ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะบทที่ 460 ชำระล้างขั้นสมบูรณ์ แดนเซียนรกร้าง

Now you are reading ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ Chapter บทที่ 460 ชำระล้างขั้นสมบูรณ์ แดนเซียนรกร้าง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 460 ชำระล้างขั้นสมบูรณ์ แดนเซียนรกร้าง

ระหว่างที่บินมุ่งหน้าไปยังแดนเซียน หานเจวี๋ยกดเลือกตัวเลือกแรกของระบบก่อนหน้านี้เงียบๆ

[ต้องไปถึงแดนเซียนมรรคาสวรรค์ก่อน ถึงจะสามารถเลือกตัวเลือกนี้ได้]

หานเจวี๋ยจึงทำได้เพียงรอไปก่อน

ถึงแม้จะรับรู้ถึงการมีอยู่ของตราประทับหกวิถีได้ แต่เกาะสำนักซ่อนเร้นเคลื่อนย้ายไปมาในแดนต้องห้ามอันธการอยู่หลายครั้ง อยู่ห่างไกลจากแดนเซียนเกินไปจริงๆ ไม่สามารถไปถึงแดนเซียนได้ภายในระยะเวลาสั้นๆ

เมื่อนึกถึงตราประทับหกวิถี หานเจวี๋ยอดไม่ได้ที่นึกถึงจักรพรรดิเซียนวัฏจักรขึ้นมา คนผู้นี้ไม่มีความเคลื่อนไหวมานานมากแล้ว จากจอค่าความสัมพันธ์เห็นได้ชัดว่าเขายังมีชีวิตอยู่

สิ่งที่ควรค่าให้เอ่ยถึงคือ ตบะของจักรพรรดิเซียนวัฏจักรคือเซียนทองต้าหลัวระยะกลาง

สามารถปลอมตัวอยู่ข้างกายจักรพรรดิสวรรค์ ซ้ำยังไม่ถูกจับได้ ตบะย่อมไม่มีทางต่ำกว่าจักรพรรดิสวรรค์อย่างแน่นอน เพียงแต่ตอนนี้ไม่อยู่ในสายตาของหานเจวี๋ยแล้ว

นับตั้งแต่เริ่มสาปแช่งอริยะมิ่งจี หานเจวี๋ยก็ไม่เห็นเซียนทองต้าหลัวอยู่ในสายตาอีก

เมื่อมองย้อนกลับไป หานเจวี๋ยอดไม่ได้ที่จะส่ายหน้าและหลุดยิ้มออกมา

ครั้งหนึ่งเมื่อนานมาแล้ว เขาเคยมองจักรพรรดิเซียนวัฏจักรเป็นศัตรูตัวฉกาจ แต่น่าเสียดายที่เมื่อเวลาผันผ่านไป จักรพรรดิเซียนวัฏจักรกลับถอยห่างออกจากเวทีแห่งการชิงอำนาจในสายตาของหานเจวี๋ยไปเสียแล้ว

นี่เป็นเรื่องของคุณสมบัติ!

หานเจวี๋ยไม่ต้องการต่อสู้แย่งชิงอันใด เพียงอยากซ่อนตัวฝึกบำเพ็ญอย่างสบายใจที่ไหนสักแห่ง คาดว่าศัตรูยังไม่ทันมีปฏิกิริยาตอบสนองก็คงถูกเขาแซงหน้าไปแล้ว

‘ก่อนที่มหาเคราะห์ครั้งต่อไปจะมาถึง ข้าต้องพิสูจน์มรรคให้ได้!’

หานเจวี๋ยกำหนดเป้าหมายให้ตัวเอง

เมื่อมหาเคราะห์ไร้สิ้นสุดเริ่มขึ้น กลไกสวรรค์จะถูกบดบัง อริยะลงสู่แดนมนุษย์ได้ เมื่อถึงเวลานั้น แดนเซียนมรรคาสวรรค์จะกลายเป็นสถานที่อันตราย!

หากพิจารณาจากอดีตที่ผ่านมา ยังอีกนานนักกว่าจะถึงมหาเคราะห์ไร้สิ้นสุดครั้งต่อไป ถึงอย่างไรวังเทพก็ผงาดขึ้นในช่วงที่มหาเคราะห์ไร้สิ้นสุดปิดฉากลง ต่อให้มีชื่อเสียงสะท้านโลกาเพียงใด ก็ยากที่จะพัฒนาขึ้นได้ในระยะเวลาสั้นๆ

….

เจ็ดปีผ่านไป

ในที่สุดเกาะสำนักซ่อนเร้นก็เข้าสู่แดนเซียนแล้ว หานเจวี๋ยควบคุมเกาะสำนักซ่อนเร้นให้มุ่งหน้าต่อไป ขณะเดียวกันก็ใช้พลังจิตสังเกตการณ์ทุกอย่างรอบข้างไปด้วย

ผืนธรณีรกร้าง มองไม่เห็นสีเขียวเลยแม้แต่น้อย แอ่งโลหิตมากมายยังมิเหือดแห้งไป ขอบฟ้ามืดมน ไม่เห็นดวงตะวัน แลดูเปลี่ยวร้างและวังเวงยิ่งนัก

หานเจวี๋ยถอดถอนใจกับตัวเอง

ตลอดการเดินทางหลายวันมานี้ หานเจวี๋ยไม่พบเห็นสิ่งมีชีวิตใดเลย

ต้องทราบว่าความเร็วในการเคลื่อนที่ของเกาะสำนักซ่อนเร้นไม่นับว่าเชื่องช้าเลย หากปล่อยไว้ในอวกาศ ใช้เวลาเพียงไม่กี่วันก็สามารถโคจรรอบทางช้างเผือกได้แล้ว

และนี่เป็นครั้งแรกที่หานเจวี๋ยได้รับรู้อย่างแท้จริงว่าแดนเซียนกว้างใหญ่นัก กว้างไกลกว่าที่เขาจินตนาการเอาไว้ ถึงขั้นเรียกได้ว่าไร้ขอบเขตสุดสายตา ไอรีนโนเวล : เนื่องจากทันตอนล่าสุดตามต้นทางแล้วจึงเหลือวันละตอน

โลกที่กว้างใหญ่ถึงเพียงนี้มีเหตุสังหารครั้งใหญ่ดำเนินอยู่หลายพันปี จนกระทั่งสิ่งมีชีวิตทั้งหมดสิ้นชีพไป ช่างน่าหวาดหวั่นโดยแท้

เกาะสำนักซ่อนเร้นเคลื่อนที่ต่อไปเรื่อยๆ หานเจวี๋ยต้องการเสาะหาสถานที่ที่สะอาดหมดจดสักแห่งหนึ่ง

ส่วนเรื่องพลังวิญญาณ เขาไม่คิดกังวลเรื่องนั้นเลยแม้แต่น้อย ทั่วทั้งแดนเซียนล้วนมิอาจเสาะหาสถานที่ที่มีพลังวิญญาณหนาแน่นยิ่งกว่าอาณาเขตเต๋าของเขาได้อีกแล้ว

เวลาผ่านไปถึงหนึ่งปีเต็ม ในที่สุดหานเจวี๋ยก็พบหุบเขาที่สะอาดหมดจดแห่งหนึ่ง กินพื้นที่นับล้านลี้ ป่าไม้ชอุ่ม เต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา ขาดเพียงร่องรอยของสิ่งมีชีวิตเท่านั้น

เกาะสำนักซ่อนเร้นร่อนลงภายในป่าผืนหนึ่ง เสมือนก้อนกรวดที่ร่วงหล่นลงกลางกองใบไม้ ไม่สะดุดตาแม้แต่น้อย

หานเจวี๋ยเดินออกจากถ้ำเทวาฟ้าประทาน โบกมือขวาคราหนึ่ง เคลื่อนย้ายทุกคนออกจากอาณาเขตเต๋า แล้วเขาจึงตามออกไป

เมื่อชาวเผ่าเอกาและเหล่าศิษย์สำนักซ่อนเร้นร่อนลงภายในป่า ทั้งหมดล้วนตะลึงงัน

“ที่นี่คือแดนเซียน นับจากวันนี้ไป พวกเราจะลงหลักปักฐานกันที่นี่ พวกเจ้าอย่าได้ออกนอกพื้นที่ในรัศมีหนึ่งล้านลี้ ให้สร้างที่พักอาศัยอยู่ในละแวกนี้ เพื่อก่อตั้งเป็นหุบเขาสำนักซ่อนเร้น” หานเจวี๋ยเอ่ย เสียงแว่วเข้าสู่หูของของคนทั้งปวง

เมื่อวาจานี้ถูกเปล่งออกมา ทุกคนล้วนตื่นเต้นคึกคักขึ้นมาทันที ในที่สุดก็กลับถึงแดนเซียนแล้ว

เหล่าศิษย์ที่ไม่เคยมาเยือนแดนเซียนต่างรู้สึกประหม่ากันอยู่บ้าง

หานเจวี๋ยกลับเข้าไปในเกาะสำนักซ่อนเร้นอีกครั้ง

[ท่านเลือกกลับสู่แดนเซียน ได้รับชิ้นส่วนมหามรรคหนึ่งชิ้น โอกาสเปิดใช้งานความสามารถใหม่ของระบบหนึ่งครั้ง]

[ระบบเปิดใช้งานความสามารถชำระล้างขั้นสมบูรณ์]

[ความสามารถชำระล้างขั้นสมบูรณ์: ช่วยชำระล้างปัจจัยเลวร้ายใดๆ ก็ตามในสมบัติวิเศษและสิ่งมีชีวิตตลอดจนขุมทรัพย์แห่งฟ้าดิน รวมไปถึงผลลัพธ์ทุกอย่างที่เกิดจากการปิดผนึกและคำสาปแช่งได้ โดยใช้อายุขัยเป็นการแลกเปลี่ยน]

หืม?

ชำระล้างหรือ

หานเจวี๋ยเหม่อลอยไปชั่วขณะ เช่นนี้คือ…

เขาครุ่นคิดครู่หนึ่ง เอ่ยถามในใจ ‘ผลลัพธ์เลวร้ายใดๆ ก็สามารถใช้ได้หรือ หากว่าอริยะระดับมหามรรคสาปแช่งข้าหรือว่าใช้วิชาต้องห้ามอันใดกับข้า ข้าก็สามารถชำระล้างได้เช่นนั้นหรือ’

[ได้ ขอเพียงแลกเปลี่ยนด้วยจำนวนอายุขัยที่เท่าเทียม]

แบบนั้นก็ไม่เลวเลย

สิ่งที่หานเจวี๋ยมีอยู่มากก็คืออายุขัย

‘ลองใช้กับตัวข้าดูก่อนแล้วกัน’ หานเจวี๋ยคิดเงียบๆ

[จำเป็นต้องหักอายุขัยสองพันล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]

ราคาไม่แตกต่างไปจากระบบวิวัฒนาการเลย หานเจวี๋ยยังพอรับได้

หากว่าการชำระล้างหนึ่งครั้งต้องการอายุขัยนับหมื่นล้านปี หรืออาจจะมากกว่านั้น เช่นนั้นจะคุ้มกันหรือ

กระแสความร้อนอันน่าประหลาดสายหนึ่งไหลเวียนอยู่ภายในร่างหานเจวี๋ย รู้สึกอบอุ่นและผ่อนคลาย คันยุบยิบอยู่บ้าง

สิบนาทีผ่านไป

[ชำระล้างเสร็จสิ้น สภาวะสมบูรณ์แบบ]

หานเจวี๋ยยิ้มออกมา ไม่ศึกษาความสามารถนี้ต่อแล้ว

ชิ้นส่วนมหามรรคของเขารวบรวมครบเก้าชิ้นแล้ว ต่อไปก็เริ่มผสานรวมเข้าด้วยกันได้แล้ว!

เขาหยิบชิ้นส่วนมหามรรคทั้งเก้าชิ้นออกมา เริ่มผสานรวม

ครั้งนี้เป้าหมายของเขาคือก่อตั้งมหามรรคของเขาเอง!

ครึ่งชั่วยามผ่านไป

ชิ้นส่วนมหามรรคทั้งเก้าผสานรวมกัน หานเจวี๋ยเริ่มเข้าสู่ภาวะตระหนักรู้มหามรรค

แรงบันดาลใจและความคิดน่าอัศจรรย์อันไร้ที่สิ้นสุดผุดขึ้นในสมองของเขา เขาธำรงความคิดนี้เอาไว้ตลอด

มหามรรคใหม่!

….

ภายในหุบเขา เขาทุกลูกทอดยาวเชื่อมต่อกัน เหล่าศิษย์สำนักซ่อนเร้นและชาวเผ่าเอกาต่างจับกลุ่มตระเวนไปทั่ว

ในบรรดานั้น จ้าวเซวียนหยวน เต้าจื้อจุนและเจียงอี้เดินไปด้วยกันอย่างไร้จุดมุ่งหมาย เตร็ดเตร่ไปเรื่อยเปื่อย

ในอดีตทั้งสามต่างเป็นบุตรแห่งสวรรค์อันดับหนึ่งจากกลุ่มอิทธิพลขนาดใหญ่ พูดจาประสาเดียวกัน ดังนั้นจึงสนิทสนมกัน

“แรงกรรมแห่งฟ้าดินสลายไปแล้ว มหาเคราะห์สิ้นสุดลงอย่างแท้จริงแล้ว” เต้าจื้อจุนสะเทือนใจอย่างยิ่ง

เขาเข้าร่วมสำนักซ่อนเร้นช้าที่สุด ยามที่เขาจากไป แรงกรรมแห่งฟ้าดินเข้มข้นจนมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ราวกับไฟโลกันต์แห่งปรโลก

จ้าวเซวียนหยวนเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “โชคดีที่พวกเราเข้าร่วมสำนักซ่อนเร้น มิเช่นนั้นจะได้รับดวงชะตามหาจักรพรรดิไร้สิ้นสุดได้อย่างไร”

เจียงอี้เหลียวซ้ายแลขวา ตัดอารมณ์หม่นหมองของคนทั้งสองลงด้วยการเอ่ยว่า “บริเวณนี้คล้ายว่าจะไม่ธรรมดาเลย รู้สึกคล้ายกับว่าเคยมาเยือนที่นี่แล้ว”

เมื่อได้ยินดังนั้น จ้าวเซวียนหยวนและเต้าจื้อจุนก็เริ่มสังเกตอย่างละเอียดเช่นกัน

ผ่านไปสักพักหนึ่ง

จู่ๆ เต้าจื้อจุนก็เอ่ยขึ้นด้วยความตระหนก “ที่นี่คล้ายว่าจะเป็นอาณาเขตเก่าของเผ่ากิเลน มิน่าเล่าทิวเขาในแถบนี้จึงไม่ได้รับผลกระทบเลย เป็นไอมงคลของเผ่ากิเลนที่สกัดกั้นแรงกรรมแห่งฟ้าดินเอาไว้”

เจียงอี้ถามด้วยความฉงน “เหตุใดจึงไม่เห็นกิเลนสักตัวเลยเล่า”

จ้าวเซวียนหยวนเอ่ยคล้อยตาม “หรือจะสิ้นชีพไปหมดแล้ว”

เปลือกตาเต้าจื้อจุนและเจียงอี้กระตุกไม่หยุดแล้ว

ตบะของพวกเขาล้วนไม่อ่อนด้อย เมื่อใช้จิตสัมผัสตรวจหาภายในรัศมีไม่เกินหนึ่งล้านลี้ นอกจากสำนักซ่อนเร้นแล้ว พวกเขาก็ตรวจจับร่องรอยของสิ่งมีชีวิตอื่นไม่ได้เลย

พวกเขาพลันนึกถึงความเป็นไปได้อันน่าหวาดหวั่นอย่างหนึ่งขึ้นมา

คงมิใช่ว่าสรรพสิ่งในแดนเซียนล้วนวอดวายไปหมดสิ้นแล้วกระมัง

พวกเขาสบตากันแวบหนึ่ง ทั้งสามดีดเท้าเหาะขึ้นไป เริ่มตรวจสอบดูทั่วทั้งสี่ทิศ

หานเจวี๋ยไม่อนุญาตให้พวกเขาออกนอกรัศมีหนึ่งล้านลี้ แต่พวกเขาสามารถสำแดงพลังวิเศษแยกร่าง ให้ร่างแยกออกไปตรวจสอบได้

หนึ่งปีผ่านไป

ทั้งสามก็ได้ข้อสรุปว่า

สิ่งมีชีวิตใต้ร่มมรรคาสวรรค์สูญสิ้นหมดแล้วจริงๆ!

อย่าว่าแต่ในรัศมีหนึ่งล้านลี้เลย ร่างแยกของพวกเขาตระเวนไปทั่วแผ่นดินก็ไม่พบเห็นสิ่งมีชีวิตใดสักชนิดเลย

พวกเขานำเรื่องนี้ไปบอกกล่าวต่อชาวสำนักซ่อนเร้นคนอื่นๆ เป็นเหตุให้ทุกคนในสำนักซ่อนเร้นพากันตื่นตะลึงไปเช่นกัน

หลังจากสะเทือนใจกันอยู่พักหนึ่ง พวกเขาก็เริ่มรู้สึกโชคดีที่ได้ติดตามหานเจวี๋ย

หากมิได้ติดตามบำเพ็ญเพียรกับหานเจวี๋ย เกรงว่าพวกเขาก็คงสิ้นชีพในมหาเคราะห์เช่นเดียวกัน

………………………………………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะบทที่ 460 ชำระล้างขั้นสมบูรณ์ แดนเซียนรกร้าง

Now you are reading ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ Chapter บทที่ 460 ชำระล้างขั้นสมบูรณ์ แดนเซียนรกร้าง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 460 ชำระล้างขั้นสมบูรณ์ แดนเซียนรกร้าง

ระหว่างที่บินมุ่งหน้าไปยังแดนเซียน หานเจวี๋ยกดเลือกตัวเลือกแรกของระบบก่อนหน้านี้เงียบๆ

[ต้องไปถึงแดนเซียนมรรคาสวรรค์ก่อน ถึงจะสามารถเลือกตัวเลือกนี้ได้]

หานเจวี๋ยจึงทำได้เพียงรอไปก่อน

ถึงแม้จะรับรู้ถึงการมีอยู่ของตราประทับหกวิถีได้ แต่เกาะสำนักซ่อนเร้นเคลื่อนย้ายไปมาในแดนต้องห้ามอันธการอยู่หลายครั้ง อยู่ห่างไกลจากแดนเซียนเกินไปจริงๆ ไม่สามารถไปถึงแดนเซียนได้ภายในระยะเวลาสั้นๆ

เมื่อนึกถึงตราประทับหกวิถี หานเจวี๋ยอดไม่ได้ที่นึกถึงจักรพรรดิเซียนวัฏจักรขึ้นมา คนผู้นี้ไม่มีความเคลื่อนไหวมานานมากแล้ว จากจอค่าความสัมพันธ์เห็นได้ชัดว่าเขายังมีชีวิตอยู่

สิ่งที่ควรค่าให้เอ่ยถึงคือ ตบะของจักรพรรดิเซียนวัฏจักรคือเซียนทองต้าหลัวระยะกลาง

สามารถปลอมตัวอยู่ข้างกายจักรพรรดิสวรรค์ ซ้ำยังไม่ถูกจับได้ ตบะย่อมไม่มีทางต่ำกว่าจักรพรรดิสวรรค์อย่างแน่นอน เพียงแต่ตอนนี้ไม่อยู่ในสายตาของหานเจวี๋ยแล้ว

นับตั้งแต่เริ่มสาปแช่งอริยะมิ่งจี หานเจวี๋ยก็ไม่เห็นเซียนทองต้าหลัวอยู่ในสายตาอีก

เมื่อมองย้อนกลับไป หานเจวี๋ยอดไม่ได้ที่จะส่ายหน้าและหลุดยิ้มออกมา

ครั้งหนึ่งเมื่อนานมาแล้ว เขาเคยมองจักรพรรดิเซียนวัฏจักรเป็นศัตรูตัวฉกาจ แต่น่าเสียดายที่เมื่อเวลาผันผ่านไป จักรพรรดิเซียนวัฏจักรกลับถอยห่างออกจากเวทีแห่งการชิงอำนาจในสายตาของหานเจวี๋ยไปเสียแล้ว

นี่เป็นเรื่องของคุณสมบัติ!

หานเจวี๋ยไม่ต้องการต่อสู้แย่งชิงอันใด เพียงอยากซ่อนตัวฝึกบำเพ็ญอย่างสบายใจที่ไหนสักแห่ง คาดว่าศัตรูยังไม่ทันมีปฏิกิริยาตอบสนองก็คงถูกเขาแซงหน้าไปแล้ว

‘ก่อนที่มหาเคราะห์ครั้งต่อไปจะมาถึง ข้าต้องพิสูจน์มรรคให้ได้!’

หานเจวี๋ยกำหนดเป้าหมายให้ตัวเอง

เมื่อมหาเคราะห์ไร้สิ้นสุดเริ่มขึ้น กลไกสวรรค์จะถูกบดบัง อริยะลงสู่แดนมนุษย์ได้ เมื่อถึงเวลานั้น แดนเซียนมรรคาสวรรค์จะกลายเป็นสถานที่อันตราย!

หากพิจารณาจากอดีตที่ผ่านมา ยังอีกนานนักกว่าจะถึงมหาเคราะห์ไร้สิ้นสุดครั้งต่อไป ถึงอย่างไรวังเทพก็ผงาดขึ้นในช่วงที่มหาเคราะห์ไร้สิ้นสุดปิดฉากลง ต่อให้มีชื่อเสียงสะท้านโลกาเพียงใด ก็ยากที่จะพัฒนาขึ้นได้ในระยะเวลาสั้นๆ

….

เจ็ดปีผ่านไป

ในที่สุดเกาะสำนักซ่อนเร้นก็เข้าสู่แดนเซียนแล้ว หานเจวี๋ยควบคุมเกาะสำนักซ่อนเร้นให้มุ่งหน้าต่อไป ขณะเดียวกันก็ใช้พลังจิตสังเกตการณ์ทุกอย่างรอบข้างไปด้วย

ผืนธรณีรกร้าง มองไม่เห็นสีเขียวเลยแม้แต่น้อย แอ่งโลหิตมากมายยังมิเหือดแห้งไป ขอบฟ้ามืดมน ไม่เห็นดวงตะวัน แลดูเปลี่ยวร้างและวังเวงยิ่งนัก

หานเจวี๋ยถอดถอนใจกับตัวเอง

ตลอดการเดินทางหลายวันมานี้ หานเจวี๋ยไม่พบเห็นสิ่งมีชีวิตใดเลย

ต้องทราบว่าความเร็วในการเคลื่อนที่ของเกาะสำนักซ่อนเร้นไม่นับว่าเชื่องช้าเลย หากปล่อยไว้ในอวกาศ ใช้เวลาเพียงไม่กี่วันก็สามารถโคจรรอบทางช้างเผือกได้แล้ว

และนี่เป็นครั้งแรกที่หานเจวี๋ยได้รับรู้อย่างแท้จริงว่าแดนเซียนกว้างใหญ่นัก กว้างไกลกว่าที่เขาจินตนาการเอาไว้ ถึงขั้นเรียกได้ว่าไร้ขอบเขตสุดสายตา ไอรีนโนเวล : เนื่องจากทันตอนล่าสุดตามต้นทางแล้วจึงเหลือวันละตอน

โลกที่กว้างใหญ่ถึงเพียงนี้มีเหตุสังหารครั้งใหญ่ดำเนินอยู่หลายพันปี จนกระทั่งสิ่งมีชีวิตทั้งหมดสิ้นชีพไป ช่างน่าหวาดหวั่นโดยแท้

เกาะสำนักซ่อนเร้นเคลื่อนที่ต่อไปเรื่อยๆ หานเจวี๋ยต้องการเสาะหาสถานที่ที่สะอาดหมดจดสักแห่งหนึ่ง

ส่วนเรื่องพลังวิญญาณ เขาไม่คิดกังวลเรื่องนั้นเลยแม้แต่น้อย ทั่วทั้งแดนเซียนล้วนมิอาจเสาะหาสถานที่ที่มีพลังวิญญาณหนาแน่นยิ่งกว่าอาณาเขตเต๋าของเขาได้อีกแล้ว

เวลาผ่านไปถึงหนึ่งปีเต็ม ในที่สุดหานเจวี๋ยก็พบหุบเขาที่สะอาดหมดจดแห่งหนึ่ง กินพื้นที่นับล้านลี้ ป่าไม้ชอุ่ม เต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา ขาดเพียงร่องรอยของสิ่งมีชีวิตเท่านั้น

เกาะสำนักซ่อนเร้นร่อนลงภายในป่าผืนหนึ่ง เสมือนก้อนกรวดที่ร่วงหล่นลงกลางกองใบไม้ ไม่สะดุดตาแม้แต่น้อย

หานเจวี๋ยเดินออกจากถ้ำเทวาฟ้าประทาน โบกมือขวาคราหนึ่ง เคลื่อนย้ายทุกคนออกจากอาณาเขตเต๋า แล้วเขาจึงตามออกไป

เมื่อชาวเผ่าเอกาและเหล่าศิษย์สำนักซ่อนเร้นร่อนลงภายในป่า ทั้งหมดล้วนตะลึงงัน

“ที่นี่คือแดนเซียน นับจากวันนี้ไป พวกเราจะลงหลักปักฐานกันที่นี่ พวกเจ้าอย่าได้ออกนอกพื้นที่ในรัศมีหนึ่งล้านลี้ ให้สร้างที่พักอาศัยอยู่ในละแวกนี้ เพื่อก่อตั้งเป็นหุบเขาสำนักซ่อนเร้น” หานเจวี๋ยเอ่ย เสียงแว่วเข้าสู่หูของของคนทั้งปวง

เมื่อวาจานี้ถูกเปล่งออกมา ทุกคนล้วนตื่นเต้นคึกคักขึ้นมาทันที ในที่สุดก็กลับถึงแดนเซียนแล้ว

เหล่าศิษย์ที่ไม่เคยมาเยือนแดนเซียนต่างรู้สึกประหม่ากันอยู่บ้าง

หานเจวี๋ยกลับเข้าไปในเกาะสำนักซ่อนเร้นอีกครั้ง

[ท่านเลือกกลับสู่แดนเซียน ได้รับชิ้นส่วนมหามรรคหนึ่งชิ้น โอกาสเปิดใช้งานความสามารถใหม่ของระบบหนึ่งครั้ง]

[ระบบเปิดใช้งานความสามารถชำระล้างขั้นสมบูรณ์]

[ความสามารถชำระล้างขั้นสมบูรณ์: ช่วยชำระล้างปัจจัยเลวร้ายใดๆ ก็ตามในสมบัติวิเศษและสิ่งมีชีวิตตลอดจนขุมทรัพย์แห่งฟ้าดิน รวมไปถึงผลลัพธ์ทุกอย่างที่เกิดจากการปิดผนึกและคำสาปแช่งได้ โดยใช้อายุขัยเป็นการแลกเปลี่ยน]

หืม?

ชำระล้างหรือ

หานเจวี๋ยเหม่อลอยไปชั่วขณะ เช่นนี้คือ…

เขาครุ่นคิดครู่หนึ่ง เอ่ยถามในใจ ‘ผลลัพธ์เลวร้ายใดๆ ก็สามารถใช้ได้หรือ หากว่าอริยะระดับมหามรรคสาปแช่งข้าหรือว่าใช้วิชาต้องห้ามอันใดกับข้า ข้าก็สามารถชำระล้างได้เช่นนั้นหรือ’

[ได้ ขอเพียงแลกเปลี่ยนด้วยจำนวนอายุขัยที่เท่าเทียม]

แบบนั้นก็ไม่เลวเลย

สิ่งที่หานเจวี๋ยมีอยู่มากก็คืออายุขัย

‘ลองใช้กับตัวข้าดูก่อนแล้วกัน’ หานเจวี๋ยคิดเงียบๆ

[จำเป็นต้องหักอายุขัยสองพันล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]

ราคาไม่แตกต่างไปจากระบบวิวัฒนาการเลย หานเจวี๋ยยังพอรับได้

หากว่าการชำระล้างหนึ่งครั้งต้องการอายุขัยนับหมื่นล้านปี หรืออาจจะมากกว่านั้น เช่นนั้นจะคุ้มกันหรือ

กระแสความร้อนอันน่าประหลาดสายหนึ่งไหลเวียนอยู่ภายในร่างหานเจวี๋ย รู้สึกอบอุ่นและผ่อนคลาย คันยุบยิบอยู่บ้าง

สิบนาทีผ่านไป

[ชำระล้างเสร็จสิ้น สภาวะสมบูรณ์แบบ]

หานเจวี๋ยยิ้มออกมา ไม่ศึกษาความสามารถนี้ต่อแล้ว

ชิ้นส่วนมหามรรคของเขารวบรวมครบเก้าชิ้นแล้ว ต่อไปก็เริ่มผสานรวมเข้าด้วยกันได้แล้ว!

เขาหยิบชิ้นส่วนมหามรรคทั้งเก้าชิ้นออกมา เริ่มผสานรวม

ครั้งนี้เป้าหมายของเขาคือก่อตั้งมหามรรคของเขาเอง!

ครึ่งชั่วยามผ่านไป

ชิ้นส่วนมหามรรคทั้งเก้าผสานรวมกัน หานเจวี๋ยเริ่มเข้าสู่ภาวะตระหนักรู้มหามรรค

แรงบันดาลใจและความคิดน่าอัศจรรย์อันไร้ที่สิ้นสุดผุดขึ้นในสมองของเขา เขาธำรงความคิดนี้เอาไว้ตลอด

มหามรรคใหม่!

….

ภายในหุบเขา เขาทุกลูกทอดยาวเชื่อมต่อกัน เหล่าศิษย์สำนักซ่อนเร้นและชาวเผ่าเอกาต่างจับกลุ่มตระเวนไปทั่ว

ในบรรดานั้น จ้าวเซวียนหยวน เต้าจื้อจุนและเจียงอี้เดินไปด้วยกันอย่างไร้จุดมุ่งหมาย เตร็ดเตร่ไปเรื่อยเปื่อย

ในอดีตทั้งสามต่างเป็นบุตรแห่งสวรรค์อันดับหนึ่งจากกลุ่มอิทธิพลขนาดใหญ่ พูดจาประสาเดียวกัน ดังนั้นจึงสนิทสนมกัน

“แรงกรรมแห่งฟ้าดินสลายไปแล้ว มหาเคราะห์สิ้นสุดลงอย่างแท้จริงแล้ว” เต้าจื้อจุนสะเทือนใจอย่างยิ่ง

เขาเข้าร่วมสำนักซ่อนเร้นช้าที่สุด ยามที่เขาจากไป แรงกรรมแห่งฟ้าดินเข้มข้นจนมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ราวกับไฟโลกันต์แห่งปรโลก

จ้าวเซวียนหยวนเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “โชคดีที่พวกเราเข้าร่วมสำนักซ่อนเร้น มิเช่นนั้นจะได้รับดวงชะตามหาจักรพรรดิไร้สิ้นสุดได้อย่างไร”

เจียงอี้เหลียวซ้ายแลขวา ตัดอารมณ์หม่นหมองของคนทั้งสองลงด้วยการเอ่ยว่า “บริเวณนี้คล้ายว่าจะไม่ธรรมดาเลย รู้สึกคล้ายกับว่าเคยมาเยือนที่นี่แล้ว”

เมื่อได้ยินดังนั้น จ้าวเซวียนหยวนและเต้าจื้อจุนก็เริ่มสังเกตอย่างละเอียดเช่นกัน

ผ่านไปสักพักหนึ่ง

จู่ๆ เต้าจื้อจุนก็เอ่ยขึ้นด้วยความตระหนก “ที่นี่คล้ายว่าจะเป็นอาณาเขตเก่าของเผ่ากิเลน มิน่าเล่าทิวเขาในแถบนี้จึงไม่ได้รับผลกระทบเลย เป็นไอมงคลของเผ่ากิเลนที่สกัดกั้นแรงกรรมแห่งฟ้าดินเอาไว้”

เจียงอี้ถามด้วยความฉงน “เหตุใดจึงไม่เห็นกิเลนสักตัวเลยเล่า”

จ้าวเซวียนหยวนเอ่ยคล้อยตาม “หรือจะสิ้นชีพไปหมดแล้ว”

เปลือกตาเต้าจื้อจุนและเจียงอี้กระตุกไม่หยุดแล้ว

ตบะของพวกเขาล้วนไม่อ่อนด้อย เมื่อใช้จิตสัมผัสตรวจหาภายในรัศมีไม่เกินหนึ่งล้านลี้ นอกจากสำนักซ่อนเร้นแล้ว พวกเขาก็ตรวจจับร่องรอยของสิ่งมีชีวิตอื่นไม่ได้เลย

พวกเขาพลันนึกถึงความเป็นไปได้อันน่าหวาดหวั่นอย่างหนึ่งขึ้นมา

คงมิใช่ว่าสรรพสิ่งในแดนเซียนล้วนวอดวายไปหมดสิ้นแล้วกระมัง

พวกเขาสบตากันแวบหนึ่ง ทั้งสามดีดเท้าเหาะขึ้นไป เริ่มตรวจสอบดูทั่วทั้งสี่ทิศ

หานเจวี๋ยไม่อนุญาตให้พวกเขาออกนอกรัศมีหนึ่งล้านลี้ แต่พวกเขาสามารถสำแดงพลังวิเศษแยกร่าง ให้ร่างแยกออกไปตรวจสอบได้

หนึ่งปีผ่านไป

ทั้งสามก็ได้ข้อสรุปว่า

สิ่งมีชีวิตใต้ร่มมรรคาสวรรค์สูญสิ้นหมดแล้วจริงๆ!

อย่าว่าแต่ในรัศมีหนึ่งล้านลี้เลย ร่างแยกของพวกเขาตระเวนไปทั่วแผ่นดินก็ไม่พบเห็นสิ่งมีชีวิตใดสักชนิดเลย

พวกเขานำเรื่องนี้ไปบอกกล่าวต่อชาวสำนักซ่อนเร้นคนอื่นๆ เป็นเหตุให้ทุกคนในสำนักซ่อนเร้นพากันตื่นตะลึงไปเช่นกัน

หลังจากสะเทือนใจกันอยู่พักหนึ่ง พวกเขาก็เริ่มรู้สึกโชคดีที่ได้ติดตามหานเจวี๋ย

หากมิได้ติดตามบำเพ็ญเพียรกับหานเจวี๋ย เกรงว่าพวกเขาก็คงสิ้นชีพในมหาเคราะห์เช่นเดียวกัน

………………………………………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด