ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลกบทที่ 117 ทำแบบนั้นได้ยังไง?

Now you are reading ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก Chapter บทที่ 117 ทำแบบนั้นได้ยังไง? at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 117 ทำแบบนั้นได้ยังไง?

บทที่ 117 ทำแบบนั้นได้ยังไง?

แท้จริงแล้ว ตอนที่โจวซานสอนการยิงธนูให้อู๋ฝานเมื่อวานนี้ อู๋ฝานยังเกิดสงสัยอยู่ในใจด้วยซ้ำ

เพราะก่อนหน้านี้ ตอนที่ยังอยู่ในหมู่บ้านเร้นลับ หัวหน้าหมู่บ้านเพียงบอกข้อมูลของทักษะวิชาและข้อควรระวัง เขาก็เรียนรู้ทักษะมามากมาย แต่เมื่อวาน โจวซานก็สอนเรื่องการยิงธนูมากมาย แต่อู๋ฝานกลับไม่ได้เรียนรู้ทักษะวิชาธนู

มันจึงทำให้อู๋ฝานสับสนและสงสัย

ทว่าตอนนี้ ในที่สุดเขาก็ได้เรียนรู้ทักษะแล้ว มันเป็นการเรียนรู้ด้วยตัวเอง ซึ่งแตกต่างจากทักษะที่เรียนรู้จากหมู่บ้านเร้นลับ

“มันแตกต่างกันที่ตรงไหน? หรือเพราะหัวหน้าหมู่บ้านกับคนอื่นเป็นปรมาจารย์ แต่โจวซานไม่ใช่?” อู๋ฝานครุ่นคิดและนึกสงสัย

แท้จริงแล้ว สิ่งที่อู๋ฝานคิดก็ค่อนข้างถูกต้องเลยทีเดียว

หากว่าอู๋ฝานเป็นคนพื้นเมืองของที่นี่ ตัวเขาก็จะต้องเรียนรู้ทักษะ วิชา และความสามารถจากคนอื่นได้ เหมือนดังเช่นหนิวเอ้อ ที่ตั้งแต่ยังเด็กเข้าทำงานกับร้านตีเหล็ก ทำให้ได้เรียนรู้ความสามารถในการตีเหล็กมาส่วนหนึ่ง

เพียงแต่อู๋ฝานเป็น ‘ผู้เล่น’ ดังนั้นเทพสวรรค์ก็เลยตั้งข้อกำหนดว่าจะต้องเป็นปรมาจารย์จึงสามารถสอนทักษะวิชาให้แก่อู๋ฝาน คนอื่นไม่อาจทำได้ ต่อให้ตั้งใจสอนอู๋ฝานเพียงใด ก็ไม่มีทางที่อู๋ฝานจะเรียนรู้ทักษะวิชาโดยตรงเช่นที่เคย ทำให้อู๋ฝานต้อง “เรียนรู้และเข้าใจด้วยตัวเอง” เพียงอย่างเดียวเท่านั้น

แน่นอนว่าความรู้ความเข้าใจมันมีหลายปัจจัยส่งผลต่อโอกาสประสบความสำเร็จ มันก็ขึ้นอยู่กับความรู้ความเข้าใจของตัวอู๋ฝานเอง ไม่ว่าจะเป็นความรู้ในด้านทฤษฎี การฝึกซ้อมอย่างจริงจัง และบุคคลที่สอน ความสามารถการเรียนรู้ และความตั้งใจของตัวเขา

โดยสรุปแล้วนั้น การเรียนรู้และเข้าใจทักษะด้วยตัวเอง มันมีองค์ประกอบหลายส่วน ไม่ใช่เพียงแค่ตัวอู๋ฝานเพียงอย่างเดียว

อู๋ฝานยังรู้และเข้าใจทักษะวิชาได้โดยไม่ต้องให้ผู้อื่นสอน เพียงแต่มันต้องอาศัยโชค และขณะเดียวกัน ยังต้องอาศัยปัจจัยอื่นเข้าร่วม ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่ยากยิ่งกว่าการมีผู้อื่นสอนชี้แนะ

แน่นอนว่า เรื่องราวเหล่านี้ อู๋ฝานไม่ทราบแต่อย่างใด อย่างไรแล้ว ก็ไม่มีคู่มืออะไรบอก และไม่มีเว็บไซต์อย่างเป็นทางการให้ตรวจสอบ ทำให้เขาต้องคอยสำรวจและทำความเข้าใจด้วยตัวเอง

ยิ่งไปกว่านั้น ไม่ว่าจะด้วยอะไร อู๋ฝานก็ยินดีหากว่าจะได้ทักษะวิชาเพิ่มแม้เพียงหนึ่ง

เมื่อใดก็ตามที่ความสามารถแสดงออกในรูปแบบของทักษะ อู๋ฝานจะสามารถเรียนรู้ต่อได้โดยง่าย ที่ต้องทำก็เพียงขยันฝึกซ้อมอย่างต่อเนื่อง เพิ่มความเชี่ยวชาญให้มากขึ้น ตัวเขาจะมีความสามารถที่แข็งแกร่งขึ้นได้โดยแทบไม่ต้องพึ่งสิ่งที่เรียกว่าพรสวรรค์ หรือพบเจออาการตีบตันทางความก้าวหน้า

ด้วยเหตุนี้ หากว่าเป็นเพียงคนธรรมดา มันจะต้องใช้เวลาสักหนึ่งหรือสองปี หรืออาจนานกว่านั้น เพื่อคว้าเอาคุณสมบัติการเป็นนักธนูมาครอบครอง แต่อู๋ฝานไม่ใช่ ตราบเท่าที่ไขว่คว้าทักษะมาได้ ความสามารถในด้านนี้ของเขาจะพัฒนาขึ้นเอง มันจะพัฒนาขึ้นได้โดยไม่ต้องสนปัจจัยอื่นอีก

มันคือผลประโยชน์ของการเป็น ‘ผู้เล่น’

“เป็นอะไรถึงเหม่อไปแบบนั้น? ท่าทีเช่นนี้ของเจ้าในสนามรบจะนำพาความตายมาสู่ตน!” ขณะอู๋ฝานกำลังครุ่นคิดไปมา โจวซานเพียงคิดว่าตัวเขาเกิดเหม่อลอยไปอย่างกะทันหัน ดังนั้นจึงตำหนิพร้อมเกิดความไม่พอใจ “สถานการณ์บนสนามรบจะแปรเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วเสมอ การขาดความระวังแม้เพียงนิด มันคือการนำพาตนเองไปสู่ความตาย”

โจวซานเข้มงวดกับอู๋ฝาน เป็นอาจารย์ที่จริงจังและตั้งใจ เห็นได้ว่าเขาไม่ได้มองอู๋ฝานเหมือนดังทหารสำรองทั่วไป แต่เตรียมฝึกอู๋ฝานให้ก้าวหน้าได้ดียิ่งขึ้น ดังนั้นตอนนี้ การได้เห็นอู๋ฝานเหม่อลอย เขาจึงเผยคำตำหนิอย่างรุนแรงไม่คิดเมตตา

“ครับ เข้าใจแล้วครับ” อู๋ฝานไม่คิดอธิบาย เพราะทราบดีว่าโจวซานตำหนิก็เพราะห่วงตัวเขาทั้งสิ้น

แน่นอนว่าต่อให้เขาคิดอยากอธิบายก็ไม่มีทางอธิบายได้

“ฝึกต่อไป” เสียงของโจวซานยังคงแข็งทื่อ เพราะเขามองว่า อู๋ฝานเกิดประสบความสำเร็จทางการฝึกอะไรเข้า ดังนั้นจึงจิตใจหลุดลอยไป จนสุดท้ายสมาธิหลุดจากการฝึกซ้อม

อู๋ฝานพยักหน้ารับ ก่อนจะโน้มสายคันธนูและตั้งลูกธนูขึ้นอีกครั้ง

ครั้งนี้อู๋ฝานรับรู้ได้ถึงความแตกต่าง ก่อนหน้านี้ ตัวเขาเพียงรู้สึกว่าคันธนูและลูกธนูคืออาวุธที่อยู่ในมือ ทว่าปัจจุบัน เขารู้สึกได้ถึงความกลมกลืน ราวกับคันธนูและลูกธนูเป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย

“มันยังเป็นแค่ระดับต้น หากว่าเลื่อนไปถึงระดับปรมาจารย์ อย่างนั้นจะส่งผลอะไรได้บ้างกัน?” อู๋ฝานครุ่นคิดอยู่ในใจ ทว่ามือก็ยังคงขยับเคลื่อนไหว ยามเมื่อปล่อยมันออกจากมือขวา ลูกธนูจึงพุ่งหลุดพ้นจากสายคันธนู เสียง ‘ปัก’ ดังขึ้น มันเข้าปะทะกับเป้าธนูที่อยู่ตรงหน้า และตำแหน่งนั้นคือจุดศูนย์กลางของเป้า

[วิชาธนู ระดับต้น เพิ่มอัตราการยิง 10% เพิ่มความเสียหาย 10% และเพิ่มระยะการยิง 10%]

มันคือวิชาธนูระดับต้นที่อู๋ฝานครอบครองอยู่ เดิมนั้นเขานึกคิดว่าการเพิ่มสัก 10% ไม่ใช่จำนวนที่มากมาย ทว่าตอนนี้ ราวกับเขากำลังปรามาสค่าสถานะ 10% นี้จนเกินไป

ด้วยวิชาธนูระดับต้น อู๋ฝานสามารถถูกเรียกได้ว่าเป็นนักธนูที่มีคุณสมบัติครบถ้วนแล้ว

เพียงแต่ ขณะอู๋ฝานยิงลูกธนูออกไป โจวซานที่ยืนอยู่ด้านข้างคอยรับชม เดิมที่สีหน้าแข็งทื่อโกรธขึ้ง สายตาต้องจับจ้องจริงจัง เพราะเขารับรู้ได้ ว่าลมหายใจของอู๋ฝานมันแตกต่างจากก่อนหน้านี้อย่างเห็นได้ชัด

ก่อนหน้านี้ แม้ว่าอู๋ฝานตั้งใจฝึกฝนโน้มสายและยิงออกอย่างจริงจัง แต่ในสายตาของนักธนูมากประสบการณ์ ตัวเขาเป็นเพียงคนฝึกซ้อม หรือก็คือมือสมัครเล่น

เพียงแต่ ลูกธนูดอกนี้ที่อู๋ฝานยิงออกไป มันเป็นความรู้สึกที่มีเพียงนักธนูผู้มีประสบการณ์ฝึกฝนยาวนาน จะสามารถยิงออกไปได้

“ทำได้ยังไงกัน?” โจวซานเอ่ยถามโดยไม่มองเป้าธนูแม้แต่น้อย

ด้วยท่าทางและลมหายใจของอู๋ฝาน แม้ว่าลูกธนูพลาดเป้า มันก็ไม่อาจส่งผลกระทบอะไรกับข้อสรุปของโจวซานได้

“ทำได้ยังไงเหรอครับ?” อู๋ฝานถามกลับด้วยความสับสน

“ลูกธนูที่เจ้ายิงออกไปเมื่อครู่ มันแตกต่างจากก่อนหน้าอย่างเห็นได้ชัด” โจวซานตอบกลับ “เจ้าทำได้ยังไง?”

“ผมก็เพียงแค่ฝึกซ้อมแล้วก็ฝึกซ้อม ตอนนั้นเองที่รู้สึกได้ราวกับตระหนักถึงอะไรบางอย่าง” อู๋ฝานไม่คาดคิด ว่าโจวซานจะสายตามองความสามารถเฉียบขาดได้ขนาดนี้ ตัวเขาที่เพิ่งตระหนักรู้ถึงทักษะ กลับถูกพบเห็นเสียแล้วว่ามันแตกต่างออกไป

“ไม่น่าเชื่อ” โจวซานส่ายศีรษะอย่างรำพึง “ก่อนหน้านี้ข้าปรามาสเจ้าเกินไป เจ้ามีพรสวรรค์ทางด้านธนู ลูกธนูดอกเมื่อครู่ไม่ใช่อะไรที่คนธรรมดาซึ่งฝึกหนึ่งหรือสองปีจะยิงออกไปได้ แต่แล้วกลับเป็นเจ้า ที่เพิ่งจะเริ่มฝึกธนู”

เมื่อวานอู๋ฝานฝึกซ้อมเช่นไร โจวซานยังคงจดจำได้อย่างชัดเจน แม้ว่าอู๋ฝานบอกว่าเคยฝึกมาบ้าง แต่ทั้งท่าทางการเคลื่อนไหวยังค่อนข้างแข็งทื่อ เชิงรายละเอียดยังมีข้อผิดพลาดอยู่มาก เห็นได้ชัดว่าอู๋ฝานเพิ่งเริ่มฝึกการใช้คันธนูและลูกธนูได้ไม่นาน

เพียงแต่อู๋ฝานที่ก่อนหน้านี้ยังอยู่นอกเขตแดนของสิ่งที่เรียกว่านักธนู แต่แล้วกลับสามารถก้าวข้ามมาได้ในวันนี้อย่างกะทันหัน ได้กลายเป็นนักธนูตัวจริง ความเปลี่ยนแปลงนี้มากมายมหาศาลเกินไป ความเร็วความก้าวหน้านี้ มันยากที่โจวซานจะเชื่อได้ว่าในโลกถึงกับมีบุคคลเช่นนี้อยู่

หรือบางที อู๋ฝานอาจเป็นอัจฉริยะในตำนาน

เรื่องราวดังกล่าวจึงยิ่งทำโจวซานตั้งใจจับตาดูอู๋ฝานมากยิ่งขึ้น

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *