ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ บทที่ 158 ศึกแห่งเซียนอิสระ

Now you are reading ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ Chapter บทที่ 158 ศึกแห่งเซียนอิสระ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 158 ศึกแห่งเซียนอิสระ

[นักพรตเต๋าเจวี๋ยเหยี่ยน: ระดับเซียนอิสระขั้นแปด ผู้บำเพ็ญอิสระแดนเซียน]

[หยางเยี่ยนจวิน: ระดับเซียนอิสระขั้นเก้า ศิษย์หมู่เกาะเซียนมังกรแดนเซียน]

เห็นอักขระสองแถวที่ปรากฏขึ้นเบื้องหน้า หานเจวี๋ยก็นิ่งเงียบไป

ภายในใจเขาสับสนยิ่งนัก

เขาไม่ได้ตอบสตรีชุดดำที่มีนามว่าหยางเยี่ยนจวิน หากแต่เริ่มใช้แบบจำลองการทดสอบ

เผชิญหน้ากับนักพรตเต๋าเจวี๋ยเหยี่ยน ปลิดชีพในพริบตา!

ทว่าเมื่อเผชิญหน้ากับหยางเยี่ยนจวินนั้น เขาไม่อาจปลิดชีพในพริบตาได้ เจ้าหมอนี่กลับมีของวิเศษลึกลับที่สามารถต้านการบุกโจมตีของหานเจวี๋ย โชคดีที่หลังจากผ่านไปหลายวินาที หานเจวี๋ยยังสามารถอาศัยพลังอันแข็งแกร่งดุดันเชือดสังหารได้

หานเจวี๋ยลองใช้วิธีหนึ่งต่อสองดู

หลังผ่านไปสิบอึดใจ เขาถึงลืมตาขึ้นมา

ไม่ได้!

ไม่สามารถปลิดชีพในพริบตาได้!

จากความสามารถของสองคนนี้ เป็นไปได้สูงว่าอาจจะนำภัยพิบัติมาสู่สำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์

ควรทำอย่างไรดี

หานเจวี๋ยขมวดคิ้วมุ่น

อู้เต้าเจี้ยนเอ่ยปากถามว่า “นายท่าน เหตุใดท่านถึงคิ้วขมวดเล่า ผู้มาเยือนด้านนอกเป็นศัตรูหรือ”

หานเจวี๋ยกล่าวเสียงเบาว่า “เจ้ารออยู่ภายในถ้ำเทวาเถิด อย่าได้ไปไหนเด็ดขาด”

หานเจวี๋ยหยัดกายลุกขึ้นเดินออกจากถ้ำเทวา

อีกฝ่ายมาถึงแล้ว เขาคิดอยากหลบซ่อนก็คงไม่ได้

เบื้องหน้าเขาเพียรบำเพ็ญเซียน นักพรตเต๋าเจวี๋ยเหยี่ยนและหยางเยี่ยนจวินยังคงรออยู่

“เป็นเผ่าเทพอีกาทองจริงๆ หรือ” นักพรตเต๋าเจวี๋ยเหยี่ยนเอ่ยถามอย่างสั่นสะท้าน

หยางเยี่ยนจวินพยักหน้ากล่าวว่า “เป็นอีกาทองจริงๆ แต่มีเพียงตบะระดับมหายานเท่านั้น ในเผ่าเทพอีกาทองนับว่าเป็นคุณสมบัติทั่วๆ ไป แต่การที่สามารถเก็บอีกาทองที่มีคุณสมบัติทั่วไปไว้ได้ คนผู้นี้ย่อมไม่ใช่คนธรรมดาแน่ พวกเรายังต้องเผชิญหน้าอย่างระมัดระวัง”

นักพรตเต๋าเจวี๋ยเหยี่ยนพยักหน้าลง ดวงตาฉายแวววาดหวังขึ้นมา

“ไม่ทราบว่าสหายเต๋าทั้งสองท่านมีธุระใดหรือ”

เสียงของหานเจวี๋ยดังลอยออกมา

นักพรตเต๋าเจวี๋ยเหยี่ยนได้ยินเช่นนั้น ก็รู้สึกคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก

เขาหรี่ตามองเข้าไป เห็นหานเจวี๋ยที่เดินออกมาจากถ้ำเทวา

‘เป็นเขา!’

ใบหน้าของนักพรตเต๋าเจวี๋ยเหยี่ยนพลันบิดเบี้ยวขึ้นมาทันที

ความทรงจำก่อนสิ้นใจของพญาอสรพิษหยกลอยเข้ามาในดวงตาของนักพรตเต๋าเจวี๋ยเหยี่ยนผ่านพลังวิเศษเฉพาะ นี่ก็คือเหตุผลที่ว่าเหตุใดนักพรตเต๋าเจวี๋ยเหยี่ยนถึงเกิดความเกลียดชังในตัวหานเจวี๋ย

เพียงพริบตา นักพรตเต๋าเจวี๋ยเหยี่ยนก็นึกถึงความเป็นไปได้หลากหลายประการ

เป็นไปได้มากว่าคนที่สาปแช่งเขานั้นก็คือหานเจวี๋ย!

นักพรตเต๋าเจวี๋ยเหยี่ยนรีบถ่ายทอดเสียงให้หยางเยี่ยนจวินทันที บรรยายความอาฆาตแค้นของสัตว์เลี้ยงปีศาจของตนออกไป

ได้ฟังเช่นนั้น หยางเยี่ยนจวินกลับไม่ได้สะทกสะท้านแต่อย่างใด นางหันไปยิ้มให้กับหานเจวี๋ยพลางกล่าวว่า “พอจะให้พวกเราสองคนพักอยู่บนเขาสักระยะหนึ่งได้หรือไม่ สหายเต๋าของข้าผู้นี้ได้รับบาดเจ็บสาหัส จำเป็นต้องหาสถานที่พักรักษาอาการบาดเจ็บ”

นางมองตบะของหานเจวี๋ยไม่ออก จึงรู้แน่ชัดว่าอีกฝ่ายเองก็มาจากสวรรค์เช่นกัน

อีกอย่าง คนผู้นี้หน้าตาหล่อเหลามากจริงๆ!

นักพรตเต๋าเจวี๋ยเหยี่ยนพยายามระงับอารมณ์ความรู้สึก ไม่ได้เอ่ยแทรกขึ้นมา

‘เจ้าหนูนี่ไม่รู้ถึงการมีตัวตนของข้า ข้าสามารถหาโอกาสลอบโจมตีได้!’ นักพรตเต๋าเจวี๋ยเหยี่ยนครุ่นคิดเงียบๆ

เสียงของหานเจวี๋ยดังลอยเข้ามา “เช่นนี้ไม่ดีกระมัง พื้นที่บนเขาไม่เพียงพอ ไม่สะดวกที่จะรองรับสหายเต๋าทั้งสอง”

[หยางเยี่ยนจวินเกิดความเกลียดชังในตัวท่าน ระดับความเกลียดชังในขณะนี้คือ 4 ดาว]

แค่นี้ก็สี่ดาวแล้ว?

หานเจวี๋ยลอบสบถ ‘แม่นางนี่ดูท่าทางมีมายาทยิ่งนัก คิดไม่ถึงว่าจะคิดเล็กคิดน้อยเพียงนี้’

หยางเยี่ยนจวินทอดถอนใจกล่าวว่า “เหตุใดสหายเต๋าถึงได้ใจร้ายเพียงนี้ เห็นคนใกล้ตายไม่ช่วยเหลือ พวกเราแค่ขอพักอาศัยชั่วคราว ไม่มีทางรบกวนท่านเป็นอันขาด ช่วยชีวิตคนผู้หนึ่งได้บุญกว่าสร้างเจดีย์เจ็ดชั้น”

นักพรตเต๋าจิ่วติ่งรีบรุดหน้ามาพร้อมกับผู้อาวุโสกลุ่มหนึ่ง อีกฝ่ายพอมาถึงก็หมายจะพักที่เขาเพียรบำเพ็ญเซียน เห็นได้ชัดว่าไม่ปกตินัก

“สหายเต๋าทั้งสองมาจากสำนักใดหรือ” นักพรตเต๋าจิ่วติ่งประสานมือยิ้มพลางเอ่ยถาม

เขาฉลาดมาก ไม่ได้บุกขึ้นหน้า ทว่ารักษาระยะห่างกับหยางเยี่ยนจวินและนักพรตเต๋าเจวี๋ยเหยี่ยน

หยางเยี่ยนจวินเหลือบสายตามองเขาปราดหนึ่ง ก่อนมองไปทางหานเจวี๋ยอีกครั้ง กล่าวว่า “สหายเต๋า ไม่ได้จริงๆ หรือ”

แม้นางจะมองตบะของหานเจวี๋ยไม่ออก แต่ไม่ได้รู้สึกถึงอันตรายใดจากตัวหานเจวี๋ยเลย

ท่าทีของหานเจวี๋ยก็ไม่ได้แข็งกระด้าง ดูท่าคงไม่ได้มีเบื้องหลังที่ใหญ่โตอะไร

ก่อนที่หยางเยี่ยนจวินจะลงมายังโลกมนุษย์ก็เคยสืบเสาะมาก่อนแล้ว โลกมนุษย์นี้ไม่ได้มีเทพเซียนที่เลื่องชื่อหลบซ่อนอยู่

คิดเสร็จ หยางเยี่ยนจวินก็ยกมือขวาขึ้น ดาบบินเล่มหนึ่งก็ปรากฏขึ้นมาในมือ

หานเจวี๋ยหรี่ตาลงกล่าวว่า “สหายเต๋ากำลังข่มขู่ข้า?”

เขาหายตัวเคลื่อนย้ายออกจากเขาเพียรบำเพ็ญเซียนทันที มาหยุดอยู่ด้านนอกค่ายกลใหญ่พิทักษ์เขา

หยางเยี่ยนจวินหรี่ตาลงกล่าวยิ้มๆ ว่า “พวกเราสิ้นไร้ไม้ตอก จำเป็นต้องพักอยู่ที่เขาของท่านสักระยะ หวังว่าสหายเต๋าจะไม่…”

คำว่า ‘ใจร้าย’ สองคำยังไม่ทันเอ่ยออกมา หานเจวี๋ยก็โบกแขนเสื้อพรึ่บ ไม่รู้ว่าเมื่อไรที่ในมือปรากฏกระบี่พิพากษาอนธการขึ้นมา

ชั่วพริบตานั้น เงากระบี่จำนวนนับไม่ถ้วนก็พุ่งยิงออกมาตามคมกระบี่ของกระบี่พิพากษาอนธการ สลายเป็นกระแสอุทกธารสีดำหอบม้วนไปทางหยางเยี่ยนจวิน

หยางเยี่ยนจวินหน้าเปลี่ยนสียกใหญ่ คิดไม่ถึงว่าหานเจวี๋ยจะลงมือได้เด็ดขาดเช่นนี้!

แทบจะในพริบตา หยางเยี่ยนจวินสลัดดาบบินออกมา

ดาบบินกลายเป็นมีดยักษ์ยาวนับร้อยจั้ง ตั้งตรงอยู่เบื้องหน้า ขวางเงากระบี่ของหานเจวี๋ยเอาไว้

โครม

ศึกของเซียนอิสระ อานุภาพกดดันสั่นสะเทือนฟ้าดิน กระทั่งผืนฟ้ายังถูกฉีกกระชาก อสนีสวรรค์สายแล้วสายเล่าผุดปรากฏขึ้น

นักพรตเต๋าจิ่วติ่งและเหล่าผู้อาวุโสตกใจจนถอยหลังหนีกรูด

ใต้ต้นฝูซัง กลุ่มคนต่างก็ชมการต่อสู้ด้วยความตึงเครียด

“กลิ่นอายพลังน่ากลัวยิ่งนัก…พวกเขาอยู่ระดับใดกันแน่” หน้าผากของมู่หรงฉี่ผุดเหงื่อเย็นขึ้นมา

เดิมเขาคิดว่าตนนับเป็นผู้แข็งแกร่งแล้ว แต่เมื่อเผชิญหน้ากับแรงกดดันของหานเจวี๋ยและหยางเยี่ยนจวิน เขาถึงตระหนักได้ว่าตนเองเล็กจ้อยเพียงใด

คนอื่นๆ ต่างก็ถูกซัดสะเทือนไปตามๆ กัน

สายตาที่ถูหลิงเอ๋อร์มองไปทางหานเจวี๋ยล้วนกำลังเปล่งแสงทอประกาย

ในใจนักพรตเต๋าเจวี๋ยเหยี่ยนอึ้งตะลึง คิดไม่ถึงว่าหานเจวี๋ยจะแข็งแกร่งเพียงนี้

และในเวลานั้นเอง!

จู่ๆ หานเจวี๋ยก็ยกมือซ้ายขึ้นมา นิ้วชี้ชี้ไปทางนักพรตเต๋าเจวี๋ยเหยี่ยน

ดรรชนีกระบี่โลกาสวรรค์ทลายภพ!

ฟึ่บ!

ปราณกระบี่พุ่งยิง โฉบขวางท้องนภา!

หยางเยี่ยนจวินเบิกเนตรงามกว้าง ร้องตะโกนขึ้นว่า “เจ้ากล้า!”

หานเจวี๋ยสู้กับนางยกใหญ่ ถึงกับกล้าลอบสังหารนักพรตเต๋าเจวี๋ยเหยี่ยน!

ไม่กลัวว่าจะล่วงเกินพวกเขาจนตายเลยสักนิดหรือ

ภายใต้สถานการณ์ที่ไร้การระวังภัยทำให้นักพรตเต๋าเจวี๋ยเหยี่ยนที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสไม่ทันได้ตอบสนองเลยสักนิดเดียว เขาจึงถูกปราณกระบี่ดับสังหารในทันที

ตัวตายมรรคผลสลาย!

ขวัญหลุดวิญญาณกระเจิง!

หานเจวี๋ยตามไปบีบคั้นทางฝั่งหยางเยี่ยนจวิน

มือขวาของเขาเก็บกระบี่ ยกดรรชนีกระบี่ขึ้นเหนือฟ้า

จิตกระบี่พุ่งทะยาน ท้องนภาสีครามปรากฏเป็นทะเลปราณกระบี่แถบหนึ่งทันควัน ดูตระการตายิ่งใหญ่ ทอดยาวไม่รู้กี่ร้อยลี้

“เจ้าต้องตายเป็นแน่แท้!”

หยางเยี่ยนจวินเดือดดาล หน้าที่ของนางก็คือการอารักขานักพรตเต๋าเจวี๋ยเหยี่ยน แต่คิดไม่ถึงว่านักพรตเต๋าเจวี๋ยเหยี่ยนจะมาตายลงต่อหน้านาง

แล้วนางจะอธิบายกับศิษย์พี่ของตนอย่างไร

นางจะต้องเชือดสังหารคนผู้นี้ให้ได้!

และถือโอกาสครอบครองภูเขาสมบัติของเขาเสีย!

สองมือของหยางเยี่ยนจวินร่ายวิชา ดาบบินใหญ่ยักษ์พุ่งสังหารไปทางหานเจวี๋ยทันที

นางหมายจะขัดจังหวะหานเจวี๋ยที่กำลังสำแดงพลังวิเศษ!

ไหนเลยจะรู้ว่าหานเจวี๋ยไม่ได้สนใจดาบบินของนางสักนิด เขาสำแดงไตรวิสุทธิ์กำราบภูมิออกมาอย่างต่อเนื่อง เงากระบี่จำนวนนับไม่ถ้วนรวมตัวกันขึ้นมาท่ามกลางทะเลปราณกระบี่ มากมายถึงหลายล้าน พาดขวางท้องฟ้ากว้างไกล ซัดสะเทือนฟ้าดิน

ผู้บำเพ็ญทั้งหลายในสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์เงยหน้าขึ้นไปมอง ไม่มีผู้ใดที่ไม่ปากอ้าตาค้าง

จากระดับการมองเห็นของพวกเขาขึ้นไป ทั่วทั้งท้องนภาสีครามล้วนพร่างพรายด้วยเงากระบี่ ภาพฉากระดับนี้ ชั่วชีวิตนี้พวกเขาเพิ่งเคยพบเจอเป็นครั้งแรก

ปัง!

ดาบบินใหญ่ยักษ์ฟาดปะทะหานเจวี๋ย บนร่างของหานเจวี๋ยระเบิดลำแสงกล้าออกมา นึกไม่ถึงว่าจะฝืนต้านดาบบินลงได้

“ยอดสมบัติไท่อี่!”

หยางเยี่ยนจวินร้องตะโกนเสียงหลง ‘เจ้าหมอนี่มียอดสมบัติไท่อี่ได้อย่างไรกัน!’

วิธีที่หานเจวี๋ยตอบคำถามนางนั้นเป็นการรุกโจมตี!

เงากระบี่หลายล้านโฉบดิ่งลงมาอย่างจัง ดุจดั่งฟ้าถล่มทลาย ผู้บำเพ็ญทั้งหลายของสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์รู้สึกเพียงว่ามีมรสุมแข็งแกร่งวูบหนึ่งตกลงมาจากฟากฟ้า กดทับจนพวกเขาพากันฟุบล้มลงกับพื้น

ทิวเขาสั่นสะเทือน ผืนดินกว้างถล่มทลาย!

หยางเยี่ยนจวินร่ายวิชาอย่างฉับไว พลังเวททอแสงกล้าพร่างพราวรอบๆ กาย เสมือนก้อนแสงขนาดมหึมา

ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม…

เงากระบี่นับไม่ถ้วนกระหน่ำตกลงมาอย่างบ้าคลั่ง ก้องกระหึ่มจนก้อนแสงมหึมาสั่นสะเทือนรุนแรง

กายเนื้อของหยางเยี่ยนจวินก็กำลังสั่นเทิ้ม

“เขาไม่ใช่เซียนอิสระ?”

หยางเยี่ยนจวินฉุกคิดอย่างตื่นกลัว

แย่แล้ว!

ต้านไม่ไหว!

………………………………………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ บทที่ 158 ศึกแห่งเซียนอิสระ

Now you are reading ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ Chapter บทที่ 158 ศึกแห่งเซียนอิสระ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 158 ศึกแห่งเซียนอิสระ

[นักพรตเต๋าเจวี๋ยเหยี่ยน: ระดับเซียนอิสระขั้นแปด ผู้บำเพ็ญอิสระแดนเซียน]

[หยางเยี่ยนจวิน: ระดับเซียนอิสระขั้นเก้า ศิษย์หมู่เกาะเซียนมังกรแดนเซียน]

เห็นอักขระสองแถวที่ปรากฏขึ้นเบื้องหน้า หานเจวี๋ยก็นิ่งเงียบไป

ภายในใจเขาสับสนยิ่งนัก

เขาไม่ได้ตอบสตรีชุดดำที่มีนามว่าหยางเยี่ยนจวิน หากแต่เริ่มใช้แบบจำลองการทดสอบ

เผชิญหน้ากับนักพรตเต๋าเจวี๋ยเหยี่ยน ปลิดชีพในพริบตา!

ทว่าเมื่อเผชิญหน้ากับหยางเยี่ยนจวินนั้น เขาไม่อาจปลิดชีพในพริบตาได้ เจ้าหมอนี่กลับมีของวิเศษลึกลับที่สามารถต้านการบุกโจมตีของหานเจวี๋ย โชคดีที่หลังจากผ่านไปหลายวินาที หานเจวี๋ยยังสามารถอาศัยพลังอันแข็งแกร่งดุดันเชือดสังหารได้

หานเจวี๋ยลองใช้วิธีหนึ่งต่อสองดู

หลังผ่านไปสิบอึดใจ เขาถึงลืมตาขึ้นมา

ไม่ได้!

ไม่สามารถปลิดชีพในพริบตาได้!

จากความสามารถของสองคนนี้ เป็นไปได้สูงว่าอาจจะนำภัยพิบัติมาสู่สำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์

ควรทำอย่างไรดี

หานเจวี๋ยขมวดคิ้วมุ่น

อู้เต้าเจี้ยนเอ่ยปากถามว่า “นายท่าน เหตุใดท่านถึงคิ้วขมวดเล่า ผู้มาเยือนด้านนอกเป็นศัตรูหรือ”

หานเจวี๋ยกล่าวเสียงเบาว่า “เจ้ารออยู่ภายในถ้ำเทวาเถิด อย่าได้ไปไหนเด็ดขาด”

หานเจวี๋ยหยัดกายลุกขึ้นเดินออกจากถ้ำเทวา

อีกฝ่ายมาถึงแล้ว เขาคิดอยากหลบซ่อนก็คงไม่ได้

เบื้องหน้าเขาเพียรบำเพ็ญเซียน นักพรตเต๋าเจวี๋ยเหยี่ยนและหยางเยี่ยนจวินยังคงรออยู่

“เป็นเผ่าเทพอีกาทองจริงๆ หรือ” นักพรตเต๋าเจวี๋ยเหยี่ยนเอ่ยถามอย่างสั่นสะท้าน

หยางเยี่ยนจวินพยักหน้ากล่าวว่า “เป็นอีกาทองจริงๆ แต่มีเพียงตบะระดับมหายานเท่านั้น ในเผ่าเทพอีกาทองนับว่าเป็นคุณสมบัติทั่วๆ ไป แต่การที่สามารถเก็บอีกาทองที่มีคุณสมบัติทั่วไปไว้ได้ คนผู้นี้ย่อมไม่ใช่คนธรรมดาแน่ พวกเรายังต้องเผชิญหน้าอย่างระมัดระวัง”

นักพรตเต๋าเจวี๋ยเหยี่ยนพยักหน้าลง ดวงตาฉายแวววาดหวังขึ้นมา

“ไม่ทราบว่าสหายเต๋าทั้งสองท่านมีธุระใดหรือ”

เสียงของหานเจวี๋ยดังลอยออกมา

นักพรตเต๋าเจวี๋ยเหยี่ยนได้ยินเช่นนั้น ก็รู้สึกคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก

เขาหรี่ตามองเข้าไป เห็นหานเจวี๋ยที่เดินออกมาจากถ้ำเทวา

‘เป็นเขา!’

ใบหน้าของนักพรตเต๋าเจวี๋ยเหยี่ยนพลันบิดเบี้ยวขึ้นมาทันที

ความทรงจำก่อนสิ้นใจของพญาอสรพิษหยกลอยเข้ามาในดวงตาของนักพรตเต๋าเจวี๋ยเหยี่ยนผ่านพลังวิเศษเฉพาะ นี่ก็คือเหตุผลที่ว่าเหตุใดนักพรตเต๋าเจวี๋ยเหยี่ยนถึงเกิดความเกลียดชังในตัวหานเจวี๋ย

เพียงพริบตา นักพรตเต๋าเจวี๋ยเหยี่ยนก็นึกถึงความเป็นไปได้หลากหลายประการ

เป็นไปได้มากว่าคนที่สาปแช่งเขานั้นก็คือหานเจวี๋ย!

นักพรตเต๋าเจวี๋ยเหยี่ยนรีบถ่ายทอดเสียงให้หยางเยี่ยนจวินทันที บรรยายความอาฆาตแค้นของสัตว์เลี้ยงปีศาจของตนออกไป

ได้ฟังเช่นนั้น หยางเยี่ยนจวินกลับไม่ได้สะทกสะท้านแต่อย่างใด นางหันไปยิ้มให้กับหานเจวี๋ยพลางกล่าวว่า “พอจะให้พวกเราสองคนพักอยู่บนเขาสักระยะหนึ่งได้หรือไม่ สหายเต๋าของข้าผู้นี้ได้รับบาดเจ็บสาหัส จำเป็นต้องหาสถานที่พักรักษาอาการบาดเจ็บ”

นางมองตบะของหานเจวี๋ยไม่ออก จึงรู้แน่ชัดว่าอีกฝ่ายเองก็มาจากสวรรค์เช่นกัน

อีกอย่าง คนผู้นี้หน้าตาหล่อเหลามากจริงๆ!

นักพรตเต๋าเจวี๋ยเหยี่ยนพยายามระงับอารมณ์ความรู้สึก ไม่ได้เอ่ยแทรกขึ้นมา

‘เจ้าหนูนี่ไม่รู้ถึงการมีตัวตนของข้า ข้าสามารถหาโอกาสลอบโจมตีได้!’ นักพรตเต๋าเจวี๋ยเหยี่ยนครุ่นคิดเงียบๆ

เสียงของหานเจวี๋ยดังลอยเข้ามา “เช่นนี้ไม่ดีกระมัง พื้นที่บนเขาไม่เพียงพอ ไม่สะดวกที่จะรองรับสหายเต๋าทั้งสอง”

[หยางเยี่ยนจวินเกิดความเกลียดชังในตัวท่าน ระดับความเกลียดชังในขณะนี้คือ 4 ดาว]

แค่นี้ก็สี่ดาวแล้ว?

หานเจวี๋ยลอบสบถ ‘แม่นางนี่ดูท่าทางมีมายาทยิ่งนัก คิดไม่ถึงว่าจะคิดเล็กคิดน้อยเพียงนี้’

หยางเยี่ยนจวินทอดถอนใจกล่าวว่า “เหตุใดสหายเต๋าถึงได้ใจร้ายเพียงนี้ เห็นคนใกล้ตายไม่ช่วยเหลือ พวกเราแค่ขอพักอาศัยชั่วคราว ไม่มีทางรบกวนท่านเป็นอันขาด ช่วยชีวิตคนผู้หนึ่งได้บุญกว่าสร้างเจดีย์เจ็ดชั้น”

นักพรตเต๋าจิ่วติ่งรีบรุดหน้ามาพร้อมกับผู้อาวุโสกลุ่มหนึ่ง อีกฝ่ายพอมาถึงก็หมายจะพักที่เขาเพียรบำเพ็ญเซียน เห็นได้ชัดว่าไม่ปกตินัก

“สหายเต๋าทั้งสองมาจากสำนักใดหรือ” นักพรตเต๋าจิ่วติ่งประสานมือยิ้มพลางเอ่ยถาม

เขาฉลาดมาก ไม่ได้บุกขึ้นหน้า ทว่ารักษาระยะห่างกับหยางเยี่ยนจวินและนักพรตเต๋าเจวี๋ยเหยี่ยน

หยางเยี่ยนจวินเหลือบสายตามองเขาปราดหนึ่ง ก่อนมองไปทางหานเจวี๋ยอีกครั้ง กล่าวว่า “สหายเต๋า ไม่ได้จริงๆ หรือ”

แม้นางจะมองตบะของหานเจวี๋ยไม่ออก แต่ไม่ได้รู้สึกถึงอันตรายใดจากตัวหานเจวี๋ยเลย

ท่าทีของหานเจวี๋ยก็ไม่ได้แข็งกระด้าง ดูท่าคงไม่ได้มีเบื้องหลังที่ใหญ่โตอะไร

ก่อนที่หยางเยี่ยนจวินจะลงมายังโลกมนุษย์ก็เคยสืบเสาะมาก่อนแล้ว โลกมนุษย์นี้ไม่ได้มีเทพเซียนที่เลื่องชื่อหลบซ่อนอยู่

คิดเสร็จ หยางเยี่ยนจวินก็ยกมือขวาขึ้น ดาบบินเล่มหนึ่งก็ปรากฏขึ้นมาในมือ

หานเจวี๋ยหรี่ตาลงกล่าวว่า “สหายเต๋ากำลังข่มขู่ข้า?”

เขาหายตัวเคลื่อนย้ายออกจากเขาเพียรบำเพ็ญเซียนทันที มาหยุดอยู่ด้านนอกค่ายกลใหญ่พิทักษ์เขา

หยางเยี่ยนจวินหรี่ตาลงกล่าวยิ้มๆ ว่า “พวกเราสิ้นไร้ไม้ตอก จำเป็นต้องพักอยู่ที่เขาของท่านสักระยะ หวังว่าสหายเต๋าจะไม่…”

คำว่า ‘ใจร้าย’ สองคำยังไม่ทันเอ่ยออกมา หานเจวี๋ยก็โบกแขนเสื้อพรึ่บ ไม่รู้ว่าเมื่อไรที่ในมือปรากฏกระบี่พิพากษาอนธการขึ้นมา

ชั่วพริบตานั้น เงากระบี่จำนวนนับไม่ถ้วนก็พุ่งยิงออกมาตามคมกระบี่ของกระบี่พิพากษาอนธการ สลายเป็นกระแสอุทกธารสีดำหอบม้วนไปทางหยางเยี่ยนจวิน

หยางเยี่ยนจวินหน้าเปลี่ยนสียกใหญ่ คิดไม่ถึงว่าหานเจวี๋ยจะลงมือได้เด็ดขาดเช่นนี้!

แทบจะในพริบตา หยางเยี่ยนจวินสลัดดาบบินออกมา

ดาบบินกลายเป็นมีดยักษ์ยาวนับร้อยจั้ง ตั้งตรงอยู่เบื้องหน้า ขวางเงากระบี่ของหานเจวี๋ยเอาไว้

โครม

ศึกของเซียนอิสระ อานุภาพกดดันสั่นสะเทือนฟ้าดิน กระทั่งผืนฟ้ายังถูกฉีกกระชาก อสนีสวรรค์สายแล้วสายเล่าผุดปรากฏขึ้น

นักพรตเต๋าจิ่วติ่งและเหล่าผู้อาวุโสตกใจจนถอยหลังหนีกรูด

ใต้ต้นฝูซัง กลุ่มคนต่างก็ชมการต่อสู้ด้วยความตึงเครียด

“กลิ่นอายพลังน่ากลัวยิ่งนัก…พวกเขาอยู่ระดับใดกันแน่” หน้าผากของมู่หรงฉี่ผุดเหงื่อเย็นขึ้นมา

เดิมเขาคิดว่าตนนับเป็นผู้แข็งแกร่งแล้ว แต่เมื่อเผชิญหน้ากับแรงกดดันของหานเจวี๋ยและหยางเยี่ยนจวิน เขาถึงตระหนักได้ว่าตนเองเล็กจ้อยเพียงใด

คนอื่นๆ ต่างก็ถูกซัดสะเทือนไปตามๆ กัน

สายตาที่ถูหลิงเอ๋อร์มองไปทางหานเจวี๋ยล้วนกำลังเปล่งแสงทอประกาย

ในใจนักพรตเต๋าเจวี๋ยเหยี่ยนอึ้งตะลึง คิดไม่ถึงว่าหานเจวี๋ยจะแข็งแกร่งเพียงนี้

และในเวลานั้นเอง!

จู่ๆ หานเจวี๋ยก็ยกมือซ้ายขึ้นมา นิ้วชี้ชี้ไปทางนักพรตเต๋าเจวี๋ยเหยี่ยน

ดรรชนีกระบี่โลกาสวรรค์ทลายภพ!

ฟึ่บ!

ปราณกระบี่พุ่งยิง โฉบขวางท้องนภา!

หยางเยี่ยนจวินเบิกเนตรงามกว้าง ร้องตะโกนขึ้นว่า “เจ้ากล้า!”

หานเจวี๋ยสู้กับนางยกใหญ่ ถึงกับกล้าลอบสังหารนักพรตเต๋าเจวี๋ยเหยี่ยน!

ไม่กลัวว่าจะล่วงเกินพวกเขาจนตายเลยสักนิดหรือ

ภายใต้สถานการณ์ที่ไร้การระวังภัยทำให้นักพรตเต๋าเจวี๋ยเหยี่ยนที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสไม่ทันได้ตอบสนองเลยสักนิดเดียว เขาจึงถูกปราณกระบี่ดับสังหารในทันที

ตัวตายมรรคผลสลาย!

ขวัญหลุดวิญญาณกระเจิง!

หานเจวี๋ยตามไปบีบคั้นทางฝั่งหยางเยี่ยนจวิน

มือขวาของเขาเก็บกระบี่ ยกดรรชนีกระบี่ขึ้นเหนือฟ้า

จิตกระบี่พุ่งทะยาน ท้องนภาสีครามปรากฏเป็นทะเลปราณกระบี่แถบหนึ่งทันควัน ดูตระการตายิ่งใหญ่ ทอดยาวไม่รู้กี่ร้อยลี้

“เจ้าต้องตายเป็นแน่แท้!”

หยางเยี่ยนจวินเดือดดาล หน้าที่ของนางก็คือการอารักขานักพรตเต๋าเจวี๋ยเหยี่ยน แต่คิดไม่ถึงว่านักพรตเต๋าเจวี๋ยเหยี่ยนจะมาตายลงต่อหน้านาง

แล้วนางจะอธิบายกับศิษย์พี่ของตนอย่างไร

นางจะต้องเชือดสังหารคนผู้นี้ให้ได้!

และถือโอกาสครอบครองภูเขาสมบัติของเขาเสีย!

สองมือของหยางเยี่ยนจวินร่ายวิชา ดาบบินใหญ่ยักษ์พุ่งสังหารไปทางหานเจวี๋ยทันที

นางหมายจะขัดจังหวะหานเจวี๋ยที่กำลังสำแดงพลังวิเศษ!

ไหนเลยจะรู้ว่าหานเจวี๋ยไม่ได้สนใจดาบบินของนางสักนิด เขาสำแดงไตรวิสุทธิ์กำราบภูมิออกมาอย่างต่อเนื่อง เงากระบี่จำนวนนับไม่ถ้วนรวมตัวกันขึ้นมาท่ามกลางทะเลปราณกระบี่ มากมายถึงหลายล้าน พาดขวางท้องฟ้ากว้างไกล ซัดสะเทือนฟ้าดิน

ผู้บำเพ็ญทั้งหลายในสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์เงยหน้าขึ้นไปมอง ไม่มีผู้ใดที่ไม่ปากอ้าตาค้าง

จากระดับการมองเห็นของพวกเขาขึ้นไป ทั่วทั้งท้องนภาสีครามล้วนพร่างพรายด้วยเงากระบี่ ภาพฉากระดับนี้ ชั่วชีวิตนี้พวกเขาเพิ่งเคยพบเจอเป็นครั้งแรก

ปัง!

ดาบบินใหญ่ยักษ์ฟาดปะทะหานเจวี๋ย บนร่างของหานเจวี๋ยระเบิดลำแสงกล้าออกมา นึกไม่ถึงว่าจะฝืนต้านดาบบินลงได้

“ยอดสมบัติไท่อี่!”

หยางเยี่ยนจวินร้องตะโกนเสียงหลง ‘เจ้าหมอนี่มียอดสมบัติไท่อี่ได้อย่างไรกัน!’

วิธีที่หานเจวี๋ยตอบคำถามนางนั้นเป็นการรุกโจมตี!

เงากระบี่หลายล้านโฉบดิ่งลงมาอย่างจัง ดุจดั่งฟ้าถล่มทลาย ผู้บำเพ็ญทั้งหลายของสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์รู้สึกเพียงว่ามีมรสุมแข็งแกร่งวูบหนึ่งตกลงมาจากฟากฟ้า กดทับจนพวกเขาพากันฟุบล้มลงกับพื้น

ทิวเขาสั่นสะเทือน ผืนดินกว้างถล่มทลาย!

หยางเยี่ยนจวินร่ายวิชาอย่างฉับไว พลังเวททอแสงกล้าพร่างพราวรอบๆ กาย เสมือนก้อนแสงขนาดมหึมา

ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม…

เงากระบี่นับไม่ถ้วนกระหน่ำตกลงมาอย่างบ้าคลั่ง ก้องกระหึ่มจนก้อนแสงมหึมาสั่นสะเทือนรุนแรง

กายเนื้อของหยางเยี่ยนจวินก็กำลังสั่นเทิ้ม

“เขาไม่ใช่เซียนอิสระ?”

หยางเยี่ยนจวินฉุกคิดอย่างตื่นกลัว

แย่แล้ว!

ต้านไม่ไหว!

………………………………………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ บทที่ 158 ศึกแห่งเซียนอิสระ

Now you are reading ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ Chapter บทที่ 158 ศึกแห่งเซียนอิสระ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 158 ศึกแห่งเซียนอิสระ

[นักพรตเต๋าเจวี๋ยเหยี่ยน: ระดับเซียนอิสระขั้นแปด ผู้บำเพ็ญอิสระแดนเซียน]

[หยางเยี่ยนจวิน: ระดับเซียนอิสระขั้นเก้า ศิษย์หมู่เกาะเซียนมังกรแดนเซียน]

เห็นอักขระสองแถวที่ปรากฏขึ้นเบื้องหน้า หานเจวี๋ยก็นิ่งเงียบไป

ภายในใจเขาสับสนยิ่งนัก

เขาไม่ได้ตอบสตรีชุดดำที่มีนามว่าหยางเยี่ยนจวิน หากแต่เริ่มใช้แบบจำลองการทดสอบ

เผชิญหน้ากับนักพรตเต๋าเจวี๋ยเหยี่ยน ปลิดชีพในพริบตา!

ทว่าเมื่อเผชิญหน้ากับหยางเยี่ยนจวินนั้น เขาไม่อาจปลิดชีพในพริบตาได้ เจ้าหมอนี่กลับมีของวิเศษลึกลับที่สามารถต้านการบุกโจมตีของหานเจวี๋ย โชคดีที่หลังจากผ่านไปหลายวินาที หานเจวี๋ยยังสามารถอาศัยพลังอันแข็งแกร่งดุดันเชือดสังหารได้

หานเจวี๋ยลองใช้วิธีหนึ่งต่อสองดู

หลังผ่านไปสิบอึดใจ เขาถึงลืมตาขึ้นมา

ไม่ได้!

ไม่สามารถปลิดชีพในพริบตาได้!

จากความสามารถของสองคนนี้ เป็นไปได้สูงว่าอาจจะนำภัยพิบัติมาสู่สำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์

ควรทำอย่างไรดี

หานเจวี๋ยขมวดคิ้วมุ่น

อู้เต้าเจี้ยนเอ่ยปากถามว่า “นายท่าน เหตุใดท่านถึงคิ้วขมวดเล่า ผู้มาเยือนด้านนอกเป็นศัตรูหรือ”

หานเจวี๋ยกล่าวเสียงเบาว่า “เจ้ารออยู่ภายในถ้ำเทวาเถิด อย่าได้ไปไหนเด็ดขาด”

หานเจวี๋ยหยัดกายลุกขึ้นเดินออกจากถ้ำเทวา

อีกฝ่ายมาถึงแล้ว เขาคิดอยากหลบซ่อนก็คงไม่ได้

เบื้องหน้าเขาเพียรบำเพ็ญเซียน นักพรตเต๋าเจวี๋ยเหยี่ยนและหยางเยี่ยนจวินยังคงรออยู่

“เป็นเผ่าเทพอีกาทองจริงๆ หรือ” นักพรตเต๋าเจวี๋ยเหยี่ยนเอ่ยถามอย่างสั่นสะท้าน

หยางเยี่ยนจวินพยักหน้ากล่าวว่า “เป็นอีกาทองจริงๆ แต่มีเพียงตบะระดับมหายานเท่านั้น ในเผ่าเทพอีกาทองนับว่าเป็นคุณสมบัติทั่วๆ ไป แต่การที่สามารถเก็บอีกาทองที่มีคุณสมบัติทั่วไปไว้ได้ คนผู้นี้ย่อมไม่ใช่คนธรรมดาแน่ พวกเรายังต้องเผชิญหน้าอย่างระมัดระวัง”

นักพรตเต๋าเจวี๋ยเหยี่ยนพยักหน้าลง ดวงตาฉายแวววาดหวังขึ้นมา

“ไม่ทราบว่าสหายเต๋าทั้งสองท่านมีธุระใดหรือ”

เสียงของหานเจวี๋ยดังลอยออกมา

นักพรตเต๋าเจวี๋ยเหยี่ยนได้ยินเช่นนั้น ก็รู้สึกคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก

เขาหรี่ตามองเข้าไป เห็นหานเจวี๋ยที่เดินออกมาจากถ้ำเทวา

‘เป็นเขา!’

ใบหน้าของนักพรตเต๋าเจวี๋ยเหยี่ยนพลันบิดเบี้ยวขึ้นมาทันที

ความทรงจำก่อนสิ้นใจของพญาอสรพิษหยกลอยเข้ามาในดวงตาของนักพรตเต๋าเจวี๋ยเหยี่ยนผ่านพลังวิเศษเฉพาะ นี่ก็คือเหตุผลที่ว่าเหตุใดนักพรตเต๋าเจวี๋ยเหยี่ยนถึงเกิดความเกลียดชังในตัวหานเจวี๋ย

เพียงพริบตา นักพรตเต๋าเจวี๋ยเหยี่ยนก็นึกถึงความเป็นไปได้หลากหลายประการ

เป็นไปได้มากว่าคนที่สาปแช่งเขานั้นก็คือหานเจวี๋ย!

นักพรตเต๋าเจวี๋ยเหยี่ยนรีบถ่ายทอดเสียงให้หยางเยี่ยนจวินทันที บรรยายความอาฆาตแค้นของสัตว์เลี้ยงปีศาจของตนออกไป

ได้ฟังเช่นนั้น หยางเยี่ยนจวินกลับไม่ได้สะทกสะท้านแต่อย่างใด นางหันไปยิ้มให้กับหานเจวี๋ยพลางกล่าวว่า “พอจะให้พวกเราสองคนพักอยู่บนเขาสักระยะหนึ่งได้หรือไม่ สหายเต๋าของข้าผู้นี้ได้รับบาดเจ็บสาหัส จำเป็นต้องหาสถานที่พักรักษาอาการบาดเจ็บ”

นางมองตบะของหานเจวี๋ยไม่ออก จึงรู้แน่ชัดว่าอีกฝ่ายเองก็มาจากสวรรค์เช่นกัน

อีกอย่าง คนผู้นี้หน้าตาหล่อเหลามากจริงๆ!

นักพรตเต๋าเจวี๋ยเหยี่ยนพยายามระงับอารมณ์ความรู้สึก ไม่ได้เอ่ยแทรกขึ้นมา

‘เจ้าหนูนี่ไม่รู้ถึงการมีตัวตนของข้า ข้าสามารถหาโอกาสลอบโจมตีได้!’ นักพรตเต๋าเจวี๋ยเหยี่ยนครุ่นคิดเงียบๆ

เสียงของหานเจวี๋ยดังลอยเข้ามา “เช่นนี้ไม่ดีกระมัง พื้นที่บนเขาไม่เพียงพอ ไม่สะดวกที่จะรองรับสหายเต๋าทั้งสอง”

[หยางเยี่ยนจวินเกิดความเกลียดชังในตัวท่าน ระดับความเกลียดชังในขณะนี้คือ 4 ดาว]

แค่นี้ก็สี่ดาวแล้ว?

หานเจวี๋ยลอบสบถ ‘แม่นางนี่ดูท่าทางมีมายาทยิ่งนัก คิดไม่ถึงว่าจะคิดเล็กคิดน้อยเพียงนี้’

หยางเยี่ยนจวินทอดถอนใจกล่าวว่า “เหตุใดสหายเต๋าถึงได้ใจร้ายเพียงนี้ เห็นคนใกล้ตายไม่ช่วยเหลือ พวกเราแค่ขอพักอาศัยชั่วคราว ไม่มีทางรบกวนท่านเป็นอันขาด ช่วยชีวิตคนผู้หนึ่งได้บุญกว่าสร้างเจดีย์เจ็ดชั้น”

นักพรตเต๋าจิ่วติ่งรีบรุดหน้ามาพร้อมกับผู้อาวุโสกลุ่มหนึ่ง อีกฝ่ายพอมาถึงก็หมายจะพักที่เขาเพียรบำเพ็ญเซียน เห็นได้ชัดว่าไม่ปกตินัก

“สหายเต๋าทั้งสองมาจากสำนักใดหรือ” นักพรตเต๋าจิ่วติ่งประสานมือยิ้มพลางเอ่ยถาม

เขาฉลาดมาก ไม่ได้บุกขึ้นหน้า ทว่ารักษาระยะห่างกับหยางเยี่ยนจวินและนักพรตเต๋าเจวี๋ยเหยี่ยน

หยางเยี่ยนจวินเหลือบสายตามองเขาปราดหนึ่ง ก่อนมองไปทางหานเจวี๋ยอีกครั้ง กล่าวว่า “สหายเต๋า ไม่ได้จริงๆ หรือ”

แม้นางจะมองตบะของหานเจวี๋ยไม่ออก แต่ไม่ได้รู้สึกถึงอันตรายใดจากตัวหานเจวี๋ยเลย

ท่าทีของหานเจวี๋ยก็ไม่ได้แข็งกระด้าง ดูท่าคงไม่ได้มีเบื้องหลังที่ใหญ่โตอะไร

ก่อนที่หยางเยี่ยนจวินจะลงมายังโลกมนุษย์ก็เคยสืบเสาะมาก่อนแล้ว โลกมนุษย์นี้ไม่ได้มีเทพเซียนที่เลื่องชื่อหลบซ่อนอยู่

คิดเสร็จ หยางเยี่ยนจวินก็ยกมือขวาขึ้น ดาบบินเล่มหนึ่งก็ปรากฏขึ้นมาในมือ

หานเจวี๋ยหรี่ตาลงกล่าวว่า “สหายเต๋ากำลังข่มขู่ข้า?”

เขาหายตัวเคลื่อนย้ายออกจากเขาเพียรบำเพ็ญเซียนทันที มาหยุดอยู่ด้านนอกค่ายกลใหญ่พิทักษ์เขา

หยางเยี่ยนจวินหรี่ตาลงกล่าวยิ้มๆ ว่า “พวกเราสิ้นไร้ไม้ตอก จำเป็นต้องพักอยู่ที่เขาของท่านสักระยะ หวังว่าสหายเต๋าจะไม่…”

คำว่า ‘ใจร้าย’ สองคำยังไม่ทันเอ่ยออกมา หานเจวี๋ยก็โบกแขนเสื้อพรึ่บ ไม่รู้ว่าเมื่อไรที่ในมือปรากฏกระบี่พิพากษาอนธการขึ้นมา

ชั่วพริบตานั้น เงากระบี่จำนวนนับไม่ถ้วนก็พุ่งยิงออกมาตามคมกระบี่ของกระบี่พิพากษาอนธการ สลายเป็นกระแสอุทกธารสีดำหอบม้วนไปทางหยางเยี่ยนจวิน

หยางเยี่ยนจวินหน้าเปลี่ยนสียกใหญ่ คิดไม่ถึงว่าหานเจวี๋ยจะลงมือได้เด็ดขาดเช่นนี้!

แทบจะในพริบตา หยางเยี่ยนจวินสลัดดาบบินออกมา

ดาบบินกลายเป็นมีดยักษ์ยาวนับร้อยจั้ง ตั้งตรงอยู่เบื้องหน้า ขวางเงากระบี่ของหานเจวี๋ยเอาไว้

โครม

ศึกของเซียนอิสระ อานุภาพกดดันสั่นสะเทือนฟ้าดิน กระทั่งผืนฟ้ายังถูกฉีกกระชาก อสนีสวรรค์สายแล้วสายเล่าผุดปรากฏขึ้น

นักพรตเต๋าจิ่วติ่งและเหล่าผู้อาวุโสตกใจจนถอยหลังหนีกรูด

ใต้ต้นฝูซัง กลุ่มคนต่างก็ชมการต่อสู้ด้วยความตึงเครียด

“กลิ่นอายพลังน่ากลัวยิ่งนัก…พวกเขาอยู่ระดับใดกันแน่” หน้าผากของมู่หรงฉี่ผุดเหงื่อเย็นขึ้นมา

เดิมเขาคิดว่าตนนับเป็นผู้แข็งแกร่งแล้ว แต่เมื่อเผชิญหน้ากับแรงกดดันของหานเจวี๋ยและหยางเยี่ยนจวิน เขาถึงตระหนักได้ว่าตนเองเล็กจ้อยเพียงใด

คนอื่นๆ ต่างก็ถูกซัดสะเทือนไปตามๆ กัน

สายตาที่ถูหลิงเอ๋อร์มองไปทางหานเจวี๋ยล้วนกำลังเปล่งแสงทอประกาย

ในใจนักพรตเต๋าเจวี๋ยเหยี่ยนอึ้งตะลึง คิดไม่ถึงว่าหานเจวี๋ยจะแข็งแกร่งเพียงนี้

และในเวลานั้นเอง!

จู่ๆ หานเจวี๋ยก็ยกมือซ้ายขึ้นมา นิ้วชี้ชี้ไปทางนักพรตเต๋าเจวี๋ยเหยี่ยน

ดรรชนีกระบี่โลกาสวรรค์ทลายภพ!

ฟึ่บ!

ปราณกระบี่พุ่งยิง โฉบขวางท้องนภา!

หยางเยี่ยนจวินเบิกเนตรงามกว้าง ร้องตะโกนขึ้นว่า “เจ้ากล้า!”

หานเจวี๋ยสู้กับนางยกใหญ่ ถึงกับกล้าลอบสังหารนักพรตเต๋าเจวี๋ยเหยี่ยน!

ไม่กลัวว่าจะล่วงเกินพวกเขาจนตายเลยสักนิดหรือ

ภายใต้สถานการณ์ที่ไร้การระวังภัยทำให้นักพรตเต๋าเจวี๋ยเหยี่ยนที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสไม่ทันได้ตอบสนองเลยสักนิดเดียว เขาจึงถูกปราณกระบี่ดับสังหารในทันที

ตัวตายมรรคผลสลาย!

ขวัญหลุดวิญญาณกระเจิง!

หานเจวี๋ยตามไปบีบคั้นทางฝั่งหยางเยี่ยนจวิน

มือขวาของเขาเก็บกระบี่ ยกดรรชนีกระบี่ขึ้นเหนือฟ้า

จิตกระบี่พุ่งทะยาน ท้องนภาสีครามปรากฏเป็นทะเลปราณกระบี่แถบหนึ่งทันควัน ดูตระการตายิ่งใหญ่ ทอดยาวไม่รู้กี่ร้อยลี้

“เจ้าต้องตายเป็นแน่แท้!”

หยางเยี่ยนจวินเดือดดาล หน้าที่ของนางก็คือการอารักขานักพรตเต๋าเจวี๋ยเหยี่ยน แต่คิดไม่ถึงว่านักพรตเต๋าเจวี๋ยเหยี่ยนจะมาตายลงต่อหน้านาง

แล้วนางจะอธิบายกับศิษย์พี่ของตนอย่างไร

นางจะต้องเชือดสังหารคนผู้นี้ให้ได้!

และถือโอกาสครอบครองภูเขาสมบัติของเขาเสีย!

สองมือของหยางเยี่ยนจวินร่ายวิชา ดาบบินใหญ่ยักษ์พุ่งสังหารไปทางหานเจวี๋ยทันที

นางหมายจะขัดจังหวะหานเจวี๋ยที่กำลังสำแดงพลังวิเศษ!

ไหนเลยจะรู้ว่าหานเจวี๋ยไม่ได้สนใจดาบบินของนางสักนิด เขาสำแดงไตรวิสุทธิ์กำราบภูมิออกมาอย่างต่อเนื่อง เงากระบี่จำนวนนับไม่ถ้วนรวมตัวกันขึ้นมาท่ามกลางทะเลปราณกระบี่ มากมายถึงหลายล้าน พาดขวางท้องฟ้ากว้างไกล ซัดสะเทือนฟ้าดิน

ผู้บำเพ็ญทั้งหลายในสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์เงยหน้าขึ้นไปมอง ไม่มีผู้ใดที่ไม่ปากอ้าตาค้าง

จากระดับการมองเห็นของพวกเขาขึ้นไป ทั่วทั้งท้องนภาสีครามล้วนพร่างพรายด้วยเงากระบี่ ภาพฉากระดับนี้ ชั่วชีวิตนี้พวกเขาเพิ่งเคยพบเจอเป็นครั้งแรก

ปัง!

ดาบบินใหญ่ยักษ์ฟาดปะทะหานเจวี๋ย บนร่างของหานเจวี๋ยระเบิดลำแสงกล้าออกมา นึกไม่ถึงว่าจะฝืนต้านดาบบินลงได้

“ยอดสมบัติไท่อี่!”

หยางเยี่ยนจวินร้องตะโกนเสียงหลง ‘เจ้าหมอนี่มียอดสมบัติไท่อี่ได้อย่างไรกัน!’

วิธีที่หานเจวี๋ยตอบคำถามนางนั้นเป็นการรุกโจมตี!

เงากระบี่หลายล้านโฉบดิ่งลงมาอย่างจัง ดุจดั่งฟ้าถล่มทลาย ผู้บำเพ็ญทั้งหลายของสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์รู้สึกเพียงว่ามีมรสุมแข็งแกร่งวูบหนึ่งตกลงมาจากฟากฟ้า กดทับจนพวกเขาพากันฟุบล้มลงกับพื้น

ทิวเขาสั่นสะเทือน ผืนดินกว้างถล่มทลาย!

หยางเยี่ยนจวินร่ายวิชาอย่างฉับไว พลังเวททอแสงกล้าพร่างพราวรอบๆ กาย เสมือนก้อนแสงขนาดมหึมา

ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม…

เงากระบี่นับไม่ถ้วนกระหน่ำตกลงมาอย่างบ้าคลั่ง ก้องกระหึ่มจนก้อนแสงมหึมาสั่นสะเทือนรุนแรง

กายเนื้อของหยางเยี่ยนจวินก็กำลังสั่นเทิ้ม

“เขาไม่ใช่เซียนอิสระ?”

หยางเยี่ยนจวินฉุกคิดอย่างตื่นกลัว

แย่แล้ว!

ต้านไม่ไหว!

………………………………………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+