ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน 310-2 ราชาปีศาจหวนกลับ (2)
ตอนที่ 310 ราชาปีศาจหวนกลับ (2)
ฟางผิงอธิบายว่า “เพื่อเตรียมความพร้อมขุดแร่พลังงานหลังจากนี้ไง ความเร็วต้องไว การเคลื่อนไหวก็ต้องคล่องแคล่ว รอหลายปีต่อจากนั้น ทุกคนต้องซาบซึ้งในตัวฉันแน่”
เฉินอวิ๋นซีเอ่ยอย่างไม่มั่นใจอยู่บ้าง “จะซาบซึ้งนายจริงๆ เหรอ?”
“แน่นอน ถึงเวลานั้นทุกคนจะเข้าใจเอง ทุกอย่างที่ฉันทำในวันนี้ก็เพื่อพวกเขาทั้งหมด เพื่ออนาคตของพวกเขา ถึงเวลานั้นพวกเขาจะรู้เองว่ามีฉันเป็นประธาน เป็นความโชคดีของพวกเขาขนาดไหน พวกหลี่หานซงจากปักกิ่งนั้นเคยตระหนักถึงจุดนี้หรือเปล่า? นักศึกษาที่ขุดแร่ไม่เป็น ภายหลังเข้าไปในถ้ำ เจอกับพลังงานแร่ จะใช้ความเร็วช่วงชิงและวิ่งหนีสิ่งมีชีวิตระดับสูงพวกนั้นได้ยังไง?”
เฉินอวิ๋นซียังคงงุนงง
ฟางผิงเห็นแบบนั้นก็เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ไม่สามารถเข้าใจได้สินะ? ไม่สามารถเข้าใจได้ก็ถูกแล้ว อัจฉริยะไม่อาจถูกคนอื่นเข้าใจได้ง่ายๆ หรอก แต่ไม่เป็นไร ตอบแทนออกไปบ้าง ตัวเองเข้าใจคนเดียวก็พอแล้ว”
“อ่อ”
“ใช่สิ ปู่ของเธอตอบรับเรื่องสนับสนุนพวกเราหรือยัง?” ฟางผิงนึกถึงเรื่องหนึ่งได้ ถามออกไป
เฉินอวิ๋นซีเอ่ยด้วยสีหน้าลำบากใจ “ปู่เขา…”
“เขาว่ายังไง?”
“เขา…”
“พูดมา”
“เขาบอกว่าครั้งหน้าเจอนาย เขาจะ…เขาจะอัดนายจมเข้าไปในดิน ให้ติดอยู่ในนั้นหนึ่งเดือน”
ฟางผิงใบหน้าดำคล้ำ แค่นเสียงว่า “ให้สมาคมผู้ฝึกยุทธ์รวบรวมสมาชิกขั้นสามไปจัดการแข่งขันแลกเปลี่ยนกับมหาวิทยาลัยจิงหนาน บอกพวกเขาว่าไม่ชนะไม่ต้องกลับมา!”
อำนาจอยู่ในมือจะให้เสียประโยชน์เปล่าไม่ได้
พูดจบ ฟางผิงค่อยมองไปทางเฉินอวิ๋นซี “เธอก็ไปด้วย เธอเป็นคนนำทีม ครั้งนี้เธอต้องชนะ ชนะให้ขาดลอย ถ้าเธอแพ้ นั่นหมายความว่าเธอจงใจอ่อนข้อให้”
เฉินอวิ๋นซีแทบจะร้องไห้ออกมา นี่เหมาะสมงั้นเหรอ?
ให้ฉันไปสู้กับลูกศิษย์ของปู่?
“อืม ตามนั้นแหละ ไปเถอะ เตรียมตัวสักหน่อย สั่งการให้ดี ฉันเชื่อมั่นในตัวเธออวิ๋นซี พยายามเข้าล่ะ รีบทะลวงขั้นสี่ให้ได้ไวๆ”
ฟางผิงดูเวลา ก่อนจะเอ่ยว่า “ช่วงนี้ฉันต้องฝึกวิชา ถ้าไม่มีเรื่องสำคัญอย่ามารบกวน ครั้งนี้ฝึกฝนสำเร็จแล้ว ฉันคงจะเข้าสู่ขั้นสี่ตอนปลาย”
เฉินอวิ๋นซีสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้าว่า “เข้าใจแล้ว งั้นมหาวิทยาลัยจิงหนาน…”
“เธอไม่อยากไป?”
“ไป!”
เฉินอวิ๋นซีขบริมฝีปาก ไปก็ไป ใครกลัวกัน ปู่ก็จริงๆ เลย ทุกคนต่างให้ความสนับสนุน ปู่สนับสนุนให้นิดหน่อยจะเป็นไรไป
—
ในเวลาเดียวกัน
“ฮัดชิ้ว!”
มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้จิงหนาน ผู้เฒ่าเฉินจามออกมา ขมวดคิ้วว่า “ใครพูดถึงฉันกัน?”
ขึ้นชื่อว่าปรมาจารย์ โรคภัยไม่กล้ำกรายอยู่แล้ว ไอ้ลูกหมาตัวไหนลอบด่าตัวเองกัน?
—
บ้านพักหมายเลขแปด
หลู่เฟิ่งโหรวเอ่ยด้วยเสียงเคร่งขรึม “หลอมหัวใจเป็นด่านที่ยากที่สุดในอวัยวะตันทั้งห้าแล้ว ผ่านด่านหลอมหัวใจ การหลอมอวัยวะภายในอื่นๆ ล้วนสบายกว่าแล้ว หลอมหัวใจ อันที่จริงเป็นกระบวนการเปลี่ยนแปลงพลังงานหัวใจอย่างหนึ่ง”
ฟางผิงพยักหน้าเบาๆ เอ่ยว่า “เรื่องนี้ผมรู้ แต่ก่อนหน้านี้คุณบอกว่ามนุษย์ชาติและผู้ฝึกยุทธ์ถ้ำไม่เหมือนกัน จุดที่ไม่เหมือนนี้อยู่ตรงไหนเหรอครับ?”
“ผู้ฝึกยุทธ์ถ้ำใช้พลังงานมาแทนที่เลือดเนื้อ มนุษยชาติกลับไม่ใช่แบบนั้น”
หลู่เฟิ่งโหรวอธิบาย “สิ่งที่พวกเราเรียกว่าการเปลี่ยนแปลงพลังงาน ไม่ใช่เปลี่ยนจากหัวใจเป็นหินพลังงาน แต่เป็นการติดเครื่องยนต์อย่างหนึ่ง นี่เกี่ยวพันไปถึงทิศทางเปลี่ยนแปลงที่ไม่เหมือนกัน ทิศทางเปลี่ยนแปลงของพวกเขาเป็นการเปลี่ยนแปลงของพลังงานทั้งหมด ส่วนทิศทางเปลี่ยนแปลงของพวกเราคือให้หัวใจเปลี่ยนเป็นตัวกลางแลกเปลี่ยนอย่างหนึ่ง”
ฟางผิงพยักหน้าอย่างเข้าใจ “หมายความว่าสามารถให้หัวใจดูดซับพลังงานนอกโลกอย่างรวดเร็ว จากนั้นดำเนินการแลกเปลี่ยนให้เป็นพลังปราณที่พวกเราต้องการแล้วฟื้นฟูอย่างรวดเร็วให้พวกเราอีกครั้ง…”
“ใช่ นี่เป็นกระบวนการเปลี่ยนแปลง หรือก็คือกระบวนการหลอม หัวใจค่อนข้างซับซ้อน เธอเคยเรียนองค์ประกอบร่างกายมนุษย์มาแล้ว น่าจะรู้ว่าอันที่จริงหัวใจแบ่งเป็นหลายห้อง ห้องบนซ้ายขวาและห้องล่างซ้ายขวา สิ่งที่พวกเราเรียกว่าการเปลี่ยนแปลงหลอมรวมก็คือทำให้ห้องหัวใจพวกนี้เป็นหนึ่งเดียวกัน!”
ฟางผิงขมวดคิ้วขึ้นทันที “หัวใจมีความซับซ้อน ทั้งยังเป็นจุดเด่นของวิวัฒนาการของมนุษย์ สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมและสัตว์เลื้อยคลานต่างมีหัวใจห้องบนสองห้องและห้องล่างสองห้อง สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำมีหัวใจห้องบนสองห้อง ห้องล่างหนึ่งห้อง สัตว์จำพวกปลามีแค่หัวใจห้องบนหนึ่งห้อง ห้องล่างหนึ่งห้อง ตอนนี้จะหลอมหัวใจบนและล่างทั้งสี่ห้องรวมเป็นหนึ่ง นี่ไม่ได้ล้าหลังลงหรอกเหรอครับ?”
หลู่เฟิ่งโหรวเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เธอรู้ได้ยังไงงว่าความซับซ้อนถึงเป็นวิวัฒนาการ? หลักการอันยิ่งใหญ่จะเรียบง่ายที่สุด จากง่ายๆ ไปถึงซับซ้อน ทั้งจากซับซ้อนไปถึงง่ายๆ อีกครั้ง นี่ไม่ใช่วิวัฒนาการหรือไง? หัวใจมีความซับซ้อน สำหรับมนุษย์ทั่วไปเหมาะสมอยู่แล้ว แต่สำหรับผู้ฝึกยุทธ์อย่างพวกเรา สำหรับยอดฝีมือที่ไล่ตามการฝ่าขีดจำกัดของร่างกาย นั่นไม่เหมาะอีกต่อไปแล้ว ทั้งการหลอมรวมเธอคิดว่าเป็นเรื่องง่าย? ภายในหัวใจมีหลอดเลือดและเส้นประสาทกระจายอยู่มากมาย เปลี่ยนแปลงหัวใจ อันที่จริงเป็นกระบวนการที่ซับซ้อนอย่างมาก เธอต้องหลอมเส้นประสาทและหลอดเลือดพวกนี้ทีละเส้นทั้งยังต้องแยกออกจากกัน จัดระเบียบใหม่อีกครั้ง ให้หลอดเลือดพวกนั้นไม่คดเคี้ยวซับซ้อนอีก จัดเรียงสี่ห้องหัวใจให้รวมเป็นหนึ่ง จากนั้นเธอก็ต้องใช้สะพานหัวใจสร้างทางเดินลำเลียงใหม่ขึ้นมาอีกครั้ง เข้าใจความหมายของฉันหรือเปล่า?”
ฟางผิงครุ่นคิดเล็กน้อย “หมายความว่าลิ้นหัวใจและหลอดเลือดที่อยู่ในหัวใจต้องแบ่งแยกโพรงผนังรอบๆ สร้างหลอดเลือดพลังงานตรงกลางขึ้นมาใหม่?”
“จะเข้าใจแบบนี้ก็ได้”
“นี่ก็อันตรายเกินไปแล้วมั้งครับ” ฟางผิงเอ่ยอย่างมืดหม่น “อาจารย์ วิธีฝึกฝนแบบนี้ใครเป็นคนคิดกัน? นี่หากตัดหลอดเลือดหัวใจผิดไปหลายเส้นคงไม่ลาโลกนี้ไปหรอกเหรอครับ?”
“ไม่ถึงขนาดนั้น อันตรายมีอยู่แล้ว แต่คงไม่ถึงตาย” หลู่เฟิ่งโหรวเอ่ยต่อด้วยรอยยิ้ม “ส่วนใครเป็นคนคิด ฉันจะไปรู้ได้ยังไง เธอมีโอกาสลองไปถามดูเอง ได้ยินว่าผู้ฝึกยุทธ์รุ่นแรกนั้นสามารถทลายมิติได้”
ฟางผิงเบ้ปาก ฉันตายแล้วจะลองไปถามดูละกัน
“ไม่น่าล่ะทุกคนถึงหยุดอยู่ในขั้นสี่ตอนกลางซะนาน นี่ใช้เวลาไม่น้อยเลยจริงๆ อวัยวะตันทั้งสี่ที่เหลือไม่ได้ซับซ้อนขนาดนี้สินะครับ?”
“ใช่แล้ว หัวใจนั้นเป็นต้นกำเนิด อวัยวะอื่นๆ ไม่ได้ยากขนาดนั้นแล้ว”
“ค่อยยังดีหน่อย”
หลู่เฟิ่งโหรวครุ่นคิดเล็กน้อย “ปราณเธอใช้ได้ไม่ขาดสาย อันที่จริงกระบวนการหลอมรวมเปลี่ยนแปลงจะง่ายอยูบ้าง หลอมติดต่อกันจะดีกว่าเปลี่ยนแปลงทีละครั้งอยู่บ้าง หลายครั้งที่อันตรายเกิดขึ้นตอนที่ปราณขาดระหว่างกระบวนการหลอม เธอพยายามหน่อยละกัน เพิ่งย้ายหลอดเลือดจากตำแหน่งเดิม จู่ๆ ปราณก็ขาดระหว่างการหลอมนั้นแทบไม่ต้องคิดก็น่าจะรู้ว่าเวลานี้เจ็บปวดขนาดไหน สำหรับเธอแล้วน่าจะลดความเจ็บปวดได้บ้าง”
“อย่างนี้นี่เอง เข้าใจแล้วครับ”
ฟางผิงพยักหน้า ก่อนจะถามข้อสงสัยบางอย่างอีกเล็กน้อยจึงรู้ขั้นตอนหลอมหัวใจและข้อควรระวังปลีกย่อยคร่าวๆ ขึ้นมา
นี่เป็นข้อแตกต่างระหว่างการมีอาจารย์กับไม่มีอาจารย์ ทั้งยังเป็นข้อแตกต่างของการมีอาจารย์เป็นยอดฝีมือและผู้อ่อนแอด้วยเช่นกัน
มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ทั่วไป อาจารย์ขั้นสามยังมาไม่ถึงจุดนี้ด้วยซ้ำ จะรู้ได้ยังไงว่าฝึกแบบไหน ทั้งไม่สามารถพูดละเอียดยิบย่อยได้
หลอมอวัยวะตันทั้งห้า ไม่ใช่หลอมมั่วซั่วก็สำเร็จได้ ผู้ฝึกยุทธ์ที่ไม่รู้รายละเอียดยิบย่อยหลอมมั่วซั่วนั้นอันตรายอย่างมาก
พูดคุยเรื่องฝึกวิชาแล้ว หลู่เฟิ่งโหรวก็ถามว่า “เข้าถ้ำใต้ดินเจอเบาะแสพ่อฉันบ้างหรือเปล่า?”
“ไม่เลยครับ”
หลู่เฟิ่งโหรวถอนหายใจเบาๆ ไม่ถามต่ออีก
ครั้งก่อนสงครามใหญ่ดุเดือดขนาดนั้น พ่อของตัวเองยังไม่ปรากฏตัวออกมาเลย หากไม่ได้อยู่รอบนอก ก็คง…ตายไปแล้ว
โอกาสอย่างหลังสูงมากกว่า
ไม่อยู่รอบนอก หมายความว่าต้องเข้าสู่เขตส่วนกลาง?
หรืออยู่ภูเขาส่วนกลางกัน?
แต่ที่นั่นมีปีศาจระดับสูงอยู่นับไม่ถ้วน โอกาสมีชีวิตรอดนั้นน้อยมาก
“ไปฝึกวิชาเถอะ”
หลู่เฟิ่งโหรวซึมลงอยู่บ้าง ลูกสาวตายแล้ว พ่อ…ก็มาจากตัวเองไปอีกงั้นเหรอ?
ฟางผิงเงียบลงเช่นกัน ก้าวเท้าจากไปเบาๆ โอกาสที่พ่อของหลู่เฟิ่งโหรวจะมีชีวิตอยู่นั้นมีไม่มากเลยจริงๆ
——————-
Comments