ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตาบทที่ 588 ข้อสงสัยมากมาย

Now you are reading ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา Chapter บทที่ 588 ข้อสงสัยมากมาย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 588 ข้อสงสัยมากมาย

บทที่ 588 ข้อสงสัยมากมาย

ลู่อานไม่แน่ใจในอุปนิสัยของลู่หยวน แม้ว่าลู่หยวนผู้นี้จะเป็นเด็กที่เขาเลี้ยงดูมา ทว่าเด็กคนนี้ในอดีตช่างเหลวไหลนัก มีเรื่องราวเกี่ยวกับการวางอำนาจบาตรใหญ่รังแกผู้อื่นมากมาย แม้แต่เหล่าศิษย์ในตระกูลเขาก็ไม่เคยละเว้น

ขนาดหลานชายแท้ ๆ ของลู่อันเองก็ยังเคยโดนลู่หยวนซ้อมมาแล้ว เดิมทีก็เป็นเรื่องเด็ก ๆ แต่ใครจะคิดว่าลู่หยวนคนนั้นกลับจริงจังทำร้ายหลานชายของเขาจนต้องนอนติดเตียงเป็นเดือน ลูกชายของเขาเห็นดังนั้นก็ทนไม่ได้จึงไปหาลู่หยวน

ตอนไปนั้นยังมีขาอยู่สองข้าง แต่เมื่อกลับมากลับเหลือขาเพียงข้างเดียว ชีวิตนี้ก็คงจบสิ้นแล้ว

แต่ที่น่าโมโหที่สุดก็คือลู่หยวน อีกฝ่ายเป็นบุตรชายคนเดียวของลู่เทียนเหอ จึงถูกประคบประหงมอยู่เสมอโดยบรรพบุรุษ

เป็นธรรมดาที่เขาจะไม่สามารถทำอะไรได้ แม้แต่ตอนเดินทางไปหาบรรพบุรุษด้วยตนเองเพื่อขอความเป็นธรรม แต่กลับได้รับคำตอบมาเพียงว่า ‘แม้แต่หนุ่มน้อยเช่นลู่หยวนก็เอาชนะไม่ได้ แล้วจะมาหาเรื่องร้องเรียนกับข้าได้อย่างไร’

หลังจากนั้นลู่อานก็ไม่อยากมีเรื่องกับคนผู้นี้อีก จึงสั่งให้สายเลือดของตนอยู่ห่างจากลู่หยวนให้มากที่สุด

แต่ตอนนี้เด็กคนนี้แตกต่างไปแล้ว มิใช่คนพาลในตระกูลอีกต่อไป แต่เป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในแผ่นดินต่างหาก!

ลู่อานย่อมรู้ดีว่าลู่หยวนแข็งแกร่งเพียงใด ตระกูลลู่ถึงเวลาที่ลู่หยวนจะเอ่ยสิ่งใดก็ได้แล้ว หากสายเลือดของเขาต้องการโอกาสมากขึ้น ก็ย่อมต้องทำตัวให้น่ารัก และคอยประจบประแจงลู่หยวนไปเช่นเดิม

เมื่อเห็นว่าแม้แต่ลู่อานเองก็ยังไม่กล้าเอ่ยอะไร คนอื่น ๆ ก็ยิ่งไม่กล้าไม่เอ่ยอะไรอีกเช่นกัน เว้นเสียแต่ก้มหัวลงต่ำแสดงให้เห็นถึงความสงบเสงี่ยม

ลู่หยวนยืนไขว้แขนมองไปเบื้องหน้า ห้วงมิติขนาดใหญ่ที่หมุนวนอยู่กลางอากาศนั้นคือทางไปยังตระกูลลู่!

“ท่านพ่อกับท่านแม่เล่า”

ลู่หยวนเอ่ยถามขึ้นมาทันที

การกลับมาบ้านครั้งนี้ เขาได้แจ้งไปก่อนแล้ว และลู่เทียนเหอกับอู่หมิงเสวี่ยก็ควรจะรู้ หากเป็นเวลาอื่นพวกเขาก็คงจะพากันมารอรับ แต่ในวันนี้ กลับใช้คนอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องมาแทนเสียได้!

ลู่อานตอบอย่างนอบน้อม “ประมุขกับภรรยา เมื่อสองสามวันก่อนได้เข้าใจถึงโอกาสของสวรรค์และโลก จึงปิดด่านเพื่อบ่มเพาะ พวกเขายังไม่ออกมาจนถึงตอนนี้”

ลู่หยวนขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ก็มิได้เอ่ยอะไร

ด้านข้างกู้ชิงหรันก็ขมวดคิ้วเช่นกัน ราวกับกำลังสงสัยกับสิ่งที่ได้ยิน

จากนั้นลู่อานก็กล่าวต่อ “คุณชาย ตระกูลได้เตรียมงานเลี้ยงต้อนรับคุณชายเอาไว้แล้ว ขอเชิญคุณชายไปร่วมฉลองด้วยกัน”

ลู่หยวนพยักหน้ารับ แล้วเก็บความคิดในใจไว้ จากนั้นก็ยื่นมือขวาไปจับมือเล็ก ๆ อันนุ่มนวลของกู้ชิงหรันที่ยืนอยู่ข้าง ๆ

“ไปกันเถิด”

ทั้งสองเดินเข้าไปในห้วงมิติขนาดใหญ่พร้อมกัน แสงสว่างวาบขึ้นทั้งสองก็พลันหายไป

ลู่อานและคนอื่น ๆ ก็รีบตามไป

เมื่อเข้ามาในตระกูลลู่ สิ่งที่เห็นนั้นราวกับภาพวาดที่กางออกอยู่ตรงหน้า

หลังคาสีเขียวสดใสราวแกะสลักจากหยกทอดยาวไปด้านข้าง จนมองไม่เห็นปลายทาง

ดูเหมือนว่าที่นี่จะหรูหรายิ่งกว่าพระราชวังแห่งแคว้นมัชฌิมเสียอีก

จัตุรัสขนาดใหญ่ที่อยู่เบื้องหน้านี้จุคนได้หลายหมื่นคน

และเวลานี้ก็เต็มไปด้วยผู้คน แต่ละคนยืนเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ เมื่อเห็นลู่หยวนปรากฏตัวก็รีบค้อมคำนับในทันที “ขอต้อนรับคุณชาย!”

เสียงโห่ร้องกึกก้องราวกับภูเขาและทะเล!

ลู่หยวนจับมือกู้ชิงหรันไม่สนใจผู้คนเหล่านั้น แล้วเดินตรงไปยังห้องโถงใหญ่ของตระกูลลู่

งานเลี้ยงได้จัดเตรียมไว้ที่นี่แล้ว เหล่าผู้อาวุโสและข้ารับใช้ที่สำคัญมาถึงที่นี่กันเกือบหมด และรอคอยอย่างเงียบ ๆ!

“คุณชาย!”

เมื่อคนทั้งหลายเห็นลู่หยวนต่างก็ยกมือทำความเคารพ

ลู่หยวนจับมือกู้ชิงหรันเดินอย่างมั่นคงไปยังที่นั่งประธานของงานเลี้ยง จากนั้นจึงได้ยินเสียงอันโอ่อ่าดังขึ้น “โอ้ หลานชาย เจ้ากลับมาแล้ว!”

ลู่หยวนหันไปมองจึงเห็นชายผู้หนึ่งลักษณะดูไม่เรียบร้อยเดินช้า ๆ เข้ามา รอบ ๆ ตัวแผ่ซ่านด้วยลมปราณกระบี่!

ในมือของชายผู้นั้นยังหยิบขาไก่ที่มันเยิ้มมาอีกด้วย

นี่คือลุงของลู่หยวนหรือลู่เทียนเฉิง!

“ท่านอาเฉิง”

ลู่หยวนเรียกหนึ่งหนแล้วก็กระซิบข้างหูกู้ชิงหรันเพื่อแนะนำไปเล็กน้อย

เมื่อกู้ชิงหรันรู้ถึงสถานะของลู่เทียนเฉิงก็ยกมือทำความเคารพเล็กน้อยเช่นกัน “ท่านอาเฉิง”

“ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ…”

ลู่เทียนเฉิงยืนหัวเราะอยู่ตรงหน้าคนทั้งสอง จากนั้นก็มองกู้ชิงหรันอย่างจดจ่อ “ฮ่า ๆ ๆ ๆ สมแล้วที่เป็นหลานชายใหญ่ของข้า สะใภ้ก็เป็นสตรียอดเยี่ยมหาได้ยากในใต้หล้า!”

วาจาของลู่เทียนเฉิงมิใช่เพียงแค่เอ่ยถึงความงามอันดับหนึ่งในแผ่นดินของกู้ชิงหรันเท่านั้น หากยังหมายถึงเจตจำนงกระบี่อันเลิศล้ำของนางด้วยต่างหาก

ตั้งแต่ที่เขาอยู่ต่อหน้าหลานสะใภ้ผู้นี้ เจตจำนงกระบี่ของตนเองยังมีความหวาดกลัวอยู่มาก!

ลู่หยวนเพียงแค่ยิ้มเล็กน้อย “โรคเก่าของท่านอาเฉิงหายแล้วหรือ”

คราวก่อนลู่เทียนเฉิงอยู่ที่แดนมัชฌิมก็เกิดคลุ้มคลั่งขึ้นมาอย่างฉับพลัน แล้วก็ถูกลู่เทียนเหอและภรรยาพาตัวกลับไปได้ทันท่วงที

คล้ายว่าลู่เทียนเฉิงจะได้รับผลกระทบทางจิตใจมานานแล้ว จึงทำให้เกิดเหตุการณ์ดังเช่นคราวนั้น

“ไม่เป็นไรแล้ว ไม่เป็นไรแล้ว ท่านปู่ลงมือรักษาให้ข้าเอง ตอนนี้ไม่คลุ้มคลั่งอีกแล้ว”

ลู่เทียนเฉิงดูมีความสุขมาก เขาจับมือลู่หยวนจะให้เข้าที่นั่งเสียให้ได้

“ข้ารู้ว่าเจ้ากลับมาคราวนี้เพื่อทำสิ่งใด แต่ลุงกับป้าสะใภ้ต่างก็เข้าสู่การบ่มเพาะ ส่วนเจ้าก็จะออกไปฝึกตน เรื่องนี้เกรงว่าจะทำไม่ได้แล้วนี่สิ”

ลู่หยวนขมวดคิ้วเล็กน้อย เพราะการกลับมาคราวนี้ เขาเพียงแค่จะพากู้ชิงหรันกลับมาให้บิดาและมารดาได้พบกัน

ส่วนลู่เทียนเฉิงอาจจะทึกทักไปเองว่าเขาจะจัดงานแต่งอย่างนั้นหรือ?

ทว่าเขารู้ได้อย่างไรว่าลู่หยวนจะออกไปฝึกตน

เรื่องที่ตระกูลลู่จะส่งคนไปเกาะสังหารเซียนนับเป็นความลับสุดยอด แม้จะเป็นสมาชิกในตระกูลก็มิได้เปิดเผยทั้งหมด

มีเพียงประมุข และผู้ที่เตรียมการจะไปเท่านั้นที่จะรู้

“ท่านอาเฉิงก็จะไปด้วยหรือ”

ลู่หยวนถามออกไป

ฝ่ายลู่เทียนเฉิงตอนนี้ก็ได้จับลู่หยวนให้ไปนั่งเรียบร้อยแล้ว เมื่อได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้า “ใช่ ตอนนี้ตระกูลลู่ทั้งหมด มีผู้ใดเก่งกว่าลุงเจ้าอีกเล่า!? ข้าไปด้วยก็เพื่อจะคุ้มครองเจ้าไปตลอดทาง ฮ่า ๆ ๆ เรื่องนี้ยังเป็นท่านปู่ที่กำหนดมาเอง!”

ลู่หยวนพอจะรู้ว่าตระกูลลู่คงจะไม่ส่งเขาไปเพียงลำพัง ถึงแม้ว่าตอนนี้ลู่หยวนจะก้าวไปถึงขั้นเทพยุทธ์ครึ่งก้าวแล้วก็ตาม ถือได้ว่าไร้เทียมทานในใต้หล้า

ทว่าสำหรับตระกูลลู่แล้ว ไข่ไม่สามารถใส่ไว้ในตะกร้าใบเดียวได้ แม้ว่าตะกร้าใบนี้จะเป็นเหล็กกล้าก็ตามที!

ยิ่งมีคนมากเท่าไร ความเป็นไปได้ก็สูงขึ้นเช่นกัน

ทว่าผู้คนเหล่านี้ที่จะมุ่งหน้าไปนั้นกลับมีลู่เทียนเฉิงรวมอยู่ด้วยอย่างนั้นหรือ?!

ตั้งแต่เมื่อก่อนที่ลู่เทียนเฉิงจิตใจแตกสลาย เขาก็มีท่าทีที่บ้าคลั่งพร้อมที่จะอาละวาดได้ตลอดเวลา!

ในบรรดาคนทั้งหลายในทีนี้ย่อมมีหลายคนที่เหมาะสมกว่าลู่เทียนเฉิง แล้วเหตุใดบรรพบุรุษจึงได้เลือกเขาเป็นพิเศษ

ลู่หยวนยังคงไต่ถามต่อไป “นอกจากท่านแล้ว ยังมีผู้ใดที่จะไปอีกบ้าง”

ลู่เทียนเฉิงได้กล่าวถึงรายชื่อของคนที่ได้รับการแต่งตั้งทีละคน บุคคลที่จะเดินทางไปในครั้งนี้มีไม่มากนัก มีอยู่ประมาณสิบกว่าคน แต่ละคนล้วนแล้วแต่เป็นยอดฝีมือภายในตระกูลลู่ทั้งสิ้น และเปรียบเสมือนเสาหลักของตระกูลลู่ที่มีพละกำลังโดยไม่ต้องมีคำนิยามใด ๆ!

เมื่อได้ฟังลู่เทียนเฉิงเอ่ย ดูเหมือนว่ายังมีบางคนที่ทุ่มเทใช้ศาสตร์ลับในการลัดขั้นตอนการเข้าสู่ระดับ ‘จ้าวยุทธ์!’ สำหรับการเดินทางในครานี้!!

“ลุงจะแอบกระซิบนะหลานชาย ลุงก็ได้วิธีลับจากบรรพบุรุษมา เตรียมจะพัฒนาตนเองก่อนออกเดินทาง หากไม่ได้รับสารจากเจ้า แจ้งว่าเจ้าจะพาเมียกลับมา ลุงก็คงไปฝึกตนแล้ว พ่อแม่เจ้าก็กำลังปิดด่านฝึกตนอยู่มิใช่รึ หากลุงไปปิดด่านฝึกตนด้วยก็เหมือนไม่ให้ความสำคัญกับพวกเจ้าสองคน ด้วยเหตุนี้ลุงจึงอดเลื่อนขั้นไปเสียอย่างนั้น”

มุมปากของลู่หยวนก็ยกขึ้น จากนั้นก็ช้อนตามองซึ่งก็ได้สบตากับกู้ชิงหรันทันที

ดวงตาของพวกเขามีความคิดแวบผ่านเช่นเดียวกัน แต่ก็ได้กลืนหายไปในพริบตา

“ท่านทั้งหลาย มาเถิด!”

ลู่เทียนเฉิงลุกขึ้นในทันใด ยกจอกเหล้าขึ้นแล้วก็กล่าวเสียงดังว่า “ประมุขกับท่านภรรยาไม่อยู่กันพอดี ข้าก็พอจะสามารถเป็นเจ้าภาพงานเลี้ยงในครานี้ได้ ท่านทั้งหลายยกจอกขึ้นและต้อนรับการกลับมาของคุณชายแห่งตระกูลลู่ของพวกเราเถิด!”

“ขอต้อนรับคุณชายกลับบ้าน!”

ทุกคนต่างก็ลุกขึ้นพร้อมกับตะโกนเสียงดัง จากนั้นก็ร่ำสุราไปพร้อม ๆ กัน

ลู่หยวนอมยิ้มเล็กน้อยแต่ก็มิได้เอ่ยอะไร

งานเลี้ยงครานี้ ลู่เทียนเฉิงเป็นคนดูแลรับผิดชอบเรื่องต่าง ๆ เกือบทั้งหมด

ลู่หยวนกับกู้ชิงหรันนั่งอยู่ด้วยกัน ทั้งสองก็ตักอาหารให้แก่กันเป็นบางครา

“เจ้าจะต้องนอนกับข้าในคืนนี้”

ลู่หยวนกล่าวขึ้นแล้วก็ได้ตัดสินเรื่องราวของคืนนี้ลงไป

ฝ่ายกู้ชิงหรันก็พยักหน้ารับช้า ๆ

งานเลี้ยงได้เลิกราไปอย่างรวดเร็ว ฝ่ายลู่หยวนก็ได้จูงมือกู้ชิงหรันกลับไปยังที่พักเก่าของตนเอง

ที่นี่มีเรือนต่าง ๆ เรียงรายสลับซับซ้อน ทั้งกว้างใหญ่และทรงอำนาจ

เหล่าทหารองครักษ์ที่เคยรับใช้ลู่หยวนอยู่นั้นก็ยังคงเฝ้าอยู่ที่เดิม เมื่อเห็นลู่หยวนกลับมา ทหารแต่ละคนก็ต่างทำความเคารพอย่างพร้อมเพรียง

ลู่หยวนจูงกู้ชิงหรันกลับมาที่ห้องส่วนตัวของตน

เมื่อนั่งลงลู่หยวนก็รินชาร้อน ๆ ให้กับตนเองและกู้ชิงหรัน

“ตระกูลเจ้าค่อนข้างแปลกนัก”

ทันทีที่กู้ชิงหรันกล่าวขึ้นก็ได้มีเจตจำนงกระบี่นับหมื่นกระจายตัวออกมา กวาดผ่านไปทั่วทั้งห้องโถงแต่ก็ไม่พบเจอสิ่งใด

“แปลก?”

มุมปากของลู่หยวนมีรอยยิ้มปรากฏอยู่ “ไม่เพียงแค่แปลก ตัวข้าเองก็รู้สึกราวกับเดินเข้าไปในภาพลวงตาอีกต่างหาก”

“ข้อแรก ท่านพ่อกับท่านแม่จะไม่มีทางปิดด่านฝึกตนเมื่อรู้ว่าข้าจะกลับมา แม้จะมีลางสังหรณ์ล่วงหน้าแล้วพวกท่านก็เลื่อนโอกาสเหล่านี้ไปได้”

“ข้อสอง ลู่เทียนเฉิงผู้นั้นก็ราวกับกลายเป็นคนอื่นไปแล้ว ปกติเขาไม่ชอบพิธีเช่นนี้เลย สนใจแต่การฝึกตนกับการฆ่าฟัน เขามาสนใจเรื่องจุกจิกเหล่านี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน”

“ส่วนข้อสาม ก็คือความแปลกของเกาะสังหารเซียน เหตุใดต้องให้ลู่เทียนเฉิงไปด้วย ไม่ว่ามองจากมุมใด ลู่เทียนเฉิงควรอยู่ในตระกูลเสียยังจะดีกว่า”

“และข้อสี่ การยกระดับขั้นอย่างหักโหม ยามนี้การยกระดับขั้นจะทำให้สูญเสียวิชาที่ร่ำเรียนมาทั้งหมด แม้ว่าพวกที่มากับข้าส่วนมากจะเป็นปรมาจารย์ยุทธ์ แต่ก็ไม่จำเป็นต้องยกระดับเป็นจ้าวยุทธ์ก็ได้ พวกเขามีอาวุธหรือของวิเศษที่ตระกูลสองสามอย่างอยู่ในมือก็เทียบเท่าจ้าวยุทธ์ได้แล้ว แต่จะว่าไปที่เกาะสังหารเซียน ไม่ว่าปรมาจารย์ยุทธ์หรือจ้าวยุทธ์ก็มิได้ต่างกันนัก เพราะสุดท้ายก็ต้องตายเหมือนกัน”

ลู่หยวนร่ายความสงสัยในใจออกมาทีละข้อ

กู้ชิงหรันก็เม้มปากคิดใคร่ครวญ แต่ก็ยังหาทางออกไม่ได้

ลู่หยวนจับถ้วยน้ำชาไว้ แม้ว่าเขาได้ระบุจุดพลิกผันทั้งหมดไว้ที่คนคนหนึ่งนั่นก็คือบรรพบุรุษตระกูลลู่

ทว่าเอาเข้าจริง ทั้งตระกูลลู่ในตอนนี้ก็มีเพียงบรรพบุรุษตระกูลลู่เท่านั้นที่จะสามารถทำให้ทุกเรื่องแปลกประหลาดได้ถึงเพียงนี้

ทว่าลู่หยวนก็คิดไม่ตกว่าหากบรรพบุรุษตระกูลลู่จงใจจะทำเช่นนั้นจริง ๆ จะมีเหตุผลอันใดเล่า

ลู่หยวนกับบรรพบุรุษตระกูลลู่ต่างก็ไม่เคยพบกัน เรื่องของตระกูลลู่เขาไม่ค่อยเข้ามายุ่งเกี่ยว เวลาที่ปรากฏตัวก็ล้วนเป็นเรื่องการตัดสินใจสำคัญทั้งสิ้น

ปัจจุบันเขาอยู่กับตระกูลลู่ก็เฉยชา แต่อะไรที่ทำแล้วได้ประโยชน์สูงสุดกับคนทั้งตระกูลก็จะเลือกไว้ก่อน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตาบทที่ 588 ข้อสงสัยมากมาย

Now you are reading ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา Chapter บทที่ 588 ข้อสงสัยมากมาย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 588 ข้อสงสัยมากมาย

บทที่ 588 ข้อสงสัยมากมาย

ลู่อานไม่แน่ใจในอุปนิสัยของลู่หยวน แม้ว่าลู่หยวนผู้นี้จะเป็นเด็กที่เขาเลี้ยงดูมา ทว่าเด็กคนนี้ในอดีตช่างเหลวไหลนัก มีเรื่องราวเกี่ยวกับการวางอำนาจบาตรใหญ่รังแกผู้อื่นมากมาย แม้แต่เหล่าศิษย์ในตระกูลเขาก็ไม่เคยละเว้น

ขนาดหลานชายแท้ ๆ ของลู่อันเองก็ยังเคยโดนลู่หยวนซ้อมมาแล้ว เดิมทีก็เป็นเรื่องเด็ก ๆ แต่ใครจะคิดว่าลู่หยวนคนนั้นกลับจริงจังทำร้ายหลานชายของเขาจนต้องนอนติดเตียงเป็นเดือน ลูกชายของเขาเห็นดังนั้นก็ทนไม่ได้จึงไปหาลู่หยวน

ตอนไปนั้นยังมีขาอยู่สองข้าง แต่เมื่อกลับมากลับเหลือขาเพียงข้างเดียว ชีวิตนี้ก็คงจบสิ้นแล้ว

แต่ที่น่าโมโหที่สุดก็คือลู่หยวน อีกฝ่ายเป็นบุตรชายคนเดียวของลู่เทียนเหอ จึงถูกประคบประหงมอยู่เสมอโดยบรรพบุรุษ

เป็นธรรมดาที่เขาจะไม่สามารถทำอะไรได้ แม้แต่ตอนเดินทางไปหาบรรพบุรุษด้วยตนเองเพื่อขอความเป็นธรรม แต่กลับได้รับคำตอบมาเพียงว่า ‘แม้แต่หนุ่มน้อยเช่นลู่หยวนก็เอาชนะไม่ได้ แล้วจะมาหาเรื่องร้องเรียนกับข้าได้อย่างไร’

หลังจากนั้นลู่อานก็ไม่อยากมีเรื่องกับคนผู้นี้อีก จึงสั่งให้สายเลือดของตนอยู่ห่างจากลู่หยวนให้มากที่สุด

แต่ตอนนี้เด็กคนนี้แตกต่างไปแล้ว มิใช่คนพาลในตระกูลอีกต่อไป แต่เป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในแผ่นดินต่างหาก!

ลู่อานย่อมรู้ดีว่าลู่หยวนแข็งแกร่งเพียงใด ตระกูลลู่ถึงเวลาที่ลู่หยวนจะเอ่ยสิ่งใดก็ได้แล้ว หากสายเลือดของเขาต้องการโอกาสมากขึ้น ก็ย่อมต้องทำตัวให้น่ารัก และคอยประจบประแจงลู่หยวนไปเช่นเดิม

เมื่อเห็นว่าแม้แต่ลู่อานเองก็ยังไม่กล้าเอ่ยอะไร คนอื่น ๆ ก็ยิ่งไม่กล้าไม่เอ่ยอะไรอีกเช่นกัน เว้นเสียแต่ก้มหัวลงต่ำแสดงให้เห็นถึงความสงบเสงี่ยม

ลู่หยวนยืนไขว้แขนมองไปเบื้องหน้า ห้วงมิติขนาดใหญ่ที่หมุนวนอยู่กลางอากาศนั้นคือทางไปยังตระกูลลู่!

“ท่านพ่อกับท่านแม่เล่า”

ลู่หยวนเอ่ยถามขึ้นมาทันที

การกลับมาบ้านครั้งนี้ เขาได้แจ้งไปก่อนแล้ว และลู่เทียนเหอกับอู่หมิงเสวี่ยก็ควรจะรู้ หากเป็นเวลาอื่นพวกเขาก็คงจะพากันมารอรับ แต่ในวันนี้ กลับใช้คนอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องมาแทนเสียได้!

ลู่อานตอบอย่างนอบน้อม “ประมุขกับภรรยา เมื่อสองสามวันก่อนได้เข้าใจถึงโอกาสของสวรรค์และโลก จึงปิดด่านเพื่อบ่มเพาะ พวกเขายังไม่ออกมาจนถึงตอนนี้”

ลู่หยวนขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ก็มิได้เอ่ยอะไร

ด้านข้างกู้ชิงหรันก็ขมวดคิ้วเช่นกัน ราวกับกำลังสงสัยกับสิ่งที่ได้ยิน

จากนั้นลู่อานก็กล่าวต่อ “คุณชาย ตระกูลได้เตรียมงานเลี้ยงต้อนรับคุณชายเอาไว้แล้ว ขอเชิญคุณชายไปร่วมฉลองด้วยกัน”

ลู่หยวนพยักหน้ารับ แล้วเก็บความคิดในใจไว้ จากนั้นก็ยื่นมือขวาไปจับมือเล็ก ๆ อันนุ่มนวลของกู้ชิงหรันที่ยืนอยู่ข้าง ๆ

“ไปกันเถิด”

ทั้งสองเดินเข้าไปในห้วงมิติขนาดใหญ่พร้อมกัน แสงสว่างวาบขึ้นทั้งสองก็พลันหายไป

ลู่อานและคนอื่น ๆ ก็รีบตามไป

เมื่อเข้ามาในตระกูลลู่ สิ่งที่เห็นนั้นราวกับภาพวาดที่กางออกอยู่ตรงหน้า

หลังคาสีเขียวสดใสราวแกะสลักจากหยกทอดยาวไปด้านข้าง จนมองไม่เห็นปลายทาง

ดูเหมือนว่าที่นี่จะหรูหรายิ่งกว่าพระราชวังแห่งแคว้นมัชฌิมเสียอีก

จัตุรัสขนาดใหญ่ที่อยู่เบื้องหน้านี้จุคนได้หลายหมื่นคน

และเวลานี้ก็เต็มไปด้วยผู้คน แต่ละคนยืนเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ เมื่อเห็นลู่หยวนปรากฏตัวก็รีบค้อมคำนับในทันที “ขอต้อนรับคุณชาย!”

เสียงโห่ร้องกึกก้องราวกับภูเขาและทะเล!

ลู่หยวนจับมือกู้ชิงหรันไม่สนใจผู้คนเหล่านั้น แล้วเดินตรงไปยังห้องโถงใหญ่ของตระกูลลู่

งานเลี้ยงได้จัดเตรียมไว้ที่นี่แล้ว เหล่าผู้อาวุโสและข้ารับใช้ที่สำคัญมาถึงที่นี่กันเกือบหมด และรอคอยอย่างเงียบ ๆ!

“คุณชาย!”

เมื่อคนทั้งหลายเห็นลู่หยวนต่างก็ยกมือทำความเคารพ

ลู่หยวนจับมือกู้ชิงหรันเดินอย่างมั่นคงไปยังที่นั่งประธานของงานเลี้ยง จากนั้นจึงได้ยินเสียงอันโอ่อ่าดังขึ้น “โอ้ หลานชาย เจ้ากลับมาแล้ว!”

ลู่หยวนหันไปมองจึงเห็นชายผู้หนึ่งลักษณะดูไม่เรียบร้อยเดินช้า ๆ เข้ามา รอบ ๆ ตัวแผ่ซ่านด้วยลมปราณกระบี่!

ในมือของชายผู้นั้นยังหยิบขาไก่ที่มันเยิ้มมาอีกด้วย

นี่คือลุงของลู่หยวนหรือลู่เทียนเฉิง!

“ท่านอาเฉิง”

ลู่หยวนเรียกหนึ่งหนแล้วก็กระซิบข้างหูกู้ชิงหรันเพื่อแนะนำไปเล็กน้อย

เมื่อกู้ชิงหรันรู้ถึงสถานะของลู่เทียนเฉิงก็ยกมือทำความเคารพเล็กน้อยเช่นกัน “ท่านอาเฉิง”

“ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ…”

ลู่เทียนเฉิงยืนหัวเราะอยู่ตรงหน้าคนทั้งสอง จากนั้นก็มองกู้ชิงหรันอย่างจดจ่อ “ฮ่า ๆ ๆ ๆ สมแล้วที่เป็นหลานชายใหญ่ของข้า สะใภ้ก็เป็นสตรียอดเยี่ยมหาได้ยากในใต้หล้า!”

วาจาของลู่เทียนเฉิงมิใช่เพียงแค่เอ่ยถึงความงามอันดับหนึ่งในแผ่นดินของกู้ชิงหรันเท่านั้น หากยังหมายถึงเจตจำนงกระบี่อันเลิศล้ำของนางด้วยต่างหาก

ตั้งแต่ที่เขาอยู่ต่อหน้าหลานสะใภ้ผู้นี้ เจตจำนงกระบี่ของตนเองยังมีความหวาดกลัวอยู่มาก!

ลู่หยวนเพียงแค่ยิ้มเล็กน้อย “โรคเก่าของท่านอาเฉิงหายแล้วหรือ”

คราวก่อนลู่เทียนเฉิงอยู่ที่แดนมัชฌิมก็เกิดคลุ้มคลั่งขึ้นมาอย่างฉับพลัน แล้วก็ถูกลู่เทียนเหอและภรรยาพาตัวกลับไปได้ทันท่วงที

คล้ายว่าลู่เทียนเฉิงจะได้รับผลกระทบทางจิตใจมานานแล้ว จึงทำให้เกิดเหตุการณ์ดังเช่นคราวนั้น

“ไม่เป็นไรแล้ว ไม่เป็นไรแล้ว ท่านปู่ลงมือรักษาให้ข้าเอง ตอนนี้ไม่คลุ้มคลั่งอีกแล้ว”

ลู่เทียนเฉิงดูมีความสุขมาก เขาจับมือลู่หยวนจะให้เข้าที่นั่งเสียให้ได้

“ข้ารู้ว่าเจ้ากลับมาคราวนี้เพื่อทำสิ่งใด แต่ลุงกับป้าสะใภ้ต่างก็เข้าสู่การบ่มเพาะ ส่วนเจ้าก็จะออกไปฝึกตน เรื่องนี้เกรงว่าจะทำไม่ได้แล้วนี่สิ”

ลู่หยวนขมวดคิ้วเล็กน้อย เพราะการกลับมาคราวนี้ เขาเพียงแค่จะพากู้ชิงหรันกลับมาให้บิดาและมารดาได้พบกัน

ส่วนลู่เทียนเฉิงอาจจะทึกทักไปเองว่าเขาจะจัดงานแต่งอย่างนั้นหรือ?

ทว่าเขารู้ได้อย่างไรว่าลู่หยวนจะออกไปฝึกตน

เรื่องที่ตระกูลลู่จะส่งคนไปเกาะสังหารเซียนนับเป็นความลับสุดยอด แม้จะเป็นสมาชิกในตระกูลก็มิได้เปิดเผยทั้งหมด

มีเพียงประมุข และผู้ที่เตรียมการจะไปเท่านั้นที่จะรู้

“ท่านอาเฉิงก็จะไปด้วยหรือ”

ลู่หยวนถามออกไป

ฝ่ายลู่เทียนเฉิงตอนนี้ก็ได้จับลู่หยวนให้ไปนั่งเรียบร้อยแล้ว เมื่อได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้า “ใช่ ตอนนี้ตระกูลลู่ทั้งหมด มีผู้ใดเก่งกว่าลุงเจ้าอีกเล่า!? ข้าไปด้วยก็เพื่อจะคุ้มครองเจ้าไปตลอดทาง ฮ่า ๆ ๆ เรื่องนี้ยังเป็นท่านปู่ที่กำหนดมาเอง!”

ลู่หยวนพอจะรู้ว่าตระกูลลู่คงจะไม่ส่งเขาไปเพียงลำพัง ถึงแม้ว่าตอนนี้ลู่หยวนจะก้าวไปถึงขั้นเทพยุทธ์ครึ่งก้าวแล้วก็ตาม ถือได้ว่าไร้เทียมทานในใต้หล้า

ทว่าสำหรับตระกูลลู่แล้ว ไข่ไม่สามารถใส่ไว้ในตะกร้าใบเดียวได้ แม้ว่าตะกร้าใบนี้จะเป็นเหล็กกล้าก็ตามที!

ยิ่งมีคนมากเท่าไร ความเป็นไปได้ก็สูงขึ้นเช่นกัน

ทว่าผู้คนเหล่านี้ที่จะมุ่งหน้าไปนั้นกลับมีลู่เทียนเฉิงรวมอยู่ด้วยอย่างนั้นหรือ?!

ตั้งแต่เมื่อก่อนที่ลู่เทียนเฉิงจิตใจแตกสลาย เขาก็มีท่าทีที่บ้าคลั่งพร้อมที่จะอาละวาดได้ตลอดเวลา!

ในบรรดาคนทั้งหลายในทีนี้ย่อมมีหลายคนที่เหมาะสมกว่าลู่เทียนเฉิง แล้วเหตุใดบรรพบุรุษจึงได้เลือกเขาเป็นพิเศษ

ลู่หยวนยังคงไต่ถามต่อไป “นอกจากท่านแล้ว ยังมีผู้ใดที่จะไปอีกบ้าง”

ลู่เทียนเฉิงได้กล่าวถึงรายชื่อของคนที่ได้รับการแต่งตั้งทีละคน บุคคลที่จะเดินทางไปในครั้งนี้มีไม่มากนัก มีอยู่ประมาณสิบกว่าคน แต่ละคนล้วนแล้วแต่เป็นยอดฝีมือภายในตระกูลลู่ทั้งสิ้น และเปรียบเสมือนเสาหลักของตระกูลลู่ที่มีพละกำลังโดยไม่ต้องมีคำนิยามใด ๆ!

เมื่อได้ฟังลู่เทียนเฉิงเอ่ย ดูเหมือนว่ายังมีบางคนที่ทุ่มเทใช้ศาสตร์ลับในการลัดขั้นตอนการเข้าสู่ระดับ ‘จ้าวยุทธ์!’ สำหรับการเดินทางในครานี้!!

“ลุงจะแอบกระซิบนะหลานชาย ลุงก็ได้วิธีลับจากบรรพบุรุษมา เตรียมจะพัฒนาตนเองก่อนออกเดินทาง หากไม่ได้รับสารจากเจ้า แจ้งว่าเจ้าจะพาเมียกลับมา ลุงก็คงไปฝึกตนแล้ว พ่อแม่เจ้าก็กำลังปิดด่านฝึกตนอยู่มิใช่รึ หากลุงไปปิดด่านฝึกตนด้วยก็เหมือนไม่ให้ความสำคัญกับพวกเจ้าสองคน ด้วยเหตุนี้ลุงจึงอดเลื่อนขั้นไปเสียอย่างนั้น”

มุมปากของลู่หยวนก็ยกขึ้น จากนั้นก็ช้อนตามองซึ่งก็ได้สบตากับกู้ชิงหรันทันที

ดวงตาของพวกเขามีความคิดแวบผ่านเช่นเดียวกัน แต่ก็ได้กลืนหายไปในพริบตา

“ท่านทั้งหลาย มาเถิด!”

ลู่เทียนเฉิงลุกขึ้นในทันใด ยกจอกเหล้าขึ้นแล้วก็กล่าวเสียงดังว่า “ประมุขกับท่านภรรยาไม่อยู่กันพอดี ข้าก็พอจะสามารถเป็นเจ้าภาพงานเลี้ยงในครานี้ได้ ท่านทั้งหลายยกจอกขึ้นและต้อนรับการกลับมาของคุณชายแห่งตระกูลลู่ของพวกเราเถิด!”

“ขอต้อนรับคุณชายกลับบ้าน!”

ทุกคนต่างก็ลุกขึ้นพร้อมกับตะโกนเสียงดัง จากนั้นก็ร่ำสุราไปพร้อม ๆ กัน

ลู่หยวนอมยิ้มเล็กน้อยแต่ก็มิได้เอ่ยอะไร

งานเลี้ยงครานี้ ลู่เทียนเฉิงเป็นคนดูแลรับผิดชอบเรื่องต่าง ๆ เกือบทั้งหมด

ลู่หยวนกับกู้ชิงหรันนั่งอยู่ด้วยกัน ทั้งสองก็ตักอาหารให้แก่กันเป็นบางครา

“เจ้าจะต้องนอนกับข้าในคืนนี้”

ลู่หยวนกล่าวขึ้นแล้วก็ได้ตัดสินเรื่องราวของคืนนี้ลงไป

ฝ่ายกู้ชิงหรันก็พยักหน้ารับช้า ๆ

งานเลี้ยงได้เลิกราไปอย่างรวดเร็ว ฝ่ายลู่หยวนก็ได้จูงมือกู้ชิงหรันกลับไปยังที่พักเก่าของตนเอง

ที่นี่มีเรือนต่าง ๆ เรียงรายสลับซับซ้อน ทั้งกว้างใหญ่และทรงอำนาจ

เหล่าทหารองครักษ์ที่เคยรับใช้ลู่หยวนอยู่นั้นก็ยังคงเฝ้าอยู่ที่เดิม เมื่อเห็นลู่หยวนกลับมา ทหารแต่ละคนก็ต่างทำความเคารพอย่างพร้อมเพรียง

ลู่หยวนจูงกู้ชิงหรันกลับมาที่ห้องส่วนตัวของตน

เมื่อนั่งลงลู่หยวนก็รินชาร้อน ๆ ให้กับตนเองและกู้ชิงหรัน

“ตระกูลเจ้าค่อนข้างแปลกนัก”

ทันทีที่กู้ชิงหรันกล่าวขึ้นก็ได้มีเจตจำนงกระบี่นับหมื่นกระจายตัวออกมา กวาดผ่านไปทั่วทั้งห้องโถงแต่ก็ไม่พบเจอสิ่งใด

“แปลก?”

มุมปากของลู่หยวนมีรอยยิ้มปรากฏอยู่ “ไม่เพียงแค่แปลก ตัวข้าเองก็รู้สึกราวกับเดินเข้าไปในภาพลวงตาอีกต่างหาก”

“ข้อแรก ท่านพ่อกับท่านแม่จะไม่มีทางปิดด่านฝึกตนเมื่อรู้ว่าข้าจะกลับมา แม้จะมีลางสังหรณ์ล่วงหน้าแล้วพวกท่านก็เลื่อนโอกาสเหล่านี้ไปได้”

“ข้อสอง ลู่เทียนเฉิงผู้นั้นก็ราวกับกลายเป็นคนอื่นไปแล้ว ปกติเขาไม่ชอบพิธีเช่นนี้เลย สนใจแต่การฝึกตนกับการฆ่าฟัน เขามาสนใจเรื่องจุกจิกเหล่านี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน”

“ส่วนข้อสาม ก็คือความแปลกของเกาะสังหารเซียน เหตุใดต้องให้ลู่เทียนเฉิงไปด้วย ไม่ว่ามองจากมุมใด ลู่เทียนเฉิงควรอยู่ในตระกูลเสียยังจะดีกว่า”

“และข้อสี่ การยกระดับขั้นอย่างหักโหม ยามนี้การยกระดับขั้นจะทำให้สูญเสียวิชาที่ร่ำเรียนมาทั้งหมด แม้ว่าพวกที่มากับข้าส่วนมากจะเป็นปรมาจารย์ยุทธ์ แต่ก็ไม่จำเป็นต้องยกระดับเป็นจ้าวยุทธ์ก็ได้ พวกเขามีอาวุธหรือของวิเศษที่ตระกูลสองสามอย่างอยู่ในมือก็เทียบเท่าจ้าวยุทธ์ได้แล้ว แต่จะว่าไปที่เกาะสังหารเซียน ไม่ว่าปรมาจารย์ยุทธ์หรือจ้าวยุทธ์ก็มิได้ต่างกันนัก เพราะสุดท้ายก็ต้องตายเหมือนกัน”

ลู่หยวนร่ายความสงสัยในใจออกมาทีละข้อ

กู้ชิงหรันก็เม้มปากคิดใคร่ครวญ แต่ก็ยังหาทางออกไม่ได้

ลู่หยวนจับถ้วยน้ำชาไว้ แม้ว่าเขาได้ระบุจุดพลิกผันทั้งหมดไว้ที่คนคนหนึ่งนั่นก็คือบรรพบุรุษตระกูลลู่

ทว่าเอาเข้าจริง ทั้งตระกูลลู่ในตอนนี้ก็มีเพียงบรรพบุรุษตระกูลลู่เท่านั้นที่จะสามารถทำให้ทุกเรื่องแปลกประหลาดได้ถึงเพียงนี้

ทว่าลู่หยวนก็คิดไม่ตกว่าหากบรรพบุรุษตระกูลลู่จงใจจะทำเช่นนั้นจริง ๆ จะมีเหตุผลอันใดเล่า

ลู่หยวนกับบรรพบุรุษตระกูลลู่ต่างก็ไม่เคยพบกัน เรื่องของตระกูลลู่เขาไม่ค่อยเข้ามายุ่งเกี่ยว เวลาที่ปรากฏตัวก็ล้วนเป็นเรื่องการตัดสินใจสำคัญทั้งสิ้น

ปัจจุบันเขาอยู่กับตระกูลลู่ก็เฉยชา แต่อะไรที่ทำแล้วได้ประโยชน์สูงสุดกับคนทั้งตระกูลก็จะเลือกไว้ก่อน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+