ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน 333-2 มาแทงใจดำโดยเฉพาะ (2)

Now you are reading ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน Chapter 333-2 มาแทงใจดำโดยเฉพาะ (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 333 มาแทงใจดำโดยเฉพาะ (2)

หลิงอีอีแทบจะโมโหปรอทแตก ตะโกนก้องอยู่ในใจ ฉันต้องควบคุมให้ได้ ฉันต้องควบคุมให้ได้!

ฉินเฟิ่งชิงยังคิดจะยั่วโมโหอีก ฟางผิงเตะเขาไปเบาๆ พูดออกมาอีก คงต้องตีกันขึ้นมาแล้วแน่ๆ

ฉินเฟิ่งชิงเบะปาก ก่อนจะเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ระ…รุ่นน้องหลิง ทำไมเจ้าหลี่หานซงไม่มาด้วยล่ะ?”

หลิงอีอีแค่นเสียง เอ่ยอย่างดูแคลนว่า “นายยังไม่มีคุณสมบัติพอ!”

แม้ว่าหลิงอีอียังไม่ค่อยพอใจคำว่ารุ่นน้องหลิง แต่คนอันธพาลอย่างฉินเฟิ่งชิง ก่อนหน้านี้เธอรู้จักมาก่อนแล้ว หากคิดเล็กคิดน้อยอีก ยังไม่รู้ว่าใครจะตอแยใครไม่เลิก คนของเซี่ยงไฮ้จัดการยากยิ่งกว่าเธอซะอีก

“เชอะ!”

ฉินเฟิ่งชิงแค่นเสียง “หลี่หานซงมีดีแค่หัวแข็ง ฝึกวิชาศีรษะเหล็กก็เท่านั้น ไม่งั้นฉันคงฆ่าเขาตายไปนานแล้ว มีความสามารถก็ให้เขามา ฉันไม่เชื่อว่าหัวเขาจะแข็งกว่าดาบของฉัน”

หลิงอีอีไม่ต่อล้อต่อเถียงกับเขาต่อ พวกนอกคอกของเซี่ยงไฮ้มีเยอะกว่าปักกิ่ง ไม่รู้จักวางตัวเลยสักนิด ตอนนี้เธอนับว่าค้นพบอย่างทะลุปรุโปร่งแล้ว

พูดกันว่าคนทางใต้ค่อนข้างสุภาพเรียบร้อย คนทางเหนือคอ่นข้างป่าเถื่อนกักฬขะ

ทางใต้ให้กำเนิดสุภาพบุรุษ ทางเหนือให้กำเนิดนักสู้

ผู้ฝึกยุทธ์ของมหาวิทยาลัยปักกิ่งสง่างามกว่า แต่มหาวิทยาลัยปักกิ่งและเซี่ยงไฮ้เหมือนจะสลับกันซะงั้น พวกต่ำช้าจากเซี่ยงไฮ้ แต่ละคนราวกับมาจากกลุ่มอิทธิพลมืด

เห็นหลิงอีอีไม่สนใจเฉินเฟิ่งชิงแล้ว ฟางผิงจึงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “อีอี…”

“อย่ามาเรียกสนิทสนมแบบนั้น!”

“รุ่น…น้อง…หลิง”

หลิงอีอีถลึงตาใส่เขา พวกเราใครอายุน้อยใครอายุเยอะ นายยังไม่รู้อีกหรือไง?

ฟางผิงราวกับไม่เห็นท่าทีหงุดหงิดของเธอ ยังคงประดับรอยยิ้มบนใบหน้า “เธออยู่ขั้นสี่ตอนกลาง ไม่ด้อยไปกว่าขั้นสี่ตอนปลายคนอื่นๆ ครั้งนี้ทำไมไม่ได้เข้าทีมหลักล่ะ หลี่หานซงขัดขวางเธอ?”

หลิงอีอีราวกับหาที่ระบายได้ เอ่ยอย่างขุ่นเคืองว่า “ไม่ใช่เพราะไอ้เวรอย่างนายหรือไง!”

ฟางผิงขมวดคิ้วว่า “นี่เกี่ยวอะไรกับฉัน? อีอี จะพูดมั่วซั่วไม่ได้นะ!”

“เหอะ!”

หลิงอีอีเต็มไปด้วยความไม่พอใจ ไม่ใช่เพราะนายยังจะใครอีก

จากคำพูดของหลี่หานซง เธอเจอกับฟางผิงจะหุนหันพลันแล่นได้ง่าย เพื่อป้องกันไม่ให้เธอเจอกับฟางผิงเลยให้เข้าทีมสำรอง อันที่จริงอยู่ทีมไหนก็เหมือนกัน ตอนที่เธอควรลงสนามก็ไม่มีปัญหาอะไร

อันที่จริงหลักๆ ยังเป็นเพราะรักษาความเกรงขาม ยังไงหลิงอีอีก็เคยแพ้ให้กับฟางผิง เป็นหลักฐานอย่างหนึ่งว่าปักกิ่งเคยแพ้ให้เซี่ยงไฮ้

หลี่หานซงไม่อยากให้โลกภายนอกยุ่งย่ามกับเรื่องพวกนี้อีกจึงให้เธอเข้าไปอยู่ในทีมสำรอง

ฟางผิงเห็นเธอไม่ตอบก็เอ่ยต่อ “หลี่หานซงทะลวงขั้นห้าแล้ว? ฉัยยังอยากประลองในขั้นเดียวกับเขาสักหน่อย จะได้ให้เขาเห็นความจริงอย่างชัดเจน เขาคงจะกลัวฉันเลยเลือกทะลวงด่าน น่าเสียดายจริงๆ”

“นายเนี่ยนะ?”

หลิงอีอีแค่นเสียง จู่ๆ ก็นึกอะไรได้ ขมวดคิ้วว่า “นายขั้นสี่สูงสุดแล้ว?”

“ประมาณนั้นมั้ง”

“ประมาณนั้นหมายความว่าอะไร?”

“กลัวว่าพูดออกมาจะกระทบจิตใจเธอ” ฟางผิงหัวเราะ “เวลานั้นพวกเราอยู่ระดับเดียวกัน นี่เพิ่งผ่านไปไม่นาน ฉันกลัวว่าเธอจะสร้างบาดแผลให้ตัวเอง”

หลิงอีอี “…”

เวลานี้สร้างบาดแผลให้เธอจริงๆ นั่นแหละ!

ฉินเฟิ่งชิงพูดซ้ำว่า “ฉันไม่ได้พูดเหมือนกันว่าทะลวงขั้นสี่ตอนปลายแล้ว ไม่งั้นจะเป็นการสร้างบาดแผลให้เธอเหมือนกัน!”

หลิงอีอีกัดฟันต่อ นายเพิ่งจะเปิดเผยออกมาว่าตัวเองทะลวงขั้นสี่ตอนปลายแล้วเถอะ!

หลิงอีอีถูกแทงใจดำซ้ำแล้วซ้ำเล่า หานซวี่ที่อยู่ด้านข้างจึงหันไปมองวิวข้างนอกแทน ไม่รับบทสนทนา

ขั้นสี่สูงสุด…ขั้นสามตอนปลาย

อันที่จริงเขาก็ไม่อ่อนด้อย

ปีสองทะลวงขั้นสามตอนปลาย ความเร็วนี้ไม่ได้ด้อยกว่าหวังจินหยางจากหนานเจียงเท่าไหร่ด้วยซ้ำ

แต่เผชิญหน้ากับหมอนี่…ปี 2009 เดือนมกราคมเขายังเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งสูงสุดเหมือนตัวเอง

ตอนนี้ผ่านไปกว่าสิบเดือนเท่านั้น!

คาดไม่ถึงว่าตัวเองจะเป็นเหมือนที่หลิงอีอีพูดจริงๆ ตกต่ำลงแล้ว

ผู้ฝึกยุทธ์ที่หลอมกระดูกสามครั้งเหมือนกัน จะทำร้ายจิตใจกันเกินไปแล้ว

ตอนนี้ทั้งสองคนต่างรู้สึกเสียใจอยู่บ้าง รู้อย่างนี้คงไม่ขึ้นรถคันนี้มา

ฟางผิงไม่แทงใจดำพวกเขาต่อ มองไปนอกหน้าต่าง ถอนหายใจว่า “เสียดายจริงๆ”

“เสียดายอะไร?” หลิงอีอีเพิ่งจะถามออกมากลับรู้สึกเสียใจอยู่บ้าง จะไปต่อบทสนทนาทำไม

“เฮ้อ ปักกิ่งเป็นถิ่นของพวกนาย มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้คว้าตำแหน่งมหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งที่เป็นของพวกนายมากว่าแปดสิบปีไป ไม่เสียดายอย่างนั้นเหรอ? ถ้าแพ้ที่เซี่ยงไฮ้ยังพอมีข้ออ้าง เป็นการทำสงครามกับเจ้าภาพ แต่เจ้าภาพแพ้ในการทำสงครามเอง น่าเสียดายจริงๆ”

“ฟางผิง ระวังคำพูดด้วย!”

“พูดจริงๆ นะ ไม่ได้ชวนทะเลาะ” ฟางผิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “พยายามรักษาอันดับสอง อย่าปล่อยให้โรงเรียมเตรียมทหารอันดับหนึ่งเอาไปล่ะ ไม่งั้นคงขายหน้าจริงๆ แล้ว โรงเรียนเตรียมทหารอันดับหนึ่งนั้นก่อตั้งหลังจากพวกเราอีก”

หลิงอีอีตัดสินใจไม่สนใจเขา หานซวี่ก็ปิดปากเงียบเช่นกัน

ฟางผิงจงใจหาเรื่องชัดๆ!

อันที่จริงฟางผิงคิดว่าตัวเองไม่ได้จงใจหาเรื่อง แค่เตือนด้วยความปรารถนาดีเท่านั้น นี่เป็นถิ่นของปักกิ่ง หากอันดับสองยังรักษาไว้ไม่ได้ นั่นคงขายหน้าจริงๆ แล้ว

ในตอนที่คนของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้จากไปได้ไม่นาน

สนามบินปักกิ่ง

หวังจินหยางนำทีมลงจากเครื่องบิน เห็นนักข่าวมากมายนอกสนามบินก็ปล่อยปราณออกมาเล็กน้อย ไม่ให้พวกนักข่าวเข้ามาใกล้

พวกนักข่าวถ่ายภาพแล้วก็ขยับตัวออกห่างอัตโนมัติทันที

ผู้ฝึกยุทธ์ทางใต้พวกนี้รู้สึกว่ารับมือได้ยากจริงๆ ยังคงเป็นผู้ฝึกยุทธ์ทางเหนือที่ดีกว่า ดูคนของมหาวิทยาลัยเป่ยเจียงพวกนั้นสิ ยังถูกนักข่าวรุมล้อมจนถึงตอนนี้

ส่วนคนของมหาวิทยาลัยเป่ยเจียงจะไม่พอใจยังไง นี่ก็ไม่เกี่ยวกับทุกคนแล้ว

รังแกผู้อ่อนแอ หวาดกลัวผู้แข็งแกร่ง นี่เป็นสัจธรรม มหาวิทยาลัยเป่ยเจียงแสร้งทำตัวสุภาพเรียบร้อย ถูกล้อมเอาไว้ก็สมควรแล้ว

รอคนของมหาวิทยาลัยปักกิ่งมารับแล้ว หวังจินหยางก็เอ่ยว่า “คนอื่นๆ มาหรือยัง?”

“มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ โรงเรียมเตรียมทหารอันดับหนึ่ง โรงเรียนเตรียมทหารจิ่วโจว มหาวิทยาลัยเป่ยเจียง…มหาวิทยาลัยพวกนั้นมาหมดแล้ว ตอนนี้มีแค่ไม่กี่แห่งที่ยังไม่มา”

ระหว่างที่พูดนักศึกษาจากปักกิ่งก็ครุ่นคิดเล็กน้อย “เมื่อกี้เซี่ยงไฮ้เหมือนจะทะเลาะกับโรงเรียนเตรียมทหารอันดับหนึ่ง…”

“อ่อ ฟางผิงเป็นฝ่ายหาเรื่องสินะ?”

หวังจินหยางหัวเราะ คนของปักกิ่งส่ายหัวว่า “เรื่องนี้ไม่แน่ใจ แต่คนจากโรงเรียนเตรียมทหารอันดับหนึ่งโมโหอย่างมาก หัวหน้าเหยาเหมือนจะมีท่าทีหนักอึ้งด้วยเหมือนกัน ฝีมือของเซี่ยงไฮ้ไม่อ่อนด้อย ประธานหวังอย่าเผลอคล้อยตามพวกเขา…”

หวังจินหยางหัวเราะ สัพยอกว่า “ปักกิ่งก็อย่ามาไม้นี้แล้วกัน ไม่มีประโยชน์ หากเจอจริงๆ คิดว่าฉันจะตามน้ำหรือไง?”

คนของปักกิ่งไม่ใส่ใจ หัวเราะว่า “ประธานหวังอย่าเข้าใจผิด พวกเราไม่ได้มีความหมายนี้ แค่ทนมองคนอื่นทำเหิมเกริมไม่ได้ ช่วงนี้มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้แทบไม่เห็นใครอยู่ในสายตา…”

“ใช้ความสามารถเป็นตัวตัดสินดีกว่า มีความสามารถ จะเหิมเกริมหน่อยก็สมเหตุสมผล” หวังจินหยางแค่นหัวเราะ ส่ายหัวเล็กน้อย

รอขึ้นรถแล้ว หลานอู๋เฟิงที่อยู่ในทีมก็เอ่ยขึ้นมา “รอบแรกเจอกับมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้จะดีที่สุด…”

หวังจินหยางชำเลืองมองเขาแวบหนึ่ง เอ่ยอย่างเรียบนิ่ง “นายสู้กับเฉินเหวินหลงเป็นยังไง?”

หลานอู๋เฟิงเงียบไปทันที

เจอกับเฉินเหวินหลง เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้จริงๆ

หวังจินหยางเห็นเขาเงียบ เวลานี้จึงเอ่ยว่า “รอบแรกอย่าเพิ่งเจอกับปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้และโรงเรียนเตรียมทหารอันดับหนึ่ง สามสถาบันนี้จะดีที่สุด ไม่งั้นคงตกจากสิบอันดับมหาวิทยาลัยชื่อดังแล้ว”

นี่ไม่ใช่การแข่งขันแลกเปลี่ยนของมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ทั่วไป

แม้หวังจินหยางจะสู้สุดชีวิตเอาชนะพวกเหยาเฉิงจวินได้ ยังจะเหลือพลังต่อสู้อีกเท่าไหร่ล่ะ?

พวกหลานอู๋เฟิงเป็นคู่ต่อสู้ของสมาชิกในทีมคนอื่นๆ หรือไง?

ถึงเวลานั้นยังต้องดูความสามารถของทีมหลัก

ส่วนมหาวิทยาลัยหนานเจียง ฝีมือในทีมยังด้อยไปอยู่บ้าง นอกจากเขาและหลานอู๋เฟิงแล้ว คนอื่นๆ ต่างเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสาม

คนพวกนี้สู้กับมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้แห่งอื่นยังพอว่า ในสิบมหาวิทยาลัยส่วนมากต่างรวบรวมขั้นสี่ออกมาได้ครบ

ศึกชิงสิบอันดับมหาวิทยาลัยชื่อดัง นอกจากมหาวิทยาลัยเจ็ดแห่งของพวกเขาแล้ว ใครไม่ใช่ขั้นสี่ทั้งหมดบ้าง?

ดังนั้นรอบแรกเจอกับทีมพันธมิตรแปดมหาวิทยาลัยจะดีที่สุด

โอกาสที่จะเจอกับมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ทั่วไปมีน้อย จากการคาดเดาของหวังจินหยาง มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ทั่วไปน่าจะเจอกับมหาวิทยาลัยที่ไม่เคยลงสนามก่อนหน้านี้

สิบอันดับมหาวิทยาลัยชื่อดังเป็นการแข่งขันเรื่องความสามารถ ตำแหน่งและผลประโยชน์

เวลานี้ต้องกำจัดผู้ที่อ่อนแอออกไป

มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เซี่ยงไฮ้และปักกิ่งเจอกันในรอบแรก อย่าฝันเลย เรื่องแบบนี้ไม่มีอยู่แล้ว

ตอนนี้หวังจินหยางหวังแค่ว่ารอบแรกจะไม่เจอกับมหาวิทยาลัยสามแห่งนั้น ส่วนคนอื่นๆ แม้จะเจอกับโรงเรียนเตรียมทหารจิ่วโจว เขาก็ไม่กังวลอะไร

“ฟางผิง…”

หวังจินหยางพึมพำในใจ เผยรอยยิ้มออกมา หวังว่าจะสามารถเจอนายในรอบชิงชนะเลิศ

แต่จะสามารถพบกันได้หรือเปล่า นั่นยังต้องอยู่ที่โชคชะตา

——————–

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด