ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะบทที่ 632 พรสวรรค์อันดับหนึ่งนับแต่โบราณจนถึงปัจจุบัน

Now you are reading ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ Chapter บทที่ 632 พรสวรรค์อันดับหนึ่งนับแต่โบราณจนถึงปัจจุบัน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 632 พรสวรรค์อันดับหนึ่งนับแต่โบราณจนถึงปัจจุบัน

“รับใช้เจ้าอย่างนั้นหรือ อาศัยสิ่งใดเล่า เจ้าเก่งนักหรือ”

อี๋เทียนตะโกนด้วยความไม่พอใจ เขาเคยแต่รับลูกน้อง ไม่เคยต้องเป็นลูกน้องของผู้ใดมาก่อน ในอดีตตอนอยู่ที่เผ่าปีศาจและวังเทพ ผู้กุมอำนาจล้วนปฏิบัติต่อเขาอย่างสุภาพให้เกียรติ

จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายเอ่ยอย่างสงบว่า “เราคืออดีตจักรพรรดิสวรรค์แห่งวังสวรรค์ ยามนี้พิสูจน์มรรคแล้ว เจ้าว่าเราอาศัยสิ่งใดเล่า”

อดีตจักรพรรดิสวรรค์?

หานทั่วตกใจ จักรพรรดิสวรรค์คนปัจจุบันคือฟางเหลียง ฟางเหลียงคือศิษย์หลานของบิดาเขา เช่นนั้นจักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายเป็นมิตรหรือเป็นศัตรูของบิดาเขากัน

จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายคล้ายจะเข้าใจถึงความวิตกของเขา จึงเอ่ยขึ้นว่า “ในอดีตกาลสมัยที่บิดาเจ้ายังไม่สำเร็จเป็นเซียน บิดาเจ้าก็เคยได้รับการผลักดันจากเราเช่นกัน บิดาเจ้าเคยทำงานให้เรามาก่อน เจ้าไม่คิดจะทำบ้างหรือ”

หานทั่วถามด้วยความระมัดระวัง “บิดาข้าอย่างนั้นหรือ”

อี๋เทียนรู้สึกประหลาดใจ บิดาของหานทั่วสิ้นไปนานแล้วมิใช่หรือ

“ถูกต้อง ก็คือเจ้าสำนักซ่อนเร้น หานเจวี๋ย” จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายกล่าวอย่างสงบ

หานทั่วหน้าตาเหมือนหานเจวี๋ย เมื่อครู่จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายทำนายบ่วงกรรมดูแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าจะทำนายได้ไม่กระจ่าง ระบุได้แค่ว่าหานทั่วมีภูมิหลังอันยิ่งใหญ่ เช่นนั้นก็ต้องเป็นเพราะมีส่วนเกี่ยวข้องกับหานเจวี๋ยเท่านั้น

อี๋เทียนเบิกตากว้าง เอ่ยด้วยความตกใจ “บิดาเจ้าคือเจ้าสำนักซ่อนเร้นหรือ เหตุใดที่ผ่านมาเจ้าไม่เคยพูดถึงเลย”

เจ้าสำนักซ่อนเร้นคือตัวตนในตำนานที่เล่าขานกันในแดนเซียน มีศักดิ์เทียบเคียงกับอริยะ เคยช่วยเหลือปวงสวรรค์หมื่นโลกาไว้ มีผลกุศลมหาศาลไร้สิ้นสุด

หานทั่วเอ่ยด้วยรอยยิ้มขมขื่น “ข้าก็เพิ่งรู้เมื่อไม่นานนี้”

เขามองไปที่จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้าย

ในใจเขายังคงหวาดระแวงอยู่บ้าง แต่อีกฝ่ายระบุความสัมพันธ์ระหว่างเขาและหานเจวี๋ยออกมาตรงๆ ย่อมมิใช่การโป้ปดลวงหลอกเขา

“ท่านเล่าเรื่องในอดีตสมัยที่ท่านรู้จักกับท่านพ่อข้าให้ข้าฟังได้หรือไม่” หานทั่วถาม

จักรพรรดิสวรรค์ยิ้มอย่างมีนัยแวบหนึ่ง จากนั้นจึงค่อยๆ นั่งลงพลางเอ่ยว่า “ย่อมได้ เรื่องนี้ต้องเริ่มเล่าตั้งแต่มรรคาสวรรค์ยังไม่เริ่มต้นวงจรใหม่ ตอนนั้น วังสวรรค์ปกครองปวงสวรรค์หมื่นโลกา บิดาเจ้าเป็นเพียงคนธรรมดาไร้สกุลรุนชาติจากโลกมนุษย์แห่งหนึ่ง…”

หานทั่วนั่งขัดสมาธิ เริ่มตั้งใจฟัง

อี๋เทียนก็สนใจเรื่องราวบิดาของหานทั่วเช่นกัน จึงเริ่มตั้งใจฟังอยู่เงียบๆ

จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายย้อนระลึกความทรงจำ บอกเล่าทุกเรื่องราวในอดีตออกมาทั้งหมด

ผ่านไปนานยิ่ง

เมื่อจักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายเล่าจบ หานทั่วและอี๋เทียนยังคงจมจ่อมอยู่ในเรื่องราว

อี๋เทียนสะดุ้ง เอ่ยถามทันที “จากที่ท่านเล่ามา เจ้าสำนักซ่อนเร้นพิสูจน์มรรคภายในระยะเวลาแค่แสนปีเช่นนั้นหรือ”

หานทั่วก็ตระหนักถึงจุดนี้เช่นกัน เขาแสดงสีหน้าแปลกพิกล

จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายตอบ “ถูกต้อง หานเจวี๋ยอายุมากกว่าหานทั่วเพียงสามหมื่นปี เขาคือคนที่มีพรสวรรค์เลิศล้ำที่สุดเท่าที่เราเคยพบเห็นมา ไม่มีมนุษย์และเทพเซียนองค์ใดเทียบเคียงได้”

สีหน้าหานทั่วพลันแปรเปลี่ยน

สามหมื่นปี…

ถึงให้เวลาเขาสามหมื่นปี ก็ยังไม่แน่ว่าจะบรรลุเซียนทองต้าหลัวระยะสมบูรณ์ได้ แต่หานเจวี๋ยที่อายุมากกว่าเขาสามหมื่นปีกลับกลายเป็นตัวตนอันดับหนึ่งไม่เป็นสองในหมู่อริยะไปแล้ว ความห่างชั้นนี้…

หานทั่วเผยรอยยิ้มขมขื่นออกมา จิตใจได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง

เดิมทีเขาคิดว่าเขาจะกลายเป็นความภาคภูมิใจของหานเจวี๋ยได้ แต่ดูจากตอนนี้แล้ว เขามีแต่ทำให้หานเจวี๋ยขายหน้า

อี๋เทียนก็ได้รับความตื่นตะลึงเช่นกัน เขาคิดมาตลอดว่าพรสวรรค์ของตนเลิศล้ำที่สุด แต่เมื่อเทียบกับบิดาของหานทั่ว…

“โอ้ ใช่แล้ว เราลองทำนายดูเล็กน้อย ช่วงที่หานเจวี๋ยพิสูจน์มรรคใกล้เคียงกับช่วงเวลากำเนิดของเจ้า กล่าวก็คือ จากมนุษย์ธรรมดาสู่อริยะ หานเจวี๋ยใช้เวลากว่าสามหมื่นปีเท่านั้น” จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายเอ่ยติดตลก

ในใจเขาก็ได้รับความตกใจเช่นกัน

เด็กคนนี้…

จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายทราบว่าพรสวรรค์ของหานเจวี๋ยน่าหวาดหวั่นอย่างยิ่ง แต่พอทำนายดูอย่างละเอียดกลับยิ่งทำให้เขารู้สึกขนหัวลุก

ต่อให้เป็นบรรพชนเต๋ากลับชาติมาเกิด ก็คงไม่ถึงขนาดนี้กระมัง!

หานทั่วและอี๋เทียนตกอยู่ในความตะลึง ไม่รู้สึกตัวอยู่เนิ่นนาน

จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายก็มิได้รบกวนพวกเขา เพราะตัวเขาเองก็สงบอารมณ์อยู่เช่นกัน

หานทั่วเงยหน้าขึ้นมา สองมือกำแน่น เอ่ยถามว่า “ท่านมีพระคุณเกื้อหนุนชุบเลี้ยงท่านพ่อ เช่นนั้นหากข้ารับใช้ท่าน ท่านสามารถทำให้ข้าไล่ตามท่านพ่อทันได้หรือไม่”

สีหน้าจักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายไม่แปรเปลี่ยน ทว่าในใจกลับรู้สึกละอายอยู่บ้าง

พูดไปก็น่าอับอาย เขารู้แจ้งแก่ใจดี ความกรุณาเกื้อกูลที่เขามอบให้หานเจวี๋ยนั้นไม่มีส่วนช่วยในการพิสูจน์มรรคของหานเจวี๋ยเลย ตัวเขาเองก็ยังต้องพึ่งพาการสืบทอดมรดกของจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์อันธการถึงจะสามารถพิสูจน์มรรคได้

จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายจึงกล่าวไปว่า “เราไม่อาจรับปากเป็นมั่นเหมาะได้ พรสวรรค์เฉกเช่นบิดาเจ้านับแต่โบราณจนถึงปัจจุบันนี้มีเพียงเขาเท่านั้น อย่างไรก็ตามหากเจ้าทำงานรับใช้เรา จะได้รับโอกาสวาสนาอันยิ่งใหญ่แน่นอน โอกาสที่ทำให้เจ้ามีความก้าวหน้ามากกว่าอยู่ในแดนเซียน ท้ายที่สุดแล้วแดนเซียนก็ยังเป็นกระดานหมากของเหล่าอริยชน แต่แดนต้องห้ามอันธการมีตัวตนที่แข็งแกร่งกว่าอริยะอยู่ ยามนี้ฟ้าบุพกาลโกลาหลวุ่นวาย เป็นโอกาสสำหรับช่วงชิงโชควาสนาอันยิ่งใหญ่

“พวกเจ้าทั้งสองต่างมีคุณสมบัติเทพมารฟ้าบุพกาล เราจะแต่งตั้งพวกเจ้าเป็นแม่ทัพสวรรค์ วังสวรรค์มียอดแม่ทัพสวรรค์เพียงสามคนเท่านั้น ตำแหน่งของพวกเจ้าเป็นรองเพียงเราเท่านั้น!”

หานทั่วและอี๋เทียนสบตากัน ต่างมองเห็นความคาดหวังในดวงตาของอีกฝ่าย

หากเทียบกับการบุกตะลุยไปอย่างสะเปะสะปะ มิสู้มาติดตามอดีตจักรพรรดิสวรรค์ผู้เคยชุบเลี้ยงอริยะดีกว่า!

อี๋เทียนถาม “เทพมารฟ้าบุพกาลคืออะไร”

จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายมองเขาอย่างลุ่มลึกแวบหนึ่ง ก่อนตอบไปว่า “เทพมารฟ้าบุพกาลก็คือเจ้าอย่างไรเล่า!”

อี๋เทียนตกตะลึง

หานทั่วกลับสงบนิ่งยิ่ง คุณสมบัติของอี๋เทียนล้ำหน้าไปไกลยิ่ง แม้ว่าบิดาเขาจะคลายผนึกสายเลือดให้เขาแล้ว เขาก็แทบจะไล่ตามอีกฝ่ายไม่ทันอยู่ดี

แต่หากเป็นเทพมารฟ้าบุพกาลในตำนานเล่าขานก็พอเข้าใจได้!

ช้าก่อน

เช่นนั้นบิดาเขานับเป็นสิ่งใด

เป็นเทพมารฟ้าบุพกาลเช่นกันหรือ

ระหว่างเทพมารฟ้าบุพกาลด้วยกันเองก็ยังมีความห่างชั้นด้านคุณสมบัติอย่างนั้นหรือ

หานทั่วไม่เข้าใจ แต่ฟังจากเรื่องราวที่จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายเล่ามา เขาไม่กล้าคาดหวังว่าจะอยู่เหนือกว่าหานเจวี๋ยแล้ว เพียงอยากทำให้หานเจวี๋ยภาคภูมิใจเท่านั้น

….

หนึ่งพันปีผ่านไป

หานเจวี๋ยลืมตาขึ้น ทำนายถึงหานทั่วเล็กน้อย

หานทั่วออกจากมรรคาสวรรค์ไประยะหนึ่งแล้ว แม้ตบะจะก้าวหน้าอยู่ตลอด แต่แดนต้องห้ามอันธการกลับอันตรายอย่างยิ่ง

หานเจวี๋ยนับนิ้วทำนาย สีหน้าพลันแปรเปลี่ยนเป็นแปลกพิกล

หืม?

เขาทำนายพบดวงชะตาที่คุ้นเคยสายหนึ่งอยู่ข้างกายหานทั่ว

จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้าย!

ดวงชะตาซับซ้อนยิ่ง มิได้มีเพียงดวงชะตามรรคาสวรรค์เท่านั้น ยังมีดวงชะตาแห่งฟ้าบุพกาลและดวงชะตาแห่งมหามรรคด้วย

‘เด็กคนนี้…’

จู่ๆ หานเจวี๋ยก็ค้นพบว่าวิถีทางของหานทั่วคล้ายคลึงกับเขายิ่งนัก ระหว่างทางเคยได้รับการดูแลจากจักรพรรดิเซียนวัฏจักรและจักรพรรดิสวรรค์เช่นกัน

อย่างไรก็ตามสุดท้ายจักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายก็เลือกเดินทางผิด หานเจวี๋ยจึงค่อนข้างที่จะไม่สบายใจ

‘ข้าอยากรู้ว่าถ้าหานทั่วติดตามจักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้าย สุดท้ายจะพานพบจุดจบอย่างไร’ หานเจวี๋ยถามในใจ

[จำเป็นต้องหักอายุขัยสี่พันล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]

ดำเนินการต่อ!

จิตรับรู้ของหานเจวี๋ยเข้าสู่ภาพลวงตาวิวัฒนาการ

เขาลืมตาขึ้น พบว่าตนมาโผล่บนอุกกาบาตขนาดมหึมาดวงหนึ่ง รอบข้างมีเงาร่างมากมายนับไม่ถ้วนยืนอยู่ มิได้มีเพียงบนอุกกาบาตเท่านั้น บนห้วงอวกาศรอบข้างก็มีเงาร่างมหาศาลนับไม่ถ้วนเหาะลอยอยู่ พวกเขาล้วนสวมเกราะสีดำ รอบกายมีไอดำพัวพัน ทั้งหมดต่างมองไปในทิศทางเดียวกัน

จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้าย!

จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายนั่งอยู่บนเก้าอี้ศิลาตัวหนึ่ง บุคลิกทรงอำนาจเผด็จการ เบื้องหน้าเขามีเงาร่างที่แผ่กลิ่นอายน่าพรั่นพรึงยืนอยู่สามตน ในสามร่างนั้นมีหานทั่วและอี๋เทียนรวมอยู่ด้วย

หืม?

หานเจวี๋ยหรี่ตาลง เขาสังเกตเห็นว่าสภาวะของหานทั่วดูคล้ายกับอริยะเสรี มองเห็นรัศมีแห่งอริยะเสรีได้ด้วยตาเปล่า

หานทั่วติดตามจักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้าย จนสำเร็จเป็นอริยะเสรีได้อย่างนั้นหรือ

อี๋เทียนเอ่ยเสียงขรึม “ฝ่าบาท พวกเราเตรียมการพร้อมแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายค่อยๆ ลุกขึ้นมา ห้วงอากาศมืดดำรอบกายบิดเบี้ยว กลิ่นอายทรงพลังแสนเผด็จการปะทุขึ้นมา กวาดม้วนไปทั่วแดนต้องห้ามอันธการ

“เทพเซียนแห่งวังสวรรค์เอ๋ย เราก่อตั้งวังสวรรค์ขึ้นมาหลายยุคหลายสมัย วังสวรรค์จะรวมแดนต้องห้ามอันธการให้เป็นหนึ่ง กวาดล้างแดนเทพหวนปัจฉิม ทำลายล้างสิ่งอัปมงคล ขับไล่มารมรรคา ปกป้องมรรคาสวรรค์น้อยนับร้อยแห่ง พวกเจ้าคือขุนศึกที่น่าภาคภูมิใจที่สุดของเรา ยามนี้ศัตรูตัวฉกาจอย่างที่มิเคยพานพบมาก่อนใกล้เข้ามาแล้ว พวกเราไม่อาจล่าถอยได้ หากพวกเราล่าถอย มรรคาสวรรค์จักถูกทำลายล้าง!”

“พวกเจ้าพร้อมจะต่อสู้เพื่อเกียรติยศแห่งวังสวรรค์หรือไม่”

น้ำเสียงของจักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายเปี่ยมด้วยอำนาจ ดึงดูดให้เทพเซียนแห่งวังสวรรค์ทั้งหมดขานรับอย่างพร้อมเพรียง “พวกเรายินดีอุทิศกายถวายชีวิตเพื่อฝ่าบาทโดยไม่นึกเสียดาย!”

………………………………………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด