ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตาบทที่ 156 ทำเนียบรายชื่อสามระดับ

Now you are reading ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา Chapter บทที่ 156 ทำเนียบรายชื่อสามระดับ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 156 ทำเนียบรายชื่อสามระดับ

บทที่ 156 ทำเนียบรายชื่อสามระดับ

ตอนนี้ทำเนียบแบ่งออกเป็นสามระดับคือสวรรค์ ปฐพี และมนุษย์ มีหนึ่งร้อยคนอยู่ทำเนียบมนุษย์ สามสิบคนอยู่ทำเนียบปฐพี และสิบคนอยู่ทำเนียบสวรรค์

หากต้องการเป็นหนึ่งในทำเนียบ ประการแรกจะต้องเป็นศิษย์ของสำนัก ประการที่สองจะต้องโดดเด่นท่ามกลางศิษย์นับหมื่น หากเอาชนะศิษย์ในทำเนียบมนุษย์ได้ก็จะได้เข้าสู่ระดับทำเนียบนั้น

ทว่าลำดับของศิษย์ในทำเนียบมนุษย์นั้นมีความผันผวนมาก ในหนึ่งวัน มีคนมากกว่าสิบคนที่ทำให้ทำเนียบเกิดการเปลี่ยนแปลง

สำหรับทำเนียบปฐพี โดยทั่วไปแล้วจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากนัก ราวหนึ่งปี ลำดับในช่วงท้ายของทำเนียบปฐพีถึงจะเปลี่ยนสักครั้งหนึ่ง

ส่วนทำเนียบสวรรค์ หากศิษย์ที่อยู่มานานไม่ออกจากสำนักเสียก่อน ย่อมเป็นการยากที่จะมีการเปลี่ยนแปลง

ตอนนี้สิบลำดับสูงสุดบนทำเนียบสวรรค์ของสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงมาสี่ถึงห้าปีแล้ว

พวกเขาคือศิษย์คนโปรดของแต่ละสำนัก ทรัพยากรที่พวกเขามีมากเกินกว่าที่ผู้ใดจะเทียบเคียงได้

อู๋เหลียงกล่าวต่อ “ศิษย์ลำดับสามของทำเนียบสวรรค์อยู่ใต้อาณัติของบรรพชนเสวียน!”

หากคนอื่นทราบเรื่องนี้เข้า พวกเขาอาจแตกตื่นก็เป็นได้

ลำดับสามของทำเนียบสวรรค์ในสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์ ในวันที่คนเช่นนี้ออกไปยังโลกภายนอก พวกเขาจะกลายเป็นตัวตนที่ยิ่งใหญ่ ย่อมไขว่คว้าสมญาปรมาจารย์กระบี่ในสำนักกระบี่สักแห่งมาได้เพียงแค่ปลายนิ้ว!

คนแบบนั้น ส่วนใหญ่จะมีตัวตนที่น่ายำเกรงยิ่ง!

ลู่หยวนทราบว่าอู๋เหลียงหมายความว่าอย่างไร

กฎการแข่งขันภายในบางอย่างไม่ได้ถูกเขียนไว้ชัดเจน นั่นเท่ากับว่าผู้ที่เข้าร่วมการแข่งขันยอมรับการเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายไปแล้ว การแข่งขันภายในก่อนหน้านี้ก็มีศิษย์จำนวนมากที่ต้องการมาแก้แค้นเรื่องส่วนตัวจึงต่อสู้กันจนถึงแก่ความตาย

ก่อนหน้านี้บุตรศักดิ์สิทธิ์ทำให้บรรพชนเสวียนอับอายยิ่งนัก เรื่องดังกล่าวกระจายไปทั่วสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์ เหล่าศิษย์ที่อยู่ใต้อาณัติบรรพชนเสวียนต่างต้องวางตัวนิ่งเฉยเพื่อไม่ทำให้อะไร ๆ ผิดพลาด

พวกเขารู้ว่าหากก่อปัญหาขึ้นมา อย่าว่าแต่จะเอาชนะลู่หยวนผู้ทำลายบันไดสวรรค์ได้ในสิบขั้นเลย เมื่อพวกเขาเข้าใกล้ยอดเขาหอกอย่างไรก็ต้องถูกหลิงอวิ๋นขัดขวางอยู่ดี

แม้หลิงอวิ๋นจะยังสาว แต่นางไม่ได้เป็นอาจารย์ประจำสำนักมาหลายปีแล้ว ทุกคนในสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์ทราบดีว่า คนผู้นี้จะต้องปกป้องชายหนุ่มอย่างสุดกำลัง การฆ่าลู่หยวนใต้จมูกนางนั้นไม่มีทางเป็นไปได้

ทว่าหากลำดับสามของทำเนียบสวรรค์ออกโรงเองแล้วละก็ ทุกอย่างจะต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง!

แน่นอนว่า การไปยอดเขาหอกเพื่อล้างแค้นเรื่องส่วนตัวไม่มีทางทำได้ แต่ดูเหมือนว่าครั้งนี้ชายหนุ่มจะรนหาที่ตายเองด้วยการเข้าร่วมการแข่งขันภายในโดยไม่มีใครขอ

การทำให้เขาตายในการแข่งขันครั้งนี้ สำหรับลำดับสามจากทำเนียบสวรรค์แล้วนั้นง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก!

“ลำดับสามจากทำเนียบสวรรค์หรือ?”

ลู่หยวนยิ้ม เขายืนเอามือไพล่หลัง สายตาเต็มไปด้วยความเหยียดหยัน “ก็แค่ลำดับสามเท่านั้น จะมาทำอะไรข้าได้? ต่อให้เป็นลำดับหนึ่งจากทำเนียบสวรรค์ ข้าก็ไม่สนหรอก”

เสียงของชายหนุ่มไม่ดังนัก แต่ก็มากพอให้หลายคนได้ยิน

ทุกคนหยุดฝีเท้าทันที สายตาที่มองเขาส่วนใหญ่ค่อนไปทางเย้ยหยัน

ถึงแม้ข่าวลือของชายหนุ่มจะแพร่ไปทั่วสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์ แต่หลายคนก็ไม่เคยเห็นพละกำลังของอีกฝ่ายกับตา เหล่าศิษย์เก่าคาดเดาว่าลู่หยวนเพียงหยิบยืมพลังจากอาวุธวิเศษหรือสมบัติศักดิ์สิทธิ์มาใช้เท่านั้น

ภายนอกเขาโดดเด่นไม่อาจหาใครเปรียบได้ก็จริง แต่ในสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ สถานะของเขาจะถูกปกปิดอย่างสมบูรณ์ด้วยพละกำลังของตนเอง!

คนที่นี่เห็นลูกหลานจากตระกูลขุนนางอย่างลู่หยวนมานักต่อนักแล้ว ทันทีที่เข้ามา คนเหล่านั้นต่างร่ำร้องจะเข้าทำเนียบสวรรค์ บางคนถึงขั้นกล่าววาจาอาจหาญ อยากกระชากลำดับหนึ่งจากทำเนียบสวรรค์ลงมาเสียให้ได้

ท้ายที่สุด พวกเขาก็ต้องหดคอแต่โดยดี แล้วทำการฝึกฝนอย่างหนัก เพียงเพื่อพยายามเข้าสู่ทำเนียบปฐพีให้ไวที่สุดเท่าที่จะทำได้

อู๋เหลียงยืนอยู่ด้านข้าง เมื่อเห็นท่าทีอวดดีของลู่หยวน ในใจเขาได้แต่ส่ายหน้า ถึงอย่างไรอีกฝ่ายก็คือบุตรศักดิ์สิทธิ์ของตระกูลลู่ ดูน่าจะมีสมองบ้าง ที่ผ่านมาเขาถึงได้ยอมเลียแข้งเลียขา

แต่ดูท่าคนคนนี้จะอวดดีเกินไป หากติดตาม เกรงว่าคงไม่มีผลประโยชน์ดี ๆ ให้เก็บเกี่ยวเป็นแน่!

อู๋เหลียงยกมือขึ้น กล่าวกับอีกฝ่าย “ถ้าอย่างนั้น ข้าหวังว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่จะได้รับชัยชนะในการแข่งขัน ขอตัวก่อน”

อู๋เหลียงจากไป ลู่หยวนมองร่างของอีกฝ่ายก่อนที่รอยยิ้มบนใบหน้าจะจางหายไป ชายหนุ่มยกมือขึ้น เผยให้เห็นยันต์ใบหนึ่งในแขนเสื้อ เพียงเขาขยับปลายนิ้ว ตัวอักษรสองสามตัวก็ถูกสลักไว้บนยันต์ทันที

ชั่วพริบตายันต์แผ่นนั้นก็หายไปและมุ่งหน้าสู่จุดหมาย

บุตรศักดิ์สิทธิ์สาวเท้าไปที่ยอดเขาศิษย์ ก่อนตรงเข้าสู่ห้องโถง ตอนนี้ไฉเจี้ย รองเจ้าสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์กำลังหรี่ตาลงพลางพิงเก้าอี้โยก ถือขวดน้ำเต้าที่มีกลิ่นสุราไว้ในมือ

อีกด้าน มีศิษย์จำนวนมากวุ่นวายอยู่กับงาน พวกเขาไม่สนใจว่าใครเข้ามา จึงรีบกล่าว “ทิ้งตำรายันต์ไว้ที่นี่ ข้าจะแจ้งคนในยอดเขาของเจ้าให้มารับหลังจากออกคำสั่งเรียบร้อยแล้ว!”

ลู่หยวนไม่สนใจคำสั่ง เขาเพียงมองไฉเจี้ย ผู้กำลังโยกเก้าอี้ไปมา พร้อมส่งเสียงกรนแผ่วเบาราวกับกำลังหลับสนิท

ชายหนุ่มหยิบประกาศิตรุ่งอรุณออกมา โยนเข้าไปในอ้อมแขนของรองเจ้าสำนัก กลิ่นอายเฉพาะตัวของประกาศิตพลันพวยพุ่งปกคลุมทั่วทั้งพื้นที่

ทันใดนั้นไฉเจี้ยก็ตื่นขึ้น เขาจิบสุราจากขวดน้ำเต้าในมือ ก่อนจะเอื้อมไปคลำประกาศิตรุ่งอรุณหมายจะโยนทิ้ง ดวงตายังไม่ทันลืม แต่หลังจากดื่มเข้าไปก็กล่าวด้วยความงุนงงว่า “ถ้าบรรพชนเสวียนมีเรื่องอะไรก็น่าจะส่งศิษย์มาก่อนสิ ตอนนี้ข้ายุ่งอยู่”

ผ่านไปหลายอึดใจ ไฉเจี้ยจึงลืมตาราวกับครุ่นคิดบางสิ่งขึ้นมาได้ เขายืดตัวตรงมองคนที่อยู่ตรงหน้า

พลันจำได้ว่า ประกาศิตรุ่งอรุณไม่ได้เป็นของบรรพชนเสวียนแล้ว แต่มันถูกลู่หยวนจากตระกูลลู่ช่วงชิงไปต่างหาก

บุตรศักดิ์สิทธิ์เกียจคร้านเกินกว่าจะพูดจาเหลวไหลกับอีกฝ่าย หลังจากส่งประกาศิตรุ่งอรุณให้ เขาก็กล่าวตามตรง “ข้าอยากเข้าร่วมการแข่งขันภายใน”

จริง ๆ เรื่องการแข่งขันภายใน ไฉเจี้ยบอกกับพวกศิษย์ที่อยู่บริเวณนั้นไปแล้วว่าให้รับหน้าที่รับลงทะเบียนแทนด้วย

แต่ข้อตกลงในสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์นั้นห้ามไม่ให้ศิษย์ใหม่เข้าร่วม ลู่หยวนเองก็ทราบดีจึงเลือกที่จะคุยกับผู้รับผิดชอบโดยตรง

เมื่อไฉเจี้ยได้ยินสิ่งที่อีกฝ่ายบอก เขาไม่ได้แสดงอารมณ์แต่อย่างใด เพียงส่ายหน้าแล้วกล่าว “เรื่องนี้คงให้ไม่ได้ ไม่ใช่ว่าข้าไม่อยากให้เจ้าลงแข่งหรอก เพียงแต่เจ้าสำนักหอกของเจ้ามาหาข้าด้วยตนเอง เพื่อห้ามไม่ให้เจ้าเข้าร่วมการแข่งขันครั้งนี้โดยเด็ดขาด”

ลู่หยวนคาดไว้แล้วว่าจะเป็นแบบนี้ “ข้ามีประกาศิตรุ่งอรุณ สามารถเข้าร่วมโดยไม่ต้องสนนางได้ หรือว่าสิ่งที่นางกล่าวกับรองเจ้าสำนักไฉจะมีน้ำหนักมากกว่าประกาศิตนี้?”

ผู้ฟังลูบคาง สายตาจ้องตรงมาที่คู่สนทนา แววตาลุ่มลึกทำให้ไม่ทราบว่ากำลังคิดอะไรอยู่

ผ่านไปหลายอึดใจจึงกล่าว “ในฐานะที่ข้ามีความสัมพันธ์กับตระกูลของเจ้ามาช้านาน ข้าขอแนะนำนะ ด้วยรากฐานการบ่มเพาะของเจ้าในตอนนี้ อย่าเข้าร่วมเลยจะดีกว่า”

“เรื่องของบรรพชนเสวียนทำให้เจ้าตกเป็นเป้าสาธารณชน หากเข้าร่วมการแข่งขันเจ้าจะกลายเป็นคู่ต่อสู้ของทุกคน!”

“ข้ากล้าพูดเลยว่า ถึงตอนนั้น คนแรกที่จะถูกคัดออกก็คือเจ้า”

“แย่กว่านั้น เจ้าอาจจะเป็นคนแรกที่ตาย!”

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *