ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตาบทที่ 602 ฐานทัพภายนอก

Now you are reading ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา Chapter บทที่ 602 ฐานทัพภายนอก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 602 ฐานทัพภายนอก

บทที่ 602 ฐานทัพภายนอก

มีเจ้าอสูรคอยคุ้มกันลู่หยวนพร้อมพรรคพวกจึงมาถึงเกาะสังหารเซียนได้ไว

เมื่อเหยียบบนเกาะสังหารเซียน บรรยากาศโดยรอบก็เปลี่ยนแปลงในทันใด ราวกับมีปราณที่แตกต่างจากแผ่นดินหยวนหงแฝงตัวอยู่ในนั้น สร้างความกังวลเป็นอย่างมากต่อทุกคน

ทุกหนทุกแห่งที่มองไป ล้วนเห็นต้นไม้สูงใหญ่เสียดฟ้า แต่ระหว่างทางมาที่นี่ กลับยังไม่เคยเห็นต้นไม้ใหญ่ขนาดนี้มาก่อนเลย

เมื่อเจ้าอสูรเห็นว่าทุกคนขึ้นเกาะมาครบแล้วจึงเอ่ยว่า “ข้าขอคารวะท่านจอมยุทธ์ทั้งหลาย ข้าจะเฝ้ารอพวกท่านอยู่ที่นี่ หากมีบัญชาใด โปรดมาที่นี่เพื่อตามหาข้า”

ลู่หยวนพยักหน้า

เจ้าอสูรขยับตัวแล้วมุดลงไปในน้ำสีดำทมิฬอันแสนลึกนั้นในทันใด

ลู่หยวนหันไปเอ่ยกับฮ่วนซิงไป๋ “ไปดูที่ฐานทัพรอบนอกก่อน”

“รับทราบ!”

ฮ่วนซิงไป๋รับคำโดยทันที จากนั้นก็พาคนทั้งหมดเข้าไปในเกาะ

ทุกคนเดินตามมาโดยมิได้ขาดตก กู้ชิงหรันก็มีสีหน้าเรียบเฉย หันดูข้างหลังเล็กน้อย

ตลอดทาง กู้ชิงหรันจับตามองลู่เทียนเฟิ่งตลอดเวลา ทั้งคำเอ่ยและการกระทำของคนผู้นี้ ล้วนตกอยู่ภายใต้การเฝ้าระวังของกู้ชิงหรันทั้งสิ้น

ตั้งแต่เคลื่อนพลออกจากตระกูลลู่ จนถึงเวลานี้ ลู่เทียนเฟิ่งได้ส่งยันต์ออกไปแล้วสามครั้ง

กู้ชิงหรันย่อมรายงานเรื่องเหล่านี้แก่ลู่หยวนทั้งหมด ความเห็นของนางและเขาตรงกันอย่างมาก

หลู่เทียนเฟิงอาจถูกใครบางคนบงการ และผู้บงการคนนี้น่าจะเป็นบรรพชนของตระกูลลู่ก็เป็นได้

เมื่อคาดการณ์มาถึงจุดนี้ ลู่หยวนก็หัวเราะเบา ๆ โดยมิได้กล่าวสิ่งใดอีก

กู้ชิงหรันรู้ดีว่าในใจของลู่หยวนนั้นมีการป้องกันอยู่ก่อนแล้ว แต่ก็อดสังเกตลู่เทียนเฟิ่งไม่ได้อยู่ดี

กู้ชิงหรันถอนหายใจเล็กน้อย ก่อนจะใช้เท้าแตะพื้น แล้วตามไปติด ๆ

ลู่เทียนเฟิ่งอยู่ท้ายสุดของขบวน เดินตามมาอย่างช้า ๆ

เวลาผ่านไปราวหนึ่งก้านธูป ลู่หยวนพร้อมพรรคพวกก็ฝ่าผืนป่าเข้ามาถึงที่โล่งกว้างแห่งหนึ่ง

ที่นี่มีความกว้างไม่กี่ลี้ ดินแดนไม่ใหญ่นัก แต่กลับมีความรู้สึกถึงชีวิตชีวาอยู่พอสมควร

มียันต์ปกป้องคอยล้อมไว้ และยังมีหอคอยสูงหลายหลังเพื่อใช้เป็นที่สอดส่อง

บริเวณกึ่งกลางตั้งธงสูงไว้หนึ่งผืน ผืนธงขาดวิ่นมองไม่ออกว่าวาดภาพใดไว้ แต่สิ่งที่ดึงดูดสายตาก็คือ ที่ปลายธงมีหัวมนุษย์แขวนอยู่ เลือดไหลหยดลงมาตามธงทำให้รู้สึกสะพรึงกลัวอย่างมาก

รอบ ๆ ธงมีกระโจมง่าย ๆ อยู่ไม่กี่หลัง มีผู้คนเดินสวนกันไปมาให้เห็นแวบ ๆ

ฮ่วนซิงไป๋ดูแผนที่และมองไปที่นั่นพลางกล่าวว่า “อาจจะใช่ที่นี่”

ทันใดนั้น หลู่หยวนก็จ้องมองไปรอบ ๆ ด้วยดวงตาที่แหลมคม ดวงตาคู่วิเศษของเขาแผ่ขยายลมปราณออกไปครอบคลุมเกาะสังหารเซียนทั้งเกาะในพริบตา

ทันใดนั้น ข้อมูลของเกาะทั้งหมดก็รวมตัวอยู่ในจิตของลู่หยวน

ทว่าข้อมูลที่ลู่หยวนได้สำรวจกลับแตกต่างจากแผนที่ของฮ่วนซิงไป๋อยู่เล็กน้อย

ข้อมูลของส่วนกลางและส่วนในสุด ดูเหมือนจะถูกปราณอันทรงอำนาจและอยู่เหนือการค้นหาคอยปกคลุมไว้ ลู่หยวนใช้สุดยอดปราณของดวงตาวิเศษก็ไม่อาจค้นหาได้แม้แต่น้อย

ถึงกระนั้น บริเวณรอบนอกกลับมองเห็นได้ชัด

บริเวณรอบนอก มิได้มีเพียงแค่ฐานทัพของผู้คนในที่แห่งนี้เท่านั้น!

“ซิงไป๋ เจ้าเคยบอกข้าว่าอาณาบริเวณนี้เป็นบริเวณที่เผ่าพันธุ์มนุษย์ได้ร่วมมือกันสร้างขึ้นใช่หรือไม่?”

ลู่หยวนเอ่ยปากถามขึ้นมา

ฮ่วนซิงไป๋ไม่รู้ว่าเหตุใดลู่หยวนจึงมีคำถามเช่นนี้ จึงพยักหน้าตอบไปอย่างงุนงง “ถูกแล้ว พวกคนทั้งห้าอาณาจักรต่างก็มาที่นี่ มนุษย์ที่เข้ามาในเกาะสังหารเซียนก็จะมารวมกลุ่มกันสร้างฐานที่มั่นเช่นนี้ เท่าที่ข้าทราบ ฐานที่มั่นในที่แห่งนี้ ตระกูลในห้าอาณาจักรต่างก็มีส่วนร่วม”

ลู่หยวนกลับส่ายหน้า “ห้าอาณาจักรหรือ? อาจต้องรวมอาณาจักรที่หกเข้าไปด้วยแล้ว!”

เมื่อกล่าวจบลู่หยวนก็ยกเท้าก้าวออกไปยังบริเวณกว้างขวางนั้น

ฮ่วนซิงไป๋ไม่เข้าใจว่าลู่หยวนหมายความว่าอย่างไร จึงเกาหัวตามไปอย่างงุนงง

เซียวเทียนสะพายกระบี่ใหญ่เดินตามอยู่ด้านหลัง ทั้งสองเพิ่งเดินไปได้เพียงสองสามก้าว ก็สัมผัสได้ถึงความรู้สึกแปลกแยกที่วนเวียนอยู่ในใจโดยสัญชาตญาณ

“ข้ารู้”

ริมฝีปากของลู่หยวนกระตุกยิ้มขึ้นมา จากนั้นก็หันกลับไปเอ่ยกับเซียวเทียน “หากมีการเปลี่ยนแปลง นั่นก็อาจจะหมายความว่า พวกเขาน่าจะรู้หรือได้อะไรบางอย่างในระหว่างที่อยู่ในที่แห่งนี้ นั่นจะยิ่งเป็นผลดีต่อข้า”

เซียวเทียนพอจะเข้าใจได้แล้วว่าลู่หยวนต้องการจะทำสิ่งใด เขาจึงไม่เอ่ยอะไรอีก เพียงแค่สะพายกระบี่เดินตามไปเงียบ ๆ

ฮ่วนซิงไป๋งุนงงไปหมดแล้ว จึงเข้าไปใกล้เซียวเทียนแล้วถามขึ้น “ว่าอย่างไร พวกเจ้ากำลังเล่นปริศนาอะไรกันอยู่ บอกข้าหน่อยเถิด”

แววตาของเซียวเทียนหรี่ลงและกล่าวว่า “กระบี่สังหารเซียนของเจ้าอยู่ที่นี่หรือไม่”

ฮ่วนซิงไป๋พยักหน้า

กระบี่สังหารเซียนเล่มนี้ลู่หยวนเป็นผู้ให้มา และดียิ่งกว่ากระบี่ที่เขาเก็บรวบรวมมาก่อนหน้า ด้วยความที่เขาหวงแหนนักจึงพกติดตัวอยู่ตลอดเวลา!

เซียวเทียนแสดงรอยยิ้มออกมาเป็นครั้งคราว แต่มันกลับเต็มไปด้วยจิตสังหารราวกับเทพแห่งความตายในนรกที่กำลังค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน ทำให้ฮ่วนซิงไป๋รู้สึกเย็นยะเยือกไปทั้งร่าง

“ไม่น่าจะเกินคาด เจ้าเตรียมรับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดเอาไว้เถิด เมื่อถึงเวลา เจ้าคอยดูสีหน้าของท่านบุตรศักดิ์สิทธิ์แล้วลงมือสังหารก็พอ ไม่ต้องเกรงใจ”

เมื่อได้ฟังคำเอ่ยของเซียวเทียน ฮ่วนซิงไป๋ก็ยังคงสับสนอยู่ จึงเดินตามไปอย่างงุนงงแต่ยังไม่ทันได้ตั้งตัว ก็มาถึงบริเวณอันกว้างขวางเมื่อครู่แล้ว

เมื่อผู้คนรอบนอกที่คอยเฝ้าระวังเห็นว่ามีคนมาถึงจึงรีบลุกขึ้นยืน ชุดเกราะของพวกเขาเต็มไปด้วยคราบเลือดที่เปรอะเปื้อนทั้งตัวและคละคลุ้งไปด้วยจิตสังหาร

พวกเขาเพียงแค่เหลือบมองลู่หยวนและผู้ติดตาม จากนั้นก็ทิ้งตัวร่วงลงมาและเปิดม่านอาคม

หัวหน้าของกลุ่มเป็นชายวัยกลางคนตาซ้ายมีรอยแผลเป็นแนวยาวดูโหดเหี้ยมอยู่ไม่น้อย

“พวกเจ้ามาจากแผ่นดินหยวนหงใช่หรือไม่ พวกเจ้ามาจากดินแดนใด”

ทันทีที่วาจานั้นจบลง เขาก็ได้ยินเสียงกระซิบกระซาบตามหลังเขาหลายเสียงพร้อมกับเสียงหัวเราะเยาะเย้ย

ฮ่วนซิงไป๋ขมวดคิ้ว แล้วก้าวออกไปข้างหน้าโดยไม่แสดงความเคารพ และกล่าวด้วยน้ำเสียงอันเรียบเฉย ” แดนมัชฌิม ”

เพียงแค่เอ่ยคำนี้

หัวหน้าผู้นั้นก็ขมวดคิ้ว “เจ้าหนุ่มน้อยผู้นี้มาจากที่ใด พวกเราเหล่านี้ก็ถือว่าเป็นบรรพบุรุษของเจ้าแล้ว เมื่อเจอพวกเรา เจ้าไม่คิดจะคารวะหน่อยหรือ”

ลูกน้องของหัวหน้ากลุ่มที่ยืนอยู่ด้านหลังก็ชักกระบี่ในมือออกมาทันที สีหน้าเยาะเย้ยก่อนหน้านี้ก็หายไปสิ้น กลายเป็นท่าทีที่พร้อมจะฆ่าคนได้ทุกเมื่อ!

ฮ่วนซิงไป๋ก็ไม่กลัวเช่นกัน เขากำกระบี่สังหารเซียนไว้ในมือ พร้อมปลดปล่อยปราณกระบี่แผ่กระจายขึ้นไปบนฟ้า สายตาจ้องไปที่ผู้คนตรงหน้า ” แดนมัชฌิม ตระกูลเทพผู้วิปลาส ฮ่วนซิงไป๋!”

“เทพผู้วิปลาส?”

ผู้เป็นหัวหน้าได้ยินดังนั้นก็ไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง เหมือนนึกอะไรขึ้นได้จึงโบกมือเบา ๆ เหล่าคนด้านหลังก็ปล่อยมือที่กำด้ามกระบี่ จิตสังหารที่แผ่ซ่านออกมาก็หายไปในทันที

ชายผู้นั้นกำลังจะอ้าปากเอ่ย ก็ได้ยินเสียงแผ่วเบาจากกระโจมฟางด้านหลังดังขึ้น “เฟยซิง พวกเราต้องให้เกียรติคนจากตระกูลเทพผู้วิปลาส เชิญพวกเขาเข้ามาเถิด”

เฟยซิงก็คือหัวหน้าคนนั้น

เขาขานรับแล้วก็หลีกทางให้ เผยให้เห็นทางเดิน

คนอื่น ๆ ก็หลีกเปิดตาม

“ขอต้อนพวกท่านจากแดนมัชฌิมทั้งหลาย”

เสียงแผ่วเบาดังขึ้นอีกครั้ง เห็นกระโจมฟางหลังกลาง มีหญิงสาวสวมชุดบาง ๆ คนหนึ่งก้าวออกมาจากด้านใน หญิงสาวใบหน้าแดงก่ำ ท่าทางเย้ายวนดวงตามองมาราวกับจะขอบคุณอยู่

“เชิญทุกท่าน”

หญิงสาวยกมือเชื้อเชิญให้ทุกคนเข้ามาในกระโจม

คนทั้งหมดเห็นสิ่งที่หญิงสาวเพิ่งกระทำเมื่อครู่ต่างก็เข้าใจในทันที

แม้รูปโฉมของหญิงสาวจะกล่าวได้ว่างดงาม แต่ก็ไม่มีผู้ใดมองนางเลย ทั้งหมดต่างก็เดินตามลู่หยวนเข้าไปในห้อง

เมื่อเห็นว่าทุกคนเข้าไปในห้องแล้ว เฟยซิงจึงยืดเส้นยืดสาย แล้วกล่าวว่า “ ไปเตรียมตัวเถิด เรียกพวกพี่น้องที่ออกไปล่าสัตว์ให้กลับมา วันนี้มีอาหารมาแล้ว ไม่ต้องออกไปล่าแล้ว”

ผู้ติดตามด้านหลังพยักหน้า

จากนั้น ไม่รู้ว่าผู้ใดที่สบถออกมา “นานเท่าไรแล้วที่ไม่มีผู้คนมาเยือนที่นี่ พวกเราเพิ่งจะค้นพบอะไรบางอย่างพวกเขาก็มาถึงแล้ว พวกนี้เป็นสุนัขรึไร ได้กลิ่นคาวเลือดก็ดั้นด้นกันตามกลิ่นมา”

เฟยซิงหัวเราะเยาะ “สุนัขยังต้องมีเหยื่อล่อเลย ข้าเกรงว่าบนเกาะสังหารเซียนแห่งนี้จะยังมีผู้ที่ไม่เคารพกฎเกณฑ์อยู่ ไม่รู้ว่าเป็นพวกที่พี่ใหญ่ฆ่าไปก่อนหน้านี้หรือเปล่า”

“ช่างมันเถิด เราไปเรียกพี่น้องให้กลับมาเสีย”

“รับทราบ! ตามพี่เฟยไป!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด