ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลกบทที่ 212 เงียบเหงา

Now you are reading ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก Chapter บทที่ 212 เงียบเหงา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 212 เงียบเหงา

บทที่ 212 เงียบเหงา

แม้ว่าอู๋ฝานจะใช้เวลาในเจียงโจวมาไม่น้อย แต่ก็แทบไม่ได้ติดต่อสนิทสนมกับใคร ก็ใครใช้ให้ก่อนหน้านี้ตัวเขาอับโชคกัน เอาแค่งานที่มั่นคงยังมีไม่ได้ การได้รู้จักกับหวังจื่อหมิง เรียกได้ว่าเป็นความบังเอิญทั้งสิ้น

ดังนั้นอู๋ฝานจึงไม่คิดว่าจำเป็นต้องเปิดตัวร้านอาหารอย่างยิ่งใหญ่แต่ประการใด การมุ่งตรงเข้าประเด็น คือการเปิดร้านอย่างเป็นทางการต่างหาก

“เถ้าแก่ ภัตตาคารของเราจับกลุ่มลูกค้าระดับกลางและระดับสูง แต่เถ้าแก่กลับไม่มีเส้นสายในแวดวงเหล่านั้น คิดจะเจาะตลาดเป็นเรื่องยากอยู่นะคะ” เฉินปิงเหยาบอกกับอู๋ฝาน

“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมเชื่อในฝีมือของเชฟหลิว” อู๋ฝานตอบรับอย่างผ่อนคลาย

แท้จริงแล้วนอกจากฝีมือการทำอาหารของหลิวอี้เตา ก็ยังมีส่วนสำคัญอื่นอีก ดังเช่นวัตถุดิบทั้งหลาย หากไม่แล้ว เมื่อนำไปเปรียบกับร้านระดับสูงที่อื่น เกรงว่าคิดหยัดยืนขึ้นนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย อย่างไรแล้วเหล่าเชฟในร้านเหล่านั้น ก็มีฝีมือที่ไม่ได้แย่ไปกว่าหลิวอี้เตาเท่าไหร่นัก

เห็นได้ชัดว่าเฉินปิงเหยาทราบเรื่องการดำเนินกิจการร้านอาหารที่ดี ดังนั้นเธอจึงไม่ได้เห็นพ้องกับคำพูดของอู๋ฝานไปเสียทั้งหมด แต่ในเมื่อเธอเป็นผู้จัดการของที่นี่แล้ว หญิงสาวย่อมต้องมองเรื่องของร้านเป็นอันดับหนึ่ง

“เถ้าแก่ ฉันได้เชิญเพื่อนหลายคนมาสนับสนุนเรื่องวันนี้ด้วยค่ะ” เฉินปิงเหยาเอ่ยคำขึ้น

“ยินดีแล้วครับ” อู๋ฝานตอบรับ การเปิดร้านในวันนี้ ยิ่งมีคนมามากเท่าไหร่ก็ยิ่งดีเท่านั้น

ช่วงเวลาที่ผ่านมา ทางร้านได้เตรียมการทั้งภายในและภายนอก ทั้งลูกค้าทุกคนเองต่างก็พร้อมทำหน้าที่ ขณะนี้กำลังรอให้เริ่มงานเปิดร้านอย่างเป็นทางการอยู่อย่างใจจดใจจ่อ

ผู้จัดการของร้านคัลเลอร์แมนอย่างหวงถิงเฟิง ขณะนี้เดินทางมาอย่างเย่อหยิ่ง จนมาหยุดยืนตรงหน้าร้านของอู๋ฝาน พร้อมกับเดินเข้ามาเพื่อ ‘แสดงความยินดี’ กับการเปิดร้านอาหารใหม่ในละแวก ในฐานะคนในวงการค้าเดียวกัน จึงต้องแสดงความใกล้ชิดและมิตรไมตรี หวงถิงเฟิงจึงมองว่าครั้งนี้ก็ควรมา ‘แสดงความยินดี’ สักหน่อย

โดยเฉพาะกับตอนนี้ที่ได้เห็นทางเข้าร้านที่ดูเย็นชืด เขาก็ยิ่งรู้สึกว่าการเดินทางมาครั้งนี้ไม่ได้สูญเปล่าอย่างแน่นอน

ตอนนี้ใกล้เวลามื้ออาหารแล้ว ทางด้านร้านคัลเลอร์แมนมีลูกค้าแวะเวียนมาคนแล้วคนเล่า ขณะที่ร้านอาหารฝั่งตรงข้ามซึ่งเหลือเวลาอีกไม่มากจะได้ฤกษ์เปิดร้าน กลับยังไม่มีลูกค้าแวะเวียนมาสักคน

หากคิดจะอยู่ในฐานะหนึ่งในร้านอาหารชั้นสูง ทว่ากลับไม่มีสัมพันธ์กับคนในแวดวงระดับกลางและระดับสูงในเจียงโจว จึงไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจ ถ้าวันเปิดร้านจะพบเจอกับความยากลำบาก หวงถิงเฟิงทราบในเรื่องนี้ดีเช่นกัน เช่นนั้นร้านนี้จะยังเปิดได้ด้วยดีอีกงั้นเหรอ?

ดังนั้นแล้วหวงถิงเฟิงจึงมาแสดงความยินดีในนาม ทว่าในความเป็นจริงนั้น ต้องการเพียงมาดูเรื่องราวชวนขำขัน แต่แล้วตอนที่หวงถิงเฟิงมาถึงหน้าทางเข้าร้าน เขากลับได้เห็นร่างหนึ่งที่ดูคุ้นเคย และเป็นหนึ่งในคนที่เขานึกรังเกียจด้วย

อู๋ฝาน!

เพราะการแข่งขันครั้งก่อน หวงถิงเฟิงจึงไม่ได้มีความประทับใจอันดีใดให้แก่อู๋ฝาน แม้แบบนั้นก็ไม่คิดว่าจะได้พบอีกฝ่ายที่นี่

“อู๋ฝาน ทำไมนายมาอยู่ที่นี่ได้?” หวงถิงเฟิงเอ่ยคำถามด้วยความประหลาดใจ

หรือว่าอีกฝ่ายถูกเจ้าของร้านอาหารใหม่เชิญมา?

ต้องเป็นเถ้าแก่ที่มีทัศนวิสัยเช่นไร ถึงได้เชิญคนเช่นนี้มาร่วมเปิดร้าน

“ผู้จัดการหวง?” เห็นหวงถิงเฟิงมาเยือน อู๋ฝานก็รู้สึกประหลาดใจเช่นเดียวกัน ดังนั้นจึงเอ่ยขึ้นว่า “ผมเป็นเจ้าของที่นี่เองครับ ร้านจะเปิดทำการวันนี้ ดังนั้นผมก็ต้องอยู่ที่นี่ด้วยสิ”

“นายเป็นเถ้าแก่ของที่นี่?” หวงถิงเฟิงตกใจรอบสอง

แม้ว่าเขาจะคอยให้ความสนใจในร้านอาหารแห่งนี้มาโดยตลอด แต่ก็ไม่ทราบว่าใครกันแน่ที่เป็นเจ้าของคนใหม่ และก็หาได้คาดคิดไม่ว่าอีกฝ่ายนั้นจะเป็นอู๋ฝาน

อู๋ฝานไม่ใช่แค่อาจารย์ยากไร้คนหนึ่งงั้นเหรอ? เพราะอะไรถึงมาเปิดร้านอาหารได้? อีกทั้ง ภัตตาคารนี้ยังดูลงทุนไปมากมายมหาศาล อีกฝ่ายไปหาเงินมาจากที่ไหน?

“ครับ มีอะไรแปลกกัน?” อู๋ฝานถามกลับ

“นายไปหาเงินมากมายขนาดนี้มาจากไหน?” หวงถิงเฟิงอดไม่ได้จนต้องเอ่ยคำถามออกมา

“ผมไปหาเงินมาจากที่ไหน จำเป็นต้องรายงานให้ทราบด้วยเหรอครับ?” อู๋ฝานขมวดคิ้ว

หวงถิงเฟิงชะงักงัน เมื่อครู่นี้ตัวเขาประหลาดใจจนเกินไป ดังนั้นจึงเอ่ยปากถามคำถามที่ดูเสียมารยาทจนเกินไป

ทว่าหวงถิงเฟิงดึงสติกลับมาได้อย่างรวดเร็ว พร้อมกับนึกถึงจุดประสงค์แรกที่มาเยือนที่นี่ หลังได้ทราบว่าเถ้าแก่ของที่นี่คืออู๋ฝาน เขาก็ยิ่งไม่คิดมากมารยาทด้วย

“แค่ก แค่ก! เถ้าแก่อู๋ วันนี้ผมมาแสดงความยินดีกับการเปิดร้านใหม่ เพียงแต่ร้านนี้ออกจะดูแห้งแล้งเกินไปบ้างนะครับ ทำไมถึงไม่เชิญแขกเหรื่อมาให้ดูคึกคักกว่านี้กันล่ะ?” หวงถิงเฟิงแสดงสีหน้าท่าทีเสแสร้ง

“ไม่จำเป็นหรอกครับ” อู๋ฝานตอบรับ

“ไม่จำเป็น หรือว่าไม่มีใครให้เชิญกันแน่ครับ? เห็นแก่การที่เป็นร้านใกล้เคียง ให้ผมช่วยเรียกคนมาสนับสนุนเรื่องราวหน่อยเป็นไรครับ? เปิดร้านใหม่ทั้งที กลับไม่มีคนมาทำให้ร้านดูคึกคัก ก็ออกจะดูย่ำแย่จนเกินไปนะครับ” หวงถิงเฟิงบอกด้วยรอยยิ้ม เพียงแต่ไม่ว่าจะมองรอยยิ้มนี้อย่างไร มันก็เป็นรอยยิ้มของตัวร้ายชัด ๆ

ทว่าแค่ช่วงที่เขาพูดคำจบนั้นเอง กลับได้เห็นรถที่ดูคุ้นเคยไม่น้อย เข้ามาจอดในช่องจอดรถตรงหน้าร้านอาหาร

ถัดจากนั้น ร่างที่ดูคุ้นเคยก็ก้าวเท้าลงมาจากรถ

“พี่หวังมาแล้วนี่เอง เชิญครับ” เห็นหวังจื่อหมิงลงจากรถ อู๋ฝานจึงเร่งเข้าไปต้อนรับด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

ขณะที่หวงถิงเฟิงยืนนิ่งแข็งค้างไปเสียแล้ว

เหตุใดหวังจื่อหมิงมาอยู่ที่นี่? แล้วอีกฝ่ายไปมีสัมพันธ์อันดีกับอู๋ฝานตั้งแต่เมื่อใด กระทั่งมาอุดหนุนร้านของอีกฝ่ายตั้งแต่วันแรกเลยงั้นเหรอ?

“ดูเงียบเหงาจังนะ” หวังจื่อหมิงมองประตูทางเข้าร้านอดไม่ได้ที่จะเอ่ยคำขึ้น

ตอนที่เห็นหวงถิงเฟิง เขาชะงักไปเล็กน้อย เพราะไม่ได้คาดคิดว่าอีกฝ่ายจะอยู่ที่นี่

“ผู้จัดการหวงก็มาแสดงความยินดีด้วยงั้นเหรอครับเนี่ย?” หวังจื่อหมิงเอ่ยถาม

“ครับ ใช่ครับ” หวงถิงเฟิงสีหน้ายิ้มแย้มเป็นการตอบรับ

หวังจื่อหมิงพยักหน้าตอบรับ ก่อนจะไม่สนใจหวงถิงเฟิง ขณะที่อีกฝ่ายคิดจะกล่าวอะไรอีกสักหลายคำกับหวังจื่อหมิง เลยกลายเป็นต้องกระดากอายไป

“ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่รู้สถานการณ์ของผมสักหน่อย ผมไม่ได้รู้จักคนใหญ่คนโตในเจียงโจว ทำให้เชิญมาได้แค่พี่หวัง เพื่อให้มาอุดหนุนร้านนี้น่ะสิครับ” อู๋ฝานยิ้มตอบ คำพูดก่อนหน้านี้ของหวังจื่อหมิง เขาไม่คิดเก็บมาใส่ใจ

หลักการตลาดที่ดี คือการที่ลูกค้านำไปพูดกันปากต่อปากให้สำเร็จ อู๋ฝานมีความมั่นใจว่าด้วยชื่อเสียงที่เริ่มเบ่งบาน มันจะยิ่งดึงดูดลูกค้ามาได้มากขึ้น

“ถ้านายไม่เรียกฉันมา ฉันคงโกรธยิ่งกว่านี้” หวังจื่อหมิงตอบรับ “เอาแบบนี้เป็นยังไง ฉันโทรเรียกคนมาเพิ่มอีกสักหน่อย จะได้ดูคึกคักขึ้นมาบ้าง”

บุคคลที่สามารถทำให้หวังจื่อหมิงมาที่นี่ได้ ย่อมต้องไม่ใช่คนธรรมดา เพราะอีกฝ่ายคือบุคคลที่มีตัวตนอยู่ในหลายแวดวง นับได้ว่าเป็นบุคคลที่ร้านอาหารของอู๋ฝานต้องการเลยทีเดียว

หวงถิงเฟิงเกิดนึกอิจฉาอยู่ภายใน

“ไม่รบกวนดีกว่าครับ ตอนนี้ก็ออกจะเกินเวลาไปบ้างแล้ว เรียกคนมาตอนนี้คงไม่ดี ถ้าพี่หวังต้องการ ผมแนะนำให้เชิญเพื่อนมาร่วมกินดื่มวันหน้าจะดีกว่าครับ” อู๋ฝานตอบรับ

“เอาแบบนั้นก็ได้” หวังจื่อหมิงตอบรับ

ต่อให้หวงถิงเฟิงอยู่ที่นี่ หวังจื่อหมิงก็ไม่คิดจะใส่ใจมองเห็น เรื่องราวนี้กลับทำหวงถิงเฟิงอับอาย

ร้านอาหารที่เพิ่งเปิดใหม่ ตอนนี้แย่งลูกค้าคนสำคัญไปแล้ว ทั้งยังเป็นลูกค้าอันทรงเกียรติเสียด้วย!

อู๋ฝานแนะนำตัวเฉินปิงเหยาให้กับหวังจื่อหมิงอีกครั้งหนึ่ง อย่างไรแล้วหญิงสาวก็จะเป็นคนจัดการเรื่องราวหลักของที่นี่ จึงจำเป็นต้องให้ทำความรู้จักกับหวังจื่อหมิงเอาไว้ก่อน

“อู๋ฝาน นี่นายไปหาผู้จัดการสาวสวยขนาดนี้มาได้ยังไงกันเนี่ย” หวังจื่อหมิงพูดจาหยอกเย้า

“ผู้จัดการเฉินเป็นคนสนใจเข้ามาทำงานนี้เองต่างหากครับ ฮ่า ฮ่า” อู๋ฝานหัวเราะตอบ “อย่าประเมินผู้จัดการเฉินต่ำไปนะครับ ไม่งั้นจะถูกรูปลักษณ์ของเธอหลอกลวงเอา เพราะเธอไม่เพียงแค่สวย แต่ยังมากความสามารถอีกด้วยครับ”

ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา อู๋ฝานได้ทำความเข้าใจกับความสามารถของเฉินปิงเหยาเรียบร้อยแล้ว หญิงสาวสามารถจัดการเรื่องราวทั้งหลายในร้านได้อย่างเป็นระบบระเบียบ เรียกได้ว่าไร้ที่ติเสียด้วยซ้ำ ทำให้เขาค่อนข้างพึงพอใจไม่ใช่น้อยเลยทีเดียว

“นั่นสินะ เหมือนพบเจอสมบัติอย่างหนึ่งเลยทีเดียว” หวังจื่อหมิงหัวเราะตอบ

“แน่นอนครับ” อู๋ฝานยิ้มตอบรับอย่างภาคภูมิ

หวังจื่อหมิงพูดคุยกับอู๋ฝานที่ตรงหน้าประตูร้านอยู่พักหนึ่ง จนสุดท้ายบริกรก็นำทางเข้าไปด้านในร้าน

ส่วนหวงถิงเฟิงนั้น ไม่มีใครให้ความสนใจมานานแล้ว ทำได้ก็เพียงยืนเก้อเขินอยู่ตรงนั้น

“เถ้าแก่ คุณเป็นเพื่อนกับนายน้อยหวังจริงเหรอคะ?” หลังหวังจื่อหมิงเดินเข้าไปแล้ว เฉินปิงเหยาก็มาถามอู๋ฝานด้วยความประหลาดใจ

“รู้จักเขาเหรอครับ?”

“ค่ะ” เฉินปิงเหยาพยักหน้าตอบรับ “นายน้อยแห่งตระกูลหวัง หนึ่งในห้าตระกูลใหญ่ในเจียงโจว รู้จักคนมากมายในหลายแวดวงของเจียงโจว ฉันเคยได้พบมาก่อนค่ะ แน่นอนว่าเขาไม่รู้จักคนอย่างฉันหรอกนะคะ”

“เหมือนว่าตัวตนของผู้จัดการก็ไม่ธรรมดาเลยนะครับเนี่ย” อู๋ฝานยิ้มตอบรับ “ยังไงก็ไม่ใช่ทุกคนจะได้รู้จักเขาอยู่แล้วครับ”

ตัวตนของหวังจื่อหมิงคือคนที่รู้จักแวดวงมากมายทั้งระดับกลางและระดับสูงของเจียงโจว แต่คนทั่วไปย่อมไม่ทราบว่าเขาเป็นใคร ในเมื่อเฉินปิงเหยาทราบว่าอีกฝ่ายเป็นใคร ดังนั้นครอบครัวของเธอย่อมต้องมีเบื้องลึกเบื้องหลัง

แน่นอนว่าพิจารณาจากการที่เธอบอกว่าหวังจื่อหมิงไม่รู้จักตนเอง หมายความว่าเฉินปิงเหยาไม่ได้อยู่ลึกในแวดวงนี้

“ไม่ใช่แบบนั้นหรอกค่ะ” เฉินปิงเหยาตอบรับ “แม้ว่าตระกูลฉันจะพอมีเงินอยู่บ้าง แต่ก็ไม่มีอันดับอะไรในเจียงโจวหรอกค่ะ”

เมืองชั้นเอกเช่นเจียงโจว ย่อมมีตระกูลผู้มั่งมีจำนวนมากอยู่อาศัย ต่อให้ไม่พูดถึงตระกูลใหญ่ทั้งห้า ก็ยังมีตระกูลหลี่ที่หลี่ปิงสังกัด และยังมีตระกูลระดับไล่เรียงกันอีกจำนวนมากในแวดวง ผู้มั่งมีธรรมดาก็พอจะติดอันดับอยู่บ้าง แต่มีจำนวนไม่ได้มากมายอะไร

ขณะคนทั้งสองพูดคุยกัน ก็ปรากฏรถดูดีจำนวนหนึ่งขับเข้ามา ไม่นานกลุ่มวัยรุ่นราวสี่ถึงห้าคนก็ลงมาจากรถ เฉินปิงเหยาที่เห็นคนกลุ่มนั้น จึงได้เดินเข้าไปยิ้มแย้มทักทาย

“เพื่อนฉันมาแล้วค่ะ” เฉินปิงเหยาบอกกับอู๋ฝาน

ตอนที่กลุ่มหญิงสาวมาถึง อู๋ฝานก็รู้สึกราวกับว่าสายตาของเขากระจ่างสดใสขึ้นมา แม้ว่าด้านความงามจะด้อยกว่าเฉินปิงเหยา แต่ก็ถือเป็นคนงามด้วยกันทั้งสิ้น เมื่อมีดอกไม้งามมากมายมาอยู่รวมกัน ย่อมเป็นที่ดึงดูดความสนใจของผู้คนหมู่มากได้

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด