ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน 78.2 ความแตกต่างของมหาวิทยาลัย (2)

Now you are reading ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน Chapter 78.2 ความแตกต่างของมหาวิทยาลัย (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 78 ความแตกต่างของมหาวิทยาลัย (2)

หวังจินหยางเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “นี่แค่น้ำจิ้ม มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้หนานเจียง หลังจากทะลวงเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่ง การแลกเปลี่ยนทรัพยากรจะอยู่ที่ห้าสิบเปอร์เซ็นต์ของราคาตลาด อย่างยาบำรุงเลือดและปราณทั่วไป ต้องใช้เงินห้าหมื่นในการแลกเปลี่ยน หรือจะใช้เกรดช่วยก็ได้ แต่มีโควตาจำกัดเหมือนกัน แต่ถ้าเป็นมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ ใช้เงินแค่สามหมื่นเท่านั้น แน่นอนว่ามีโควตาจำกัด แต่พวกเราใช้สัดส่วนห้าสิบเปอร์เซ็นต์ ส่วนพวกเขาสามสิบเปอร์เซ็นต์ ที่จริงก็คือครึ่งหนึ่งของราคาต้นทุน”

“แตกต่างกันขนาดนี้เลย?”

ฟางผิงตะลึงไปอีกครั้ง อีกยี่สิบเปอร์เซ็นต์ไม่ใช่จำนวนน้อยๆ เลย ยาบำรุงสำหรับผู้ฝึกยุทธ์นั้นแพงจนน่าตกใจ ความแตกต่างมากขนาดนี้ จะลำเอียงเกินไปแล้ว

หวังจินหยางยักไหล่ เอ่ยอย่างจนใจ “มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ดำเนินธุรกิจกับภายนอกเหมือนกัน คลาสฝึกศิลปะการต่อสู้ บริษัททั่วไป รวมทั้งการผลิตยาบำรุง สองมหาวิทยาลัยดังก็มีส่วนเกี่ยวข้องเช่นกัน มหาวิทยาลัยอื่นกลับไม่สามารถทำได้ การผลิตยาบำรุงของผู้ฝึกยุทธ์นั้นเป็นธุรกิจที่ทำกำไรได้มหาศาลอย่างแท้จริง!”

“เช่นเดียวกัน นี่เป็นสิทธิพิเศษของรัฐบาล แต่สองมหาวทิยาลัยดังสอดมือยุ่งได้ คงไม่ใช่เรื่องที่มหาวิทยาลัยอื่นเทียบได้อยู่แล้ว นายว่า สถานการณ์แบบนี้ ยาบำรุงที่ขายในสองมหาวิทยาลัยจะแพงอีกได้ยังไง? ราคาต้นทุนที่พวกเราพูดถึง เป็นราคาโรงงาน ส่วนราคาต้นทุนของพวกเขา นั่นถึงจะเป็นค่าวัสดุที่แท้จริง…”

ทั้งสองมหาวิทยาลัยมีส่วนเกี่ยวข้องกับการผลิตยาบำรุง ทั้งยาบำรุงยังเป็นหนึ่งในทรัพยากรที่สำคัญของการฝึกวิชา

แค่มองจากเรื่องนี้ก็รู้ได้แล้วว่าความได้เปรียบของสองมหาวิทยาลัยมีที่ไปที่มาอย่างไร

หวังจินหยางไม่ได้ขยายความเรื่องนี้มาก เอ่ยต่อว่า “นอกจากความแตกต่างของทรัพยากร ยังมีเรื่องของคุณภาพอาจารย์ อันที่จริงสำหรับคนทั่วไปคงไม่แตกต่างมากมาย อาจารย์ของมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้หนานเจียง อย่างน้อยต้องเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสาม ปกติล้วนเป็นอาจารย์ที่สอนนักศึกษาใหม่ อาจารย์ที่อยู่ขั้นสี่รับผิดชอบฝึกวิชาทะลวงด่านให้นักศึกษา ยังมีบางส่วนที่อยู่ขั้นห้า นี่ถือเป็นอาจารย์ที่ลำดับขั้นสูงที่สุดของมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ในปัจจุบันแล้ว คนที่อยู่ขั้นหกล้วนเป็นอธิการบดีทั้งหมด ไม่สอนในคลาสโดยตรง ทั้งยังมีจำนวนน้อย อธิการบดีของมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้หนานเจียงเป็นปรมาจารย์ที่อยู่ขั้นเจ็ด ทั้งยังเป็นบุคคลที่ผลงานโดดเด่นเป็นที่เลื่องลือในแวดวงผู้ฝึกยุทธ์…”

หวังจินหยางเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ไม่ว่าจะเป็นอาจารย์ขั้นไหน ก่อนที่นายจะเรียนจบมหาวิทยาลัย ฝึกวิชาให้ทะลวงขั้นหนึ่งหรือสองล้วนไม่มีปัญหา แม้จะขั้นสามก็ไม่มีอะไรแตกต่าง แต่ถ้าอยากฝึกวิชาจนทะลวงขั้นสี่ ก้าวเข้าสู่ผู้ฝึกยุทธ์ระดับกลาง การชี้แนะของอาจารย์นับว่าเป็นเรื่องสำคัญอย่างมาก แต่ถ้านายอยากจะทะลวงขั้นสี่จริงๆ ยังพอมีผู้ฝึกยุทธ์ออกหน้าชี้แนะให้เหมือนกัน”

หวังจินหยางหมายถึงตัวเขาเอง ขอเพียงแค่เขาหลอมกระดูกแกนกลางสำเร็จ ไม่พูดถึงอธิการบดี แต่พวกอาจารย์ขั้นหกนั้นต้องมีคนออกหน้าช่วยเหลือเขาในการทะลวงด่านแน่นอน

“สองมหาวิทยาลัยดังจะเหนือกว่าในเรื่องนี้ อาจารย์ของพวกเขาต้องเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่ขึ้นไปเท่านั้น อาจารย์ขั้นห้ามีเยอะอยู่เหมือนกัน แต่ระดับปรมาจารย์ ตอนนี้ในมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้หนานเจียงมีแค่คนเดียว ส่วนมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เซี่ยงไฮ้มีปรมาจารย์ถึงสี่คน! ทั้งในนี้ยังมีคนหนึ่งที่อยู่ขั้นแปด ถึงกระทั่งอาจจะเลื่อนไปในขั้นเก้า นี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้พวกเขาแข็งแกร่ง นายควรรู้ว่า ผู้ว่ามณฑลหลายคนแทบไม่อยู่ในระดับปรมาจารย์ ถึงกระทั่งอยู่แค่ขั้นห้าก็ยังมี แน่นอนว่า ส่วนมากต้องเป็นขั้นหกอยู่แล้ว แต่เซี่ยงไฮ้และปักกิ่งมีผู้ฝึกยุทธ์ระดับสูงมากมายขนาดนี้ พวกเขาต้องมีอำนาจเหนือกว่ามหาวิทยาลัยทั่วไปอยู่แล้ว”

“ทรัพยากร อาจารย์ อำนาจ…”

ฟางผิงพึมพำ เมื่อมองแบบนี้ ความแตกต่างของมหาวิทยาลัยชื่อดังและมหาวิทยาลัยทั่วไปจึงมีมากขึ้นแล้ว

หวังจินหยางยังไม่หยุดพูด “เรื่องสุดท้ายคือจำนวนภารกิจ”

“จำนวนภารกิจ?”

“ใช่ สำหรับคนทั่วไป ภารกิจในมหาวิทยาลัยจะมากหรือน้อยคงไม่สำคัญเท่าไหร่ นักศึกษาบางคนอยู่ในมหาวิทยาลัยมาหลายปีแทบไม่เคยทำภารกิจด้วยซ้ำ แต่สำหรับนักศึกษาชั้นยอด อยากจะเดินให้ไกลกว่าเดิม ได้รับเงินและทรัพยากรมากกว่าเดิม ภารกิจนับว่าเป็นสิ่งจำเป็น พวกเราเลือกภารกิจอะไรไม่ได้นัก อย่างเช่นครั้งก่อนที่จับกุมหวงปิน นั่นเป็นทางหยางเฉิงเสนอมาให้ แต่เหตุการณ์แบบนี้มีน้อย หนานเจียงค่อนข้างเงียบสงบ บางครั้งพวกเราต้องรับภารกิจที่ไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่ แต่สองมหาวิทยาลัยดังกลับไม่เหมือนกัน แห่งหนึ่งตั้งอยู่ในปักกิ่ง อีกแห่งอยู่ในเซี่ยงไฮ้ มีภารกิจมากมายให้นายเลือกตามใจชอบ ทั้งของรางวัลหลากหลายเช่นกัน ขอแค่นายมีความสามารถ นายจะแลกเปลี่ยนเป็นสิ่งที่นายต้องการอะไรก็ได้ทั้งนั้น…”

รอจนเขาพูดจบ ฟางผิงค่อยเอ่ยว่า “สรุปก็คือคนธรรมดาจะไปที่ไหนล้วนเหมือนกัน ส่วนคนเก่ง ทางที่ดีไปสองมหาวิทยาลัยดังจะดีกว่า?”

“ประมาณนั้น”

หวังจินหยางเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ถ้าปราณนายประมาณหนึ่งร้อยสามสิบแคล ฉันคงไม่แนะนำให้ไปสองมหาวิทยาลัยดัง คนธรรมดาไปมหาวิทยาลัยแบบนี้จะเสียเวลาเปล่า แต่นายหลอมกระดูกครั้งที่สองแล้ว ทั้งยังทำสำเร็จในเวลาสั้นๆ ฉันแนะนำให้นายไปสองมหาวิทยาลัยดังจะดีกว่า”

คนที่อ่อนแอจะไปที่ไหน ไม่มีความแตกต่างหรอก โดยเฉพาะนักเรียนที่มีปราณหนึ่งร้อยสามสิบแคล เข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้หนานเจียงยังจะถูกคนอื่นให้ความสำคัญมากกว่า แต่ฟางผิงปราณเกินกว่าหนึ่งร้อยแปดสิบแคลแล้ว ไม่นานจะกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่ง

ขั้นสอง ขั้นสามคงจะไม่ห่างไกลแล้วเหมือนกัน

ในมหาวิทยาลัยทั่วไป ขั้นสามนั้นถือว่าถึงขีดจำกัดแล้ว จะทะลวงเข้าสู่ระดับกลาง หลายปีที่ผ่านมามีแค่ไม่กี่คนเท่านั้น

ดังนั้นมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ทั่วไป จึงไม่ได้มุ่งเน้นสอนนักศึกษาให้เป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับกลาง

แต่สองมหาวิทยาลัยดัง กลับมีนักศึกษาจบใหม่ส่วนหนึ่งที่กลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับกลางอยู่ทุกปี

หวังจินหยางเห็นเขาจมดิ่งในความคิด เอ่ยว่า “แน่นอน ฉันยังต้องเตือนนายอีกประโยค ความเสี่ยงนั้นมีมากกว่าเหมือนกัน ภารกิจที่มากมายของสองมหาวิทยาลัย หมายความว่ามีเปอร์เซ็นต์การตายสูงตาม เมืองใหญ่ๆ พวกคนเลวไม่ทำเรื่องอะไรก็แล้วไป แต่ถ้าทำความผิดทั้งยังกล้ากลบดานในเมืองใหญ่ นั่นหมายความว่าพวกมันคงไม่ใช่คนอ่อนแอ”

ระหว่างที่พูด หวังจินหยางยังแอบเสริมในใจว่า ‘เซี่ยงไฮ้และปักกิ่งต่างเป็นหนึ่งในเมืองที่ควบคุมถ้ำใต้ดินที่ใหญ่ที่สุดไว้หลายแห่ง ถ้ำใต้ดินต่างหากถึงเป็นจุดที่อันตรายที่สุด!’

เรื่องของถ้ำใต้ดิน ถ้าไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสาม ก็ไม่สามารถรู้เรื่องนี้ได้ หวังจินหยางไม่คิดจะบอกฟางผิงก่อนเหมือนกัน

ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองทางเข้าออกของถ้ำใต้ดิน เมื่อนักศึกษาของเซี่ยงไฮ้และปักกิ่งทะลวงเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามแล้ว จะเริ่มมีโอกาสสัมผัสภารกิจของถ้ำใต้ดินมากขึ้น

ไม่เหมือนหนานเจียง ไม่ได้อยู่ใกล้ทางเข้าออกของถ้ำใต้ดิน นักศึกษาของหนานเจียงเลยมีโอกาสน้อยที่จะยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้

ครั้งก่อนเพราะเทียนหนานเกิดเหตุแผ่นดินไหว คนในพื้นที่ไม่อาจควบคุมได้จึงขอความช่วยเหลือจากภาคส่วนอื่น

เซี่ยงไฮ้และปักกิ่งขอความช่วยเหลือกับภายนอกน้อยครั้งล้วนเป็นเพราะว่ามีองค์กรในพื้นที่ออกหน้าคลี่คลายสถานการณ์ให้

ตอนแรกที่ถ้ำใต้ดินของเซี่ยงไฮ้เกิดความผิดปกติ ก็มีอาจารย์ลงพื้นที่กว่ายี่สิบคน เห็นได้ชัดว่าอันตรายไม่น้อย

หากระหว่างที่อยู่ในมหาวิทยาลัย ฟางผิงไม่กลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสาม นั่นคงพอพูดง่าย แค่ถ้ากลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสาม มีคุณสมบัติที่เข้าร่วมภารกิจ ความเสี่ยงจำต้องมากขึ้นตาม

“จะเลือกยังไงแล้วแต่นายเถอะ ฉันคงไม่อาจแนะนำให้นายไปมากกว่านี้ได้ สุดท้ายนายก็ต้องเป็นคนเลือกเอง แต่ฉันยังต้องช่วยพูดแทนมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้หนานเจียงสักหน่อย จากเงื่อนไขของนาย ฉันสามารถช่วยแย่งชิงได้ ทรัพยากรที่ต้องใช้ในขั้นหนึ่งถึงขั้นสามฟรีทั้งหมด!”

ขึ้นชื่อว่าเป็นประธานสมาคมผู้ฝึกยุทธ์หนานเจียง ท้ายที่สุดหวังจินหยางยังคงเสนอเงื่อนไขออกไป

หมายความว่า ตั้งแต่เขาทะลวงขั้นหนึ่งถึงขั้นสาม จะได้ทรัพยากรฟรีทุกอย่าง หลังจากทะลวงขั้นสามแล้ว ถึงจะจัดสรรทรัพยากรให้ตามปกติ

สิทธิพิเศษแบบนี้ ไม่ใช่น้อยๆ เลย!

ในความเป็นจริงนี่เป็นเงื่อนไขที่หวังจินหยางเสนอเอง ไม่ใช่ทางมหาวิทยาลัย หนานเจียงไม่เสนอเงื่อนไขล่อใจขนาดนี้หรอก

ผู้ฝึกยุทธ์ทะลวงถึงขั้นสาม ต้องสิ้นเปลืองเงินอย่างน้อยกว่าสิบล้าน!

ทุ่มทุนกว่าสิบล้านให้คนที่เตรียมทะลวงด่านเป็นผู้ฝึกยุทธ์ สำหรับมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ทั่วไปไมใช่เรื่องที่คุ้มค่านัก

เหล่าหวังควบคุมสมาคมผู้ฝึกยุทธ์อยู่ สมาคมสามารถสอดมือยุ่งกับการจัดสรรทรัพยากรของมหาวิทยาลัยได้ นี่เป็นเส้นสายที่มอบประโยชน์ให้ฟางผิง

ตอนนี้ฟางผิงขัดแย้งในใจอยู่บ้างจริงๆ

ถ้าเหล่าหวังไม่พูดประโยคสุดท้าย เขาคงไม่ลังเลอะไรแล้ว แต่หวังจินหยางพูดออกมาแล้วเนี่ยสิ

คำพูดของเขาทำให้ฟางผิงคิดว่า ถ้าไปสองมหาวิทยาลัยดัง ก็ต้องทิ้งทรัพยากรสิบล้านพวกนี้ ฟางผิงเลยปวดใจไม่น้อย

ฟางผิงที่เผยสีหน้าซับซ้อน เงียบไปนานก่อนเอ่ยว่า “ถ้าผมไปสองมหาวิทยาลัยดัง ทางมณฑลจะให้รางวัลสักสองสามล้านเป็นกำลังใจให้นักเรียนอัจฉริยะของเมืองหรือเปล่า?”

“ฮ่าๆ!”

———————–

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน 78.2 ความแตกต่างของมหาวิทยาลัย (2)

Now you are reading ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน Chapter 78.2 ความแตกต่างของมหาวิทยาลัย (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 78 ความแตกต่างของมหาวิทยาลัย (2)

หวังจินหยางเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “นี่แค่น้ำจิ้ม มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้หนานเจียง หลังจากทะลวงเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่ง การแลกเปลี่ยนทรัพยากรจะอยู่ที่ห้าสิบเปอร์เซ็นต์ของราคาตลาด อย่างยาบำรุงเลือดและปราณทั่วไป ต้องใช้เงินห้าหมื่นในการแลกเปลี่ยน หรือจะใช้เกรดช่วยก็ได้ แต่มีโควตาจำกัดเหมือนกัน แต่ถ้าเป็นมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ ใช้เงินแค่สามหมื่นเท่านั้น แน่นอนว่ามีโควตาจำกัด แต่พวกเราใช้สัดส่วนห้าสิบเปอร์เซ็นต์ ส่วนพวกเขาสามสิบเปอร์เซ็นต์ ที่จริงก็คือครึ่งหนึ่งของราคาต้นทุน”

“แตกต่างกันขนาดนี้เลย?”

ฟางผิงตะลึงไปอีกครั้ง อีกยี่สิบเปอร์เซ็นต์ไม่ใช่จำนวนน้อยๆ เลย ยาบำรุงสำหรับผู้ฝึกยุทธ์นั้นแพงจนน่าตกใจ ความแตกต่างมากขนาดนี้ จะลำเอียงเกินไปแล้ว

หวังจินหยางยักไหล่ เอ่ยอย่างจนใจ “มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ดำเนินธุรกิจกับภายนอกเหมือนกัน คลาสฝึกศิลปะการต่อสู้ บริษัททั่วไป รวมทั้งการผลิตยาบำรุง สองมหาวิทยาลัยดังก็มีส่วนเกี่ยวข้องเช่นกัน มหาวิทยาลัยอื่นกลับไม่สามารถทำได้ การผลิตยาบำรุงของผู้ฝึกยุทธ์นั้นเป็นธุรกิจที่ทำกำไรได้มหาศาลอย่างแท้จริง!”

“เช่นเดียวกัน นี่เป็นสิทธิพิเศษของรัฐบาล แต่สองมหาวทิยาลัยดังสอดมือยุ่งได้ คงไม่ใช่เรื่องที่มหาวิทยาลัยอื่นเทียบได้อยู่แล้ว นายว่า สถานการณ์แบบนี้ ยาบำรุงที่ขายในสองมหาวิทยาลัยจะแพงอีกได้ยังไง? ราคาต้นทุนที่พวกเราพูดถึง เป็นราคาโรงงาน ส่วนราคาต้นทุนของพวกเขา นั่นถึงจะเป็นค่าวัสดุที่แท้จริง…”

ทั้งสองมหาวิทยาลัยมีส่วนเกี่ยวข้องกับการผลิตยาบำรุง ทั้งยาบำรุงยังเป็นหนึ่งในทรัพยากรที่สำคัญของการฝึกวิชา

แค่มองจากเรื่องนี้ก็รู้ได้แล้วว่าความได้เปรียบของสองมหาวิทยาลัยมีที่ไปที่มาอย่างไร

หวังจินหยางไม่ได้ขยายความเรื่องนี้มาก เอ่ยต่อว่า “นอกจากความแตกต่างของทรัพยากร ยังมีเรื่องของคุณภาพอาจารย์ อันที่จริงสำหรับคนทั่วไปคงไม่แตกต่างมากมาย อาจารย์ของมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้หนานเจียง อย่างน้อยต้องเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสาม ปกติล้วนเป็นอาจารย์ที่สอนนักศึกษาใหม่ อาจารย์ที่อยู่ขั้นสี่รับผิดชอบฝึกวิชาทะลวงด่านให้นักศึกษา ยังมีบางส่วนที่อยู่ขั้นห้า นี่ถือเป็นอาจารย์ที่ลำดับขั้นสูงที่สุดของมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ในปัจจุบันแล้ว คนที่อยู่ขั้นหกล้วนเป็นอธิการบดีทั้งหมด ไม่สอนในคลาสโดยตรง ทั้งยังมีจำนวนน้อย อธิการบดีของมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้หนานเจียงเป็นปรมาจารย์ที่อยู่ขั้นเจ็ด ทั้งยังเป็นบุคคลที่ผลงานโดดเด่นเป็นที่เลื่องลือในแวดวงผู้ฝึกยุทธ์…”

หวังจินหยางเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ไม่ว่าจะเป็นอาจารย์ขั้นไหน ก่อนที่นายจะเรียนจบมหาวิทยาลัย ฝึกวิชาให้ทะลวงขั้นหนึ่งหรือสองล้วนไม่มีปัญหา แม้จะขั้นสามก็ไม่มีอะไรแตกต่าง แต่ถ้าอยากฝึกวิชาจนทะลวงขั้นสี่ ก้าวเข้าสู่ผู้ฝึกยุทธ์ระดับกลาง การชี้แนะของอาจารย์นับว่าเป็นเรื่องสำคัญอย่างมาก แต่ถ้านายอยากจะทะลวงขั้นสี่จริงๆ ยังพอมีผู้ฝึกยุทธ์ออกหน้าชี้แนะให้เหมือนกัน”

หวังจินหยางหมายถึงตัวเขาเอง ขอเพียงแค่เขาหลอมกระดูกแกนกลางสำเร็จ ไม่พูดถึงอธิการบดี แต่พวกอาจารย์ขั้นหกนั้นต้องมีคนออกหน้าช่วยเหลือเขาในการทะลวงด่านแน่นอน

“สองมหาวิทยาลัยดังจะเหนือกว่าในเรื่องนี้ อาจารย์ของพวกเขาต้องเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่ขึ้นไปเท่านั้น อาจารย์ขั้นห้ามีเยอะอยู่เหมือนกัน แต่ระดับปรมาจารย์ ตอนนี้ในมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้หนานเจียงมีแค่คนเดียว ส่วนมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เซี่ยงไฮ้มีปรมาจารย์ถึงสี่คน! ทั้งในนี้ยังมีคนหนึ่งที่อยู่ขั้นแปด ถึงกระทั่งอาจจะเลื่อนไปในขั้นเก้า นี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้พวกเขาแข็งแกร่ง นายควรรู้ว่า ผู้ว่ามณฑลหลายคนแทบไม่อยู่ในระดับปรมาจารย์ ถึงกระทั่งอยู่แค่ขั้นห้าก็ยังมี แน่นอนว่า ส่วนมากต้องเป็นขั้นหกอยู่แล้ว แต่เซี่ยงไฮ้และปักกิ่งมีผู้ฝึกยุทธ์ระดับสูงมากมายขนาดนี้ พวกเขาต้องมีอำนาจเหนือกว่ามหาวิทยาลัยทั่วไปอยู่แล้ว”

“ทรัพยากร อาจารย์ อำนาจ…”

ฟางผิงพึมพำ เมื่อมองแบบนี้ ความแตกต่างของมหาวิทยาลัยชื่อดังและมหาวิทยาลัยทั่วไปจึงมีมากขึ้นแล้ว

หวังจินหยางยังไม่หยุดพูด “เรื่องสุดท้ายคือจำนวนภารกิจ”

“จำนวนภารกิจ?”

“ใช่ สำหรับคนทั่วไป ภารกิจในมหาวิทยาลัยจะมากหรือน้อยคงไม่สำคัญเท่าไหร่ นักศึกษาบางคนอยู่ในมหาวิทยาลัยมาหลายปีแทบไม่เคยทำภารกิจด้วยซ้ำ แต่สำหรับนักศึกษาชั้นยอด อยากจะเดินให้ไกลกว่าเดิม ได้รับเงินและทรัพยากรมากกว่าเดิม ภารกิจนับว่าเป็นสิ่งจำเป็น พวกเราเลือกภารกิจอะไรไม่ได้นัก อย่างเช่นครั้งก่อนที่จับกุมหวงปิน นั่นเป็นทางหยางเฉิงเสนอมาให้ แต่เหตุการณ์แบบนี้มีน้อย หนานเจียงค่อนข้างเงียบสงบ บางครั้งพวกเราต้องรับภารกิจที่ไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่ แต่สองมหาวิทยาลัยดังกลับไม่เหมือนกัน แห่งหนึ่งตั้งอยู่ในปักกิ่ง อีกแห่งอยู่ในเซี่ยงไฮ้ มีภารกิจมากมายให้นายเลือกตามใจชอบ ทั้งของรางวัลหลากหลายเช่นกัน ขอแค่นายมีความสามารถ นายจะแลกเปลี่ยนเป็นสิ่งที่นายต้องการอะไรก็ได้ทั้งนั้น…”

รอจนเขาพูดจบ ฟางผิงค่อยเอ่ยว่า “สรุปก็คือคนธรรมดาจะไปที่ไหนล้วนเหมือนกัน ส่วนคนเก่ง ทางที่ดีไปสองมหาวิทยาลัยดังจะดีกว่า?”

“ประมาณนั้น”

หวังจินหยางเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ถ้าปราณนายประมาณหนึ่งร้อยสามสิบแคล ฉันคงไม่แนะนำให้ไปสองมหาวิทยาลัยดัง คนธรรมดาไปมหาวิทยาลัยแบบนี้จะเสียเวลาเปล่า แต่นายหลอมกระดูกครั้งที่สองแล้ว ทั้งยังทำสำเร็จในเวลาสั้นๆ ฉันแนะนำให้นายไปสองมหาวิทยาลัยดังจะดีกว่า”

คนที่อ่อนแอจะไปที่ไหน ไม่มีความแตกต่างหรอก โดยเฉพาะนักเรียนที่มีปราณหนึ่งร้อยสามสิบแคล เข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้หนานเจียงยังจะถูกคนอื่นให้ความสำคัญมากกว่า แต่ฟางผิงปราณเกินกว่าหนึ่งร้อยแปดสิบแคลแล้ว ไม่นานจะกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่ง

ขั้นสอง ขั้นสามคงจะไม่ห่างไกลแล้วเหมือนกัน

ในมหาวิทยาลัยทั่วไป ขั้นสามนั้นถือว่าถึงขีดจำกัดแล้ว จะทะลวงเข้าสู่ระดับกลาง หลายปีที่ผ่านมามีแค่ไม่กี่คนเท่านั้น

ดังนั้นมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ทั่วไป จึงไม่ได้มุ่งเน้นสอนนักศึกษาให้เป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับกลาง

แต่สองมหาวิทยาลัยดัง กลับมีนักศึกษาจบใหม่ส่วนหนึ่งที่กลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับกลางอยู่ทุกปี

หวังจินหยางเห็นเขาจมดิ่งในความคิด เอ่ยว่า “แน่นอน ฉันยังต้องเตือนนายอีกประโยค ความเสี่ยงนั้นมีมากกว่าเหมือนกัน ภารกิจที่มากมายของสองมหาวิทยาลัย หมายความว่ามีเปอร์เซ็นต์การตายสูงตาม เมืองใหญ่ๆ พวกคนเลวไม่ทำเรื่องอะไรก็แล้วไป แต่ถ้าทำความผิดทั้งยังกล้ากลบดานในเมืองใหญ่ นั่นหมายความว่าพวกมันคงไม่ใช่คนอ่อนแอ”

ระหว่างที่พูด หวังจินหยางยังแอบเสริมในใจว่า ‘เซี่ยงไฮ้และปักกิ่งต่างเป็นหนึ่งในเมืองที่ควบคุมถ้ำใต้ดินที่ใหญ่ที่สุดไว้หลายแห่ง ถ้ำใต้ดินต่างหากถึงเป็นจุดที่อันตรายที่สุด!’

เรื่องของถ้ำใต้ดิน ถ้าไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสาม ก็ไม่สามารถรู้เรื่องนี้ได้ หวังจินหยางไม่คิดจะบอกฟางผิงก่อนเหมือนกัน

ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองทางเข้าออกของถ้ำใต้ดิน เมื่อนักศึกษาของเซี่ยงไฮ้และปักกิ่งทะลวงเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามแล้ว จะเริ่มมีโอกาสสัมผัสภารกิจของถ้ำใต้ดินมากขึ้น

ไม่เหมือนหนานเจียง ไม่ได้อยู่ใกล้ทางเข้าออกของถ้ำใต้ดิน นักศึกษาของหนานเจียงเลยมีโอกาสน้อยที่จะยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้

ครั้งก่อนเพราะเทียนหนานเกิดเหตุแผ่นดินไหว คนในพื้นที่ไม่อาจควบคุมได้จึงขอความช่วยเหลือจากภาคส่วนอื่น

เซี่ยงไฮ้และปักกิ่งขอความช่วยเหลือกับภายนอกน้อยครั้งล้วนเป็นเพราะว่ามีองค์กรในพื้นที่ออกหน้าคลี่คลายสถานการณ์ให้

ตอนแรกที่ถ้ำใต้ดินของเซี่ยงไฮ้เกิดความผิดปกติ ก็มีอาจารย์ลงพื้นที่กว่ายี่สิบคน เห็นได้ชัดว่าอันตรายไม่น้อย

หากระหว่างที่อยู่ในมหาวิทยาลัย ฟางผิงไม่กลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสาม นั่นคงพอพูดง่าย แค่ถ้ากลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสาม มีคุณสมบัติที่เข้าร่วมภารกิจ ความเสี่ยงจำต้องมากขึ้นตาม

“จะเลือกยังไงแล้วแต่นายเถอะ ฉันคงไม่อาจแนะนำให้นายไปมากกว่านี้ได้ สุดท้ายนายก็ต้องเป็นคนเลือกเอง แต่ฉันยังต้องช่วยพูดแทนมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้หนานเจียงสักหน่อย จากเงื่อนไขของนาย ฉันสามารถช่วยแย่งชิงได้ ทรัพยากรที่ต้องใช้ในขั้นหนึ่งถึงขั้นสามฟรีทั้งหมด!”

ขึ้นชื่อว่าเป็นประธานสมาคมผู้ฝึกยุทธ์หนานเจียง ท้ายที่สุดหวังจินหยางยังคงเสนอเงื่อนไขออกไป

หมายความว่า ตั้งแต่เขาทะลวงขั้นหนึ่งถึงขั้นสาม จะได้ทรัพยากรฟรีทุกอย่าง หลังจากทะลวงขั้นสามแล้ว ถึงจะจัดสรรทรัพยากรให้ตามปกติ

สิทธิพิเศษแบบนี้ ไม่ใช่น้อยๆ เลย!

ในความเป็นจริงนี่เป็นเงื่อนไขที่หวังจินหยางเสนอเอง ไม่ใช่ทางมหาวิทยาลัย หนานเจียงไม่เสนอเงื่อนไขล่อใจขนาดนี้หรอก

ผู้ฝึกยุทธ์ทะลวงถึงขั้นสาม ต้องสิ้นเปลืองเงินอย่างน้อยกว่าสิบล้าน!

ทุ่มทุนกว่าสิบล้านให้คนที่เตรียมทะลวงด่านเป็นผู้ฝึกยุทธ์ สำหรับมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ทั่วไปไมใช่เรื่องที่คุ้มค่านัก

เหล่าหวังควบคุมสมาคมผู้ฝึกยุทธ์อยู่ สมาคมสามารถสอดมือยุ่งกับการจัดสรรทรัพยากรของมหาวิทยาลัยได้ นี่เป็นเส้นสายที่มอบประโยชน์ให้ฟางผิง

ตอนนี้ฟางผิงขัดแย้งในใจอยู่บ้างจริงๆ

ถ้าเหล่าหวังไม่พูดประโยคสุดท้าย เขาคงไม่ลังเลอะไรแล้ว แต่หวังจินหยางพูดออกมาแล้วเนี่ยสิ

คำพูดของเขาทำให้ฟางผิงคิดว่า ถ้าไปสองมหาวิทยาลัยดัง ก็ต้องทิ้งทรัพยากรสิบล้านพวกนี้ ฟางผิงเลยปวดใจไม่น้อย

ฟางผิงที่เผยสีหน้าซับซ้อน เงียบไปนานก่อนเอ่ยว่า “ถ้าผมไปสองมหาวิทยาลัยดัง ทางมณฑลจะให้รางวัลสักสองสามล้านเป็นกำลังใจให้นักเรียนอัจฉริยะของเมืองหรือเปล่า?”

“ฮ่าๆ!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน 78.2 ความแตกต่างของมหาวิทยาลัย (2)

Now you are reading ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน Chapter 78.2 ความแตกต่างของมหาวิทยาลัย (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 78 ความแตกต่างของมหาวิทยาลัย (2)

หวังจินหยางเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “นี่แค่น้ำจิ้ม มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้หนานเจียง หลังจากทะลวงเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่ง การแลกเปลี่ยนทรัพยากรจะอยู่ที่ห้าสิบเปอร์เซ็นต์ของราคาตลาด อย่างยาบำรุงเลือดและปราณทั่วไป ต้องใช้เงินห้าหมื่นในการแลกเปลี่ยน หรือจะใช้เกรดช่วยก็ได้ แต่มีโควตาจำกัดเหมือนกัน แต่ถ้าเป็นมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ ใช้เงินแค่สามหมื่นเท่านั้น แน่นอนว่ามีโควตาจำกัด แต่พวกเราใช้สัดส่วนห้าสิบเปอร์เซ็นต์ ส่วนพวกเขาสามสิบเปอร์เซ็นต์ ที่จริงก็คือครึ่งหนึ่งของราคาต้นทุน”

“แตกต่างกันขนาดนี้เลย?”

ฟางผิงตะลึงไปอีกครั้ง อีกยี่สิบเปอร์เซ็นต์ไม่ใช่จำนวนน้อยๆ เลย ยาบำรุงสำหรับผู้ฝึกยุทธ์นั้นแพงจนน่าตกใจ ความแตกต่างมากขนาดนี้ จะลำเอียงเกินไปแล้ว

หวังจินหยางยักไหล่ เอ่ยอย่างจนใจ “มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ดำเนินธุรกิจกับภายนอกเหมือนกัน คลาสฝึกศิลปะการต่อสู้ บริษัททั่วไป รวมทั้งการผลิตยาบำรุง สองมหาวิทยาลัยดังก็มีส่วนเกี่ยวข้องเช่นกัน มหาวิทยาลัยอื่นกลับไม่สามารถทำได้ การผลิตยาบำรุงของผู้ฝึกยุทธ์นั้นเป็นธุรกิจที่ทำกำไรได้มหาศาลอย่างแท้จริง!”

“เช่นเดียวกัน นี่เป็นสิทธิพิเศษของรัฐบาล แต่สองมหาวทิยาลัยดังสอดมือยุ่งได้ คงไม่ใช่เรื่องที่มหาวิทยาลัยอื่นเทียบได้อยู่แล้ว นายว่า สถานการณ์แบบนี้ ยาบำรุงที่ขายในสองมหาวิทยาลัยจะแพงอีกได้ยังไง? ราคาต้นทุนที่พวกเราพูดถึง เป็นราคาโรงงาน ส่วนราคาต้นทุนของพวกเขา นั่นถึงจะเป็นค่าวัสดุที่แท้จริง…”

ทั้งสองมหาวิทยาลัยมีส่วนเกี่ยวข้องกับการผลิตยาบำรุง ทั้งยาบำรุงยังเป็นหนึ่งในทรัพยากรที่สำคัญของการฝึกวิชา

แค่มองจากเรื่องนี้ก็รู้ได้แล้วว่าความได้เปรียบของสองมหาวิทยาลัยมีที่ไปที่มาอย่างไร

หวังจินหยางไม่ได้ขยายความเรื่องนี้มาก เอ่ยต่อว่า “นอกจากความแตกต่างของทรัพยากร ยังมีเรื่องของคุณภาพอาจารย์ อันที่จริงสำหรับคนทั่วไปคงไม่แตกต่างมากมาย อาจารย์ของมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้หนานเจียง อย่างน้อยต้องเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสาม ปกติล้วนเป็นอาจารย์ที่สอนนักศึกษาใหม่ อาจารย์ที่อยู่ขั้นสี่รับผิดชอบฝึกวิชาทะลวงด่านให้นักศึกษา ยังมีบางส่วนที่อยู่ขั้นห้า นี่ถือเป็นอาจารย์ที่ลำดับขั้นสูงที่สุดของมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ในปัจจุบันแล้ว คนที่อยู่ขั้นหกล้วนเป็นอธิการบดีทั้งหมด ไม่สอนในคลาสโดยตรง ทั้งยังมีจำนวนน้อย อธิการบดีของมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้หนานเจียงเป็นปรมาจารย์ที่อยู่ขั้นเจ็ด ทั้งยังเป็นบุคคลที่ผลงานโดดเด่นเป็นที่เลื่องลือในแวดวงผู้ฝึกยุทธ์…”

หวังจินหยางเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ไม่ว่าจะเป็นอาจารย์ขั้นไหน ก่อนที่นายจะเรียนจบมหาวิทยาลัย ฝึกวิชาให้ทะลวงขั้นหนึ่งหรือสองล้วนไม่มีปัญหา แม้จะขั้นสามก็ไม่มีอะไรแตกต่าง แต่ถ้าอยากฝึกวิชาจนทะลวงขั้นสี่ ก้าวเข้าสู่ผู้ฝึกยุทธ์ระดับกลาง การชี้แนะของอาจารย์นับว่าเป็นเรื่องสำคัญอย่างมาก แต่ถ้านายอยากจะทะลวงขั้นสี่จริงๆ ยังพอมีผู้ฝึกยุทธ์ออกหน้าชี้แนะให้เหมือนกัน”

หวังจินหยางหมายถึงตัวเขาเอง ขอเพียงแค่เขาหลอมกระดูกแกนกลางสำเร็จ ไม่พูดถึงอธิการบดี แต่พวกอาจารย์ขั้นหกนั้นต้องมีคนออกหน้าช่วยเหลือเขาในการทะลวงด่านแน่นอน

“สองมหาวิทยาลัยดังจะเหนือกว่าในเรื่องนี้ อาจารย์ของพวกเขาต้องเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่ขึ้นไปเท่านั้น อาจารย์ขั้นห้ามีเยอะอยู่เหมือนกัน แต่ระดับปรมาจารย์ ตอนนี้ในมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้หนานเจียงมีแค่คนเดียว ส่วนมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เซี่ยงไฮ้มีปรมาจารย์ถึงสี่คน! ทั้งในนี้ยังมีคนหนึ่งที่อยู่ขั้นแปด ถึงกระทั่งอาจจะเลื่อนไปในขั้นเก้า นี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้พวกเขาแข็งแกร่ง นายควรรู้ว่า ผู้ว่ามณฑลหลายคนแทบไม่อยู่ในระดับปรมาจารย์ ถึงกระทั่งอยู่แค่ขั้นห้าก็ยังมี แน่นอนว่า ส่วนมากต้องเป็นขั้นหกอยู่แล้ว แต่เซี่ยงไฮ้และปักกิ่งมีผู้ฝึกยุทธ์ระดับสูงมากมายขนาดนี้ พวกเขาต้องมีอำนาจเหนือกว่ามหาวิทยาลัยทั่วไปอยู่แล้ว”

“ทรัพยากร อาจารย์ อำนาจ…”

ฟางผิงพึมพำ เมื่อมองแบบนี้ ความแตกต่างของมหาวิทยาลัยชื่อดังและมหาวิทยาลัยทั่วไปจึงมีมากขึ้นแล้ว

หวังจินหยางยังไม่หยุดพูด “เรื่องสุดท้ายคือจำนวนภารกิจ”

“จำนวนภารกิจ?”

“ใช่ สำหรับคนทั่วไป ภารกิจในมหาวิทยาลัยจะมากหรือน้อยคงไม่สำคัญเท่าไหร่ นักศึกษาบางคนอยู่ในมหาวิทยาลัยมาหลายปีแทบไม่เคยทำภารกิจด้วยซ้ำ แต่สำหรับนักศึกษาชั้นยอด อยากจะเดินให้ไกลกว่าเดิม ได้รับเงินและทรัพยากรมากกว่าเดิม ภารกิจนับว่าเป็นสิ่งจำเป็น พวกเราเลือกภารกิจอะไรไม่ได้นัก อย่างเช่นครั้งก่อนที่จับกุมหวงปิน นั่นเป็นทางหยางเฉิงเสนอมาให้ แต่เหตุการณ์แบบนี้มีน้อย หนานเจียงค่อนข้างเงียบสงบ บางครั้งพวกเราต้องรับภารกิจที่ไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่ แต่สองมหาวิทยาลัยดังกลับไม่เหมือนกัน แห่งหนึ่งตั้งอยู่ในปักกิ่ง อีกแห่งอยู่ในเซี่ยงไฮ้ มีภารกิจมากมายให้นายเลือกตามใจชอบ ทั้งของรางวัลหลากหลายเช่นกัน ขอแค่นายมีความสามารถ นายจะแลกเปลี่ยนเป็นสิ่งที่นายต้องการอะไรก็ได้ทั้งนั้น…”

รอจนเขาพูดจบ ฟางผิงค่อยเอ่ยว่า “สรุปก็คือคนธรรมดาจะไปที่ไหนล้วนเหมือนกัน ส่วนคนเก่ง ทางที่ดีไปสองมหาวิทยาลัยดังจะดีกว่า?”

“ประมาณนั้น”

หวังจินหยางเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ถ้าปราณนายประมาณหนึ่งร้อยสามสิบแคล ฉันคงไม่แนะนำให้ไปสองมหาวิทยาลัยดัง คนธรรมดาไปมหาวิทยาลัยแบบนี้จะเสียเวลาเปล่า แต่นายหลอมกระดูกครั้งที่สองแล้ว ทั้งยังทำสำเร็จในเวลาสั้นๆ ฉันแนะนำให้นายไปสองมหาวิทยาลัยดังจะดีกว่า”

คนที่อ่อนแอจะไปที่ไหน ไม่มีความแตกต่างหรอก โดยเฉพาะนักเรียนที่มีปราณหนึ่งร้อยสามสิบแคล เข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้หนานเจียงยังจะถูกคนอื่นให้ความสำคัญมากกว่า แต่ฟางผิงปราณเกินกว่าหนึ่งร้อยแปดสิบแคลแล้ว ไม่นานจะกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่ง

ขั้นสอง ขั้นสามคงจะไม่ห่างไกลแล้วเหมือนกัน

ในมหาวิทยาลัยทั่วไป ขั้นสามนั้นถือว่าถึงขีดจำกัดแล้ว จะทะลวงเข้าสู่ระดับกลาง หลายปีที่ผ่านมามีแค่ไม่กี่คนเท่านั้น

ดังนั้นมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ทั่วไป จึงไม่ได้มุ่งเน้นสอนนักศึกษาให้เป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับกลาง

แต่สองมหาวิทยาลัยดัง กลับมีนักศึกษาจบใหม่ส่วนหนึ่งที่กลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับกลางอยู่ทุกปี

หวังจินหยางเห็นเขาจมดิ่งในความคิด เอ่ยว่า “แน่นอน ฉันยังต้องเตือนนายอีกประโยค ความเสี่ยงนั้นมีมากกว่าเหมือนกัน ภารกิจที่มากมายของสองมหาวิทยาลัย หมายความว่ามีเปอร์เซ็นต์การตายสูงตาม เมืองใหญ่ๆ พวกคนเลวไม่ทำเรื่องอะไรก็แล้วไป แต่ถ้าทำความผิดทั้งยังกล้ากลบดานในเมืองใหญ่ นั่นหมายความว่าพวกมันคงไม่ใช่คนอ่อนแอ”

ระหว่างที่พูด หวังจินหยางยังแอบเสริมในใจว่า ‘เซี่ยงไฮ้และปักกิ่งต่างเป็นหนึ่งในเมืองที่ควบคุมถ้ำใต้ดินที่ใหญ่ที่สุดไว้หลายแห่ง ถ้ำใต้ดินต่างหากถึงเป็นจุดที่อันตรายที่สุด!’

เรื่องของถ้ำใต้ดิน ถ้าไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสาม ก็ไม่สามารถรู้เรื่องนี้ได้ หวังจินหยางไม่คิดจะบอกฟางผิงก่อนเหมือนกัน

ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองทางเข้าออกของถ้ำใต้ดิน เมื่อนักศึกษาของเซี่ยงไฮ้และปักกิ่งทะลวงเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามแล้ว จะเริ่มมีโอกาสสัมผัสภารกิจของถ้ำใต้ดินมากขึ้น

ไม่เหมือนหนานเจียง ไม่ได้อยู่ใกล้ทางเข้าออกของถ้ำใต้ดิน นักศึกษาของหนานเจียงเลยมีโอกาสน้อยที่จะยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้

ครั้งก่อนเพราะเทียนหนานเกิดเหตุแผ่นดินไหว คนในพื้นที่ไม่อาจควบคุมได้จึงขอความช่วยเหลือจากภาคส่วนอื่น

เซี่ยงไฮ้และปักกิ่งขอความช่วยเหลือกับภายนอกน้อยครั้งล้วนเป็นเพราะว่ามีองค์กรในพื้นที่ออกหน้าคลี่คลายสถานการณ์ให้

ตอนแรกที่ถ้ำใต้ดินของเซี่ยงไฮ้เกิดความผิดปกติ ก็มีอาจารย์ลงพื้นที่กว่ายี่สิบคน เห็นได้ชัดว่าอันตรายไม่น้อย

หากระหว่างที่อยู่ในมหาวิทยาลัย ฟางผิงไม่กลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสาม นั่นคงพอพูดง่าย แค่ถ้ากลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสาม มีคุณสมบัติที่เข้าร่วมภารกิจ ความเสี่ยงจำต้องมากขึ้นตาม

“จะเลือกยังไงแล้วแต่นายเถอะ ฉันคงไม่อาจแนะนำให้นายไปมากกว่านี้ได้ สุดท้ายนายก็ต้องเป็นคนเลือกเอง แต่ฉันยังต้องช่วยพูดแทนมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้หนานเจียงสักหน่อย จากเงื่อนไขของนาย ฉันสามารถช่วยแย่งชิงได้ ทรัพยากรที่ต้องใช้ในขั้นหนึ่งถึงขั้นสามฟรีทั้งหมด!”

ขึ้นชื่อว่าเป็นประธานสมาคมผู้ฝึกยุทธ์หนานเจียง ท้ายที่สุดหวังจินหยางยังคงเสนอเงื่อนไขออกไป

หมายความว่า ตั้งแต่เขาทะลวงขั้นหนึ่งถึงขั้นสาม จะได้ทรัพยากรฟรีทุกอย่าง หลังจากทะลวงขั้นสามแล้ว ถึงจะจัดสรรทรัพยากรให้ตามปกติ

สิทธิพิเศษแบบนี้ ไม่ใช่น้อยๆ เลย!

ในความเป็นจริงนี่เป็นเงื่อนไขที่หวังจินหยางเสนอเอง ไม่ใช่ทางมหาวิทยาลัย หนานเจียงไม่เสนอเงื่อนไขล่อใจขนาดนี้หรอก

ผู้ฝึกยุทธ์ทะลวงถึงขั้นสาม ต้องสิ้นเปลืองเงินอย่างน้อยกว่าสิบล้าน!

ทุ่มทุนกว่าสิบล้านให้คนที่เตรียมทะลวงด่านเป็นผู้ฝึกยุทธ์ สำหรับมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ทั่วไปไมใช่เรื่องที่คุ้มค่านัก

เหล่าหวังควบคุมสมาคมผู้ฝึกยุทธ์อยู่ สมาคมสามารถสอดมือยุ่งกับการจัดสรรทรัพยากรของมหาวิทยาลัยได้ นี่เป็นเส้นสายที่มอบประโยชน์ให้ฟางผิง

ตอนนี้ฟางผิงขัดแย้งในใจอยู่บ้างจริงๆ

ถ้าเหล่าหวังไม่พูดประโยคสุดท้าย เขาคงไม่ลังเลอะไรแล้ว แต่หวังจินหยางพูดออกมาแล้วเนี่ยสิ

คำพูดของเขาทำให้ฟางผิงคิดว่า ถ้าไปสองมหาวิทยาลัยดัง ก็ต้องทิ้งทรัพยากรสิบล้านพวกนี้ ฟางผิงเลยปวดใจไม่น้อย

ฟางผิงที่เผยสีหน้าซับซ้อน เงียบไปนานก่อนเอ่ยว่า “ถ้าผมไปสองมหาวิทยาลัยดัง ทางมณฑลจะให้รางวัลสักสองสามล้านเป็นกำลังใจให้นักเรียนอัจฉริยะของเมืองหรือเปล่า?”

“ฮ่าๆ!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+