ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลกบทที่ 262 ปัญหาภายนอกและภายใน

Now you are reading ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก Chapter บทที่ 262 ปัญหาภายนอกและภายใน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 262 ปัญหาภายนอกและภายใน

บทที่ 262 ปัญหาภายนอกและภายใน

“ทุกคนลุกขึ้น!” ภายในโถงใหญ่ จักรพรรดิชราที่เงียบไปนาน สุดท้ายก็เอ่ยขึ้น น้ำเสียงนั้นกลับมาสงบเหมือนเดิมแล้ว

“องค์เหนือหัวทรงเมตตา!” ทุกคนต่างประสานเสียง

“ในการรบครั้งนี้หลี่เต๋อหมิงทำผลงานเลวร้าย ตำแหน่งจะถูกลดลงหนึ่งขั้น และรับโทษตัดเงินหนึ่งปี ส่วนโจวเหยียนเฟิงรับโทษตัดเสบียงครึ่งปี” จักรพรรดิชราเอ่ยขึ้น

แม้ว่าในใจจะยังโกรธเคือง แต่จักรพรรดิชราก็ทำได้เพียงกลืนโทสะลงท้องไป พร้อมทั้งใช้การประนีประนอม ไม่เช่นนั้นแล้ว มันอาจส่งผลเสียเช่นทำให้เกิดการตอบโต้อย่างรุนแรงของทั้งสองฝ่าย จนสุดท้ายเกิดปัญหาจากทั้งภายนอกและภายใน มันเป็นผลลัพธ์ที่จักรพรรดิไม่ปรารถนาที่จะได้เห็นในราชสำนัก

“เป็นพระมหากรุณาธิคุณ!” ทั้งหลี่เต๋อหมิงและโจวเหยียนเฟิงต่างรีบคุกเข่าขอบคุณ คนทั้งสองถอนหายใจโล่งอกอยู่ในใจ

หลี่เต๋อหมิงทราบความผิดในครั้งนี้ดี แม้ว่าการศึกครั้งนี้จะมีปัญหาอื่นเกิดขึ้นที่ทุ่งรกร้างจริง แต่ความจริงที่ว่ากองทัพเสียหายหนักนั้น มันทำให้ชาวโลกอสูรได้ฐานที่มั่นในโลกมนุษย์ มันคือเรื่องที่ส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อโลกมนุษย์ในภายหน้า ดังนั้นตอนที่เดินทางกลับมายังวังหลวงในครั้งนี้ เขาก็ยังคิดอยู่ว่าอาจจะถูกเพิกถอนอำนาจทางกองทัพ ทว่าตอนนี้กลับถูกลดขั้นลงเพียงขั้นหนึ่ง สำหรับเขาแล้ว มันถือเป็นโทษที่เบามาก

โจวเหยียนเฟิงเองก็ถูกลงโทษสถานเบาไม่ต่างกัน การตัดเสบียงครึ่งปี เรียกว่าเป็นอุบายทางการลงโทษอันเล็กน้อยเสียด้วยซ้ำไป โทษนี้อาจหลบซ่อนจากสายตาผู้อื่นได้ แต่ไม่ใช่กับจักรพรรดิ นับเป็นโชคดีที่อีกฝ่ายไม่ไล่เบี้ยจนบี้แบน ทำให้เขาสามารถผ่อนคลายลงได้

“พวกเจ้าลุกขึ้นให้หมด” จักรพรรดิชราเอ่ยขึ้น “ยามนี้มาคุยกันถึงเรื่องที่ว่า ควรจะทำอย่างไรจึงจะคลี่คลายปัญหาตรงหน้าได้ ขุนพลหลี่ เจ้าอยู่ที่ทุ่งรกร้างมานานพอสมควร เคยสู้กับชาวโลกอสูรมาแล้วไม่ใช่น้อย ถือว่าเจ้ามีความคุ้นเคยกับพวกมันมากที่สุด จงบอกความเห็นของเจ้ามาก่อน รวมถึงแจ้งสถานการณ์ของกองทัพโลกอสูร”

“พ่ะย่ะค่ะ” หลี่เต๋อหมิงลุกขึ้นยืนตรง สายตามองจักรพรรดิพร้อมเอ่ย “องค์เหนือหัวและเหล่าเสนาบดีน่าจะเคยได้ยินเรื่องความดุร้ายของกองทัพโลกอสูรมาบ้างแล้ว ความจริงก็คือ พวกมันดุร้ายกว่าคำบอกเล่าเหล่านั้นมาก พวกมันคืออสูร ไม่ตายก็ไม่ถอย บางทีอาจจะเป็นเพราะสภาพแวดล้อมของโลกอสูรที่พวกมันอยู่อาศัย สภาพแวดล้อมอันโหดร้ายนั้นทำให้พวกมันดุร้ายตามไปด้วย พวกมันไม่เคยยอมจำนนในสมรภูมิ ไม่เคยสนใจอาการบาดเจ็บ พวกมันจะสู้ต่อไปจนกว่ามันจะตาย ทางเดียวที่จะทำให้นักรบอสูรพ่ายแพ้ได้ ก็มีเพียงแต่ต้องสังหารพวกมัน!”

คนในที่นี้ต่างต้องประหลาดใจ อำนาจการสู้รบและขวัญกำลังใจที่ไม่หวาดกลัวต่อความตาย คือสิ่งที่กองทัพฝ่ายมนุษย์ไม่มี บ่อยครั้งที่กองทัพของมนุษย์ จะมีเพียงแค่ทหารกล้าของหลายอาณาจักรที่เคยเผชิญหน้ากับความสิ้นหวังอย่างถึงที่สุดมาแล้ว พวกเขาจึงไม่หวาดกลัวต่ออันตรายใด ๆ ขณะที่กองทัพธรรมดาของโลกอสูรกลับสามารถเป็นเช่นนั้นได้ เรียกว่าน่าสะพรึงไม่ใช่น้อย!

“หากกองทัพโลกอสูรมีเพียงแค่ความกล้าหาญ มันก็คงไม่ได้น่าหวาดกลัวถึงเพียงนั้น อย่างมากก็เป็นได้เพียงพวกที่แข็งแกร่งกว่ามอนสเตอร์ แต่ส่วนที่น่ากลัวก็คือระดับสูงของกองทัพโลกอสูร พวกมันส่วนหนึ่งสามารถคิดและเข้าใจกลยุทธ์ได้ กองทัพของอีกสามอาณาจักรต่างก็ได้พิสูจน์แล้ว ว่าเบื้องบนของกองทัพโลกอสูรปรากฏผู้มีสติปัญญาระดับสูงอยู่ พวกมันไม่ใช่ตัวโง่เขลา ที่ทำได้แค่พุ่งเข้าหาศัตรูโดยไม่คิด” หลี่เต๋อหมิงกล่าวต่อ

“เช่นนั้น พวกมันมีจุดอ่อนอะไร?” จักรพรรดิชราขมวดคิ้ว

กำลังรบแข็งแกร่ง ขวัญกำลังใจล้นพ้น มีผู้ที่สามารถบัญชาการออกคำสั่ง กองทัพโลกอสูรที่เป็นเช่นนี้ไม่ใช่ว่าไร้เทียมทานแล้วหรือ?

สำหรับโลกมนุษย์แล้ว มันไม่ใช่เรื่องดีเลยแม้แต่น้อย

“ขุนพลผู้นี้โง่เขลา ไม่อาจค้นพบจุดอ่อนของกองทัพโลกอสูรที่ชัดเจนได้เลย” หลี่เต๋อหมิงตอบรับ “เพียงแต่ท่ามกลางกองทัพโลกอสูร พวกที่สามารถเข้าใจกลยุทธ์ได้นั้นมีจำนวนไม่มาก หลังอพยพถอยทัพจากทุ่งรกร้าง กระหม่อมได้พบหน่วยรบย่อยจากโลกอสูรอยู่หลายครั้ง แม้ว่ากำลังสู้รบของพวกมันจะยอดเยี่ยม แต่ไม่มีความยืดหยุ่น พวกมันคล้ายมอนสเตอร์ พวกเราอาจจะสามารถชิงความได้เปรียบตรงนี้ได้”

มันเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมหลี่เต๋อหมิงจึงไม่อาจเดินทางกลับมาถึงวังหลวงได้จนกระทั่งวันนี้ เพราะหลังถอนตัวออกจากทุ่งรกร้าง คนของเขาหลายคนต่างก็ขาดการติดต่อจากศึกครั้งก่อนหน้า ทำให้เขาไม่อาจรีบเดินทาง ต้องคอยและรวบรวมกองทัพขึ้นใหม่ เพื่อออกค้นหาทหารที่สูญหายระหว่างทาง ทำให้ต้องใช้เวลานานกว่าจะเดินทางกลับมาถึงเมืองหลวง

แม้พอทราบจุดอ่อนประการหนึ่งของกองทัพโลกอสูร แต่อารมณ์ของจักรพรรดิชราก็ไม่ได้ดีขึ้นเลยแม้แต่น้อย เพราะว่าระดับสูงของโลกอสูรยังมีตัวตนที่ไม่อาจรู้ได้อยู่ เช่นนั้นโอกาสที่พวกเขาจะครอบครองความได้เปรียบอาจไม่มีอยู่จริง

อีกทั้งต่อให้มีตัวตนเหล่านั้นเพียงเล็กน้อยในกองทัพอสูร แม้ไม่ทราบว่ามีจำนวนเท่าใด แต่กำลังรบของพวกมันไม่ได้ลดลง เพราะการจะหาตัวขุนพลของกองทัพเจอได้ ก็มีแต่ต้องสยบกองทัพเสียก่อน

“หลังศึกที่ทุ่งรกร้าง กองทัพโลกอสูรก็ได้ฐานที่มั่นในโลกมนุษย์เรียบร้อยแล้ว ตอนที่พวกมันกำลังเร่งขยายเมือง พวกมันจะคอยส่งหน่วยทหารย่อยออกกวาดล้างทำลายเมืองโดยรอบ และรัศมีการกวาดล้างนั้นก็ขยายออกไปเรื่อย ๆ ตอนนี้บางเมืองใกล้ทุ่งรกร้างแทบจะไม่มีความปลอดภัยเหลืออยู่แล้ว” หลี่เต๋อหมิงบอก

จักรพรรดิชราพยักหน้ารับด้วยสีหน้าหนักอึ้ง สายตามองสำรวจกลุ่มคนตรงหน้าที่มาจากฝ่ายการทหาร ถัดจากนั้นจึงเอ่ยถาม “เสนาบดีหลี่ สถานการณ์ปัจจุบันของกองทัพกบฏเป็นอย่างไร?”

บุคคลที่ถูกกล่าวถึงนี้คือหลี่หยาง เป็นเสนาบดีกลาโหม เมื่อได้ทราบคำถามของจักรพรรดิชรา เขาก็เร่งลุกขึ้นยืนและเอ่ยตอบ “รายงานองค์เหนือหัว กองทัพกบฏนับวันยิ่งแข็งกร้าวและออกอาละวาดไปทั่ว พวกมันอาศัยความได้เปรียบตอนที่พวกเราเผชิญหน้ากับกองทัพโลกอสูรพัฒนาตัวเองอย่างรวดเร็ว ตอนนี้กองทัพของพวกเรายังสามารถสยบพวกมันเอาไว้ได้ แต่เพราะสถานการณ์ปัจจุบัน หากคิดกวาดล้างให้หมดคงเป็นเรื่องยากพ่ะย่ะค่ะ”

จักรพรรดิชราเผยสีหน้าบิดเบี้ยวอัปลักษณ์ อาณาจักรเหยียนเฟิงในตอนนี้กำลังเผชิญปัญหาจากทั้งภายในและภายนอก

“ข้าได้กำหนดให้แต่ละเมืองจัดตั้งหน่วยรักษาการณ์เฉพาะหน้าแล้ว แม้ไม่ได้คาดหวังว่าพวกเขาจะสามารถมีชัยเหนือกองทัพจากโลกอสูร แต่ก็หวังว่าพวกเขาจะร่วมมือกับกองทัพท้องถิ่นหาทางรับมือกับกองทัพโลกอสูรได้ เพื่อป้องกันความเสียหายจากทุ่งรกร้างไว้ เสนาบดีหลี่ เจ้าจงเร่งจัดการกองทัพและเตรียมออกเดินทัพอีกครั้ง หาทางขับไล่กองทัพจากโลกอสูรซะ! ตราบใดที่กองทัพโลกอสูรถูกขับไล่กลับไปได้ ก็ไม่ต้องหวาดเกรงกองทัพกบฏ!” จักรพรรดิชราเอ่ย

ในใจของจักรพรรดิชรา เขาไม่เคยคิดเอาจริงเอาจังกับกองทัพกบฏ แม้จำนวนของพวกนั้นจะเพิ่มมากขึ้น แต่มันก็ไม่ได้กระทบรากฐานของพวกเขา ตราบใดที่ส่งกองทัพใหญ่ออกไป อย่างไรก็ยังสามารถสยบเอาไว้ได้

แต่กองทัพโลกอสูรคือประเด็นที่ทำให้จักรพรรดิชรากังวลใจ อีกฝ่ายแข็งแกร่งและดุร้ายจนเกินไป หากเมื่อใดปล่อยให้พวกมันรุกรานเข้ามาอาณาจักรเหยียนเฟิง เมื่อนั้นย่อมนำปัญหาและหายนะมาเยือน

ทว่าจักรพรรดิชราก็ทราบดีว่าการขับไล่อีกฝ่ายไปอีกครั้งหนึ่งนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ประการแรก พวกเขาจำเป็นต้องคอยเฝ้าระวังอาณาจักรอื่นที่อาจฉวยโอกาสตอนนี้ลงมือโจมตี ประการที่สอง คือปัญหาด้านเสบียงอาหาร อาวุธ และยุทโธปกรณ์ทั้งหลาย ทั้งหมดจำเป็นต้องจัดสรรอย่างเร่งด่วน แต่มันก็ต้องใช้เวลา

ดังนั้นจักรพรรดิชราจึงทำได้เพียงหวังว่าหน่วยรักษาการณ์ของเมืองทั้งหลายจะสามารถพยุงสถานการณ์ต่อไปได้ เพื่อซื้อเวลาให้พวกเขาที่อยู่ที่นี่ ส่วนเรื่องการหวังให้หน่วยรักษาการณ์สามารถเอาชัยจากกองทัพโลกอสูรนั้น เพียงแค่คิดก็ยังพบว่าเป็นไปไม่ได้ ขนาดกองทัพประจำการในปัจจุบันยังปราชัยจากกองทัพโลกอสูร เช่นนั้นหน่วยรักษาการณ์จะไปหวังพึ่งอะไรได้? พวกเขาไม่อาจเป็นได้แม้แต่กองทัพสำรองด้วยซ้ำไป

ในตอนนี้จักรพรรดิกำลังโยนหมากอย่างหน่วยรักษาการณ์ออกไปถ่วงเวลา เพื่อต้านกองทัพโลกอสูรเอาไว้ให้นานที่สุด

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด