ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน 311 บรรยากาศครึกครื้น (1)

Now you are reading ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน Chapter 311 บรรยากาศครึกครื้น (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 311 บรรยากาศครึกครื้น (1)

เขตทางใต้มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้

ห้องแหล่งพลังงาน

โถงใหญ่

ซ่งอิ๋งจี๋ช่วยดำเนินการให้นักศึกษาคนหนึ่งแล้ว ก็อดกวาดสายตามองห้องสุดท้ายภายในทางเดินไม่ได้

“เจ้าเด็กนั่นเข้าไปสามสี่วันแล้ว ครั้งนี้ทำใจเสียเงินได้จริงๆ สินะ”

นึกถึงหลายวันก่อนที่ใครบางคนเข้าประตูมาก็วางมาดร่ำรวยใหญ่โต

“เหล่าซ่ง จองห้องวีไอพีให้ฉันห้องหนึ่ง รูดไปก่อนหนึ่งพันห้าร้อยคะแนน ไม่พอเดี๋ยวฉันเพิ่มให้อีกที!”

ท่าทางนั้น น้ำเสียงนั้น อวดดีจนซ่งอิ๋งจี๋อยากจะอัดฟางผิงซะชุดใหญ่

ห้องแหล่งพลังงานหนึ่งชั่วโมงใช้เพียงสิบคะแนนเท่านั้น

แต่ในทางกลับกัน ห้องวีไอพีที่ฟางผิงพูดถึงยังคงมีอยู่ แต่เป็นห้องที่จัดสรรให้อาจารย์ฝึกวิชาโดยเฉพาะ หรือจะพูดว่าให้ผู้ฝึกยุทธ์ระดับกลางใช้งาน

ห้องแหล่งพลังงานทั่วไปล้วนเป็นหินพลังงานที่เผาไหม้ปลดปล่อยด้วยพลังงานบริสุทธิ์ต่ำสุดพวกนั้น

แต่ห้องวีไอพีจะใช้หินพลังงานที่มีความบริสุทธิ์สูงหน่อย แน่นอนว่าระดับความบริสุทธิ์ไม่สูงเกินกว่าเก้าสิบเปอร์เซ็นต์เช่นกัน ไม่งั้นก็สามารถดูดซับได้โดยตรง ไม่จำเป็นต้องใช้เป็นตัวช่วยในการฝึกวิชาแล้ว

ฟางผิงเปิดห้องแบบนี้ต้องใช้ยี่สิบคะแนนต่อหนึ่งชั่วโมง

ตอนนี้ผ่านไปสามสี่วันแล้ว หนึ่งพันห้าร้อยคะแนนของเขาพร่องไปเกือบหมดแล้วเหมือนกัน

“ตอนนี้ฉันหยุดพลังงานของเจ้าเด็กนี้ พอเขาทะลวงขั้นหกแล้ว ต้องมาคิดบัญชีกับฉันแน่…”

ซ่งอิ๋งจี๋ส่ายหัวด้วยรอยยิ้ม ตอนนี้คะแนนของฟางผิงใช้จนเกลี้ยงแล้ว

หากหยุดจัดส่งพลังงานให้เขา การหลอมรวมขาดตอน จากนิสัยของหมอนี้ กระทั่งถังเฟิงยังถูกเอาคืนนับครั้งไม่ถ้วน ลูกสาวก็ถูกจัดการ คนอย่างซ่งอิ๋งจี๋คงไม่รอดเช่นกัน

“กลัวก็แต่ว่า…เจ้าเด็กนี้ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลานานเท่าไหร่ ออกมาจะทำเป็นลืมน่ะสิ”

ซ่งอิ๋งจี๋พึมพำ เด็กนี้จะเบี้ยวหนี้หรือเปล่า?

หลายวันก่อนวางท่ามีเงินไม่น้อย ซ่งอิ๋งจี๋คิดว่าหนึ่งพันห้าร้อยคะแนน เยอะไม่ใช่เล่นเหมือนกัน ใครจะรู้ว่าฟางผิงเข้าไปในห้องแหล่งพลังงานก็ไม่กลับออกมาอีกหลายวัน

ระหว่างกำลังคิดอย่างเบื่อหน่าย พวกฟู่ชางติ่งก็เดินเข้ามา

“อาจารย์ซ่ง เขายังไม่ออกมาเหรอครับ?”

“ยัง”

ฟู่ชางติ่งเอ่ยอย่างจนใจ “การแข่งขันขั้นหนึ่งทั่วประเทศใกล้จะเริ่มแล้ว ยังต้องรอเขาเป็นเจ้าภาพเปิดงานอย่างเป็นทางการอีก”

การแข่งขันขั้นหนึ่งทั่วประเทศมีฟางผิงทำหน้าที่ควบคุมตลอดงาน อธิการมหาวิทยาลัยทั้งสองคนต่างไม่สอดมือยุ่ง พวกถังเฟิงก็ไม่อยากร่วมด้วยเช่นกัน

ตอนนี้ทั้งหมดต่างอยู่ในความรับผิดชอบของสมาคมผู้ฝึกยุทธ์ ฟางผิงที่เป็นประธานไม่ออกโรง พิธีเปิดคงไม่ใช่เรื่องง่ายแล้ว

รองประธานห้าคน ตอนนี้มีแค่เหลียงเฟิงหวาที่อยู่ในมหาวิทยาลัย แต่เหลียงเฟิงหวาไม่อยากทำหน้าที่นี้ ทั้งไม่อยากแย่งชิงความโดดเด่นกับฟางผิงด้วย ตอนนี้ต่างรอคอยให้ฟางผิงออกจากด่าน

พูดถึงการแข่งขันผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งทั่วประเทศ ซ่งอิ๋งจี๋เอ่ยอดไม่ได้ “ตอนนี้มีคนสมัครกี่คนแล้ว?”

สำหรับเรื่องนี้ เขาสงสัยอยู่ไม่น้อย

ฟู่ชางติ่งเดาะลิ้นว่า “เกินกว่าที่คาดเยอะเลยครับ ผมยังตกใจไปด้วย เพราะเงื่อนไขเป็นแค่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งเท่านั้น ไม่ได้จำกัดอย่างอื่น เริ่มสมัครตั้งแต่ปลายเดือนก่อนจนถึงตอนนี้มีคนสมัครสามหมื่นกว่าคนแล้วครับ!”

“สามหมื่นกว่าคน?”

ซ่งอิ๋งจี๋ตกตะลึงไปเช่นกัน “เยอะขนาดนี้เลย?”

นี่เป็นผู้ฝึกยุทธ์ไม่ใช่คนทั่วไป ผู้ฝึยุทธ์ส่วนมากมักมีภาระติดตัว การแข่งขันผู้ฝึกยุทธ์เห็นได้ชัดว่าไม่ได้ใช้เวลาน้อยๆ นึกไม่ถึงว่าจะมีคนสมัครเยอะขนาดนี้?

ฟู่ชางติ่งหัวเราะเฝื่อนๆ ว่า “นั่นสิครับ ตอนเพิ่งเริ่มพวกเราก็นึกไม่ถึงเหมือนกัน ตอนนี้มีผู้ฝึกยุทธ์ในเซี่ยงไฮ้เยอะเกินไป รัฐบาลเซี่ยงไฮ้ให้พวกเรารีบจัดงานทันที ไม่งั้นจะออกคำสั่งห้ามให้พวกเราแล้ว!”

ผู้ฝึกยุทธ์หลายหมื่นคนมารวมตัวที่เซี่ยงไฮ้ รวมทั้งเซี่ยงไฮ้เองก็มีผู้ฝึกยุทธ์จำนวนมากอยู่แล้ว

ตอนนี้ผู้ฝึกยุทธ์ในเซี่ยงไฮ้จึงมีเยอะอย่างยิ่ง เกรงว่าจะเยอะที่สุดในโลกแล้ว

รัฐบาลเซี่ยงไฮ้ไม่กล้าให้เวลาเตรียมพร้อมกับพวกเขาอีก ยิ่งไปถึงช่วงหลัง คนก็ยิ่งมากขึ้น ปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป มีโอกาสที่ผู้ฝึกยุทธ์จะรวมตัวเกินหนึ่งแสนคนเช่นกัน

รวมถึงเพื่อนสนิทมิตรสหายของผู้ฝึกยุทธ์และผู้ฝึกยุทธ์ที่มาร่วมชมความคึกคัก บางทีอาจจะมากกว่านี้อีก

ถึงเวลานั้นรัฐบาลเซี่ยงไฮ้คงต้องปวดหัว

ซ่งอิ๋งจี๋กลับไม่ได้สนใจเรื่องคำสั่งห้าม ถามออกไปว่า “คนเยอะขนาดนี้ คงจัดการแข่งขันไม่สะดวกเท่าไหร่แล้ว ทั้งเรื่องสถานที่…”

“รัฐบาลเมืองเซี่ยงไฮ้อนุญาตให้พวกเราเช่าสนามกีฬาได้ฟรี ทั้งพวกเราก็เช่าสถานที่บางแห่งอีก การแข่งขันรอบคัดเลือกไม่จำเป็นต้องเป็นทางการนัก แข่งขันรอบคัดเลือกสักครึ่งเดือน คนที่เหลือค่อยเข้าสู่รอบที่สอง ทางมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้เตรียมพร้อมให้ผู้แข่งขันร้อยคนสุดท้ายก็พอแล้ว”

ระหว่างที่พูด ฟู่ชางติ่งยังเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ร้อยคนสุดท้ายในครั้งนี้ก็คือร้อยอันดับแรกของขั้นหนึ่ง หากเป็นที่ยอมรับได้ งั้นการแข่งขันขั้นหนึ่งของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ก็เดินมาถูกทางอย่างแท้จริงแล้ว จากความคิดของฟางผิงนั้นฤดูกาลต่อไปจะจัดการแข่งขันขั้นสอง จากนั้นก็ขั้นสาม…”

“เจ้าเด็กนี้…”

ซ่งอิ๋งจี๋ส่ายหัวเบาๆ เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เขาทำหน้าที่ประธานสมาคมผู้ฝึกยุทธ์ กระทั่งเรื่องของรัฐบาลยังเข้าไปยุ่งเกี่ยวได้”

จัดอันดับสามระดับล่างใหม่ ให้การแข่งขันที่ตัวเองจัดขึ้นกลายเป็นการแข่งขันผู้แข็งแกร่งร้อยอันดับแรก กำหนดการจัดอันดับออกมา ความทะเยอทะยานของฟางผิงไม่ใช่น้อยๆ เชียว

หากเป็นแบบนี้จริงๆ ชื่อเสียงของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ก็จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนแทบไม่ต่างไปจากมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงเก่าแก่อย่างปักกิ่ง

แต่จะทำได้หรือไม่ ยังต้องรอดูหลังจากนี้

ฟู่ชางติ่งเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ฟางผิงเป็นประธาน ตอนนี้นักศึกษามหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ต่างยุ่งกันหัวหมุน เฉินอวิ๋นซีนำทีมไปแข่งขันที่มหาวิทยาลัยจิงหนานเหมือนกัน คนของจิงหนานแทบจะร้องไห้รอมร่อแล้ว จางเชานำทีมไปแข่งขันที่มหาวิทยาลัยเป่ยเจียง หวงเฉียวก็รับหน้าที่พาทีมไปแข่งขันที่มหาวิทยาลัยตงหลิน…ตอนนี้ทั่วประเทศแทบไม่มีที่ไหนไร้นักศึกษาของเซี่ยงไฮ้แล้ว?”

“ทำไมเธอไม่นำทีมไปแข่งขันที่มหาวิทยาลัยปักกิ่งล่ะ?”

ซ่งอิ๋งจี๋ถามด้วยรอยยิ้ม ปู่ของฟู่ชางติ่งเป็นหัวหน้าอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยปักกิ่งเช่นกัน แม้ว่าจะไม่ถึงขั้นปรมาจารย์ แต่ยังไงปรมาจารย์ก็เป็นชนกลุ่มน้อย ผู้เฒ่าฟู่อยู่มหาวิทยาลัยปักกิ่งถือเป็นบุคคลสำคัญคนหนึ่งเช่นกัน

ฟู่ชางติ่งส่ายหัวว่า “ฟางผิงบอกว่าสู้กับปักกิ่ง ขั้นสามไม่พอ รอเขาสร้างทีมขั้นสี่ขึ้นมาได้ค่อยไปสู้กับปักกิ่ง บางทีอาจไม่จำเป็นต้องไปด้วยซ้ำ การแข่งขันแลกเปลี่ยนมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ปลายปี ทุกคนก็จะเจอกันอยู่ดี ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่ต่างรีบร้อนพัฒนาความสามารถ ตอนนี้จึงหาเวลาไปเข้าร่วมการแข่งขันแลกเปลี่ยนอย่างอื่นไม่ได้เหมือนกัน”

ผู้ฝึกยุทธ์สามระดับล่าง ตอนนี้ฟางผิงไม่แนะนำให้ไปถ้ำใต้ดิน งั้นต่อสู้ในการแข่งขันแลกเปลี่ยนก็เป็นโอกาสในการเพิ่มความสามารถอย่างหนึ่ง

ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่ นอกจากสามารถลงถ้ำใต้ดินได้ ปลายปียังมีอีกการแข่งขันหนึ่งให้เข้าร่วมอีก ฟางผิงจึงไม่ได้จำกัดอะไรกับนักศึกษาขั้นสี่มากมาย

ซ่งอิ๋งจี๋นั้นว่างจนไม่รู้จะว่างยังไงแล้ว ถามต่อว่า “ตอนนี้นักศึกษาขั้นสามในมหาวิทยาลัยมีเท่าไหร่แล้ว? ช่วงนี้เหมือนเห็นขั้นสามหน้าใหม่มาใช้ห้องแหล่งพลังงานไม่น้อย”

“สองวันก่อนเพิ่งทำการสรุปออกมา ตอนนี้ขั้นสามมีเจ็ดสิบแปดคน ขั้นสี่ก็เพิ่มขึ้นมาอีกสองคน ตอนนี้มีสิบเอ็ดคนแล้วครับ”

ฟู่ชางติ่งเอ่ยต่อ “ขั้นสองเพิ่มขึ้นมาไม่น้อยเลย ก่อนหน้านี้แค่ห้าร้อยคน ช่วงนี้มีหลายคนทะลวงขั้นสองแล้ว รายงานสรุปก่อนหน้านี้มีเกือบแปดร้อยคนครับ”

“เยอะขนาดนี้เลย?”

ซ่งอิ๋งจี๋ตกใจอย่างเห็นได้ชัด ก่อนหน้านี้แค่ห้าร้อยกว่าคนเท่านั้น

“เพราะได้คะแนนง่ายขึ้น ทั้งมีระบบกู้ยืมคะแนน รวมถึงตอนนี้ฟางผิง…ทารุณพวกขั้นหนึ่ง ทุกคนต่างทุ่มสุดกำลังเพื่อทะลวงขั้นสอง”

คำว่า ‘ทารุณ’ ที่ฟู่ชางติ่งพูดออกมา ซ่งอิ๋งจี๋ได้ยินก็แทบอยากจะหัวเราะ

คนธรรมดา ฟางผิงกลับไม่ได้สนใจนัก ขั้นสองขั้นสามก็เช่นกัน

คนที่ซวยที่สุดยังคงเป็นขั้นหนึ่งที่มีจำนวนเยอะที่สุด ก่อนหน้านี้ทั้งมหาวิทยาลัยมีเกือบสี่พันคน

ทั้งสองคนพูดคุยกันอยู่พักหนึ่ง ฟู่ชางติ่งมองเวลาก็เอ่ยว่า “อาจารย์ งั้นผมขอตัวก่อน เขาออกด่านแล้ว รบกวนคุณช่วยแจ้งข่าวให้เขาด้วยละกัน”

“ได้”

“…”

ฟู่ชางติ่งไปแล้ว ซ่งอิ๋งจี๋ก็มองไปทางห้องฝึกวิชาในทางเดินนั้นอีกครั้ง หรือเจ้าเด็กนี่คิดจะหลอมหัวใจในครั้งเดียว?

เรื่องนี้ไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น

ประเทศจีนมีอัจฉริยะนับไม่ถ้วน แต่มีใครไม่รั้งอยู่ในขั้นสี่ตอนกลางนานบ้างกัน

————————

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด