ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตาบทที่ 667 เทพธิดาไท่อีปรากฏตัว
บทที่ 667 เทพธิดาไท่อีปรากฏตัว
บทที่ 667 เทพธิดาไท่อีปรากฏตัว
“นี่มัน… บัลลังก์เทพงั้นรึ?!”
เหนือแดนเซียน มหาจักรพรรดิเหลยอวี้ผู้ซึ่งนั่งพิงพนักอยู่ ตอนนี้กลับลุกขึ้นนั่งตัวตรงจ้องมองภาพฉายเบื้องหน้าอย่างพินิจพิเคราะห์ไม่อาจห้ามคำพูดที่หลุดจากปากได้
ภายในภาพฉาย ซ่งชิงคำรามกึกก้องปลดปล่อยพลังทั้งหมดที่มีออกมา เบื้องหลังของเขาปรากฏบัลลังก์อันใหญ่โตโอฬาร
บัลลังก์สีทองส่องประกายระยิบระยับประดับประดาด้วยอักขระยันต์โบราณอันล้ำค่า แม้แต่เหล่ามหาจักรพรรดิยังไม่อาจล่วงรู้
บัลลังก์นี้ใหญ่โตมโหฬารราวกับตำหนักหลังหนึ่งแต่ผู้ที่ได้พบเห็นล้วนรู้ดีว่าบัลลังก์นี้จุคนได้เพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น
ดวงเนตรของเหล่ามหาจักรพรรดิฉายแววครุ่นคิด
มหาจักรพรรดิจิ่วเทียนเอ่ยขึ้น “บัลลังก์เทพนี้ เกิดจากพลังของซ่งชิง หรือเป็นเพราะตำแหน่งเทพที่ว่างลง”
คำกล่าวนี้ทำให้เหล่ามหาจักรพรรดิต่างครุ่นคิดไปต่าง ๆ นานา
แม้ทั้งสองสิ่งนี้ล้วนแสดงว่ามีตำแหน่งเทพหนึ่งกำลังพิจารณาซ่งชิงอยู่ ชั่งน้ำหนักดูว่าซ่งชิงผู้นี้จะสามารถทะยานขึ้นเป็นเทพแท้จริงและก้าวสู่ทำเนียบกฎเกณฑ์ได้หรือไม่!
ทว่าหากจะกล่าวโดยละเอียดแล้ว ความแตกต่างระหว่างสองสิ่งนี้ช่างมากมายนัก!
หากตำแหน่งเทพนี้ว่างลงเพราะเทพองค์เดิมร่วงหล่น ย่อมหมายความว่าเป็นตำแหน่งที่ดำรงอยู่แล้ว การทดสอบซ่งชิงย่อมกินเวลายาวนานกว่า แม้พลังของซ่งชิงจะบรรลุแล้วแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าตำแหน่งเทพจะถูกมอบให้ซ่งชิงในทันที
ตำแหน่งเทพแบบนี้อาจกล่าวได้ว่าเป็นเพียงพลังหนุนส่งให้ซ่งชิงบรรลุเทพเป็นความสัมพันธ์ที่เกื้อกูลไม่ใช่เจ้าของ หากในภายภาคหน้ามีผู้ที่เหมาะสมกว่าซ่งชิงตำแหน่งเทพนี้ย่อมถูกพิจารณาใหม่
แต่หากตำแหน่งเทพนี้บังเกิดขึ้นใหม่ เพราะการบรรลุเทพของซ่งชิงนั่นย่อมไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน!
ถ้าตำแหน่งเทพเช่นนี้เกิดขึ้นเพราะซ่งชิงเอง ย่อมเป็นเหตุและผลที่สมบูรณ์ในตัวเอง มันนับเป็นส่วนหนึ่งของซ่งชิง ซึ่งอาจทำให้ซ่งชิงได้ขึ้นครองตำแหน่งในพริบตา
เพียงตำแหน่งเทพกลับคืนสู่ที่ ตราบใดที่ซ่งชิงยังไม่ตายตำแหน่งเทพนี้จะคุ้มครองซ่งชิงตลอดไป!
ด้วยความเกี่ยวพันเช่นนี้ ซ่งชิงจึงกล้าเสี่ยงมากขึ้น!
ยิ่งไปกว่านั้น หากซ่งชิงยังคงเยาว์วัยและกล้าบ้าบิ่นอาจใช้ตำแหน่งเทพของตนพุ่งทะยานสู่ทำเนียบเทพแล้วท้าทายเหล่าเทพโดยตรง!
เทพรุ่นใหม่อาจถือกำเนิดขึ้นเช่นนี้ก็เป็นได้!
ผู้คนในที่นั้นต่างครุ่นคิดใคร่ครวญอยู่ในใจ
ทว่าในบรรดามหาจักรพรรดิทั้งหลายกลับมีสองคนที่แสดงสีหน้าแตกต่างออกไป
หนึ่งคือ มหาจักรพรรดิหมิงตี้ ผู้เป็นเสมือนร่างอวตารของวิถีสวรรค์ ถึงแม้เขาจะนั่งอยู่ท่ามกลางมหาจักรพรรดิพระองค์อื่น แต่แววตาก็ไร้ซึ่งความกังวล มีแต่ความสงบนิ่งเฉย
วิถีสวรรค์ได้พูดออกมาแล้วว่าลู่หยวนจะต้องชนะ สถานการณ์เช่นนี้ย่อมไม่มีทางผิดพลาด ลู่หยวนต้องชนะอย่างแน่นอน
อย่าว่าแต่ในตอนนี้ที่ซ่งชิงแสดงพลังแห่งบัลลังก์เทพออกมา ถึงแม้ซ่งชิงจะมีพลังเทียบเท่าผู้ที่อยู่เหนือบัญญัติสวรรค์เป็นอันดับหนึ่งในชั่วพริบตาก็ตาม ก็จะต้องถูกลู่หยวนโค่นลงอยู่ดี!
ส่วนอีกคนคือ มหาจักรพรรดินีเหยาจี
เมื่อได้เห็นสถานการณ์การต่อสู้ดำเนินไป ผลแพ้ชนะอาจจะเกิดขึ้นได้ในชั่วพริบตา เพียงแค่ถึงเวลานั้นข้อจำกัดทั้งหมดก็จะหายไป บรรดามหาจักรพรรดิพระองค์อื่นต่างก็เตรียมพร้อมอย่างเต็มกำลังเพื่อช่วงชิงโอกาสของตน
แต่สำหรับนางแล้ว กลับยังคงติดต่อกับเทพธิดาแห่งสงครามอยู่เช่นเดิม
ก่อนหน้านี้เมื่อมหาจักรพรรดินีเหยาจีทราบว่าเทพธิดาแห่งสงครามไม่ต้องการเข้าร่วมในการต่อสู้ครั้งนี้ นางจึงได้ทิ้งร่างแยกเอาไว้เพื่อเกลี้ยกล่อมและเฝ้าสังเกตการณ์เทพธิดาแห่งสงคราม ตอนนี้ ณ พระราชวังของมหาจักรพรรดินีเหยาจีทุกสิ่งเริ่มมีความคืบหน้าแล้ว!
ณ พระราชวังที่อยู่ห่างออกไปหลายหมื่นลี้
“ท่านพี่” มหาจักรพรรดินีเหยาจีเปล่งเสียงผ่านร่างแยก “ตอนนี้ศึกได้เริ่มขึ้นแล้ว โอกาสมีเพียงชั่วพริบตา สิ่งที่น้องขอร้องท่านพี่มีเพียงน้อยนิด เพียงหวังว่าครั้งนี้ท่านพี่เข้าร่วมโดยไม่ต้องเข่นฆ่าผู้ใด เหตุใดท่านพี่จึงไม่ยินยอม?”
เบื้องหน้าร่างแยกนั้น ภายใต้แสงจันทราอันสว่างไสว ปรากฏร่างอรชรลอยเด่นอยู่เพียงผู้เดียว ดุจดังดอกเหมยที่ผุดผ่องอยู่บนยอดเขาน้ำแข็ง บ่งบอกถึงความบริสุทธิ์งดงามอันโดดเด่นเหนือผู้ใด
สายลมพัดโชยผ้าบนร่างนั้นก็โบกสะบัดไปตามแรงลม เรือนผมสีดำขลับดุจดังสายน้ำ สิ่งเหล่านี้ล้วนขับเน้นให้สตรีผู้นี้ดูมีชีวิตชีวายิ่งนัก
ข้างกายสตรีนางนั้นปรากฏกระบี่หักเล่มหนึ่งลอยเด่นอยู่กลางอากาศ บางคราจะส่งเสียงดังกังวานแผ่วเบา
สตรีผู้นี้คือเทพธิดาแห่งสงครามแห่งแดนเซียน หรือที่รู้จักกันในนาม เทพธิดาไท่อี!
“ท่านพี่ เหตุใดจึงไม่เอื้อนเอ่ยคำใด?” มหาจักรพรรดินีเหยาจีถามผ่านร่างแยกอีกครั้ง
เทพธิดาไท่อีหันไปมองสบตากับร่างแยกของมหาจักรพรรดินีเหยาจี
เพียงชั่วครู่ที่ได้สบตากัน มหาจักรพรรดิเหยาจีก็รู้สึกเย็นยะเยียบไปทั้งแผ่นหลังราวกับได้ผ่านพบความเป็นความตายมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน นางจึงรีบหลบสายตา
ได้ยินเพียงเสียงอันแผ่วเบาของเทพธิดาไท่อีดังออกมาพร้อมกับความเงียบเหงาอ้างว้าง
“เหยาจี ในกระดานนี้ เจ้าก็เป็นเพียงหมากตัวหนึ่งเช่นเดียวกับมหาจักรพรรดิที่เหลือ คุณสมบัติของพวกเจ้าล้วนต่ำต้อยไม่อาจหนีพ้นบ่วงกรรมนี้ไปได้ ความคิดของพวกเจ้าล้วนถูกข้าคาดเดาไว้หมดสิ้น การดิ้นรนขัดขืนเช่นนี้ ไม่อาจเปลี่ยนแปลงสิ่งใดได้ เหตุใดไม่ยอมรับความตายไปเสียแต่โดยดีเล่า”
คำพูดเช่นนั้น ทำเอามหาจักรพรรดินีเหยาจีถึงกับจุกอก นางรู้สึกได้ทันทีว่าไท่อีผู้นี้ตั้งใจมาหาเรื่องนาง!
นางคือมหาจักรพรรดินีเหยาจีเป็นถึงจักรพรรดิแห่งสามพันภพ!
คุณสมบัติเช่นนี้หาได้ยากยิ่งในสามภพ ไฉนถึงเอ่ยว่าต่ำต้อยไร้ค่า!
ช่างน่าขันสิ้นดี!
หากพวกนางไร้ค่าเช่นนั้น ใต้หล้านี้มีผู้ใดกล้าเอ่ยว่าตนเองมีค่า!
สีหน้าของมหาจักรพรรดินีเหยาจีมืดลง นางกวาดสายตามองไปโดยรอบ ก่อนจะมาหยุดที่กระบี่ไท่อีที่อยู่ข้างกายของไท่อี
นางหัวเราะออกมาเบา ๆ แล้วเอ่ยว่า “หวังว่าท่านพี่จะไม่เข้าร่วมการต่อสู้ครั้งนี้และจะไม่แทรกแซงสถานการณ์ด้วยเหตุผลอื่น!”
ไท่อียื่นมือออกไปจับกระบี่ไท่อี มุมปากยกยิ้มขึ้นเลือนราง ดวงตาดูอ่อนโยนลงรัศมีแห่งการต่อสู้ที่แผ่ออกมาตลอดเวลาก็พลันมลายหายไปสิ้น!
บรรยากาศในโถงหลวงพลันเงียบสงัดลง แม้แต่ร่างแยกของมหาจักรพรรดินีเหยาจียังถึงกับตะลึงงัน!
“เหยาจี สามแสนปีก่อนเป็นเจ้าที่ร้องขอให้ข้าไปปราบเรื่องราวบนแผ่นดินหยวนหง ข้าก็ทุ่มเทกำลังทั้งหมดจนในที่สุดต้องตกอยู่ในห้วงนิทรา แม้แต่กระบี่ของข้าก็ยังต้องแบกรับโชคชะตาที่พร่องไปจากการศึกครั้งนั้น เจ้ารู้หรือไม่ เหตุใดข้าจึงต้องเสียสละมากมายเพียงเพื่อปิดผนึกเส้นทางสัญจรระหว่างแผ่นดินหยวนหงกับแดนเซียนและสามพันโลกใบอื่น?”
เทพธิดาไท่อีกล่าวทีละคำ ทีละประโยคปล่อยให้ตกกระทบลงในหัวใจของร่างแยกของมหาจักรพรรดินีเหยาจี
ขณะนี้เหยาจีร่างหลักที่ยืนอยู่ท่ามกลางเหล่ามหาจักรพรรดิพลันดึงสติกลับมาจากภาพฉายเบื้องหน้า ครุ่นคิดถึงคำพูดของเทพธิดาไท่อี
ย้อนกลับไปในศึกครั้งนั้น ใครต่างก็สงสัยว่าเหตุใดเทพธิดาไท่อีจึงยอมเสียสละมากมายขนาดนั้น เพียงเพื่อปิดผนึกเส้นทางสัญจร!
การกระทำทั้งหมดนี้ดูเหมือนจะไร้ความหมายสิ้นดี การสูญเสียพลังอันยิ่งใหญ่เช่นนั้น แล้วยังทำให้เทพธิดาไท่อีต้องตกอยู่ในห้วงนิทราอันไม่มีที่สิ้นสุด ช่างไม่คุ้มค่าเอาเสียเลย!
ทว่าเทพธิดาไท่อีนั้นตัดสินการทุกอย่างด้วยตนเอง ใครเลยจะกล้าตั้งข้อสงสัยในคำตัดสินใจของนางได้!
ทุกคนจึงได้แต่คิดว่าเทพธิดาไท่อีต้องการให้เป็นเช่นนี้และก็เป็นเช่นนี้จริง ๆ คงไม่มีเหตุผลอะไรอื่นหรอกเพราะเรื่องที่นางเป็นผู้หญิงที่ทำอะไรตามใจตัวเองนั้นเลื่องลือไปทั่วแดนเซียน
ครั้งนั้นมหาจักรพรรดินีเหยาจีไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่าการตัดสินใจของเทพธิดาไท่อี ทว่าตอนนี้เมื่อมองย้อนกลับไปดูเหมือนจะมีเหตุผลอื่นแอบแฝงอยู่!
น้ำเสียงของเทพธิดาไท่อีดังขึ้นอีกครั้ง “สิ่งที่ข้าทำลงไปล้วนอยู่ในสถานการณ์บีบบังคับ เพียงแต่เกมกระดานที่ดำเนินมาถึงจุดจบนี้ยังคงมีความหวังอยู่ ส่วนความหวังนั้น ข้าจะเป็นผู้ยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือเอง!”
“เหยาจีหากเจ้าไม่ใช่ความหวังนั้นก็อย่าทำให้ข้าต้องเปลืองแรงเปล่า ๆ ไปเสียจากที่นี่”
Comments