ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน 314 เลือกยังไงดี (1)
ตอนที่ 314 เลือกยังไงดี (1)
บ้านพักหมายเลขแปด
หลู่เฟิ่งโหรวนั่งพิงโซฟาอย่างเกียจคร้าน ฟางผิงก็เอาบ้าง เอนตัวพิงโซฟายาวอีกตัวหนึ่ง
หลู่เฟิ่งโหรวจ้องเขาอยู่พักใหญ่ ผ่านไปสักพักจึงเอ่ยว่า “กลับไปให้คนส่งโซฟาชุดใหม่เข้ามาให้ฉันด้วย”
ฟางผิงงงงันอยู่บ้าง ฉันกำลังพูดเรื่องสำคัญ ทำไมถึงวกมาเรื่องโซฟาซะได้?
“เธอไม่ได้อาบน้ำมากี่วันแล้ว?”
หลู่เฟิ่งโหรวถามอย่างรังเกียจอยู่บ้าง ไม่จำเป็นต้องถามด้วยซ้ำ อย่างน้อยน่าจะหกเจ็ดวัน
“อาจารย์ ตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะมาคุยเรื่องอาบน้ำไม่อาบน้ำนะครับ…”
ฟางผิงกลัดกลุ้มไม่น้อย คุณออกประเด็นไปไกลแล้ว
หลู่เฟิ่งโหรวแค่นหัวเราะ เอ่ยอย่างเรียบนิ่ง “มีสองตัวเลือก หนึ่งปฏิเสธ สองตอบตกลง”
“แค่เลือกสองอย่างนี้มีอะไรยากกัน?”
“ปฏิเสธไป นั่นก็ไม่เป็นไร เธอเป็นประธานสมาคมผู้ฝึกยุทธ์มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ ไม่ใช่ประธานสมาคมของหนานเจียง หนานเจียงไม่มีอำนาจสั่งให้เธอทำอะไร เธอคิดว่าจางติ้งหนานสั่งการคนอื่นเป็นเรื่องยากหรือไง? ทำไมไม่บีบบังคับให้เธอออกทัพ? นั่นเพราะเขาไม่มีสิทธิ์ตรงนี้ ดังนั้นปฏิเสธไปก็ไม่จำเป็นต้องสนใจอะไร ถ้าเป็นห่วงที่บ้านก็รับมาอยู่ที่เซี่ยงไฮ้ ผู้ฝึกยุทธ์นอกรีตไม่ใช่คนโง่ เธอวางท่าทีไม่ข้องเกี่ยว พวกเขาจะกล้าสร้างปัญหาให้เธอ? คิดว่าพวกเขาว่างจนไม่มีอะไรทำ ต้องฆ่าอัจฉริยะไปทั่วหรือไง?”
“เลือกอย่างที่สอง ตอบตกลง นั่นต้องมีระดับสูงมาลอบสังหารอย่างแน่นอน!”
ฟางผิงตกตะลึงไปเล็กน้อย “ระดับสูงเลยเหรอครับ?”
“ไร้สาระ ผลคะแนนการรบในขั้นสามของเธอหนีรอดจากเงื้อมมือขั้นหกได้ เห็นผู้ฝึกยุทธ์นอกรีตเป็นคนปัญญาอ่อนหรือไง? ตอนนี้เธอเข้าสู่ขั้นสี่ พวกเขาจะเสี่ยงโจมตีเธอทั้งที่อาจโดนเธอวิ่งตามมาล้างแค้น? ดังนั้นมีแค่เลือกไม่ทำ หรือทำแต่ต้องเจอกับระดับสูง!”
หลู่เฟิ่งโหรวเอ่ยอย่างเรียบนิ่ง “นอกจากจางติ้งหนานคิดจะจับหนอนบ่อนไส้แล้ว ยังคิดฉวยโอกาสล่อลัทธินอกรีตระดับสูงออกมา การทำลายล้างของระดับสูงคนหนึ่ง อันที่จริงน่ากลัวยิ่งกว่าหนอนบ่อนไส้ภายในซะอีก! หากลัทธินอกรีตจะลงมือกับเธอ ฟันธงร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าต้องส่งระดับสูงออกมา!”
ฟางผิงม่านตาหดเกร็ง ก่อนหน้านี้เขายังคิดว่าลัทธินอกรีตอาจจะไม่ส่งระดับสูงออกมาเสมอไป ยังไงสำหรับลัทธินอกรีตที่หดหัวอยู่ในกระดอง พลังการต่อสู้ของระดับสูงก็ถือเป็นสิ่งล้ำค่า
แต่ตอนนี้หลู่เฟิ่งโหรวพูดออกมาแบบนี้ ฟางผิงจึงค่อยรู้ว่าไม่ใช่อาจจะ แต่ส่งระดับสูงออกมาอย่างแน่นอนต่างหาก
เห็นฟางผิงเงียบไป หลู่เฟิ่งโหรวเอ่ยต่อว่า “เจอระดับสูงระยะไกลๆ จากความแข็งแกร่งพลังจิตใจของเธออาจจะไม่ตายเสมอไป แต่ถ้าถูกอีกฝ่ายประชิดตัวภายในสามสิบเมตร สองวินาทีเธอย่อมตายโดยไม่ต้องสงสัย! นี่หมายถึงผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเจ็ด แน่นอนว่าโอกาสที่อีกฝ่ายจะส่งร่างทองขั้นแปดออกมานั้นมีน้อยมาก”
“ถ้าเธอรับภารกิจนี้ ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเจ็ดคงคุ้มครองเธอไม่ได้ หากอยู่ไกลมาช่วยเหลือไม่ทันเธอก็ตายแล้ว ดังนั้นต้องให้ขั้นแปดถึงกระทั่งขั้นเก้าซุ่มตัวอยู่อย่างลับๆ โผล่ออกมาช่วยชีวิตเธอในช่วงเวลาสำคัญ”
ระหว่างที่พูด หลู่เฟิ่งโหรวเอ่ยต่อว่า “ทั้งหากคิดจะปกป้องจริงๆ…อย่างน้อยต้องใช้ขั้นแปดสองคน!”
“สองคน?”
ฟางผิงตกตะลึงไปอีกครั้ง ราวกับคิดอะไรได้ ตั้งสติเอ่ยว่า “คุณหมายความว่าถ้ามีคนเดียว…บางที…อาจนั่งมองผมตายอยู่เฉยๆ?”
“ฉันแค่พูดความเป็นไปได้ ใครจะรู้ว่าปรมาจารย์ยอดฝีมือพวกนี้คิดอะไรในใจอยู่ ให้สองคนช่วยกันสกัด งั้นต่อให้ในใจคิดหรือไม่คิดอะไรอย่างอื่นก็ช่วยเธอได้ทันทั้งนั้น แต่ถ้าคนเดียวอาจไม่เป็นแบบนั้นเสมอไป”
“ยอดฝีมือร่างทองขั้นแปดสองคน?”
ฟางผิงเอ่ยด้วยท่าทีขมขื่น “หนานเจียงไม่มีขั้นแปด”
หนานเจียงมีปรมาจารย์ แต่นอกจากจางติ้งหนานแล้ว ปรมาจารย์คนอื่นล้วนอยู่ในขั้นเจ็ด
“นี่ไม่ใช่ว่าจางติ้งหนานจะส่งผมไปตายหรือไง?” ฟางผิงเอ่ยประชดออกมา
หลู่เฟิ่งโหรวแค่นหัวเราะว่า “ไม่เสมอไป บางทีจางติ้งหนานอาจจะอยากรู้ว่าช่วงเวลาที่อันตรายที่สุด เธอจะสามารถดึงยอดฝีมือร่างทองขั้นแปดคนหนึ่งให้ลงมือได้หรือเปล่า อย่างเช่นอู๋ขุยซาน หากครั้งนี้อู๋ขุยซานลงมือ ต่อไปไม่ว่าจะด้วยจุดประสงค์อะไร ถ้ำใต้ดินหนานเจียงอุบัติขึ้น อู๋ขุยซานคงจะลงมือเช่นกัน”
ฟางผิงได้ฟังแบบนี้จู่ๆ ก็ไม่คิดร้อนใจพูดเรื่องนี้แล้ว เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “อาจารย์ อธิการและผู้ว่าจางรู้จักกันสินะครับ?”
“รู้จัก”
“ผมรู้สึกว่าคงจะรู้จักกันมานานแล้วสินะครับ”
“สามสิบปีกว่าแล้ว”
“เป็นเพื่อนเก่าตั้งหลายปี ผู้ว่าจางต้องการความช่วยเหลือจากเซี่ยงไฮ้ นึกไม่ถึงว่าจะไม่ไปหาอธิการ แต่กลับมาหาผม…ไม่ใช่ว่ามีจุดประ…”
เขาพูดไม่ทันขาดคำ โซฟาก็พังถล่มลงไปทันที!
ตัวฟางผิงนอนราบอยู่กับพื้น ถูกพลังจิตใจและความเกรงขามของหลู่เฟิ่งโหรวกดดันจนแทบหายใจไม่ออก
บางทีพลังจิตใจของหลู่เฟิ่งโหรวอาจไม่ได้แข็งแกร่งมาก อย่างน้อยสำหรับฟางผิงอาจจะสามารถต้านทานได้
แต่ประเด็นอยู่ที่ว่าทั้งสองคนอยู่ใกล้กันเกินไป ฟางผิงแทบไม่ได้ระวังภัยล่วงหน้า ชั่วพริบตาจึงถูกกดราบไปกับพื้น
“ปากหมอตายเพราะปาก เคยได้ยินคำพูดนี้มาก่อนหรือเปล่า?”
หลู่เฟิ่งโหรวเอ่ยด้วยใบหน้าเรียบนิ่งราวกับไม่เห็นสถานการณ์ตกที่นั่งลำบากของฟางผิง เอ่ยต่อว่า “ไม่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ส่วนตัว สิ่งที่อู๋ขุยซานนึกถึงคือมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ ส่วนจางติ้งหนานคือหนานเจียง ฉัยเคยบอกไปแล้ว อย่ามองมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้เป็นมหาวิทยาลัยทั่วไป จะมองเป็นอำนาจฝ่ายหนึ่งก็ได้ อู๋ขุยซานและจางติ้งหนานแบ่งอำนาจผู้นำเป็นสองฝ่าย แม้ว่าทุกคนจะมีศัตรูร่วมกัน แต่ปัญหาถ้ำใต้ดินเซี่ยงไฮ้ยังไม่คลี่คลายลง ถ้า…ฉันบอกว่าถ้า หนานเจียงเกิดความสูญเสียอย่างหนัก ต่อไปมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้จะจัดการตัวเองยังไง? มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้มีตำแหน่งชื่อเสียงในตอนนี้ก็เพราะใช้เลือดเนื้อและชีวิตของคนนับไม่ถ้วนต่อสู้บากบั่นออกมา ความสัมพันธ์ของจางติ้งหนานและอู๋ขุยซานไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ อย่าพูดว่าพิเศษเลย แม้จะเป็นพี่น้องร่วมสายเลือด ตอนนี้อู๋ขุยซานก็อาจไม่เสี่ยงรับปากให้ความช่วยเหลือกับหนานเจียง”
ฟางผิงดึงตัวขึ้นมาอย่างเงียบๆ มองโซฟาที่หักเป็นสองท่อนก็ถอนหายใจ นั่งลงกับพื้นไปตรงๆ เอ่ยว่า “งั้นผู้ว่าจางมาหาผมทำไมกัน? อธิการไม่รับปากจะให้ความช่วยเหลือหนานเจียง…”
“นั่นไม่แน่เสมอไป”
หลู่เฟิ่งโหรวเอ่ยด้วยรอยยิ้มนิ่งๆ “เธอยังคงไม่เข้าใจ มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เป็นที่รู้กันในนามร่วมกำกับดูแลระหว่างสมาคมผู้ฝึกยุทธ์และผู้นำของมหาวิทยาลัย ประธานสมาคมผู้ฝึกยุทธ์สามารถมองเป็นอีกหนึ่งผู้นำของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ได้ นี่ไม่เกี่ยวกับความสามารถ แต่สมาคมผู้ฝึกยุทธ์นั้นเป็นตัวแทนของกลุ่มนักศึกษา หากเธอรับปากช่วยสนับสนุนหนานเจียง งั้นทีมรบของมหาวิทยาลัยย่อมเลือกสนับสนุนเธอ”
ถึงเวลานั้นมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้จะถูกร่างแหไปด้วย ขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยชื่อดัง ในเมื่อภายในมหาวิทยาลัยมีหลายคนอยากจะต่อสู้ ตอนนี้เลือกไม่สู้ นั่นก็ไม่สอดคล้องกับความตั้งใจของมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ กล้าต่อสู้ ต้องสู้ ไม่เคยหลีกหนีสงคราม! ไม่มีคนเอ่ยออกมา เรื่องพวกนี้ล้วนไม่ใช่ปัญหา พวกเรามีถ้ำใต้ดินเซี่ยงไฮ้ต้องดูแล แต่หากเอ่ยออกมาแล้ว ทั้งยังไม่ใช่คนทั่วไปที่เอ่ยขึ้นมา เวลานี้ไม่สู้ก็ต้องสู้แล้ว!
ก่อนหน้านี้ฟางผิงยังไม่ทันดึงสติกลับมา ตอนนี้ฟังแล้วก็ขมวดคิ้วทันที “จางติ้งหนานคิดจะวางแผนกับผม?”
หากเขาเป็นคนเอ่ยเรื่องช่วยสนับสนุน ผลักมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ไปอยู่ในกระแสวิพากษ์วิจารณ์ของสังคม บางทีอาจจะก่อให้เกิดปัญหาใหญ่!
“ไม่นับว่าวางแผน” หลู่เฟิ่งโหรวแค่นยิ้ม “ตอนนี้จางติ้งหนานมาถึงฟางเส้นสุดท้ายแล้ว คิดจะลองสักหน่อย เขาเป็นคนหนานเจียง คนหนานเจียงโดยพื้นเพ ทั้งอาจจะปักหลักที่หนานเจียงไปตลอดชีวิต ตั้งแต่รับตำแหน่งผู้ว่าการมณฑล เป้าหมายของเขาก็คืออุทิศชีวิตนี้เพื่อหนานเจียง และเธอก็เป็นคนหนานเจียงเหมือนกัน บางทีในความคิดของเขา คนหนานเจียงหลั่งเลือดสละชีวิตเพื่อหนานเจียงเป็นเรื่องถูกต้องตามหลักสัจธรรมแล้ว เข้าใจหรือเปล่า? แน่นอนว่าเขายังไม่ถึงขั้นที่สุดโต่งขนาดนั้น ยอมเสี่ยงลงแรงเพื่อหนานเจียงเป็นเรื่องที่สมควร แต่จางติ้งหนานนั้นให้ความสำคัญกับหนานเจียงจนเกินไป”
———————-
Comments