ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน 330 หลอมกะโหลก (1)

Now you are reading ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน Chapter 330 หลอมกะโหลก (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 330 หลอมกะโหลก (1)

วันที่ 10 พฤศจิกายน การแข่งขันสิบอันดับแรกของผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งสิ้นสุดลง

ทางมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ ผู้ที่เข้าสู่สิบอันดับแรกมีถังเหวินและกู้หลงเฟยจากปีหนึ่ง รวมทั้งโจวเย่าจู่จากปีสอง

สามารถครองสามตำแหน่งในสิบอันดับได้ก็ถือเป็นหน้าเป็นตาให้กับมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้แล้ว

มหาวิทยาลัยปักกิ่งไม่ได้ลงสนาม เวลานี้ไม่มีคนสนใจเช่นกัน

ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งนับหมื่นคนเข้าร่วมการแข่งขัน แม้มหาวิทยาลัยปักกิ่งจะไม่ส่งคนมา การจัดอันดับครั้งนี้ก็ถูกยอมรับโดยทุกคนอยู่ดี

ด้านเหยาเฉิงจวินและหลี่หานซงเข้าสู่จงโจวแล้ว กลับไม่มีข่าวคราวเผยแพร่ออกมา ชั่วขณะนั้นจึงถูกคนลืมเลือนไป

การเปิดฉากการแข่งขันแลกเปลี่ยนของมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้แปดสิบเก้าแห่งได้กลบกระแสของพวกเขาไปแล้ว

วันที่ 10 พฤศจิกายน ในเวลาเดียวกัน มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้หลายแห่งก็เริ่มการแข่งขันแลกเปลี่ยนขึ้น

สิ่งที่พวกฟางผิง รวมถึงโลกภายนอกจับตามองมากที่สุดต่างเป็นการแข่งขันแลกเปลี่ยนของมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้หนานเจียงและมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ตงอู๋

สองมณฑลนี้อยู่ใกล้กัน มหาวิทยาลัยตงอู๋และมหาวิทยาลัยหนานเจียงต่างเป็นมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้โดยเฉพาะ

ทั้งนี่ยังเป็นครั้งแรกที่มหาวิทยาลัยหนานเจียงลงสนาม

มีหวังจินหยางอยู่ โลกภายนอกแทบจะเห็นพ้องต้องกันว่าหนานเจียงต้องชนะอย่างแน่นอน

ในความเป็นจริง ผลลัพธ์ไม่เหนือความคาดหมายเช่นกัน

มหาวิทยาลัยหนานเจียงเป็นฝ่ายชนะ!

ทั้งหวังจินหยางยังไม่ได้ลงสนามเอง!

สมาคมผู้ฝึกยุทธ์ มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เซี่ยงไฮ้

ห้องประชุม

บนจอขนาดใหญ่นั้นฉายฉากการแข่งขันระหว่างมหาวิทยาลัยหนานเจียงและมหาวิทยาลัยตงอู๋

ฟางผิงขมวดคิ้วว่า “น่าสนใจขึ้นมาแล้ว นึกไม่ถึงว่ามหาวิทยาลัยหนานเจียงจะมีผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่โผล่ขึ้นมาอีกคน รวมถึงผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามตอนปลายอีกหลายคน แทบจะอัดตงอู๋อยู่ฝ่ายเดียว มหาวิทยาลัยตงอู๋มีขั้นสี่หนึ่งคน ขั้นสามสูงสุดหนึ่งคน ตอนปลายอีกหนึ่งคนและขั้นสามตอนกลางอีกสองคน ความสามารถนี้ในมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ทั่วไปถือว่าแข็งแกร่งอย่างมาก ผลปรากฏว่าในสถานการณ์ที่หวังจินหยางไม่ได้ลงสนามกลับแทบถูกคนๆ เดียวเอาชนะได้ หมอนั่น พวกนายรู้จักหรือเปล่า?”

ฟางผิงชี้ไปที่เด็กหนุ่มสวมชุดสีดำในจอภาพ เผยแววตาเย็นชา มือถือหอกยาว ฝีมือแข็งแกร่งอย่างมาก

ประธานสมาคมผู้ฝึกยุทธ์มหาวิทยาลัยตงอู๋เป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่ตอนต้นเช่นกัน อีกฝ่ายเอาชนะสามคนได้ติดต่อกัน เจอกันในรอบที่สี่กลับเกือบจะเอาชนะรวดทั้งห้าคน ท้ายที่สุดทั้งสองคนต่างบาดเจ็บหนัก นี่เลยถือว่าเสมอกัน

เหลียงเฟิงหวามองแวบหนึ่ง พยักหน้าเล็กน้อย “รู้จัก หลานอู๋เฟิง นักศึกษาขั้นสี่ของหนานเจียง มักจะไม่ค่อยอยู่ในมหาวิทยาลัย เป็นรองประธานสมาคมผู้ฝึกยุทธ์หนานเจียง ก่อนหน้านี้มีฝีมืออยู่ในขั้นสามตอนปลาย นึกไม่ถึงว่าจะทะลวงขั้นสี่แล้ว”

เหลียงเฟิงหวาพูดจบ เฉินอวิ๋นซีก็กล่าวเสริมว่า “เขาเป็นพี่ชายของหลานไฉ่เย่”

“อ่อ” ฟางผิงพยักหน้าเล็กน้อย จู่ๆ ก็เอ่ยว่า “ยัยผักเน่า? ผู้ฝึกยุทธ์หญิงที่ถูกฉันอัดจนหนีไปเพราะขายหน้าที่หนานเจียงคนนั้น?”

ทุกคนพากันกลั้นขำ นายยังจำได้สินะ

เวลานั้นที่มหาวิทยาลัยหนานเจียง ฟางผิงให้ความร่วมมือกับหวังจินหยาง ตอนที่ต่อสู้กัน อัดผู้ฝึกยุทธ์หญิงเพียงคนเดียวจนโมโหลงจากเวทีไป ทำให้มหาวิทยาลัยหนานเจียงเคียดแค้นอย่างยิ่ง

หมอนี่มีศัตรูไม่น้อยเลยจริงๆ

ตอนนี้พี่ชายของอีกฝ่ายลงสนาม หากเจอกับฟางผิง…เกรงว่าพี่น้องตระกูลหลานคงต้องร้องไห้แล้ว

ประมือกับฟางผิง หลานอู๋เฟิงแทบจะมีโอกาสแพ้ถึงร้อยเปอร์เซ็นต์

ฟางผิงไม่สนใจเท่าไหร่ มองอยู่พักหนึ่งก่อนจะเอ่ยว่า “หลานอู๋เฟิงเป็นแค่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่ตอนต้น ฝีมือนี้ไม่นับว่าแข็งแกร่งอะไร ฉินเฟิ่งชิง นายลงสนามจัดการเขาเป็นเรื่องยากหรือเปล่า?”

ฉินเฟิ่งชิงแค่นหัวเราะ “แค่ดาบเดียว!”

ระหว่างที่พูดยังเอ่ยเสริมว่า “นอกจากหวังจินหยาง คนพวกนี้ต่างใช้แค่ดาบเดียวเท่านั้น ในเมื่อหวังจินหยางไม่ได้ลงสนาม การแข่งขันนี้ดูไปก็ไม่ได้ประโยชน์อะไร ไร้ความหมาย”

ฟางผิงพยักหน้าเบาๆ หันกลับมาเอ่ยว่า “ไปแจ้งแก่คนอื่นๆ จางอวี่ เซี่ยเหล่ย โจวชิ่ง เฉินเหวินหลง…คนพวกนี้ก่อนสิ้นเดือนต้องกลับมารวมตัวกันที่มหาวิทยาลัย! ถ้าไม่กลับมหาวิทยาลัย พวกเขาจะถูกถอนคุณสมบัติในการแข่งขันแลกเปลี่ยน นอกจากนี้สวัสดิการจากสมาคมทั้งหมดก็จะถูกหยุดชะงักด้วย! ตอนนี้นอกจากฉัน จางอวี่ และเฉินเหวินหลง ทีมหลักยังเหลือที่ว่างอีกสองคน พวกนายชิงกันเอาเอง”

ฉินเฟิ่งชิงหาวหวอดว่า “ฉันยังต้องชิงอีก? เหลือที่สุดท้ายให้พวกเขาพอแล้ว”

ฟางผิงมองเหลียงเฟิงหวาแวบหนึ่ง เหลียงเฟิงหวาพยักหน้าเบาๆ ฝีมือของฉินเฟิ่งชิงนับว่าแข็งแกร่ง เขาเข้าทีมหลักไม่มีปัญหาอยู่แล้ว

ส่วนเหลียงเฟิงหวา ยอมรับว่าตัวเองไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉินเฟิ่งชิง

กลับเป็นพวกเซี่ยเหล่ยมากกว่า ถ้าพวกนั้นไม่พัฒนาไวเท่าไหร่ นั่นยังพอแข่งขันกันได้

“ได้ นับนายอีกหนึ่งคน คนอื่นๆ ชิงตำแหน่งสุดท้าย เข้าร่วมทีมหลักไม่ว่าแพ้หรือชนะ ให้รางวัลห้าร้อยคะแนน ชนะหนึ่งครั้ง เข้าสู่สิบอันดับมหาวิทยาลัยชื่อดังให้รางวัลอีกห้าร้อยคะแนน! เข้าสู่สามอันดับแรกให้อีกห้าร้อยคะแนน! คว้าอันดับหนึ่งได้ก็ได้ต่ออีกห้าร้อยคะแนน! กล่าวอีกนัยหนึ่งคือครั้งนี้คว้าอันดับหนึ่งได้ พวกเราทุกคนจะได้สองพันคะแนน ทีมสำรองจะได้ครึ่งหนึ่ง! มหาวิทยาลัยเตรียมรางวัลไว้กว่าหนึ่งหมื่นห้าพันคะแนน คว้าได้มากหรือน้อยอยู่ที่ตัวพวกเราแล้ว”

“รางวัลตั้งสี่ห้าร้อยล้าน ครั้งนี้มหาวิทยาลัยทุ่มหมดหน้าตักเช่นกัน ฉันหวังว่าทุกคนจะพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อมหาวิทยาลัยและเพื่อตัวพวกเราเอง! อีกอย่างทางสมาคมผู้ฝึกยุทธ์ติดต่อกับสื่อของหยวนฟางหน่อย ให้พวกเขาส่งคนไปสัมภาษณ์แต่ละพื้นที่รวบรวมข้อมูลมา สมาคมผู้ฝึกยุทธ์จัดการกับวิดีโอแล้วสรุปผลรายชื่ออกมา อย่าให้ข้อมูลล้าหลังเด็ดขาด ต่อสู้กับศัตรูต้องดูหมิ่นและให้ความสำคัญในเวลาเดียวกัน แม้ฉันจะคิดว่าฉันชนะได้แน่ แต่หากเจอกับพวกเหยาเฉิงจวินอาจจะบาดเจ็บหนักทั้งสองฝ่าย ถึงเวลานั้นทำได้เพียงพึ่งพวกนายแล้ว”

“เข้าใจแล้ว!”

ทุกคนต่างขานรับ แม้จะเป็นตัวก่อเรื่องอย่างฉินเฟิ่งชิงก็ไม่สร้างความวุ่นวายเช่นกัน

ตอนนี้คุยกันเรื่องศึกคว้าอันดับหนึ่งของมหาวิทยาลัยชื่อดัง เป็นเรื่องสำคัญอย่างแท้จริง สร้างความวุ่นวายในตอนนี้ มหาวิทยาลัยย่อมทำให้เขารู้ซึ้งถึงผลที่ตามมาแน่

ประชุมเสร็จแล้ว ฟางผิงก็เดินออกมาจากห้องประชุม

เฉินอวิ๋นซีเดินตามอยู่ด้านหลัง เอ่ยขึ้นมาว่า “ฟางผิง นายอยากทำความสะอาดหอพักหรือเปล่า?”

“ไม่จำเป็น”

“งั้น…งั้น…ตอนเย็นอยากกินอะไรไหม?”

“ไม่ต้องหรอก” ฟางผิงโบกมือว่า “เธอยุ่งธุระของเธอไปเถอะ ฉันจะไปฝึกวิชาที่เขตทางใต้”

เฉินอวิ๋นซีได้ฟังก็ใบหน้าขึ้นสีอยู่บ้าง ชะงักฝีเท้าลง ไม่ได้ตามฟางผิงไปอีก

ออกมาจากสมาคมผู้ฝึกยุทธ์แล้ว ฟางผิงก็เงยหน้ามองแวบหนึ่ง

เงียบไปสักพักก่อนจะส่ายหน้าเล็กน้อย

ผู้ฝึกยุทธ์อยู่ยืนบนเส้นของความเป็นความตาย ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งขั้นสองคบหากันมีให้เห็นถมเถไป แต่เมื่อทะลวงขั้นสามขึ้นไปกลับมีน้อยแล้ว ผู้ฝึกยุทธ์หลายคน อันที่จริงต่างอยู่ตัวคนเดียวจนแก่เฒ่า

อธิการเฒ่าไม่แต่งภรรยา ตาเฒ่าหลี่ครองโสดจนถึงทุกวันนี้ นอกจากคนพวกนี้แล้ว ยังมีคนอีกมากมาย

ผู้ฝึกยุทธ์หลายคนต้องทนมองคนรักของตัวเองจากไป มองลูกๆ ของตัวเองสูญสิ้นชีวิต ความเจ็บปวดนั้นจะมีสักกี่คนที่รู้

“ไม่ถึงขั้นปรมจารย์ ชีวิตยังคงสุ่มเสี่ยง เหตุไม่คาดฝันหนึ่งครั้งก็มีโอกาสเอาชีวิตไปทิ้งแล้ว แทนที่จะเจ็บปวดในเวลานั้น ตัดสินใจไม่รักใครตั้งแต่แรกจะดีกว่า!”

ผู้ฝึกยุทธ์มีปราณแข็งแกร่ง วัยรุ่นเลือดลมพลุกพล่าน ยังคงคะนึงหาเรื่องรักๆ ใคร่ๆ อยู่แล้ว

แต่พลังควบคุมของผู้ฝึกยุทธ์ก็แข็งแกร่งมากเช่นกัน

ผู้ฝึกยุทธ์ที่สร้างครอบครัวก่อนอายุสามสิบปีนั้นมีให้เห็นน้อยถึงน้อยมากจริงๆ

ผู้ฝึกยุทธ์ในช่วงเวลานี้ให้ความสำคัญกับเส้นทางผู้ฝึกยุทธ์มาเป็นอันดับหนึ่ง ความรู้สึกนั้นเป็นเรื่องรอง หลังจากสามสิบปีแล้ว จะค่อยก้าวหน้าช้าลง เวลานั้นค่อยคิดถึงเรื่องพวกนี้ก็ไม่สายเช่นกัน

เขตทางใต้

ริมชายหาด

ฟางผิงมองตัวเลขด้านหน้าตัวเองอีกครั้ง

ค่าทรัพย์สิน : 992,000,000,000

ปราณ : 2300 แคล (2400 แคล+)

จิตใจ : 672 เฮิรตซ์ (699 เฮิรตซ์)

หลอมกระดูก : 177 ชิ้น (100%) , 29 ชิ้น (30%+)

ช่องเก็บของ : 1 ลูกบาศก์เมตร

ม่านพลังงาน : ค่าทรัพย์สินหนึ่งหมื่น/หนึ่งนาที

“ช่วงนี้ปราณกำลังเพิ่มขึ้นตลอด ตอนนี้แตะถึงสองพันสี่ร้อยแคลแล้ว”

ฟางผิงเหวี่ยงหมัดออกไปส่งๆ หินขนาดใหญ่ที่อยู่ไกลออกไปนั้นแตกกระจุยทันที

“ปราณแข็งแกร่ง พื้นฐานร่างกายพัฒนาขึ้น อานุภาพก็เพิ่มขึ้นเหมือนกัน อานุภาพของหนึ่งหมัด ใช้ปราณเท่าเดิม แข็งแกร่งกว่าฉันในช่วงขั้นสี่ตอนต้นไม่น้อย”

“ตกลงควรหลอมกะโหลกหรือเปล่า?”

เห็นได้ชัดว่าฟางผิงลังเลอยู่บ้าง นี่เป็นด่านที่สำคัญที่สุดของร่างกายมนุษย์!

หลอมกะโหลกในขั้นเจ็ด ตัวเองเพิ่งจะขั้นสี่เท่านั้น

หากไม่มีตัวอย่างจากคนอื่น ฟางผิงอาจไม่คิดหลอมกะโหลกเสมอไป

แต่หลี่หานซงจากปักกิ่ง หลอมกะโหลกโดยกำเนิดก็ไม่เห็นเขาตาย นี่จึงทำให้ฟางผิงเกิดความคิดแบบนี้ขึ้นมา

“หลอมกะโหลกแล้ว ความสามารถของฉันต้องพัฒนาขึ้นแน่! กึ่งร่างทองที่ตาเฒ่าหลี่พูดถึง บางทีฉันอาจฝึกได้เหมือนกัน”

“ลองดูละกัน!”

หลอมกะโหลกนั้นยากอย่างมาก!

ฟางผิงรู้ว่าการหลอมกะโหลกต้องสิ้นเปลืองค่าทรัพย์สินไม่ใช่น้อยๆ

เงื่อนไขพิเศษของปรมาจารย์!

———————–

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด