ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตาบทที่ 304 ลู่หยวน เจ้าคนสารเลว!

Now you are reading ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา Chapter บทที่ 304 ลู่หยวน เจ้าคนสารเลว! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 304 ลู่หยวน เจ้าคนสารเลว!

บทที่ 304 ลู่หยวน เจ้าคนสารเลว!

ในดินแดนลับ หมู่เมฆเคลื่อนลงมาสู่พื้นดิน จากนั้นก็เริ่มสลาย

ร่างของลู่หยวนปรากฏขึ้นหลังจากหมอกสีแดงจางหายไป

เขายืนขมวดคิ้วอยู่บนพื้น ราวกับกำลังครุ่นคิดบางสิ่ง

อูโจ้วรีบทะยานไปหาหลังจากเห็นลู่หยวนออกมา พร้อมกวาดสายตามองตั้งแต่หัวจรดเท้า

อีกฝ่ายยังคงสวมชุดสีชาดคลุมดำที่งดงามหาใดเปรียบ ใบหน้าดั่งหยก ดูหล่อเหลาเป็นที่สุด!

นอกจากนี้ยังมีวงแสงแปลกประหลาดโคจรอยู่รอบข้าง

วงแสงนี้มีร่องรอยที่ไม่อาจทำความเข้าใจได้อยู่ แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังไม่เคยเห็นมาก่อน ถึงกระนั้นก็เป็นที่แน่ชัดว่าลู่หยวนได้รับโชคชะตามาแล้วแน่นอน!

อูโจ้วเผยรอยยิ้มประจบสอพลอพร้อมประสานมือ “ขอแสดงความยินดีที่นายท่านได้รับโชคชะตาในครั้งนี้!”

ลู่หยวนคล้ายกับไม่ได้ยิน เขาเพียงขมวดคิ้วด้วยความประหลาดใจ

อูโจ้วไม่กล้าเอ่ยสิ่งใดมากกว่านี้ เขาลูบจมูกแล้วยืนอยู่ข้างกายอีกฝ่ายด้วยความกระอักกระอ่วน

ตอนนี้ฉินอี่หานกำลังอธิบายเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ผ่านยันต์ที่เขาสร้างขึ้นด้วยจิตวิญญาณ

หลังจากอธิบายไปได้สักพัก นางจึงเสริมว่าฮ่วนซิงไป๋พบตำแหน่งของตระกูลชิวแล้ว

“ตอนนี้ตระกูลชิวเริ่มมาตรการเชิงรุกหลายแห่ง โชคยังดีที่ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เสวียนเทียนชวนลอบเคลื่อนย้ายสมาชิกเผ่าภูตผีจำนวนมากเข้าสู่แดนมัชฌิม ดังนั้นตอนที่ตระกูลชิวเข้ามาจับคนที่สำนักมายาศักดิ์สิทธิ์ เสวียนเทียนชวนจึงได้รับการคุ้มกันจากเผ่าภูตผีก่อนหลบหนีออกมา”

“การเชิญฮ่วนซิงไป๋ก็เป็นฝีมือของตระกูลชิว ตอนอยู่ข้างในจวนตระกูล คนที่ชื่อชิวเฟิงจู้คล้ายกับอยากให้เขาคายเรื่องที่บุตรศักดิ์สิทธิ์กับเสวียนเทียนชวนร่วมมือกันบนยอดเขาเสวียน”

“เท่าที่ทราบมาจากคนที่ชิวเฟิงจู้ส่งมา ต่างมีเป้าหมายคือบุตรศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งตอนนี้เสวียนเทียนชวนก็คิดว่าเป็นเช่นนั้น แต่เนื่องจากท่านไม่อยู่ เขาจึงทำได้เพียงเล่นหมากรุกเพื่อให้พวกตระกูลชิวที่ซ่อนตัวอยู่ตามแดนมัชฌิมเกิดความสับสนชั่วคราว จนกระทั่งยอมเผยตัวตนต่อตระกูลชั้นสูงทั้งหลาย”

“หากบุตรศักดิ์สิทธิ์กลับมาเมื่อไหร่ก็คงต้องรบกวนให้ท่านเป็นผู้ตัดสินเรื่องราวทั้งหมด!”

ดวงตาของลู่หยวนหรี่ลงเล็กน้อยก่อนจะเริ่มใคร่ครวญในใจ

ผ่านไปหลายอึดใจ เขาจึงถ่ายทอดคำสั่ง “รับคำสั่งจากข้า บอกให้เสวียนเทียนชวนทำตามสมควร ทั่วทั้งแดนมัชฌิมจะต้องปั่นป่วน! หากดึงดูดความสนใจผู้เฒ่าของตระกูลชั้นสูงได้ยิ่งดี!”

“น้อมรับ!”

ฉินอี่หานตอบรับ หลังจากนิ่งไปชั่วขณะ นางจึงเอ่ยต่อ “นายท่าน อาของท่านมาถึงแดนมัชฌิมแล้ว ตอนนี้พักอาศัยอยู่ในตระกูลหลิง เขาบอกว่าอยากพบท่าน”

อ๋า?

ลู่เทียนเฟิ่งหรือ?

ก่อนหน้านี้ลู่หยวนได้เขียนจดหมาย โดยใช้วิธีการยั่วยุเพื่อขอให้ผู้เป็นอาที่ถูกลิดรอนสถานะของตระกูลลู่ไปดูแลตระกูลเสิ่นที่ทางเหนือ

ถึงแม้จะแต่งตั้งสมาชิกของตระกูลเสิ่นให้เป็นผู้นำตระกูลแล้ว แต่ก็ยังต้องการผู้แข็งแกร่งมารับหน้าที่ดูแลและสนับสนุนเผ่าภูตผี

ลู่เทียนเฟิ่งคือตัวเลือกที่ดีที่สุดในตอนนั้น

ถึงอย่างไรอาของเขาก็ขี้เกียจสันหลังยาวเกินไป!

บัดนี้เสวียนเทียนชวนได้คัดเลือกเผ่าภูตผีเข้ามาสู่แดนมัชฌิม จึงเป็นธรรมดาที่อาของเขาจะต้องติดตามดูแล

“พบข้าหรือ? ก็ได้ เจ้าบอกเขาไปว่าช่วงนี้ข้ายุ่งอยู่ หากเสร็จงานเมื่อไหร่ก็จะไปหาทันที”

“น้อมรับ!”

ฉินอี่หานตอบรับก่อนจะตัดการติดต่อระหว่างทั้งสอง

เมื่อเห็นลู่หยวนกลับมาเป็นปกติ อูโจ้วจึงยิ้มออกมา

“ยินดีกับนายท่านด้วยที่ได้รับโชคชะตา! นายท่านช่างเปี่ยมด้วยโชคลาภ! ภายภาคหน้าท่านจะต้องกลายเป็นเจ้าเหนือหัวหรือแม้กระทั่งเจ้าสวรรค์! เมื่อนั้นจะมีเพียงผู้อยู่ขั้นอมตยุทธ์ที่ควรค่าแก่การคุกเข่าต่อหน้านายท่านด้วยความหวาดกลัว!”

อูโจ้วเอ่ยชมทั้งหมดที่นึกขึ้นได้อย่างไหลลื่น

ลู่หยวนเห็นอีกฝ่ายประจบสอพลอไม่หยุดก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหงุดหงิด จึงเตะอีกฝ่ายไปหนึ่งที

สิ้นเสียง ‘ตุบ’ อูโจ้วพลันได้รับแรงกระแทกอย่างหนักที่ช่วงท้องน้อยจนรู้สึกปวดร้าว ก่อนที่ทั่วร่างจะกระเด็นไปด้านหลัง แล้วกระแทกลงพื้นดิน

ลูกเตะของลู่หยวนนับว่ารุนแรง แต่อีกฝ่ายเพียงรู้สึกเจ็บท้องเท่านั้น ก่อนจะรีบยันกายขึ้นแล้วตะโกน “นายท่านช่างเก่งกาจทั้งบู๊และบุ๋น ลูกเตะเมื่อครู่นับว่าเป็นก้าวแรกของฟ้าดิน…”

ปากของลู่หยวนกระตุก เหตุใดอูโจ้วผู้นี้ยังพูดจาเหลวไหลอยู่อีก?!

ทว่าเขาคร้านเกินกว่าจะมาจัดการอีกฝ่ายอีกรอบ จึงเบือนสายตาไปจับจ้องยังจักรพรรดินีผู้อยู่ไม่ไกล

ร่างวิหคเพลิงหายไปแล้ว บัดนี้ถึงเวลาทำลายม่านป้องกันเพื่อเข้าสู่พื้นที่แกนกลาง!

ลู่หยวนหันไปด้านข้างแล้วมองจักรพรรดินี จากนั้นจึงก้าวไปข้างหน้า

อากาศรอบข้างพลันสั่นไหว ชั่วพริบตาถัดมา เขาก็ปรากฏตัวเบื้องหน้านาง

ยามนี้สายตาของจักรพรรดินีเต็มไปด้วยความตกตะลึง

พอหมู่เมฆซึ่งบดบังท้องนภาเมื่อครู่จางหาย ร่องรอยของวิหคเพลิงก็หายไปงั้นหรือ?!

ยิ่งกว่านั้น จักรพรรดินีสัมผัสด้วยการใช้โลหิตวิหคเพลิง แต่นางกลับไม่พบร่องรอยของมันอยู่บนโลกนี้อีกแล้ว!

แต่ว่า…

จักรพรรดินีมองลู่หยวนด้วยความสับสน หว่างคิ้วของนางก็ปรากฏความเหนื่อยล้าให้เห็น

คิดไปเองอย่างนั้นหรือ?

ด้วยเหตุผลบางอย่าง จักรพรรดินีจึงรู้สึกว่าร่างของลู่หยวนในตอนนี้เต็มไปด้วยกลิ่นอายอันคุ้นเคย

กลิ่นอายนี้… คล้ายเกี่ยวข้องกับสายเลือดวิหคเพลิง!

จักรพรรดินีสัมผัสอย่างละเอียด แล้วตัดสินว่าลู่หยวนมีกลิ่นอายของสายเลือดวิหคเพลิงอยู่กับตัว!

คราวนี้นางเริ่มเกิดความสงสัย หรือว่าอีกฝ่ายจะมีสายเลือดวิหคเพลิงเช่นกัน?!

แต่สิ่งนี้เป็นไปไม่ได้!

สายเลือดวิหคเพลิงมีเฉพาะในราชวงศ์แดนมัชฌิมเท่านั้น!

ลู่หยวนผู้นี้มาจากตระกูลลู่ทางเหนือ บรรพบุรุษของทั้งสองไม่เคยแต่งงานกัน พวกเขายิ่งไม่เคยมีความสัมพันธ์ทางไกล เช่นนั้นแล้วอีกฝ่ายมีกลิ่นอายของสายเลือดวิหคเพลิงได้อย่างไร?!

“ร่างวิหคเพลิงเมื่อครู่หายไปไหน?”

จักรพรรดินีสะกดความสงสัยเอาไว้ในใจก่อนเอ่ยถาม

“บินหนีไปแล้ว”

ลู่หยวนไม่แม้แต่จะกะพริบตา

คำโกหกนี้ไม่ว่าใครก็มองออกว่าเป็นการตอบแบบไม่ใส่ใจ

“ฝ่าบาท พระองค์ยังจะมัวคิดถึงร่างวิหคเพลิงเมื่อครู่อยู่อีกหรือ ตอนนี้ พระองค์ควรคิดถึงตัวเองเสียบ้างนะพ่ะย่ะค่ะ”

ลู่หยวนยิ้มกว้าง “ฝ่าบาท กระหม่อมต้องรบกวนให้พระองค์ทำบางอย่างเพื่อเปิดพื้นที่แกนกลางแห่งนี้”

“ต้องการอะไร?”

จักรพรรดินีไม่เคยเข้าไปยังภายในสถานที่นี้ แต่ความแข็งแกร่งของม่านป้องกันเมื่อครู่ก็เป็นที่ประจักษ์ชัดแล้วว่าไม่มีทางใช้กำลังเปิดมันได้

ทว่าหากไม่ใช้กำลัง แล้วนางจะมีปัญญาเปิดได้อย่างไร?

นางมีบางสิ่งที่สามารถเปิดม่านป้องกันนี้ได้งั้นหรือ?!

ลู่หยวนเอื้อมมือไปคว้าแขนสีขาวราวกับหยกของจักรพรรดินี

นางพลันตกตะลึงจนขัดขืนโดยไม่รู้ตัว แต่เรี่ยวแรงของอีกฝ่ายมหาศาล กอปรกับพลังมังกรปรากฏขึ้นทั่วร่าง จึงทำให้นางขยับไม่ได้ แม้แต่อาวุธวิเศษในมือก็หาได้มีประโยชน์อันใดไม่!

ลู่หยวนเผยรอยยิ้มชั่วร้ายพลางขยับนิ้วทีละข้าง ทำให้ใบหน้าของจักรพรรดินีแดงราวกับโลหิต นางสูญสิ้นความสง่าราศีของการเป็นจักรพรรดินีไปนานแล้ว รูม่านตาสั่นเทาขณะเอ่ยไม่เป็นภาษา

“ลู่…ลู่หยวน เจ้า… โอหัง! ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้! หากวันนี้กล้าลงมือ ข้าจะฆ่าเจ้า… อ๊าก!”

คำพูดแตกตื่นของจักรพรรดินีพลันขาดห้วง ก่อนน้ำเสียงเจ็บปวดจะเล็ดลอดออกมาจากปากของนาง

“ลู่หยวน เจ้าคนสารเลว!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด