ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน 309 ครั้งหน้าพวกเราไปขุดแร่ด้วยกัน (1)

Now you are reading ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน Chapter 309 ครั้งหน้าพวกเราไปขุดแร่ด้วยกัน (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 309 ครั้งหน้าพวกเราไปขุดแร่ด้วยกัน (1)

หน่วยทหาร

ฝ่ายบัญชาการศึกสงคราม

ยอดฝีมือระดับปรมาจารย์หลายคนที่นั่งรักษาการณ์ในถ้ำใต้ดินเซี่ยงไฮ้ต่างมารวมตัวกันที่นี่แล้ว

ฟางผิงและฉินเฟิ่งชิงเพิ่งจะเข้าประตู ชายร่างกำยำคนหนึ่งก็หัวเราะว่า “ฟางผิง ฉินเฟิ่งชิง สร้างชื่อเสียงให้เซี่ยงไฮ้ของเราจริงๆ ทำดีมาก!”

ฟางผิงรีบเงยหน้ามอง ก่อนจะคาดเดาอยู่สักพัก เอ่ยอย่างไม่มั่นใจว่า “ปรมาจารย์เถียน?”

“ฮ่าๆ ตาแหลมไม่เบา!”

เถียนมู่หัวเราะเสียงดัง

ฟางผิงแววตาเป็นประกาย เอ่ยทันที “รุ่นพี่เถียน คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?”

ปรมาจารย์ที่อยู่ด้านข้างต่างหมดคำจะพูด

ตีสนิทซะไวเชียว!

เมื่อกี้เพิ่งจะเรียกปรมาจารย์เถียน ชั่วพริบตากลายเป็นรุ่นพี่ซะแล้ว

เถียนมู่จบจากมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้เกือบห้าสิบปีแล้ว แทบจะเป็นปู่ของฟางผิงได้ด้วยซ้ำ

เถียนมู่ที่ดูเหมือนอายุสี่สิบห้าสิบ ในความเป็นจริงอายุอานามกลับไม่น้อย ปาเข้าไปเจ็ดสิบแล้ว เรียกว่ารุ่นพี่ ฟางผิงช่างกล้าเรียกออกมาจริงๆ?

ทุกคนยังไม่ทันถอนหายใจ ฉินเฟิ่งชิงก็เผยแววตาวิบวับอีกคน รีบเอ่ยว่า “พี่เถียน…”

‘ผัวะ!’

ฉินเฟิ่งชิงตัวลอยออกไปห้อยอยู่บนกำแพง เถียนมู่ด่าว่า “ตอนที่พ่อเธออยู่มหาวิทยาลัย เห็นฉันก็เอาแต่เรียกว่าลุง เธอเรียกฉันแบบนี้หมายความว่ายังไงกัน?”

เถียนมู่ด่ากราดออกมา คำเรียกแบบนี้ใครเป็นคนสอนออกมา?

ฉินเฟิ่งชิงน้อยใจอย่างยิ่ง มองไปทางฟางผิง ฟางผิงยักไหล่ ฉันเรียกรุ่นพี่ไม่เห็นมีปัญหา ผู้อาวุโสที่เรียนจบไปก่อนก็เป็นรุ่นพี่กันทั้งนั้น

เถียนมู่ไม่สนใจฉินเฟิ่งชิง หัวเราะว่า “ฉันถูกย้ายกลับมาจากทางเหนือ พวกตาแก่ของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ตายไปหลายคน ตอนนี้ขาดแคลนคน หลังจากนี้ฉันจะมาประจำการที่ถ้ำใต้ดินเซี่ยงไฮ้…”

ฟางผิงดีใจออกมาทันที เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “รุ่นพี่เถียนอยู่ที่นี่ งั้นพวกเราก็มีความมั่นใจแล้ว…”

เดิมทีเถียนมู่นั่งรักษาการณ์อยู่ที่ถ้ำใต้ดินแห่งหนึ่งทางเหนือ มียศเป็นแม่ทัพใหญ่หน่วยทหาร แน่นอนว่าไม่สามารถสั่งการทหารได้จริง

หน่วยทหารมียศทหารอย่างผู้บังคับการ ผู้บัญชาการกอง แม่ทัพ แม่ทัพใหญ่อะไรพวกนี้

ส่วนคำเรียกนั้นมีมากมาย เจอผู้บัญชาการกองจะเรียกว่าแม่ทัพก็ได้ เจอแม่ทัพจะเรียกนายพล หรือเรียกหัวหน้าไปตรงๆ เลยก็ไม่มีปัญหา

แต่ยศทหารก็ยังเป็นยศทหาร สองเรื่องนี้ไม่อาจขัดแย้งกันได้

ฟางผิงเคยเห็นรูปของเถียนมู่มาก่อน ข้อมูลปรมาจารย์ที่จบการศึกษาพวกนี้ สมาคมผู้ฝึกยุทธ์มีอย่างครบครัน

ทั้งครั้งก่อนที่พวกอธิการบดีกลับมาก็เล่าสถานการณ์คร่าวๆ ให้ฟังแล้ว เถียนมู่เป็นหนึ่งในปรมาจารย์ที่ไปปักกิ่งในเวลานั้น ทั้งยังเป็นยอดฝีมือที่แข็งแกร่งมากคนหนึ่ง

ยอดฝีมือร่างทองขั้นแปดอย่างแท้จริง!

สาเหตุที่เน้นหนักขนาดนี้ เพราะไม่เหมือนกับอธิการเฒ่าพวกนั้น คนพวกนี้ร่างกายบาดเจ็บเรื้อรัง ร่างทองทรุดโทรมไปบ้าง อันที่จริงเทียบกับยอดฝีมือร่างทองที่อยู่ในช่วงรุ่งโรจน์ พลังการต่อสู้ยังอ่อนด้อยไปอยู่บ้าง ดังนั้นจึงทำได้แค่สู้ชีวิตแลกชีวิต

หากเป็นเถียนมู่อาจไม่เป็นเช่นนั้นเสมอไป

แม้ว่าจะเป็นอู๋ขุยซาน อันที่จริงก็สู้เถียนมู่ไม่ได้เหมือนกัน เพราะอู๋ขุยซานไม่ได้ทะลวงด่านนานเท่าเถียนมู่

“มีความมั่นใจ?” ปรมาจารย์แซ่โค่วเอ่ยขำๆ “เธอยังต้องการความมั่นใจอะไรอีก? ความมั่นใจในการรีดไถปรมาจารย์ขั้นเก้า?”

ฟางผิงขำแห้งออกมาทันที

ปรมาจารย์แซ่โค่วไม่แหย่เขาต่อ รอยยิ้มหายไปจากใบหน้า เอ่ยอย่างตรงไปตรงมา “ครั้งนี้พวกเธอไปที่ไหนกันมา?”

“เขาหัวหมาป่า”

“เขาหัวหมาป่า?” ชายชราแซ่โค่วมองไปทางพวกเถียนมู่ “เขาหัวหมาป่ามีพวกระดับสูง?”

“ไม่รู้”

“ฉันไม่เคยไป”

“ฉันเคยไปครั้งหนึ่ง แต่ไม่เจอ”

เถียนมู่ไม่คุ้นเคยเท่าไหร่ ครุ่นคิดก่อนเอ่ยว่า “สามสิบปีก่อนฉันเคยไปเขาหัวหมาป่า แต่แค่เดินผ่านทางเท่านั้น ไม่ได้เข้าไปลึก”

ในเวลานี้ชายวัยกลางคนรูปร่างสูงคนหนึ่งก็เดินเข้ามา เอ่ยว่า “เขาหัวหมาป่ามีระดับสูง แต่เก็บตัวเงียบอยู่ตลอดเวลา สงครามหลายครั้งแทบไม่โผล่หน้าออกมา แต่ฉันเคยเจอครั้งหนึ่ง เหมือนจะมีความเกี่ยวข้องกับแม่ทัพหลางของเมืองเทียนเหมิน”

“ผู้บังคับการอู๋”

“ผู้บังคับการอู๋ คุณเคยเจออีกฝ่าย?”

“…”

คนที่เข้ามาไม่ใช่ใครอื่น อู๋ชวน ผู้บังคับการกองตั้งมั่นเฝ้าระวังทางใต้

ระหว่างที่อู๋ชวนเอ่ยก็ชำเลืองมองฟางผิงแวบหนึ่ง ยิ้มคล้ายไม่ยิ้มว่า “เมื่อกี้เพิ่งจะเรียกรุ่นพี่อย่างสนิทสนมไม่ใช่หรือไง? พอเห็นฉัน ทำไมไม่ทักทายอย่างนั้นบ้างล่ะ?”

ฟางผิงทำหน้าเหลอหลา ก่อนคล้ายจะนึกอะไรได้ รีบเอ่ยว่า “ที่แท้ก็รุ่นพี่อู๋ ผมตาไม่มีแววจริงๆ รุ่นพี่เปล่งประกายน่าเกรงขาม…”

“ไม่หรอก บางคนยังอยากปฏิรูปฉันอยู่เลย”

ฟางผิงตกสู่ความงุนงงอีกครั้ง ในใจกลับลอบด่าอย่างบ้าคลั่ง

ฉันพูดเรื่องนี้กับหวงจิ่งและอู๋ขุยซาน ทำไมอู๋ชวนถึงรู้ล่ะ?

อธิการบดีทั้งสองไว้ใจไม่ได้ นึกไม่ถึงว่าจะขายฉัน!

นี่เป็นปรมาจารย์ยอดฝีมือขั้นเก้า ทั้งยังเป็นผู้แข็งแกร่งในหมู่ของขั้นเก้า ถูกจัดอยู่ในอันดับเก้า รองจากจ้าวซิงอู่ ผู้นำสำนักพันธมิตร

อู๋ชวนไม่ข่มขวัญเขาต่อ ถามว่า “เล่าให้ละเอียดอีกครั้งสิ…”

ฟางผิงรีบเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้ฟังอีกครั้ง

อู๋ชวนเอ่ยอย่างเคร่งขรึม “เจี่ยวทะลวงขั้นแปดแล้ว? ไม่น่าล่ะช่วงนี้ป่าราชันเจี่ยวถึงขยับขยาย ยังดีที่ไม่ขยายไปทางใต้”

ทางใต้เป็นที่ตั้งของเมืองความหวัง

“รุ่นพี่อู๋ วันนี้คนๆ นั้นตายหรือเปล่าครับ?”

“ไม่” อู๋ชวนส่ายหัว “เจ้าเมืองเทียนเหมินออกโรง แต่คนผู้นั้นได้รับบาดเจ็บไม่น้อย ฉันสัมผัสได้ว่าพลังแห้งเหือดลง คงได้รับบาดเจ็บหนัก มีความสามารถขั้นเจ็ดเท่านั้น หากเจ้าเมืองเทียนเหมินให้ความช่วยเหลือไม่ทัน น่าจะถูกฆ่าตายไปแล้ว ฉันเตรียมตัวจะสกัด…แต่ทางเมืองตงขุยมีความเคลื่อนไหวเล็กน้อย เจ้าเมืองตงขุยใช้พลังจิตใจสร้างความกดดัน น่าเสียดายที่ผู้เฒ่าฟ่านเพิ่งจะออกไป ไม่งั้นสกัดสองคนนี้ไว้ เจี่ยวน่าจะสังหารอีกฝ่ายได้”

ถ้ำใต้ดินของประเทศจีนมีเยอะเกินไป ยอดฝีมือขั้นเก้าต่างงานล้นมือ

ถ้ำใต้ดินแห่งหนึ่งมีขั้นเก้าประจำอยู่หนึ่งคนก็ถึงขีดจำกัดแล้ว

อู๋ชวนที่อยู่ในตำแหน่งผู้บังคับกองตั้งมั่นเฝ้าระวังทางใต้ ครั้งนี้มาปักหลักอยู่ในถ้ำใต้ดินถาวร ก่อนหน้านี้ยอดฝีมือขั้นเก้าประจำการณ์อยู่ ช่วงนี้มีธุระอย่างอื่น เพิ่งออกไปพอดี

ไม่งั้นมีขั้นเก้าสองคนอยู่ สกัดสองคนนั้นไว้ เจี่ยวอาจจะสามารถฆ่าอีกฝ่ายได้ ลดพลังต่อสู้ของผู้ฝึกยุทธ์ถ้ำระดับสูงไปหนึ่งคน

อู๋ชวนไม่ได้เสียดายเท่าไหร่ เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “แบบนี้ก็ดี ครั้งนี้เจ้าเมืองเทียนเหมินล่วงเกินเจี่ยวอย่างถึงที่สุดแล้ว ราชาปีศาจเช่นนี้แค้นฝังใจอย่างมาก…”

“ราชาปีศาจ?”

ฟางผิงสงสัยอยู่บ้าง

“ปีศาจระดับสูงเรียกว่าราชาได้ทั้งนั้น แน่นอนว่าเป็นความเคยชินของพวกเราเท่านั้น”

อู๋ชวนเอ่ยต่อ “ช่วงนี้งานวิจัยเกี่ยวกับถ้ำใต้ดินของพวกเรามีความก้าวหน้า ถอดรหัสข้อมูลออกมาได้บางส่วนแล้ว ในถ้ำใต้ดินขั้นเจ็ดเรียกได้ว่าเป็นยอดฝีมือขั้นบัญชาการ ขั้นแปดยอดฝีมือขั้นอารยะ ขั้นเก้าถึงจะเป็นขั้นราชา ดังนั้นคำว่าราชาปีศาจ ตอนนี้ไม่ค่อยได้ใช้นัก แน่นอนว่าไม่แตกต่างเท่าไหร่ แค่คำเรียกไม่เหมือนกันเท่านั้น”

ฟางผิงได้ฟังก็พึมพำว่า “ไม่น่าล่ะตอนที่เจี่ยวได้ยินผมเรียกมันว่าราชาดูเหมือนจะอารมณ์ดีไม่น้อย…”

ฝ่ายบัญชาการเงียบกริบลงในชั่วพริบตา

ทุกคนพากันมองไปทางฟางผิง อู๋ชวนขมวดคิ้วว่า “เธอเคยติดต่อกับเจี่ยวมาก่อน?”

“มันไม่ได้เรียกว่าเจี่ยว อันที่จริงเรียกว่าราชาปีศาจเขาทอง…ยังไงยอดฝีมือถ้ำใต้ดินคนนั้นก็น่าจะเรียกแบบนี้ หรืออีกฝ่ายก็กำลังประจบเจี่ยวเหมือนกัน?”

“หยุดพูดเรื่องไร้สาระพวกนี้ก่อน” อู๋ชวนตัดบทเขา อธิบายต่อ “ขั้นราชาเป็นแค่ระดับขั้นเท่านั้น เรียกเจี่ยวว่าราชาปีศาจ แสดงให้เห็นว่าเจี่ยวเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่ปีศาจเขาทองแถบนี้แล้ว เจี่ยวไม่ได้มีแค่ตัวเดียว การดำรงเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของกลุ่มจึงถูกเรียกว่าราชาปีศาจ แม้ว่าจะเป็นราชาปีศาจขั้นสี่ขั้นห้า นั่นก็ยังมีการดำรงอยู่เช่นกัน”

“อย่างนี้นี่เอง…”

อู๋ชวนปวดหัวอยู่บ้าง “กลับมาที่ประเด็นหลัก พูดถึงเรื่องเจี่ยว”

“อ้อ ผมรู้จักกับเจี่ยวมานานแล้ว…”

———————

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด