ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะบทที่ 165 บุตรแห่งสวรรค์ก่อเรื่องโกลาหล ความภาคภูมิของหานเจวี๋ย

Now you are reading ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ Chapter บทที่ 165 บุตรแห่งสวรรค์ก่อเรื่องโกลาหล ความภาคภูมิของหานเจวี๋ย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 165 บุตรแห่งสวรรค์ก่อเรื่องโกลาหล ความภาคภูมิของหานเจวี๋ย

หลังจากมู่หรงฉี่จากไปพร้อมกับสวินฉางอัน หยางเทียนตงก็มาพบหานเจวี๋ย

เขาเผยจุดประสงค์การมาเยือนของตัวเอง

หานเจวี๋ยไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี

ไม่นึกว่าจะมีคนแย่งรับศิษย์ด้วย?

“เจ้าคงไม่ได้อยากรับศิษย์ไว้เป็นสมุนของตัวเอง แล้วไปแย่งชิงถิ่นอาศัยของเผ่าปีศาจหรอกกระมัง” หานเจวี๋ยถามอย่างคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม

หยางเทียนตงถูกมองออกก็กระวนกระวายทันที รีบโบกมือพร้อมปฏิเสธ “จะเป็นไปได้อย่างไร!”

หานเจวี๋ยแค่นเสียง “วันหน้าค่อยดูอีกทีแล้วกัน ตอนนี้ก็ไม่มีต้นกล้าดีๆ ให้เจ้ารับเป็นศิษย์ด้วย ข้ารับคนเข้าสำนักต้องดูคุณสมบัติ ทางที่ดีที่สุดเจ้าอย่าเอาคนด่างพร้อยกลับมาให้ข้าจากทั่วทุกที่”

“ฮี่ๆ เรื่องนั้นแน่นอนอยู่แล้ว ศิษย์เองก็กลัววุ่นวาย”

“ออกไปเถิด ระดับสุญตาก็ยังไม่บรรลุ เกรงว่าเจ้าจะกลายเป็นศิษย์ที่อ่อนแอที่สุดในสำนักข้าแล้ว”

“ขอรับ…”

หยางเทียนตงหน้าม่อยคอตกออกไป พลังบำเพ็ญของเขารั้งท้ายแล้วจริงๆ

ดีที่สวินฉางอันยังอยู่เป็นเพื่อนเขา

จู่ๆ อู้เต้าเจี้ยนก็กล่าวขึ้นว่า “นายท่าน จัดศิษย์คนหนึ่งมาให้ข้าดูแลได้ทุกเมื่อเลยนะเจ้าคะ”

รับศิษย์ดูเหมือนจะสนุกมาก!

“เจ้าต้องการศิษย์ชายหรือศิษย์หญิง” หานเจวี๋ยระบายยิ้มบางพลางเอ่ยถาม

อู้เต้าเจี้ยนหัวเราะคิกคัก “ย่อมเป็นศิษย์หญิงอยู่แล้ว ศิษย์ชายในมือท่านมีมากเกินไป ข้าเห็นจนชินแล้ว แต่ศิษย์หญิงยังมีน้อย หลิงเอ๋อร์ปกติมุ่งแต่ฝึกบำเพ็ญ และก็ไม่ชอบพูดคุยกับข้าด้วย”

“ตั้งใจฝึกบำเพ็ญ คุยเล่นอะไรกัน”

“ไม่ใช่เจ้าค่ะ ข้าไม่ได้บอกว่าข้าชอบ…”

“เอาละ เรื่องนี้รอให้เจ้าถึงมหายานก่อนค่อยว่ากัน”

อู้เต้าเจี้ยนทำปากยื่น รู้สึกน้อยใจอยู่บ้าง

หานเจวี๋ยชอบเห็นท่าทางน้อยเนื้อต่ำใจเช่นนี้ของนาง ใบหน้าที่สูงส่งเย็นชาดั่งเทพธิดากลับฉายแววน้อยใจอย่างเด็กสาวตัวน้อยออกมา จะว่าไปก็ดูน่ารักแปลกๆ

“ศิษย์หญิงคนต่อไป ก็ให้เจ้ารับไว้แล้วกัน”

“ขอบคุณนายท่านมาก!”

อู้เต้าเจี้ยนยิ้มกว้างดุจดอกไม้ผลิบานทันที

หานเจวี๋ยรู้สึกเหมือนกำลังเย้าแหย่เด็กน้อยอยู่

เฮ้อ สภาพจิตใจแก่เฒ่าแล้วหรือนี่

ไม่รู้เพราะเหตุใด หานเจวี๋ยรู้สึกว่าหัวใจของตนเองไม่ได้แข็งแรงเหมือนเมื่อก่อนแล้ว

จะต้องตั้งมั่นในมรรคจิต!

หานเจวี๋ยรีบหยิบหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมา จากนั้นเริ่มสาปแช่ง

……

สามปีต่อมา

ฟางเหลียงกลับมาถึง เขามาเยี่ยมเยียนหานเจวี๋ยอย่างกุลีกุจอ

หลังคุกเข่าลงตรงหน้าหานเจวี๋ย เขาคารวะก่อนเป็นอย่างแรก จากนั้นก็เล่าเรื่องราวของตนกับธิดาเทพเผ่าปีศาจอย่างไม่หมกเม็ด

ครั้งหนึ่งบังเอิญพบกัน เขาเห็นกับตาว่าปลาตัวหนึ่งดิ้นทุรนทุรายอยู่ริมน้ำ จึงเดินเข้าไปจับปลาปล่อยลงสู่แม่น้ำ คิดไม่ถึงว่าจะได้รับความโปรดปรานจากธิดาเทพเผ่าปีศาจเพราะเหตุนี้

ธิดาเทพเผ่าปีศาจผู้นี้ถูกศัตรูทำร้ายจนเจ็บหนัก ทำได้เพียงกลายร่างเป็นปลาตัวหนึ่งเพื่อซ่อนตัว

ฟางเหลียงเห็นปลาตัวนั้นคอยตามตัวเองตลอดเวลา รู้สึกว่ามีสติปัญญา จึงใช้ตะกร้าไม้ไผ่ช้อนขึ้นมา

ต่อมาก็พบว่าปลาตัวนี้ผิดแปลกไม่ธรรมดา ซ้ำยังได้รับบาดเจ็บ ฟางเหลียงจึงใช้พลังวิญญาณรักษาบาดแผลให้มัน

หานเจวี๋ยฟังอย่างได้อรรถรส

ฟางเหลียงถามอย่างกระสับกระส่ายว่า “อาจารย์ปู่ ข้าสู่ขอนางได้หรือไม่”

หานเจวี๋ยกล่าว “หากเจ้ารู้สึกชอบจากใจจริง ย่อมไม่มีปัญหาอยู่แล้ว แต่อย่าให้การฝึกบำเพ็ญของเจ้าล่าช้าเพราะสตรี เป้าหมายของเจ้าคือการบรรลุเป็นเซียน หาใช่การใช้ชีวิตบนโลกปุถุชนเช่นมนุษย์ทั่วไป”

ฟางเหลียงถอนหายใจโล่งอกอยู่ในใจ เอ่ยว่า “ศิษย์หลานเข้าใจแล้ว”

ความจริงเขาเองก็ค่อนข้างสับสนอยู่เหมือนกัน

ช่วยไม่ได้ที่เขาได้พบเจอความรักครั้งแรก อีกฝ่ายรุกเข้ามารุนแรงเกินไป เป็นผลให้เขาเอาแต่โดนจูงจมูกเดิน

ไม่รู้ทำไม เขามักรู้สึกว่าการแต่งงานมีลูกไม่ใช่ชีวิตที่ตนเองควรจะมี

เป้าหมายของเขาคือหานเจวี๋ย

เขาอยากใช้ชีวิตแบบอาจารย์ปู่

หลังจากฟางเหลียงออกไป หานเจวี๋ยไม่ได้คิดมากความ

ในความคิดของเขา นี่คือเคราะห์อย่างหนึ่งที่ฟางเหลียงต้องพบเจอ

หากไม่อาจมองสาวงามทะลุปรุโปร่งได้ จะมองมหามรรคกระจ่างได้อย่างไร

หานเจวี๋ยเองก็เคยตกอยู่ในความขมขื่นของความรัก ทว่านั่นเป็นเมื่อชาติก่อน

ชายและหญิงต่างค้ำยันท้องฟ้า แต่เมื่อรวมเข้าด้วยกันกลับทำลายฟ้านั้น!

…….

หลังจากเข้าสู่ระดับเซียนพิภพวัฏจักร หานเจวี๋ยฝึกบำเพ็ญต่อไป เร่งทำเวลาทะลวงระดับเซียนสวรรค์ในเร็ววัน

จากที่จั้งกูซิงกล่าว แม่ทัพสวรรค์ที่กวาดล้างโลกมนุษย์อาจจะมีเซียนสวรรค์อยู่ แต่หานเจวี๋ยมีพลังบำเพ็ญอยู่แค่เซียนพิภพ ยังไม่พอที่จะรับประกันได้

ตอนที่หานเจวี๋ยวุ่นอยู่เพียงลำพัง แดนบำเพ็ญพรตใต้ฟ้ายังคงคึกคัก วีรชนปรากฏกายดาษดื่น

จี้เซียนเสินแห่งจวนเซียนสวรรค์เริ่มฆ่าล้างผู้บำเพ็ญสายมารทั่วสารทิศ ขณะเดียวกันก็ท้าดวลยอดฝีมือของแดนศักดิ์สิทธิ์ ยังไม่เคยลิ้มรสความพ่ายแพ้ และสร้างชื่อไร้เทียมทานของตนขึ้นมา

ผู้ยิ่งใหญ่บางคนกล่าวอย่างทอดถอนใจว่า “บุตรแห่งสวรรค์ย่อมเหมือนจี้เซียนเสิน!”

ประโยคนี้พาให้บุตรแห่งสวรรค์คนอื่นๆ พากันเอาอย่าง ชั่วขณะเดียว แต่ละสำนักทั่วหล้าก็เริ่มถูกท้าดวลจากเหล่าบุตรแห่งสวรรค์

แม้แต่สำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์ก็ยังเป็นเช่นนี้ ดีที่สำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์รับมือได้ด้วยตนเอง

เซียวเหยาอาศัยความแข็งแกร่งทรงพลัง กำราบบุตรแห่งสวรรค์ไปหลายคน เฒ่าตาบอดคนนี้สมกับเป็นบุตรแห่งสวรรค์อันดับหนึ่งของจวนเซียนสวรรค์เมื่อห้าพันปีก่อน

เวลาผ่านไป

เจ็ดปีต่อมา จี้เซียนเสินมาเยือนอีกแล้ว

“สหายเต๋ากวน ออกมาสังสรรค์กันหน่อยเถิด ครั้งนี้ไม่ได้ประลองเวท แต่หวนรำลึกความหลัง ข้ามีวาสนามามอบให้ท่าน”

น้ำเสียงของจี้เซียนเสินค่อนข้างร่าเริง เห็นได้ชัดว่าอารมณ์ดีไม่เลว

หานเจวี๋ยลังเลครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ยังลุกขึ้นเดินออกไปพบเขา

ยังเป็นป่าผืนเล็กที่คุ้นเคยผืนนั้นเช่นเคย

เมื่อได้พบหานเจวี๋ยอีกครั้ง จี้เซียนเสินก็ยังคงมองอีกฝ่ายไม่ทะลุปรุโปร่งเหมือนเดิม

“เจ้านี่แข็งแกร่งขนาดไหนกันแน่”

จี้เซียนเสินลอบด่า เขาถึงระดับมหายานขั้นแปดแล้ว หลอมร่างอริยะอัสนีครามสำเร็จ ทว่าก็ยังมองพลังบำเพ็ญของหานเจวี๋ยไม่ออก

เคราะห์ดีที่ครั้งนี้ไม่ได้อวดเบ่ง ไม่เช่นนั้นคงได้ขายหน้าอีกแน่

“มีอะไรหรือ” หานเจวี๋ยถาม

วาสนา…อย่าบอกนะว่าจะมอบของขวัญให้

คิดจะคารวะเขาเป็นอาจารย์หรือ

หานเจวี๋ยพลันรู้สึกขึ้นมาว่าจี้เซียนเสินยิ่งมองก็ยิ่งระรื่นตา

ขอเพียงมอบของขวัญให้เขาก็ล้วนเป็นคนดีทั้งนั้น

จี้เซียนเสินแกล้งไอครั้งหนึ่ง ก่อนกล่าว “ข้าได้รับวิชาเทพเซียนเข้าฝันมา มาจากวังสวรรค์ชั้นฟ้า แม่ทัพสวรรค์ท่านหนึ่งยินดีรับข้าไว้ ถึงตอนนั้นหากข้าขึ้นสู่สวรรค์ ก็จะได้เป็นส่วนหนึ่งของวังสวรรค์”

แค่นี้เอง?

หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว รู้สึกค่อนข้างไม่พอใจ

‘ที่แท้ก็แค่จะมาอวดข้านี่เอง’

“พลังของท่านไม่เลวเลย ข้าสามารถรับท่านขึ้นไปด้วยกันได้ ถึงเวลานั้นท่านกับข้ากระบี่คู่จะผนึกกำลัง กลายเป็นเทพสงครามสององค์ที่แข็งแกร่งที่สุดบนวังสวรรค์ ว่าอย่างไร” จี้เซียนเสินถามด้วยดวงตาเปล่งประกาย

สู้เขาไม่ได้ ก็เชิญเขาแทน!

หานเจวี๋ยขมวดคิ้วบอก “นี่ท่านเป็นสุนัขรับใช้ให้วังสวรรค์กระมัง!”

เมื่อจี้เซียนเสินได้ยิน สีหน้าก็มืดทะมึนทันที กล่าวเสียงเข้มว่า “ท่านหมายความว่าอย่างไร”

เขาหวังดีมีเจตนาดี ผลลัพธ์กลับถูกด่าว่า หากไม่ใช่เพราะสู้ไม่ได้ เขาก็คงเดือดดาลลงมือไปแล้ว!

“ท่านไม่รู้หรือว่าวังสวรรค์อาจจะกวาดล้างโลกมนุษย์? ท่านในฐานะบุตรแห่งสวรรค์ของจวนเซียนสวรรค์ จะยอมปล่อยให้บ้านเกิดตัวเองถูกล้างบางได้หรือ” หานเจวี๋ยกล่าวโดยไม่อ้อมค้อม

จี้เซียนเสินขมวดคิ้วเมื่อได้ยินเช่นนี้

จวนเซียนสวรรค์ก็เคยได้รับคำเชิญจากผู้อาวุโสบนวังสวรรค์ ซึ่งเป็นผู้ทรงพลังของจวนเซียนสวรรค์ที่สำเร็จมรรคผลขึ้นไปก่อนหน้านี้ ทำให้พวกเขาสามารถขึ้นสวรรค์ตามไปได้ทันที

จี้เซียนเสินเองก็รู้เรื่องนี้ ดังนั้นหลังจากได้รับคำเชิญจากแม่ทัพสวรรค์จึงดีใจยิ่งนัก

“แล้วข้าจะทำอย่างไรได้ ข้าเปลี่ยนการตัดสินใจของวังสวรรค์ไม่ได้เสียหน่อย!” จี้เซียนเสินแย้งพลางข่มกลั้นเพลิงโทสะ

หานเจวี๋ยกล่าวด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกว่า “หากสวรรค์ต้องการทำลายเผ่ามนุษย์ของข้า ผู้บำเพ็ญอาวุโสเช่นข้าก็จะโค่นล้มสวรรค์! หากท่านไม่มีแม้แต่ความหยิ่งในศักดิ์ศรีเช่นนี้ เมื่อไปถึงวังสวรรค์ วังสวรรค์จะมองท่านอย่างไร

เทพเซียนพวกนั้นรู้ว่าบ้านเกิดเมืองนอนของท่านถูกกวาดล้าง แต่ท่านกลับนิ่งดูดาย พวกเขาจะมองท่านแบบไหน”

หัวใจของจี้เซียนเสินถูกกรีดลึก

เขามีจิตใจที่แน่วแน่ไม่อาจทำลายโดยกำเนิด คำพูดของหานเจวี๋ยกระตุ้นความหยิ่งทระนงของเขาขึ้นมาแล้ว

‘ข้าจะเป็นถึงเทพเซียนที่แกร่งที่สุด หากตอนนี้ก้มหัวเสียแล้ว แล้วต่อไปเล่า เอาแต่ก้มหัวตลอดหรือ’

จี้เซียนเสินกำหมัดทั้งสองข้างแน่น กัดฟันเอ่ยว่า “ท่านกับข้าสองคนสามารถโค่นวังสวรรค์ได้รึ”

หานเจวี๋ยเอ่ยอย่างราบเรียบ “โค่นไม่ได้ แต่มาเท่าไรพวกเราก็ฆ่าเท่านั้น! พวกเราสามารถสำแดงความยิ่งใหญ่ของตัวเอง ทำให้วังสวรรค์ล้มเลิกการกวาดล้างโลกมนุษย์เพราะพวกเราได้!”

จี้เซียนเสินฟังประโยคเหล่านี้แล้วเลือดร้อนเดือดพล่าน

ก่อนหน้านี้เหตุใดเขาจึงไม่เคยคิดถึงข้อนี้เลย

หรือว่านี่จะเป็นสาเหตุที่หานเจวี๋ยแกร่งกว่าเขา

[ราชันสวรรค์พิฆาตมารเกิดความประทับใจในตัวท่าน ระดับความประทับใจในขณะนี้คือ 2 ดาว]

[เหวินชวีซิงเกิดความเกลียดชังในตัวท่าน ระดับความเกลียดชังในขณะนี้คือ 3 ดาว]

[เทพยุทธ์จวี้หลิงเกิดความประทับใจในตัวท่าน ระดับความประทับใจในขณะนี้คือ 1 ดาว]

[จักษุเทพเกิดความเกลียดชังในตัวท่าน ระดับความเกลียดชังในขณะนี้คือ 1 ดาว]

…………………………………………………………………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะบทที่ 165 บุตรแห่งสวรรค์ก่อเรื่องโกลาหล ความภาคภูมิของหานเจวี๋ย

Now you are reading ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ Chapter บทที่ 165 บุตรแห่งสวรรค์ก่อเรื่องโกลาหล ความภาคภูมิของหานเจวี๋ย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 165 บุตรแห่งสวรรค์ก่อเรื่องโกลาหล ความภาคภูมิของหานเจวี๋ย

หลังจากมู่หรงฉี่จากไปพร้อมกับสวินฉางอัน หยางเทียนตงก็มาพบหานเจวี๋ย

เขาเผยจุดประสงค์การมาเยือนของตัวเอง

หานเจวี๋ยไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี

ไม่นึกว่าจะมีคนแย่งรับศิษย์ด้วย?

“เจ้าคงไม่ได้อยากรับศิษย์ไว้เป็นสมุนของตัวเอง แล้วไปแย่งชิงถิ่นอาศัยของเผ่าปีศาจหรอกกระมัง” หานเจวี๋ยถามอย่างคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม

หยางเทียนตงถูกมองออกก็กระวนกระวายทันที รีบโบกมือพร้อมปฏิเสธ “จะเป็นไปได้อย่างไร!”

หานเจวี๋ยแค่นเสียง “วันหน้าค่อยดูอีกทีแล้วกัน ตอนนี้ก็ไม่มีต้นกล้าดีๆ ให้เจ้ารับเป็นศิษย์ด้วย ข้ารับคนเข้าสำนักต้องดูคุณสมบัติ ทางที่ดีที่สุดเจ้าอย่าเอาคนด่างพร้อยกลับมาให้ข้าจากทั่วทุกที่”

“ฮี่ๆ เรื่องนั้นแน่นอนอยู่แล้ว ศิษย์เองก็กลัววุ่นวาย”

“ออกไปเถิด ระดับสุญตาก็ยังไม่บรรลุ เกรงว่าเจ้าจะกลายเป็นศิษย์ที่อ่อนแอที่สุดในสำนักข้าแล้ว”

“ขอรับ…”

หยางเทียนตงหน้าม่อยคอตกออกไป พลังบำเพ็ญของเขารั้งท้ายแล้วจริงๆ

ดีที่สวินฉางอันยังอยู่เป็นเพื่อนเขา

จู่ๆ อู้เต้าเจี้ยนก็กล่าวขึ้นว่า “นายท่าน จัดศิษย์คนหนึ่งมาให้ข้าดูแลได้ทุกเมื่อเลยนะเจ้าคะ”

รับศิษย์ดูเหมือนจะสนุกมาก!

“เจ้าต้องการศิษย์ชายหรือศิษย์หญิง” หานเจวี๋ยระบายยิ้มบางพลางเอ่ยถาม

อู้เต้าเจี้ยนหัวเราะคิกคัก “ย่อมเป็นศิษย์หญิงอยู่แล้ว ศิษย์ชายในมือท่านมีมากเกินไป ข้าเห็นจนชินแล้ว แต่ศิษย์หญิงยังมีน้อย หลิงเอ๋อร์ปกติมุ่งแต่ฝึกบำเพ็ญ และก็ไม่ชอบพูดคุยกับข้าด้วย”

“ตั้งใจฝึกบำเพ็ญ คุยเล่นอะไรกัน”

“ไม่ใช่เจ้าค่ะ ข้าไม่ได้บอกว่าข้าชอบ…”

“เอาละ เรื่องนี้รอให้เจ้าถึงมหายานก่อนค่อยว่ากัน”

อู้เต้าเจี้ยนทำปากยื่น รู้สึกน้อยใจอยู่บ้าง

หานเจวี๋ยชอบเห็นท่าทางน้อยเนื้อต่ำใจเช่นนี้ของนาง ใบหน้าที่สูงส่งเย็นชาดั่งเทพธิดากลับฉายแววน้อยใจอย่างเด็กสาวตัวน้อยออกมา จะว่าไปก็ดูน่ารักแปลกๆ

“ศิษย์หญิงคนต่อไป ก็ให้เจ้ารับไว้แล้วกัน”

“ขอบคุณนายท่านมาก!”

อู้เต้าเจี้ยนยิ้มกว้างดุจดอกไม้ผลิบานทันที

หานเจวี๋ยรู้สึกเหมือนกำลังเย้าแหย่เด็กน้อยอยู่

เฮ้อ สภาพจิตใจแก่เฒ่าแล้วหรือนี่

ไม่รู้เพราะเหตุใด หานเจวี๋ยรู้สึกว่าหัวใจของตนเองไม่ได้แข็งแรงเหมือนเมื่อก่อนแล้ว

จะต้องตั้งมั่นในมรรคจิต!

หานเจวี๋ยรีบหยิบหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมา จากนั้นเริ่มสาปแช่ง

……

สามปีต่อมา

ฟางเหลียงกลับมาถึง เขามาเยี่ยมเยียนหานเจวี๋ยอย่างกุลีกุจอ

หลังคุกเข่าลงตรงหน้าหานเจวี๋ย เขาคารวะก่อนเป็นอย่างแรก จากนั้นก็เล่าเรื่องราวของตนกับธิดาเทพเผ่าปีศาจอย่างไม่หมกเม็ด

ครั้งหนึ่งบังเอิญพบกัน เขาเห็นกับตาว่าปลาตัวหนึ่งดิ้นทุรนทุรายอยู่ริมน้ำ จึงเดินเข้าไปจับปลาปล่อยลงสู่แม่น้ำ คิดไม่ถึงว่าจะได้รับความโปรดปรานจากธิดาเทพเผ่าปีศาจเพราะเหตุนี้

ธิดาเทพเผ่าปีศาจผู้นี้ถูกศัตรูทำร้ายจนเจ็บหนัก ทำได้เพียงกลายร่างเป็นปลาตัวหนึ่งเพื่อซ่อนตัว

ฟางเหลียงเห็นปลาตัวนั้นคอยตามตัวเองตลอดเวลา รู้สึกว่ามีสติปัญญา จึงใช้ตะกร้าไม้ไผ่ช้อนขึ้นมา

ต่อมาก็พบว่าปลาตัวนี้ผิดแปลกไม่ธรรมดา ซ้ำยังได้รับบาดเจ็บ ฟางเหลียงจึงใช้พลังวิญญาณรักษาบาดแผลให้มัน

หานเจวี๋ยฟังอย่างได้อรรถรส

ฟางเหลียงถามอย่างกระสับกระส่ายว่า “อาจารย์ปู่ ข้าสู่ขอนางได้หรือไม่”

หานเจวี๋ยกล่าว “หากเจ้ารู้สึกชอบจากใจจริง ย่อมไม่มีปัญหาอยู่แล้ว แต่อย่าให้การฝึกบำเพ็ญของเจ้าล่าช้าเพราะสตรี เป้าหมายของเจ้าคือการบรรลุเป็นเซียน หาใช่การใช้ชีวิตบนโลกปุถุชนเช่นมนุษย์ทั่วไป”

ฟางเหลียงถอนหายใจโล่งอกอยู่ในใจ เอ่ยว่า “ศิษย์หลานเข้าใจแล้ว”

ความจริงเขาเองก็ค่อนข้างสับสนอยู่เหมือนกัน

ช่วยไม่ได้ที่เขาได้พบเจอความรักครั้งแรก อีกฝ่ายรุกเข้ามารุนแรงเกินไป เป็นผลให้เขาเอาแต่โดนจูงจมูกเดิน

ไม่รู้ทำไม เขามักรู้สึกว่าการแต่งงานมีลูกไม่ใช่ชีวิตที่ตนเองควรจะมี

เป้าหมายของเขาคือหานเจวี๋ย

เขาอยากใช้ชีวิตแบบอาจารย์ปู่

หลังจากฟางเหลียงออกไป หานเจวี๋ยไม่ได้คิดมากความ

ในความคิดของเขา นี่คือเคราะห์อย่างหนึ่งที่ฟางเหลียงต้องพบเจอ

หากไม่อาจมองสาวงามทะลุปรุโปร่งได้ จะมองมหามรรคกระจ่างได้อย่างไร

หานเจวี๋ยเองก็เคยตกอยู่ในความขมขื่นของความรัก ทว่านั่นเป็นเมื่อชาติก่อน

ชายและหญิงต่างค้ำยันท้องฟ้า แต่เมื่อรวมเข้าด้วยกันกลับทำลายฟ้านั้น!

…….

หลังจากเข้าสู่ระดับเซียนพิภพวัฏจักร หานเจวี๋ยฝึกบำเพ็ญต่อไป เร่งทำเวลาทะลวงระดับเซียนสวรรค์ในเร็ววัน

จากที่จั้งกูซิงกล่าว แม่ทัพสวรรค์ที่กวาดล้างโลกมนุษย์อาจจะมีเซียนสวรรค์อยู่ แต่หานเจวี๋ยมีพลังบำเพ็ญอยู่แค่เซียนพิภพ ยังไม่พอที่จะรับประกันได้

ตอนที่หานเจวี๋ยวุ่นอยู่เพียงลำพัง แดนบำเพ็ญพรตใต้ฟ้ายังคงคึกคัก วีรชนปรากฏกายดาษดื่น

จี้เซียนเสินแห่งจวนเซียนสวรรค์เริ่มฆ่าล้างผู้บำเพ็ญสายมารทั่วสารทิศ ขณะเดียวกันก็ท้าดวลยอดฝีมือของแดนศักดิ์สิทธิ์ ยังไม่เคยลิ้มรสความพ่ายแพ้ และสร้างชื่อไร้เทียมทานของตนขึ้นมา

ผู้ยิ่งใหญ่บางคนกล่าวอย่างทอดถอนใจว่า “บุตรแห่งสวรรค์ย่อมเหมือนจี้เซียนเสิน!”

ประโยคนี้พาให้บุตรแห่งสวรรค์คนอื่นๆ พากันเอาอย่าง ชั่วขณะเดียว แต่ละสำนักทั่วหล้าก็เริ่มถูกท้าดวลจากเหล่าบุตรแห่งสวรรค์

แม้แต่สำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์ก็ยังเป็นเช่นนี้ ดีที่สำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์รับมือได้ด้วยตนเอง

เซียวเหยาอาศัยความแข็งแกร่งทรงพลัง กำราบบุตรแห่งสวรรค์ไปหลายคน เฒ่าตาบอดคนนี้สมกับเป็นบุตรแห่งสวรรค์อันดับหนึ่งของจวนเซียนสวรรค์เมื่อห้าพันปีก่อน

เวลาผ่านไป

เจ็ดปีต่อมา จี้เซียนเสินมาเยือนอีกแล้ว

“สหายเต๋ากวน ออกมาสังสรรค์กันหน่อยเถิด ครั้งนี้ไม่ได้ประลองเวท แต่หวนรำลึกความหลัง ข้ามีวาสนามามอบให้ท่าน”

น้ำเสียงของจี้เซียนเสินค่อนข้างร่าเริง เห็นได้ชัดว่าอารมณ์ดีไม่เลว

หานเจวี๋ยลังเลครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ยังลุกขึ้นเดินออกไปพบเขา

ยังเป็นป่าผืนเล็กที่คุ้นเคยผืนนั้นเช่นเคย

เมื่อได้พบหานเจวี๋ยอีกครั้ง จี้เซียนเสินก็ยังคงมองอีกฝ่ายไม่ทะลุปรุโปร่งเหมือนเดิม

“เจ้านี่แข็งแกร่งขนาดไหนกันแน่”

จี้เซียนเสินลอบด่า เขาถึงระดับมหายานขั้นแปดแล้ว หลอมร่างอริยะอัสนีครามสำเร็จ ทว่าก็ยังมองพลังบำเพ็ญของหานเจวี๋ยไม่ออก

เคราะห์ดีที่ครั้งนี้ไม่ได้อวดเบ่ง ไม่เช่นนั้นคงได้ขายหน้าอีกแน่

“มีอะไรหรือ” หานเจวี๋ยถาม

วาสนา…อย่าบอกนะว่าจะมอบของขวัญให้

คิดจะคารวะเขาเป็นอาจารย์หรือ

หานเจวี๋ยพลันรู้สึกขึ้นมาว่าจี้เซียนเสินยิ่งมองก็ยิ่งระรื่นตา

ขอเพียงมอบของขวัญให้เขาก็ล้วนเป็นคนดีทั้งนั้น

จี้เซียนเสินแกล้งไอครั้งหนึ่ง ก่อนกล่าว “ข้าได้รับวิชาเทพเซียนเข้าฝันมา มาจากวังสวรรค์ชั้นฟ้า แม่ทัพสวรรค์ท่านหนึ่งยินดีรับข้าไว้ ถึงตอนนั้นหากข้าขึ้นสู่สวรรค์ ก็จะได้เป็นส่วนหนึ่งของวังสวรรค์”

แค่นี้เอง?

หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว รู้สึกค่อนข้างไม่พอใจ

‘ที่แท้ก็แค่จะมาอวดข้านี่เอง’

“พลังของท่านไม่เลวเลย ข้าสามารถรับท่านขึ้นไปด้วยกันได้ ถึงเวลานั้นท่านกับข้ากระบี่คู่จะผนึกกำลัง กลายเป็นเทพสงครามสององค์ที่แข็งแกร่งที่สุดบนวังสวรรค์ ว่าอย่างไร” จี้เซียนเสินถามด้วยดวงตาเปล่งประกาย

สู้เขาไม่ได้ ก็เชิญเขาแทน!

หานเจวี๋ยขมวดคิ้วบอก “นี่ท่านเป็นสุนัขรับใช้ให้วังสวรรค์กระมัง!”

เมื่อจี้เซียนเสินได้ยิน สีหน้าก็มืดทะมึนทันที กล่าวเสียงเข้มว่า “ท่านหมายความว่าอย่างไร”

เขาหวังดีมีเจตนาดี ผลลัพธ์กลับถูกด่าว่า หากไม่ใช่เพราะสู้ไม่ได้ เขาก็คงเดือดดาลลงมือไปแล้ว!

“ท่านไม่รู้หรือว่าวังสวรรค์อาจจะกวาดล้างโลกมนุษย์? ท่านในฐานะบุตรแห่งสวรรค์ของจวนเซียนสวรรค์ จะยอมปล่อยให้บ้านเกิดตัวเองถูกล้างบางได้หรือ” หานเจวี๋ยกล่าวโดยไม่อ้อมค้อม

จี้เซียนเสินขมวดคิ้วเมื่อได้ยินเช่นนี้

จวนเซียนสวรรค์ก็เคยได้รับคำเชิญจากผู้อาวุโสบนวังสวรรค์ ซึ่งเป็นผู้ทรงพลังของจวนเซียนสวรรค์ที่สำเร็จมรรคผลขึ้นไปก่อนหน้านี้ ทำให้พวกเขาสามารถขึ้นสวรรค์ตามไปได้ทันที

จี้เซียนเสินเองก็รู้เรื่องนี้ ดังนั้นหลังจากได้รับคำเชิญจากแม่ทัพสวรรค์จึงดีใจยิ่งนัก

“แล้วข้าจะทำอย่างไรได้ ข้าเปลี่ยนการตัดสินใจของวังสวรรค์ไม่ได้เสียหน่อย!” จี้เซียนเสินแย้งพลางข่มกลั้นเพลิงโทสะ

หานเจวี๋ยกล่าวด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกว่า “หากสวรรค์ต้องการทำลายเผ่ามนุษย์ของข้า ผู้บำเพ็ญอาวุโสเช่นข้าก็จะโค่นล้มสวรรค์! หากท่านไม่มีแม้แต่ความหยิ่งในศักดิ์ศรีเช่นนี้ เมื่อไปถึงวังสวรรค์ วังสวรรค์จะมองท่านอย่างไร

เทพเซียนพวกนั้นรู้ว่าบ้านเกิดเมืองนอนของท่านถูกกวาดล้าง แต่ท่านกลับนิ่งดูดาย พวกเขาจะมองท่านแบบไหน”

หัวใจของจี้เซียนเสินถูกกรีดลึก

เขามีจิตใจที่แน่วแน่ไม่อาจทำลายโดยกำเนิด คำพูดของหานเจวี๋ยกระตุ้นความหยิ่งทระนงของเขาขึ้นมาแล้ว

‘ข้าจะเป็นถึงเทพเซียนที่แกร่งที่สุด หากตอนนี้ก้มหัวเสียแล้ว แล้วต่อไปเล่า เอาแต่ก้มหัวตลอดหรือ’

จี้เซียนเสินกำหมัดทั้งสองข้างแน่น กัดฟันเอ่ยว่า “ท่านกับข้าสองคนสามารถโค่นวังสวรรค์ได้รึ”

หานเจวี๋ยเอ่ยอย่างราบเรียบ “โค่นไม่ได้ แต่มาเท่าไรพวกเราก็ฆ่าเท่านั้น! พวกเราสามารถสำแดงความยิ่งใหญ่ของตัวเอง ทำให้วังสวรรค์ล้มเลิกการกวาดล้างโลกมนุษย์เพราะพวกเราได้!”

จี้เซียนเสินฟังประโยคเหล่านี้แล้วเลือดร้อนเดือดพล่าน

ก่อนหน้านี้เหตุใดเขาจึงไม่เคยคิดถึงข้อนี้เลย

หรือว่านี่จะเป็นสาเหตุที่หานเจวี๋ยแกร่งกว่าเขา

[ราชันสวรรค์พิฆาตมารเกิดความประทับใจในตัวท่าน ระดับความประทับใจในขณะนี้คือ 2 ดาว]

[เหวินชวีซิงเกิดความเกลียดชังในตัวท่าน ระดับความเกลียดชังในขณะนี้คือ 3 ดาว]

[เทพยุทธ์จวี้หลิงเกิดความประทับใจในตัวท่าน ระดับความประทับใจในขณะนี้คือ 1 ดาว]

[จักษุเทพเกิดความเกลียดชังในตัวท่าน ระดับความเกลียดชังในขณะนี้คือ 1 ดาว]

…………………………………………………………………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะบทที่ 165 บุตรแห่งสวรรค์ก่อเรื่องโกลาหล ความภาคภูมิของหานเจวี๋ย

Now you are reading ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ Chapter บทที่ 165 บุตรแห่งสวรรค์ก่อเรื่องโกลาหล ความภาคภูมิของหานเจวี๋ย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 165 บุตรแห่งสวรรค์ก่อเรื่องโกลาหล ความภาคภูมิของหานเจวี๋ย

หลังจากมู่หรงฉี่จากไปพร้อมกับสวินฉางอัน หยางเทียนตงก็มาพบหานเจวี๋ย

เขาเผยจุดประสงค์การมาเยือนของตัวเอง

หานเจวี๋ยไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี

ไม่นึกว่าจะมีคนแย่งรับศิษย์ด้วย?

“เจ้าคงไม่ได้อยากรับศิษย์ไว้เป็นสมุนของตัวเอง แล้วไปแย่งชิงถิ่นอาศัยของเผ่าปีศาจหรอกกระมัง” หานเจวี๋ยถามอย่างคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม

หยางเทียนตงถูกมองออกก็กระวนกระวายทันที รีบโบกมือพร้อมปฏิเสธ “จะเป็นไปได้อย่างไร!”

หานเจวี๋ยแค่นเสียง “วันหน้าค่อยดูอีกทีแล้วกัน ตอนนี้ก็ไม่มีต้นกล้าดีๆ ให้เจ้ารับเป็นศิษย์ด้วย ข้ารับคนเข้าสำนักต้องดูคุณสมบัติ ทางที่ดีที่สุดเจ้าอย่าเอาคนด่างพร้อยกลับมาให้ข้าจากทั่วทุกที่”

“ฮี่ๆ เรื่องนั้นแน่นอนอยู่แล้ว ศิษย์เองก็กลัววุ่นวาย”

“ออกไปเถิด ระดับสุญตาก็ยังไม่บรรลุ เกรงว่าเจ้าจะกลายเป็นศิษย์ที่อ่อนแอที่สุดในสำนักข้าแล้ว”

“ขอรับ…”

หยางเทียนตงหน้าม่อยคอตกออกไป พลังบำเพ็ญของเขารั้งท้ายแล้วจริงๆ

ดีที่สวินฉางอันยังอยู่เป็นเพื่อนเขา

จู่ๆ อู้เต้าเจี้ยนก็กล่าวขึ้นว่า “นายท่าน จัดศิษย์คนหนึ่งมาให้ข้าดูแลได้ทุกเมื่อเลยนะเจ้าคะ”

รับศิษย์ดูเหมือนจะสนุกมาก!

“เจ้าต้องการศิษย์ชายหรือศิษย์หญิง” หานเจวี๋ยระบายยิ้มบางพลางเอ่ยถาม

อู้เต้าเจี้ยนหัวเราะคิกคัก “ย่อมเป็นศิษย์หญิงอยู่แล้ว ศิษย์ชายในมือท่านมีมากเกินไป ข้าเห็นจนชินแล้ว แต่ศิษย์หญิงยังมีน้อย หลิงเอ๋อร์ปกติมุ่งแต่ฝึกบำเพ็ญ และก็ไม่ชอบพูดคุยกับข้าด้วย”

“ตั้งใจฝึกบำเพ็ญ คุยเล่นอะไรกัน”

“ไม่ใช่เจ้าค่ะ ข้าไม่ได้บอกว่าข้าชอบ…”

“เอาละ เรื่องนี้รอให้เจ้าถึงมหายานก่อนค่อยว่ากัน”

อู้เต้าเจี้ยนทำปากยื่น รู้สึกน้อยใจอยู่บ้าง

หานเจวี๋ยชอบเห็นท่าทางน้อยเนื้อต่ำใจเช่นนี้ของนาง ใบหน้าที่สูงส่งเย็นชาดั่งเทพธิดากลับฉายแววน้อยใจอย่างเด็กสาวตัวน้อยออกมา จะว่าไปก็ดูน่ารักแปลกๆ

“ศิษย์หญิงคนต่อไป ก็ให้เจ้ารับไว้แล้วกัน”

“ขอบคุณนายท่านมาก!”

อู้เต้าเจี้ยนยิ้มกว้างดุจดอกไม้ผลิบานทันที

หานเจวี๋ยรู้สึกเหมือนกำลังเย้าแหย่เด็กน้อยอยู่

เฮ้อ สภาพจิตใจแก่เฒ่าแล้วหรือนี่

ไม่รู้เพราะเหตุใด หานเจวี๋ยรู้สึกว่าหัวใจของตนเองไม่ได้แข็งแรงเหมือนเมื่อก่อนแล้ว

จะต้องตั้งมั่นในมรรคจิต!

หานเจวี๋ยรีบหยิบหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมา จากนั้นเริ่มสาปแช่ง

……

สามปีต่อมา

ฟางเหลียงกลับมาถึง เขามาเยี่ยมเยียนหานเจวี๋ยอย่างกุลีกุจอ

หลังคุกเข่าลงตรงหน้าหานเจวี๋ย เขาคารวะก่อนเป็นอย่างแรก จากนั้นก็เล่าเรื่องราวของตนกับธิดาเทพเผ่าปีศาจอย่างไม่หมกเม็ด

ครั้งหนึ่งบังเอิญพบกัน เขาเห็นกับตาว่าปลาตัวหนึ่งดิ้นทุรนทุรายอยู่ริมน้ำ จึงเดินเข้าไปจับปลาปล่อยลงสู่แม่น้ำ คิดไม่ถึงว่าจะได้รับความโปรดปรานจากธิดาเทพเผ่าปีศาจเพราะเหตุนี้

ธิดาเทพเผ่าปีศาจผู้นี้ถูกศัตรูทำร้ายจนเจ็บหนัก ทำได้เพียงกลายร่างเป็นปลาตัวหนึ่งเพื่อซ่อนตัว

ฟางเหลียงเห็นปลาตัวนั้นคอยตามตัวเองตลอดเวลา รู้สึกว่ามีสติปัญญา จึงใช้ตะกร้าไม้ไผ่ช้อนขึ้นมา

ต่อมาก็พบว่าปลาตัวนี้ผิดแปลกไม่ธรรมดา ซ้ำยังได้รับบาดเจ็บ ฟางเหลียงจึงใช้พลังวิญญาณรักษาบาดแผลให้มัน

หานเจวี๋ยฟังอย่างได้อรรถรส

ฟางเหลียงถามอย่างกระสับกระส่ายว่า “อาจารย์ปู่ ข้าสู่ขอนางได้หรือไม่”

หานเจวี๋ยกล่าว “หากเจ้ารู้สึกชอบจากใจจริง ย่อมไม่มีปัญหาอยู่แล้ว แต่อย่าให้การฝึกบำเพ็ญของเจ้าล่าช้าเพราะสตรี เป้าหมายของเจ้าคือการบรรลุเป็นเซียน หาใช่การใช้ชีวิตบนโลกปุถุชนเช่นมนุษย์ทั่วไป”

ฟางเหลียงถอนหายใจโล่งอกอยู่ในใจ เอ่ยว่า “ศิษย์หลานเข้าใจแล้ว”

ความจริงเขาเองก็ค่อนข้างสับสนอยู่เหมือนกัน

ช่วยไม่ได้ที่เขาได้พบเจอความรักครั้งแรก อีกฝ่ายรุกเข้ามารุนแรงเกินไป เป็นผลให้เขาเอาแต่โดนจูงจมูกเดิน

ไม่รู้ทำไม เขามักรู้สึกว่าการแต่งงานมีลูกไม่ใช่ชีวิตที่ตนเองควรจะมี

เป้าหมายของเขาคือหานเจวี๋ย

เขาอยากใช้ชีวิตแบบอาจารย์ปู่

หลังจากฟางเหลียงออกไป หานเจวี๋ยไม่ได้คิดมากความ

ในความคิดของเขา นี่คือเคราะห์อย่างหนึ่งที่ฟางเหลียงต้องพบเจอ

หากไม่อาจมองสาวงามทะลุปรุโปร่งได้ จะมองมหามรรคกระจ่างได้อย่างไร

หานเจวี๋ยเองก็เคยตกอยู่ในความขมขื่นของความรัก ทว่านั่นเป็นเมื่อชาติก่อน

ชายและหญิงต่างค้ำยันท้องฟ้า แต่เมื่อรวมเข้าด้วยกันกลับทำลายฟ้านั้น!

…….

หลังจากเข้าสู่ระดับเซียนพิภพวัฏจักร หานเจวี๋ยฝึกบำเพ็ญต่อไป เร่งทำเวลาทะลวงระดับเซียนสวรรค์ในเร็ววัน

จากที่จั้งกูซิงกล่าว แม่ทัพสวรรค์ที่กวาดล้างโลกมนุษย์อาจจะมีเซียนสวรรค์อยู่ แต่หานเจวี๋ยมีพลังบำเพ็ญอยู่แค่เซียนพิภพ ยังไม่พอที่จะรับประกันได้

ตอนที่หานเจวี๋ยวุ่นอยู่เพียงลำพัง แดนบำเพ็ญพรตใต้ฟ้ายังคงคึกคัก วีรชนปรากฏกายดาษดื่น

จี้เซียนเสินแห่งจวนเซียนสวรรค์เริ่มฆ่าล้างผู้บำเพ็ญสายมารทั่วสารทิศ ขณะเดียวกันก็ท้าดวลยอดฝีมือของแดนศักดิ์สิทธิ์ ยังไม่เคยลิ้มรสความพ่ายแพ้ และสร้างชื่อไร้เทียมทานของตนขึ้นมา

ผู้ยิ่งใหญ่บางคนกล่าวอย่างทอดถอนใจว่า “บุตรแห่งสวรรค์ย่อมเหมือนจี้เซียนเสิน!”

ประโยคนี้พาให้บุตรแห่งสวรรค์คนอื่นๆ พากันเอาอย่าง ชั่วขณะเดียว แต่ละสำนักทั่วหล้าก็เริ่มถูกท้าดวลจากเหล่าบุตรแห่งสวรรค์

แม้แต่สำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์ก็ยังเป็นเช่นนี้ ดีที่สำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์รับมือได้ด้วยตนเอง

เซียวเหยาอาศัยความแข็งแกร่งทรงพลัง กำราบบุตรแห่งสวรรค์ไปหลายคน เฒ่าตาบอดคนนี้สมกับเป็นบุตรแห่งสวรรค์อันดับหนึ่งของจวนเซียนสวรรค์เมื่อห้าพันปีก่อน

เวลาผ่านไป

เจ็ดปีต่อมา จี้เซียนเสินมาเยือนอีกแล้ว

“สหายเต๋ากวน ออกมาสังสรรค์กันหน่อยเถิด ครั้งนี้ไม่ได้ประลองเวท แต่หวนรำลึกความหลัง ข้ามีวาสนามามอบให้ท่าน”

น้ำเสียงของจี้เซียนเสินค่อนข้างร่าเริง เห็นได้ชัดว่าอารมณ์ดีไม่เลว

หานเจวี๋ยลังเลครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ยังลุกขึ้นเดินออกไปพบเขา

ยังเป็นป่าผืนเล็กที่คุ้นเคยผืนนั้นเช่นเคย

เมื่อได้พบหานเจวี๋ยอีกครั้ง จี้เซียนเสินก็ยังคงมองอีกฝ่ายไม่ทะลุปรุโปร่งเหมือนเดิม

“เจ้านี่แข็งแกร่งขนาดไหนกันแน่”

จี้เซียนเสินลอบด่า เขาถึงระดับมหายานขั้นแปดแล้ว หลอมร่างอริยะอัสนีครามสำเร็จ ทว่าก็ยังมองพลังบำเพ็ญของหานเจวี๋ยไม่ออก

เคราะห์ดีที่ครั้งนี้ไม่ได้อวดเบ่ง ไม่เช่นนั้นคงได้ขายหน้าอีกแน่

“มีอะไรหรือ” หานเจวี๋ยถาม

วาสนา…อย่าบอกนะว่าจะมอบของขวัญให้

คิดจะคารวะเขาเป็นอาจารย์หรือ

หานเจวี๋ยพลันรู้สึกขึ้นมาว่าจี้เซียนเสินยิ่งมองก็ยิ่งระรื่นตา

ขอเพียงมอบของขวัญให้เขาก็ล้วนเป็นคนดีทั้งนั้น

จี้เซียนเสินแกล้งไอครั้งหนึ่ง ก่อนกล่าว “ข้าได้รับวิชาเทพเซียนเข้าฝันมา มาจากวังสวรรค์ชั้นฟ้า แม่ทัพสวรรค์ท่านหนึ่งยินดีรับข้าไว้ ถึงตอนนั้นหากข้าขึ้นสู่สวรรค์ ก็จะได้เป็นส่วนหนึ่งของวังสวรรค์”

แค่นี้เอง?

หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว รู้สึกค่อนข้างไม่พอใจ

‘ที่แท้ก็แค่จะมาอวดข้านี่เอง’

“พลังของท่านไม่เลวเลย ข้าสามารถรับท่านขึ้นไปด้วยกันได้ ถึงเวลานั้นท่านกับข้ากระบี่คู่จะผนึกกำลัง กลายเป็นเทพสงครามสององค์ที่แข็งแกร่งที่สุดบนวังสวรรค์ ว่าอย่างไร” จี้เซียนเสินถามด้วยดวงตาเปล่งประกาย

สู้เขาไม่ได้ ก็เชิญเขาแทน!

หานเจวี๋ยขมวดคิ้วบอก “นี่ท่านเป็นสุนัขรับใช้ให้วังสวรรค์กระมัง!”

เมื่อจี้เซียนเสินได้ยิน สีหน้าก็มืดทะมึนทันที กล่าวเสียงเข้มว่า “ท่านหมายความว่าอย่างไร”

เขาหวังดีมีเจตนาดี ผลลัพธ์กลับถูกด่าว่า หากไม่ใช่เพราะสู้ไม่ได้ เขาก็คงเดือดดาลลงมือไปแล้ว!

“ท่านไม่รู้หรือว่าวังสวรรค์อาจจะกวาดล้างโลกมนุษย์? ท่านในฐานะบุตรแห่งสวรรค์ของจวนเซียนสวรรค์ จะยอมปล่อยให้บ้านเกิดตัวเองถูกล้างบางได้หรือ” หานเจวี๋ยกล่าวโดยไม่อ้อมค้อม

จี้เซียนเสินขมวดคิ้วเมื่อได้ยินเช่นนี้

จวนเซียนสวรรค์ก็เคยได้รับคำเชิญจากผู้อาวุโสบนวังสวรรค์ ซึ่งเป็นผู้ทรงพลังของจวนเซียนสวรรค์ที่สำเร็จมรรคผลขึ้นไปก่อนหน้านี้ ทำให้พวกเขาสามารถขึ้นสวรรค์ตามไปได้ทันที

จี้เซียนเสินเองก็รู้เรื่องนี้ ดังนั้นหลังจากได้รับคำเชิญจากแม่ทัพสวรรค์จึงดีใจยิ่งนัก

“แล้วข้าจะทำอย่างไรได้ ข้าเปลี่ยนการตัดสินใจของวังสวรรค์ไม่ได้เสียหน่อย!” จี้เซียนเสินแย้งพลางข่มกลั้นเพลิงโทสะ

หานเจวี๋ยกล่าวด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกว่า “หากสวรรค์ต้องการทำลายเผ่ามนุษย์ของข้า ผู้บำเพ็ญอาวุโสเช่นข้าก็จะโค่นล้มสวรรค์! หากท่านไม่มีแม้แต่ความหยิ่งในศักดิ์ศรีเช่นนี้ เมื่อไปถึงวังสวรรค์ วังสวรรค์จะมองท่านอย่างไร

เทพเซียนพวกนั้นรู้ว่าบ้านเกิดเมืองนอนของท่านถูกกวาดล้าง แต่ท่านกลับนิ่งดูดาย พวกเขาจะมองท่านแบบไหน”

หัวใจของจี้เซียนเสินถูกกรีดลึก

เขามีจิตใจที่แน่วแน่ไม่อาจทำลายโดยกำเนิด คำพูดของหานเจวี๋ยกระตุ้นความหยิ่งทระนงของเขาขึ้นมาแล้ว

‘ข้าจะเป็นถึงเทพเซียนที่แกร่งที่สุด หากตอนนี้ก้มหัวเสียแล้ว แล้วต่อไปเล่า เอาแต่ก้มหัวตลอดหรือ’

จี้เซียนเสินกำหมัดทั้งสองข้างแน่น กัดฟันเอ่ยว่า “ท่านกับข้าสองคนสามารถโค่นวังสวรรค์ได้รึ”

หานเจวี๋ยเอ่ยอย่างราบเรียบ “โค่นไม่ได้ แต่มาเท่าไรพวกเราก็ฆ่าเท่านั้น! พวกเราสามารถสำแดงความยิ่งใหญ่ของตัวเอง ทำให้วังสวรรค์ล้มเลิกการกวาดล้างโลกมนุษย์เพราะพวกเราได้!”

จี้เซียนเสินฟังประโยคเหล่านี้แล้วเลือดร้อนเดือดพล่าน

ก่อนหน้านี้เหตุใดเขาจึงไม่เคยคิดถึงข้อนี้เลย

หรือว่านี่จะเป็นสาเหตุที่หานเจวี๋ยแกร่งกว่าเขา

[ราชันสวรรค์พิฆาตมารเกิดความประทับใจในตัวท่าน ระดับความประทับใจในขณะนี้คือ 2 ดาว]

[เหวินชวีซิงเกิดความเกลียดชังในตัวท่าน ระดับความเกลียดชังในขณะนี้คือ 3 ดาว]

[เทพยุทธ์จวี้หลิงเกิดความประทับใจในตัวท่าน ระดับความประทับใจในขณะนี้คือ 1 ดาว]

[จักษุเทพเกิดความเกลียดชังในตัวท่าน ระดับความเกลียดชังในขณะนี้คือ 1 ดาว]

…………………………………………………………………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+