ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตาบทที่ 379 จุดยืน

Now you are reading ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา Chapter บทที่ 379 จุดยืน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 379 จุดยืน

บทที่ 379 จุดยืน

หลี่เจียงหนานเฉยชาอย่างยิ่ง แม้เมื่อครู่กู่จินเจาคล้ายกำลังยั่วยุเจียงเชียนชิว แต่นางไม่มีจิตสังหารแม้แต่น้อย

ถึงอย่างไรหากนางลงมือจริง อีกฝ่ายคงตายไปนานแล้ว!

รูปลักษณ์ของกู่จินเจาจะต้องมีความหมายบางอย่างเป็นแน่!

นางกำลังเอนกายท่ามกลางหมู่เมฆในอากาศ ทำให้ทุกคนต้องแหงนหน้ามองเท่านั้น

ด้วยเหตุผลบางอย่าง แทบทุกคนจึงรู้สึกว่ากู่จินเจาเปลี่ยนไป!

แม้นางจะเป็นจักรพรรดินีแห่งแดนมัชฌิม แต่เพราะมีร่างกายอ่อนแอ ทำให้กลิ่นอายความเป็นราชันไม่มีพลังในการคุกคาม!

แต่ยามนี้กู่จินเจาราวกับเต็มไปด้วยกลิ่นอายนั้น

ราวกับว่าหากมีเซียนอยู่เบื้องหน้า นางก็สามารถสังหารด้วยหมัดได้อย่างง่ายดาย!

กู่จินเจาชำเลืองมองผู้คนเบื้องล่าง

หลายคนต่างก็รู้สึกผิดเมื่อสบสายตากับนาง พวกเขารู้สึกว่าควรคุกเข่าแทนที่จะยืนขึ้น

หลี่เจียงหนานย่อมสัมผัสถึงการเปลี่ยนแปลงของอีกฝ่ายได้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับนาง แต่บัดนี้เส้นชีพจรจักรพรรดิในแดนมัชฌิมตกอยู่ในมือของเจียงเชียนชิวแล้ว!

เหตุการณ์ถูกตัดสินแล้ว ต่อให้เป็นกู่จินเจาก็พิชิตมันไม่ได้!

เส้นชีพจรจักรพรรดิแน่นิ่ง ไม่มีทีท่าว่าจะปรากฏขึ้นมาอีก!

กู่จินเจาผู้อยู่เหนือท้องนภาขมวดคิ้ว ก่อนจะยกมือกุมหน้าผากแล้วหลับตาลง ภายในใจเกิดความสับสน ผ่านไปหลายอึดใจ นางก็กลับมาหนักแน่นอีกครา

“ข้ามาทำอะไรที่นี่งั้นหรือ?”

กู่จินเจาพึมพำกับตัวเอง ในไม่ช้าก็ปรายตามองเจียงเชียนชิวด้วยสายตาเย็นเยือก

เขารู้สึกไร้พลังขณะกระชับง้าวมังกรครามแปดแดนร้างในมือไว้มั่น

หลี่เจียงหนานพลันเอ่ยขึ้นในยามนี้ว่า “หากทั้งสองท่านไม่ได้มาเพื่อปกป้องจักรพรรดิองค์ใหม่ แล้วจะแสดงความจริงใจให้เห็นได้อย่างไร? คำสัญญาเหล่านั้นในภายภาคหน้าอาจจะไม่ได้รับการเติมเต็มก็เป็นได้!”

แม้เสียงจะไม่ดัง แต่ก็มากพอจะกระจายไปทั่วทั้งเมืองแดนมัชฌิม!

สวีชู่กับสวี่หลิวอวิ๋นผู้ยืนอยู่ไกลออกไปขยับร่าง ทำให้อากาศสั่นไหวก่อนจะมายืนอยู่ตรงหน้าเจียงเชียนชิว

ทั้งสองคนเต็มไปด้วยพลังขณะสายตาจับจ้องด้วยจิตวิญญาณต่อสู้!

ทุกคนในแดนมัชฌิมต่างก็สับสน

สวีชู่กับสวี่หลิวอวิ๋นอยู่ฝั่งไหนกันแน่?!

กู่จินเจาคือเจ้านายเก่าของพวกเขา!

พวกเขาควรยืนอยู่ฝั่งนางไม่ใช่หรือ?!

เมื่อสักครู่นี้ ทั้งสองช่วยมู่พ่านซานคุ้มกันเส้นชีพจรจักรพรรดิ เหตุใดจึงก่อกบฏรวดเร็วเพียงนี้?!

สมาชิกของตระกูลฮ่วนตกตะลึงด้วยความไม่เข้าใจว่าเหตุใดสถานการณ์ถึงเปลี่ยนไปรวดเร็วถึงเพียงนี้

หลี่เจียงหนานมีสีหน้าสงบราวกับสถานการณ์ทั้งหมดอยู่ในกำมือ!

เขาและเจียงเชียนชิวอยากดึงสวีชู่กับสวี่หลิวอวิ๋นมาอยู่ฝั่งเดียวกันตั้งนานแล้ว!

ก่อนหน้านี้ทั้งสองไปหาตระกูลฮ่วน แต่ก็ล้มเหลว เขากับเจียงเชียนชิวจึงตรวจสอบอยู่หลายครั้งก่อนจะลอบติดต่ออีกฝ่าย

หลี่เจียงหนานสามารถดึงทั้งสองมาได้ แน่นอนว่าไม่ใช่เพราะพวกเขายอมจำนนต่อแดนมัชฌิม แต่เป็นเพราะยอมจำนนต่อผลประโยชน์ต่างหาก!

ขอเพียงมีผลประโยชน์มากพอ สองคนนี้ก็พร้อมจะทำเพื่อทุกฝ่าย!

หลี่เจียงหนานขอให้เจียงเชียนชิวไปตามหาพวกเขาเพื่อทำสัญญากัน

แม้สองคนนี้จะดูถูกตระกูลเจียง แต่ก็ยังตอบตกลง พวกเขาบอกว่าหากอีกฝ่ายได้เส้นชีพจรจักรพรรดิมาก็จะยอมรับใช้ แต่ถ้าไม่ได้ก็ถือเป็นโมฆะ!

นั่นนับเป็นการลงมือที่ดี!

เพราะมีแต่ได้ไม่ขาดทุน!

หลี่เจียงหนานทราบอยู่แล้วว่าสองคนนี้เป็นพวกเหยียบเรือหลายแคม!

ตระกูลทั้งหลายในแดนมัชฌิมต่างก็มีพฤติกรรมใกล้เคียงกับพวกเขา

แม้ตระกูลเจียงจะเป็นหนึ่งในนั้น แต่ก็เป็นกลุ่มที่โดนดูถูกมากที่สุด!

แต่ตระกูลที่พวกเขาดูถูกกลับพิชิตเส้นชีพจรจักรพรรดิได้!

สวีชู่กับสวี่หลิวอวิ๋นไม่สนว่าใครจะเป็นจักรพรรดิ สิ่งที่พวกเขาสนใจก็คือจักรพรรดิองค์ใหม่สามารถมอบผลประโยชน์ได้มากเท่าไหร่!

ในตอนนั้นตระกูลเจียงให้สัญญาไว้มากมาย!

มันมากพอจะทำให้พวกเขาสุขสบายไปชั่วชีวิต!

พวกเขาสองคนมองหน้ากัน ก่อนจะเบือนหน้าแล้วประสานมือทำความเคารพเจียงเชียนชิว “คารวะฝ่าบาท พวกกระหม่อมมาที่นี่เพื่อปกป้องพระองค์ อย่าได้กังวลไปพ่ะย่ะค่ะ”

เจียงเชียนชิวรู้สึกพึงพอใจอย่างยิ่ง สองคนนี้นับว่าเป็นผู้โดดเด่นในอดีตกาล แต่บัดนี้กลับต้องใช้ชีวิตอยู่ภายใต้เงื้อมมือของตน!

เขาเผยรอยยิ้มกว้างก่อนจะเอ่ยอย่างเริงร่า “พวกเจ้าไม่ต้องทำความเคารพก็ได้ นับจากนี้ไป ข้าขอแต่งตั้งให้เป็นก้งเฟิ่ง*[1]แห่งแดนมัชฌิม! ทรัพยากรทั้งหลายล้วนเป็นของพวกเจ้า! สามารถเอาไปได้เท่าที่ต้องการ!”

เมื่อสวีชู่กับสวี่หลิวอวิ๋นได้ยินเช่นนั้น ดวงตาของพวกเขาพลันทอประกายก่อนจะตอบตกลง

“ขอบพระทัยฝ่าบาท!”

เจียงสิงอวิ๋นผู้อยู่ไม่ไกลขมวดคิ้ว

สัญญาแบบนี้ดูจะไม่ถูกต้อง ถึงแม้แดนมัชฌิมเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จนไม่มีผู้แข็งแกร่งอยู่รอบ ๆ แต่ถ้ามอบอำนาจที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ให้ตั้งแต่แรกแล้วภายภาคหน้าพานพบกับผู้แข็งแกร่งลี้ภัยขึ้นมา เขาจะให้สัญญาอะไรได้อีก?

เจียงสิงอวิ๋นส่งกระแสจิตหาเจียงเชียนชิวเพื่ออธิบายปัญหาเหล่านี้ให้ทราบ

แต่เมื่อพูดไปได้ครึ่งทาง สีหน้าของเจียงเชียนชิวก็เปลี่ยนไปก่อนจะเหลือบมองด้านข้าง “ผู้เป็นจักรพรรดิคือเจ้าหรือข้ากันแน่?! ข้าจะให้รางวัลกับคนผู้ใดก็ได้! เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาบงการ?!”

เจียงสิงอวิ๋นส่งเสียงฮึดฮัด แต่เมื่อสวีชู่กับสวี่หลิวอวิ๋นได้ฟังคำของเจียงเชียนชิวก็เข้าใจทันทีว่าเจียงสิงอวิ๋นเพิ่งส่งกระแสจิตหาอีกฝ่าย

ใบหน้าของสวี่หลิวอวิ๋นเต็มไปด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน “ฝ่าบาทอย่ากริ้วไปเลย พวกข้าไม่ได้ต้องการทรัพยากรมากขนาดนั้น ขอให้ท่านรับสั่งใหม่ว่าจะแต่งตั้งพวกข้าเป็นองครักษ์ที่คอยรับใช้อยู่ข้างกายท่านก็พอ”

“ฝ่าบาทช่างใจกว้างนัก หากภายภาคหน้ามีผู้ทรงพลังยิ่งกว่ามาหา พระองค์จะทรงไม่ลำบากตอนมอบรางวัลให้หรือ?”

เจียงเชียนชิวปฏิเสธทันที “ข้าคือจักรพรรดิ พูดคำไหนคำนั้น!”

“ต่อให้ภายภาคหน้าจะมีใครมาก็ต้องอยู่ใต้อาณัติพวกเจ้า หรือมีความสามารถยิ่งใหญ่แค่ไหนก็ต้องรู้เสียบ้างว่าความหมายของการช่วงชิงโอกาสมันเป็นเช่นไร!”

“เฉกเช่นวันนี้ ต่อให้จะมีหลายคนมาที่นี่ ข้าก็ยังเป็นผู้พิชิตเส้นชีพจรจักรพรรดิได้ไม่ใช่หรือ?!”

สวี่หลิวอวิ๋นยิ่งฉีกยิ้มกว้าง พลันประสานมือทำความเคารพแล้วเอ่ยเสียงดัง “ฝ่าบาททรงปราดเปรื่องยิ่งนัก! ขอให้มีอายุยิ่งยืนนาน!”

แม้สวีชู่จะเรียบเรียงคำพูดได้ไม่ดี แต่เขาก็เข้าใจความหมายของสวี่หลิวอวิ๋นเช่นกัน ดังนั้นตนจึงคารวะและเอ่ยชื่นชมประจบประแจงต่อ

เจียงสิงอวิ๋นมองไปทางเจียงเชียนชิวด้วยสีหน้าซีดเผือด เขารู้สึกว่าลูกชายของตนเปลี่ยนไปจนไม่ยอมฟังคำของคนเป็นพ่อ

เมื่อสวี่หลิวอวิ๋นลุกขึ้น เขาชำเลืองมองเจียงสิงอวิ๋นด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยจิตสังหาร

เจียงสิงอวิ๋นรู้สึกเย็นสันหลังวาบจนขนลุกชัน

กู่จินเจาคล้ายไม่สนใจละครฉากใหญ่ตรงหน้า แต่หลังจากนึกบางอย่างขึ้นมาได้ นางจึงหันไปรอบข้างแล้วเอ่ยถามว่า “ลู่หยวนอยู่ไหน?”

หลี่เจียงหนานยิ้ม “เจ้ามาที่นี่เพื่อแก้แค้นเขาหรือ?”

ความจริงเขาพอจะคาดเดาได้ว่าหลายสิ่งที่เกิดขึ้นในแดนมัชฌิมต้องเป็นฝีมือของลู่หยวน แม้กระทั่งความตายของกู่จินเจาก็อาจจะมีสาเหตุมาจากอีกฝ่ายเช่นเดียวกัน!

บัดนี้นางกลับมามีชีวิตอีกครั้ง หากไม่ใช่เพราะต้องการแก้แค้นลู่หยวนแล้วจะต้องการแก้แค้นผู้ใด?!

แต่ว่า… ลู่หยวนตายเพราะภัยพิบัติอัสนีไปแล้ว จึงเป็นธรรมดาที่กู่จินเจาจะไร้ซึ่งศัตรู

แต่ก็จะปล่อยให้พลังต่อสู้เช่นนี้สูญเปล่าไม่ได้!

“ลู่หยวนหรือ? เจ้าไปตามหาเขาที่แดนเหนือก็ได้”

[1] ก้งเฟิ่ง คือ ตำแหน่งซึ่งเป็นที่นับหน้าถือตาของจีนโบราณ โดยปกติจะใช้ในทางศาสนา

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด