอดฝีมือมนุษย์ลอบโจมตี

ดังนั้นเมืองเทียนเหมินจึงเตรียมจะกวาดล้างป่าราชันเจี่ยว รวมถึงเจี่ยวด้วย

เมืองเทียนเหมินมียอดฝีมือขั้นเจ็ดขั้นแปดและขั้นเก้า ไม่ได้เกรงกลัวเจี่ยว

และผู้ที่รับผิดชอบเรื่องนี้ในเวลานั้นก็คือแม่ทัพใหญ่หลาง ยอดฝีมือขั้นแปด

แม้แม่ทัพเทียนหลางจะเป็นพี่ชายของเขา แต่เขากลับฝีมืออ่อนกว่าอยู่บ้าง

ตอนที่กวาดล้างป่าราชันเจี่ยว แม่ทัพหลางจึงเชิญพี่ชายมาควบคุมทัพให้ตัวเอง ทั้งสองคนมาป่าราชันเจี่ยวด้วยกัน

ผลปรากฏว่า…แม้เจี่ยวจะอยู่แค่ขั้นเจ็ด แต่ฝีมือแข็งแกร่งอย่างมาก แม่ทัพหลางก็มีฝีมือทัดเทียมกับมันเท่านั้น

หลังจากที่สองพี่น้องล้อมโจมตีเจี่ยว ก็ไม่ได้ฆ่าเจี่ยวอย่างสิ้นซาก แม่ทัพเทียนหลางเกือบจะถูกฆ่าด้วยซ้ำ

เวลานั้นยอดฝีมือของเมืองความหวังรับรู้ได้ถึงกลิ่นอายของสงครามเช่นกัน มียอดฝีมือมาสอดส่องสถานการณ์ พวกเขากลัวว่ายอดฝีมือของมนุษย์จะลอบโจมตีจึงละทิ้งความคิดกวาดรังเจี่ยวไป

แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าเจี่ยวไม่จดจำบัญชีแค้น

พวกปีศาจอสูรนั้นผูกพยาบาทเป็นที่สุด

ครั้งก่อนทั้งสองเมืองทำสงครามใหญ่ แม่ทัพใหญ่ทั้งสามของเมืองเทียนเหมิน แม่ทัพหูตายในสงคราม เดิมทีมันวางแผนจะโจมตีแม่ทัพเป้า ผลปรากฏว่าหลังจากนั้นกลับพบว่า ครั้งก่อนแม่ทัพเป้าได้รับผิดชอบให้อยู่รักษาเมือง ผู้ที่มานั้นเป็นแม่ทัพหลาง

แน่นอนว่าคนที่ตายจึงกลายเป็นแม่ทัพหลาง

เจี่ยวทะลวงขั้นแปด เดิมทีก็มีความคิดจะล้างแค้นอยู่แล้ว แต่ไปวนเวียนแถวเมืองเทียนเหมินครั้งหนึ่งกลับสัมผัสถึงลมหายใจ ไม่ได้ รวมถึงตอนนี้เจ้าเมืองเทียนเหมินอยู่ในอารมณ์โมโหตลอดเวลา แทบจะออกเมืองมาทำสงครามกับมันแล้ว เจี่ยวจึงจำเป็นถอยกลับ

นึกไม่ถึงว่าวันนี้หนึ่งในศัตรูจะมาหาถึงหน้าประตู!

ครู่ต่อมาเจี่ยวก็ระเบิดความเกรงขาม คำรามอย่างโมโห บินขึ้นฟ้าไปหาแม่ทัพเทียนหลางที่ไล่ตามฆ่ามาตลอดทาง

“ราชาเจี่ยวเขาทอง!”

กลางอากาศ แม่ทัพเทียนหลางเห็นเจี่ยวเช่นกัน คำรามด้วยความโมโห เคียดแค้นเป็นอย่างยิ่ง

เพราะเขาเห็นสองคนด้านล่างเช่นกัน!

“ราชาเจี่ยวเขาทองร่วมมือกับผู้ฝึกยุทธ์เมืองแห่งความหวังสังหารภรรยาของข้า?”

แม่ทัพเทียนหลางอดผุดความคิดเช่นนี้ขึ้นมาไม่ได้ ก่อนจะเปลี่ยนความคิดอย่างว่องไว “มันจงใจยั่วโมโหข้า ล่อให้ข้ามาที่นี่?”

เขาอดสงสัยไม่ได้!

ราชาเจี่ยวเขาทองมีความสามารถถึงขั้นไหนกัน?

อารยะขั้นแปด!

ราชาปีศาจที่แข็งแกร่งเช่นนี้จะฆ่าผู้ฝึกยุทธ์ระดับกลางสองคนไม่ได้หรือไง?

แต่เจ้าสองคนนั่นกลับยืนตัวเป็นๆ อยู่ด้านล่าง เขาเห็นอยู่ตำตา

ราชาเจี่ยวเขาทองกลับมาปรากฏตัวอยู่ตรงนี้…แม้ว่าตอนนี้ที่นี่จะถูกป่าราชันเจี่ยวครองอาณาเขตแล้ว แต่ป่าราชันเจี่ยวใหญ่ขนาดนั้น ทำไมราชาเจี่ยวเขาทองถึงมาปรากฏตัวอยู่ตรงนี้พอดี?

ในใจผุดความคิดต่างๆ นานา แต่ตอนนี้กลับจำเป็นต้องทำสงครามแล้ว!

ราชาเจี่ยวเขาทองพุ่งตัวเข้ามาอย่างดุร้าย เขาหนีตอนนี้คงไม่ดีเท่าไหร่

ที่นี่ห่างจากเมืองเทียนเหมินไม่ไกล หากปะทะกัน เจ้าเมืองเทียนเหมินย่อมสามารถมาช่วยเหลือในไม่ช้า

‘เปรี้ยง!’

กลางอากาศเกิดเสียงดังสนั่นขึ้นชั่วพริบตา คนกับอสูรร้ายกำลังประมือกันอย่างเป็นทางการ!

ด้านล่าง

ฟางผิงมึนงงเล็กน้อย ก่อนจะกลืนน้ำลายอึกใหญ่ หันไปว่า “นายลองทายดู เขามาตามฆ่าพวกเราใช่หรือเปล่า?”

ฉินเฟิ่งชิงใบหน้าซีดเผือด กระซิบว่า “เหมือนจะอย่างนั้น…แววตาที่เขามองพวกเรา…น่ากลัวจริงๆ!”

“ดังนั้นหมายความว่า…”

“หุบเขาเป็นบ้านของเขา”

ทั้งสองคนประสานสายตากัน เสี้ยวนาทีต่อมาฟางผิงก็หมุนตัววิ่งหนีตายอย่างบ้าคลั่ง

แม่งเหอะ อยู่ไม่ได้แล้ว

เขาเป็นแค่ขั้นสี่ตัวเล็กๆ ถูกเจี่ยวจับจ้องก็แล้วไป ตอนนี้ยังไปกวาดรังของยอดฝีมือระดับสูงคนหนึ่ง สังหารคนรักที่ไม่รู้ว่าเป็นภรรยาหรือเมียน้อย นี่หากยังไม่ฆ่าเขาก็คงแปลกแล้ว

ฉินเฟิ่งชิงไม่จำเป็นต้องให้เขาบอกเช่นกัน วิ่งหนีเอาชีวิตรอดโดยอัตโนมัติ ยัดยาบำรุงเข้าปากตัวเองทันที

วิ่งสิ!

เขาลงถ้ำมาตั้งหลายครั้ง ครั้งนี้บ้าระห่ำที่สุดแล้ว

ระยะเวลาสั้นๆ แค่นี้ เจอระดับสูงแล้วสองคน ยังไม่ใช่พวกมนุษย์อีก คนหนึ่งถูกพวกเขาปล้นทรัพย์ล้างบางตระกูล อีกตัวเป็นสัตว์ปีศาจระดับสูง นี่ถ้ารอดตายยังคุยโวได้เป็นชาติ!

ฟางผิงคิดไม่ต่างกันเท่าไหร่

“หากยังมีชีวิตรอดกลับไป โม้ไปจนถึงขั้นปรมาจารย์ยังไม่ใช่ปัญหา!”

จะมีผู้ฝึกยุทธ์สักกี่คนที่เจอกับเจี่ยวขั้นแปดและผู้ฝึกยุทธ์ถ้ำระดับสูงแล้วยังมีชีวิตรอดกลับไป?

“ฉินเฟิ่งชิง…หากฉันรอดกลับไป ชั่วชีวิตนี้นายอย่าทำภารกิจกับฉันอีกเลย!”

“เหมือนกัน!”

ฉินเฟิ่งชิงหอบหายใจอย่างโมโห

ฉันลงถ้ำใต้ดินมาตั้งหลายครั้ง ไม่เคยมีครั้งไหนเหมือนครั้งนี้มาก่อน

เข้ามาวันแรกก็วิ่งบ้าคลั่งอยู่เกือบค่อนวัน

ตั้งแต่ฟ้ามืดจนฟ้าสว่างน่าอนาถเหลือเกิน

‘ถ้ำใต้ดินเซี่ยงไฮ้…คงมาอีกไม่ได้แล้ว!’

ทั้งสองคนต่างมีความคิดนี้ปรากฏขึ้นมา ตอนนี้ถ้ำใต้ดินเซี่ยงไฮ้อันตรายจนถึงขั้นน่ากลัวแล้ว

พวกเขาออกจากประตูมาก็อาจจะถูกจับจ้องแล้ว

“ราชาเจี่ยว ฆ่าเขาซะ ฆ่าเขาแล้วผมจะสร้างอนุสาวรีย์ให้ท่าน!”

ฟางผิงหันไปตะโกน ฉินฟิ่งชิงใบหน้าเขียวคล้ำ

แม่งเหอะ เวลานี้นายยังมีหน้ามาตะโกน เจี่ยวทิ้งอีกฝ่ายแล้วมาไล่ฆ่าพวกเขาจะทำยังไง

ฟางผิงกลับไม่สนใจเรื่องนี้ ตะโกนอีกครั้ง “ผมจะไปหาอะไรให้กิน ครั้งหน้าจะพาขั้นเก้ามาให้!”

“หุบปากไปซะ!”

ฉินเฟิ่งชิงด่ากราดออกมา ไอ้เวรนี่คิดจะลอบทำร้ายเขาหรือไง?

ฟางผิงไม่สนใจเขา ไร้สาระ ฉันไม่บอกกล่าวอะไรสักหน่อย หากครั้งหน้าดวงซวยมาเจออีก จะมีข้ออ้างได้ยังไง ตอนนี้นับว่าได้บอกกล่าวก่อนหนีแล้ว

ครึ่งชั่วโมงต่อมา

ฟางผิงและฉินเฟิ่งชิงดีใจจนน้ำตาแทบไหล ด้านหน้านั้นเมืองความหวังปรากฏแก่ครรลองสายตาแล้ว

“ฉันวิ่งเอาชนะขั้นเจ็ดได้…ไม่สิ ขั้นแปด!”

———————–

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด