ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม 404 ไก่ลบความบาดหมาง
เช้าวันใหม่ อันหลินออกไปเลือกสรรวัตถุดิบแต่เช้าตรู่
เนื้อไก่เลือกไก่อัคคีจากเขาตงหลิงของรั้วสำนัก หัวหอมกับขิงเป็นพืชคุณภาพที่มาจากไร่วิเศษ แม้แต่เครื่องปรุงนานาชนิดอย่างเกลือ น้ำมัน ซีอิ๊วและน้ำส้มสายชูก็ได้มาจากพ่อครัวมือฉมังแห่งสรวงสวรรค์!
รวมถึงโค้กปี 85 ขวดหนึ่ง!
ใช่แล้ว เมนูที่เขาจะทำในวันนี้ก็คือ ไก่อบโค้กที่หนึ่งในปฐพี!
อันหลินใช้กระทะก้นแบนแรกกำเนิดอีกครั้ง ผสานกับพลังงานความร้อนจากเพลิงสุริยะ เริ่มลงมือผัด อบด้วยไฟแรง สีหน้าจดจ่ออย่างยิ่งราวกับกำลังทำเรื่องที่วิเศษมากก็ไม่ปาน
ในที่สุดกลิ่นหอมที่ชวนให้ตื่นตะลึงก็ดึงดูดสายตาของสัตว์เลี้ยงทั้งสาม แต่ละตัวตาลุกวาวพากันกรูเข้ามา กลับถูกเขาเตะกระเด็นอย่างไม่ลังเล
“หลีกไป! นี่เป็นของที่จะให้เสี่ยวหลานกิน!” อันหลินพูดอย่างไม่สบอารมณ์
“ฮือ…พี่อัน ในใจของเจ้า เสี่ยวหลานสำคัญกว่าข้าอีกหรือ โฮ่ง!” ต้าไป๋คร่ำครวญ
“ใช่แล้ว!” อันหลินพูดอย่างเด็ดขาด
ต้าไป๋ “…”
“นายท่าน ท่านกำลังบีบให้ข้าอดอาหารประท้วงอยู่นะ” เสี่ยวหงทำหน้าทุกข์ระทม ท่าทางงดงามน่าดูชม ชวนให้สงสารมากเป็นพิเศษ
อันหลินจดจ่อกับการปรุงอาหารไม่วอกแวก “เจ้าอดอาหารไม่เป็นไร แค่สังเคราะห์แสงก็เพียงพอแล้ว”
“พี่อัน ข้าจะจองอาหารของวันพรุ่งนี้!” ดวงตาของเจ้าอัปลักษณ์ดุจโคมไฟ ฉวยโอกาสก่อนใคร
“ถ้าพรุ่งนี้เสี่ยวหลานไม่ให้ข้าทำอาหารให้ ก็จะเก็บไว้พิจารณา” อันหลินพยักหน้า
ต้าไป๋สั่นสะท้าน รู้ว่าพลาดโอกาสไปแล้ว แต่เมื่อฉุกคิดขึ้นได้ จู่ๆ ดวงตาก็พลันเป็นประกาย “พี่อัน หลังสวีเสี่ยวหลานกินไก่เสร็จ ยังมีกระดูกเหลือไม่ใช่หรือไง อย่าทิ้งกระดูก เก็บไว้ให้ข้ากิน! โฮ่ง!”
อันหลิน “…”
ครึ่งชั่วยามต่อมา
อันหลินหยิบฝามาปิดจานอาหารอย่างระมัดระวังแล้วเดินไปยังบ้านพักที่อยู่ข้างๆ
เขาจะสร้างเซอร์ไพรส์ให้สวีเสี่ยวลหาน ทำลายช่องว่างระหว่างทั้งคู่โดยสิ้นเชิง!
ติ๊งหน่อง…
หญิงสาวคนหนึ่งเปิดประตูออก เมื่อเห็นชายหนุ่มยกจานอาหาร ใบหน้างามสะคราญก็มีความประหลาดใจปรากฏ
“ฮาย เซียนหญิงหลานหลาน กินข้าวหรือยัง”
“กินแล้ว”
“…”
อันหลินปาดเหงื่อ ให้ตายสิ พล็อตไม่ถูกนี่นา…
ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาอาหารไม่ใช่เหรอ
เซอร์ไพรส์ของเราจะทำอย่างไรดี ไก่อบโค้กของเราจะทำอย่างไร!
“กิน…อีกมื้อดีไหม” อันหลินมองสวีเสี่ยวหลาน เอ่ยเสียงละห้อย
สวีเสี่ยวหลานมองจานในมืออันหลิน กะพริบตาปริบๆ ถามว่า “เจ้าทำเองหรือ”
“ใช่ วางใจได้ อร่อยมากนะ” อันหลินพยักหน้า
สีหน้าของสวีเสี่ยวหลานผ่อนคลายลง เบี่ยงตัวหลบพลางพูดว่า “งั้นเจ้าเข้ามาก่อนแล้วค่อยว่ากัน”
“ได้เลย!”
ในที่สุดอันหลินก็ได้เข้าบ้านของสวีเสี่ยวหลานอีกครั้ง นี่เป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่!
“เซียนหญิงหลานหลาน ข้าไม่ได้โม้นะ ระยะนี้ฝีมือการปรุงอาหารของข้าก้าวหน้านิดหน่อย กวาดตามองทั่วแดนจิ่วโจว น่าจะไม่มีใครสู้การปรุงอาหารของข้าได้ แม้แต่สัตว์เลี้ยงที่เย่อหยิ่งสามตัวนั้น ก็วิวาทกันใหญ่โตทุกวันเพราะอาหารที่ข้าทำ” พออันหลินเข้ามาก็สะกดกลั้นอารมณ์ของตัวเองไม่ไหว เริ่มคุยโวโอ้อวดทันที
สวีเสี่ยวหลานเบะปาก “ฝีมือเป็นหนึ่งในแดนจิ่วโจวหรือ ฉายาพรรค์นี้ยังกล้าตั้ง ยังจะบอกว่าเจ้าไม่ได้โม้อีกหรือ ขืนเจ้ายังหน้าด้านเช่นนี้อีก ก็ขอให้เจ้าออกไปเดี๋ยวนี้เลย”
“อย่าสิ เจ้าชิมก็จะรู้ รับรองว่าเจ้าจะสุขสมอารมณ์หมายจนถอนตัวไม่ขึ้น!” อันหลินหย่อนตัวนั่งลง ไม่คิดจะขยับก้นอีกต่อไป วางจานอาหารลงกลางโต๊ะ เอ่ยวาจาด้วยสีหน้าอิ่มเอม
สวีเสี่ยวหลานแสยะยิ้ม “เหอะๆ”
อันหลินเห็นดังนั้นไม่โกรธ แต่พยักหน้าจริงจังพลางพูดว่า “เจ้าไม่เชื่อหรือ งั้นเรามาพนันกันดีกว่า”
สวีเสี่ยวหลานเลิกคิ้ว “พนันอะไร”
“พนันว่าหากเจ้ากินอาหารของข้าคำหนึ่ง จะอดทนไม่กินจนหมดทั้งจานได้หรือไม่ หากว่าเจ้าทนได้ถือว่าข้าแพ้ แต่หากเจ้าทนไม่ได้กินจนหมดจานถือว่าข้าชนะ!” อันหลินพูดอย่างเคร่งขรึม
สวีเสี่ยวหลานสนเท่ห์ “แล้วของวางเดิมพันล่ะ”
“ถ้าเกิดข้าแพ้ ข้าก็จะยอมเจ้าทำตามเงื่อนไขของเจ้าหนึ่งข้อ หากข้าชนะ เจ้าต้องให้อภัยเรื่องที่ข้าทำในศึกแห่งอิสรภาพ เป็นอย่างไร” อันหลินมองสวีเสี่ยวหลาน
สวีเสี่ยวหลานครุ่นคิด ตนจะแพ้ได้อย่างไร ในเมื่อไม่ใช่คนที่รักการกินเป็นชีวิตจิตใจ จึงพยักหน้า “ได้ งั้นก็ตกลงตามนี้!”
อันหลินวางมือลงบนฝาปิดจานอาหารยิ้มๆ “ลำดับต่อไป มาถึงช่วงเวลาของความมหัศจรรย์แล้ว!”
เมื่อเปิดฝาขึ้น แสงสว่างเจิดจ้าก็สาดส่องทันใด
ได้ยินเสียงกังวานดังขึ้นภายในห้อง ภาพของพญาหงส์สีแดงพวยพุ่งขึ้นจากจาน
อันหลินกับสวีเสี่ยวหลานต่างก็ตะลึงงัน
คุณพระ นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน!
เกิดปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ ไก่อัคคีถือกำเนิดใหม่เป็นพญาหงส์งั้นเหรอ
ทั้งๆ ที่ไม่ได้ใส่เทคนิคพิเศษ อย่าโอเวอร์ขนาดนี้ได้ไหม!
ในขณะเดียวกัน กลิ่นหอมที่เย้ายวนใจอย่างยิ่งก็อบอวลไปทั่วทั้งห้อง ไก่อบโค้กที่สีสันน่ารับประทานก็ปรากฏตรงหน้าทั้งคู่ ชวนให้อยากลิ้มลอง
อันหลินได้สติก่อน พยายามสะกดกลั้นอารมณ์ พูดด้วยรอยยิ้มว่า “แหะๆ สำคัญที่รสชาติ ทักษะต่ำต้อยพวกนี้ช่างน่าขายหน้า”
สวีเสี่ยวหลานตื่นจากภวังค์ จ้องมองไก่อบโค้กตรงหน้า สลับกับมองอันหลินที่มีสีหน้าเรียบเฉย ในใจเกิดความคิดที่ว่าเขากำลังวางมาดแท้ๆ แต่ก็เท่มากเช่นกัน
“มา มาลองชิมดูหน่อย รับรองว่าเจ้าหยุดไม่ได้แน่”
อันหลินประสานมือบนโต๊ะ กล่าวด้วยความคาดหวัง
สวีเสี่ยวหลานผงกศีรษะ หยิบตะเกียบขึ้นคีบเนื้อไก่ที่สีสันฉูดฉาดเข้าปาก
ชั่ววินาทีที่เคี้ยว รสชาติที่อร่อยล้ำก็ระเบิดในโพรงปาก ทำให้นางรู้สึกสบายไปทั้งตัวประหนึ่งวิญญาณหลุดออกจากร่าง
อร่อย!
นี่เป็นความรู้สึกแรกของสวีเสี่ยวหลาน
นางคีบเนื้อไก่ชิ้นที่สองตามสัญชาตญาณปานควบคุมตัวเองไม่ได้
อร่อยสุดๆ!
นี่เป็นความรู้สึกที่สองของสวีเสี่ยวหลาน
สวีเสี่ยวหลานตะลึงงัน กินพลางอุทานในใจ
คุณพระ! ในปฐพีมีอาหารที่รสโอชาเช่นนี้ด้วยหรือ!
อันหลินมองสวีเสี่ยวหลานที่ขยับตะเกียบไม่หยุดแล้วยิ้มอย่างพอใจ
กลิ่นหอมตลบฟุ้งเต็มห้อง ไก่อบโค้กยั่วยวนใจยิ่งนัก หากเขาไม่หวังให้สวีเสี่ยวหลานให้อภัยเขา เขาคงกระโจนเข้าไปสวาปามนานแล้ว
ภาพลักษณ์การกินของสวีเสี่ยวหลานไม่สง่างามเป็นครั้งแรก ปากเปื้อนน้ำมัน แก้มขาวผ่องป่องนูน เคี้ยวไม่หยุด ดวงตาสุกใสดุจวารินยามสารทจ้องอันหลินแล้วอุทานว่า “เจ้าคงไม่ได้จับพญาหงส์มาปรุงให้ข้ากินหรอกนะ ไก่อบโค้กจะมีรสเช่นนี้ได้อย่างไร!”
อันหลินกลอกตา “เจ้าเคยเห็นพญาหงส์ตัวเล็กแบบนี้หรือ”
สวีเสี่ยวหลานยิ้มแหยแล้วลงมือกินต่อ
จากนั้นนางก็เงยหน้ามองอันหลินกะทันหัน ขบคิดแล้วขยับจานไปทางอันหลินเล็กน้อย “มากินด้วยกันสิ”
อันหลินได้ฟังก็ดีใจ ดมกลิ่นหอมที่เย้ายวนใจ อยากกินมาตั้งนานแล้ว แต่ไม่คิดเลยว่าสวีเสี่ยวหลานจะเอาใจใส่ขนาดนี้ จึงขยับตะเกียบทันที
จู่ๆ สองมือของเขาก็ชะงัก เกือบไปแล้ว!
“ฮึ่ย ยังดีข้าฉลาด เกือบหลงกลเจ้าแล้ว!” อันหลินมองสวีเสี่ยวหลาน พูดอย่างกระหยิ่มใจว่า “เดิมพันกันว่าเจ้าต้องกินอาหารจานนี้ให้หมด ถ้าข้ากิน ก็เท่ากับว่าเจ้าไม่ได้กินจานนี้จนหมด งั้นข้าก็แพ้น่ะสิ ฮ่าๆ ๆ…คิดจะหลอกให้ข้าหลงกล เจ้ายังอ่อนหัดไปหมื่นปี!”
สวีเสี่ยวหลานเหลือบมองอันหลินอย่างประหลาดใจ สุดท้ายก็อดขำพรืดออกมาไม่ได้
“เฮ้อ เจ้าอย่าตลกแบบนี้ได้ไหม ข้าบอกให้เจ้ากิน เจ้าก็กินสิ” นางยิ้มจนตาหยี ดุจดอกท้อต้องลมวสันต์ และเหมือนดวงตะวันในหน้าหนาว ชวนให้รู้สึกอบอุ่นผ่อนคลาย
อันหลินกะพริบตาปริบๆ “แล้วเรื่องเดิมพัน…”
“เจ้าโง่หรือไง…ข้าเรียกเจ้ามากิน แน่นอนว่าข้าให้อภัยเจ้าแล้ว ไม่อย่างนั้นข้าจะทำใจแบ่งไก่พญาหงส์ที่เลิศรสปานนี้ให้เจ้าได้หรือ”
“อา! ข้าว่าแล้วเซียนหญิงหลานหลานดีที่สุด! ชื่อที่เจ้าตั้งให้อาหารจานนี้ก็ไพเราะ ไก่พญาหงส์น่าฟังกว่าไก่อบโค้กเป็นร้อยเท่า!”
“อย่าพล่ามให้มาก! รีบกินเถอะ ไม่อย่างนั้นข้าจะกินหมดแล้วนะ”
“ได้เลย งั้นข้าก็ไม่เกรงใจแล้วนะ!”
ด้วยเหตุนี้ ในที่สุดความบาดหมางทั้งปวงของทั้งคู่ก็มลายหายไป คืนดีกันอีกครั้งเพราะไก่หนึ่งตัว…
Comments