ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลกบทที่ 394 ผู้อพยพข้างทาง

Now you are reading ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก Chapter บทที่ 394 ผู้อพยพข้างทาง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 394 ผู้อพยพข้างทาง

บทที่ 394 ผู้อพยพข้างทาง

การที่ซุนเลี่ยงเปิดร้านขายของชำในเทศมณฑลนั้น อู๋ฝานมองว่าเป็นการกระทำที่ดีจึงพร้อมจะสนับสนุน และด้วยเสบียงและวัตถุดิบจากหมู่บ้านเร้นลับ เขาเชื่อว่าร้านขายของชำของอีกฝ่ายจะต้องก้าวหน้าได้ด้วยดี เมื่อร้านเติบโตขยับขยาย ของมากมายที่หมู่บ้านเร้นลับล่ามาได้ก็ไม่จำเป็นต้องขายคนกลางอื่นอีกต่อไปแล้ว

“ขอรับนายท่าน” ซุนเลี่ยงตอบรับ

“ฝากหวังปิงไปบอกพวกหนิวเอ้อด้วย ว่าให้คอยเฝ้าระวังสถานการณ์ของหมู่บ้านเอาไว้ให้ดี อย่าให้เกิดอะไรขึ้นจนส่งผลต่อการพัฒนาของหมู่บ้าน ทุกคนต้องช่วยกันเฝ้าดู เข้าใจใช่หรือไม่?” อู๋ฝานเอ่ย

การพัฒนาหมู่บ้านเร้นลับคือสิ่งที่อู๋ฝานให้ความสำคัญ เขาไม่ยินดีหากมีใครหรืออะไรก็ตามทำให้พัฒนาหมู่บ้านล่าช้า อย่างน้อยก็ช่วงที่ตนต้องเดินทางไกล การป้องกันของหมู่บ้านจะต้องฝากเอาไว้กับพวกหนิวเอ้อ เรื่องกำลังอาจไม่ต้องเป็นห่วง ทว่าเรื่องกลยุทธ์นั้นพวกเขายังไม่เฉลียวมากพอ ชายหนุ่มจึงเกรงว่าจะทำอะไรจนเกิดผิดพลาด ดังนั้นจึงต้องคอยให้ทุกคนช่วยกันเฝ้าระวัง

“ทราบแล้วขอรับ” ซุนเลี่ยงตอบรับ

ซุนเลี่ยงทราบดีว่าอู๋ฝานให้ความสำคัญกับหมู่บ้านเร้นลับเพียงใด ไม่เช่นนั้นแล้วอีกฝ่ายคงอยู่อาศัยที่จวนในเทศมณฑล ไม่ใช่ไปพัฒนาหมู่บ้านเร้นลับจนไม่มีเวลากลับมาที่นี่

หลังลังเลเล็กน้อย ซุนเลี่ยงจึงเอ่ยขึ้น “นายท่าน หากมีคนจากสำนักปกครองเทศมณฑลเข้าแทรกแซง …จะทำอย่างไรดีขอรับ?”

“หือ?” อู๋ฝานถึงกับต้องฟังอีกครั้ง

“เมื่อวานนี้ข้าได้ยินมาว่าทางสำนักปกครองของเทศมณฑลได้รับพระราชโองการ และมีการส่งคนไปยังหมู่บ้านเร้นลับแล้วขอรับ ข้าเกรงว่าอาจจะมีอะไรเกิดขึ้นที่ทางด้านนั้นขอรับ” ซุนเลี่ยงตอบกลับมา

“มีเรื่องแบบนี้ด้วยหรือ?” อู๋ฝานถาม

ชายหนุ่มออกเดินทางจากหมู่บ้านเร้นลับเมื่อวาน ดังนั้นจึงไม่ทราบว่าหลังจากนั้นมีอะไรเกิดขึ้นที่หมู่บ้านเร้นลับหรือไม่ ทั้งยังไม่ทราบว่ากัวจื่อหมิงส่งคนไปทำอะไร

“เมื่อคืนหลังนายท่านไปพักผ่อนแล้ว ถังซานก็ได้รับข้อมูลนี้มาจากสำนักปกครองเทศมณฑล ดังนั้นจึงไม่น่าผิดพลาดขอรับ” ซุนเลี่ยงเอ่ยต่อ

อู๋ฝานพยักหน้ารับ เห็นได้ชัดว่าหน่วยข่าวกรองที่ถังซานกำลังพัฒนาขึ้นดำเนินไปได้ด้วยดี

“หากทางเทศมณฑลคิดไปสร้างปัญหา พวกเราก็ไม่นิ่งเฉย แต่จะหยิบจับอาวุธขึ้นมาสู้ตอบโต้กลับ” อู๋ฝานตอบกลับ

กับตัวตนเช่นกัวจื่อหมิง อู๋ฝานไม่เคยมีความประทับใจดี ๆ ด้วยอยู่แล้ว หากอีกฝ่ายทำหน้าที่ของตนเองให้ดี นอกเมืองก็คงไม่มีผู้อพยพลี้ภัยมากมายอดอยากหิวโหย อีกทั้งยังไม่มีกองทัพกบฏมุ่งหน้าไปเล่นงานหมู่บ้านเร้นลับเหมือนครั้งก่อน เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นก็เพราะกัวจื่อหมิงปกครองได้ไม่ดีทั้งสิ้น

ตอนนี้อู๋ฝานคือจื่อเจวี๋ย ถึงจะยังไม่ได้รับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ แต่ด้วยบรรดาศักดิ์ดังกล่าวที่พระราชสำนักประทานให้ แม้เป็นเพียงจุดล่างของความเป็นขุนนาง ทว่าสำหรับเทศมณฑลชิงหยวนมันก็ถือได้ว่าเป็นขุนนางยศสูง หากต้องปะทะกัน ชายหนุ่มก็ไม่มีอะไรต้องกลัวกับตัวตนเช่นผู้ปกครองเทศมณฑล

“ทราบแล้วขอรับ” ซุนเลี่ยงตอบรับ

หลังรุ่งสาง คณะเดินทางทั้งสามรวมอู๋ฝานก็ทานมื้อเช้า และออกจากเทศมณฑลชิงหยวนพร้อมพวกซุนเลี่ยงที่มาส่ง จากนั้นก็เดินทางสู่เมืองหลวงต่อไป

แม้มหาขันทีจะถ่ายทอดพระราชโองการว่าให้อู๋ฝานรีบเข้าเมืองหลวงโดยเร็วที่สุด ทว่าชายหนุ่มกลับไม่ได้เร่งร้อนขนาดนั้น อย่างไรจักรพรรดิก็เพียงบอกให้ไปยังเมืองหลวง ไม่ได้กำหนดช่วงเวลาที่แน่ชัด ดังนั้นความเร็วการเดินทางจึงสามารถกำหนดเองได้ ไม่จำเป็นต้องเร่งรีบ อีกทั้งเขายังใช้เส้นทางหลัก ไม่คิดใช้ทางลัดที่มีความเสี่ยง

หลังอู๋ฝานกับคณะเดินทางไป หวังปิงจึงเดินทางมาถึงเทศมณฑลพร้อมวัตถุดิบจากมอนสเตอร์ เมื่อขายพวกมันเรียบร้อยแล้ว เขาก็ออกจากเทศมณฑลเพื่อเดินทางกลับไปยังหมู่บ้านเร้นลับ พร้อมคำสั่งของชายหนุ่มที่ฝากซุนเลี่ยงไว้

หวังปิงออกเดินทางกลับไปได้ไม่นาน กลุ่มคนหลายสิบจากสำนักปกครองเทศมณฑลก็ขี่ม้ากันออกมา พวกเขากำลังมุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านเร้นลับเช่นเดียวกัน

“นายท่าน ระหว่างทางมีผู้อพยพจำนวนไม่น้อยเลยขอรับ” ลั่วหยางที่รับหน้าที่ควบคุมม้าของรถลาก กำลังทอดสายตามองเหล่าผู้อพยพซึ่งอยู่สองฝั่งของเส้นทาง และบอกกับอู๋ฝานที่อยู่ในรถลาก

อู๋ฝานยกผ้าม่านด้านในรถลากและมองออกไป เขาพบว่ามีผู้อพยพอยู่ตามสองฟากข้างของเส้นทางจำนวนไม่น้อยจริง ๆ สีหน้าท่าทีของพวกเขาดูอิดโรย ทั้งยังผ่ายผอม เดินเท้าเปล่าจนแตกแห้ง ใบหน้าซูบซีดเผยสายตาที่มีแต่ความสิ้นหวัง

“ตอนนี้กองทัพกบฏมีแต่จะเพิ่มจำนวนมากขึ้น ขณะที่ผู้ปกครองเทศมณฑลอย่างกัวจื่อหมิงกินดีอยู่ดี แต่พวกเขาเหล่านี้กลับพบช่วงเวลาอันเลวร้าย” อู๋ฝานพึมพำ

รอบนอกของเทศมณฑลชิงหยวนมีค่ายผู้อพยพลี้ภัยเป็นจำนวนมาก ระหว่างทางก็มีสภาพไม่ต่างกัน เพียงแค่นี้ก็มากพอที่จะแสดงให้เห็นว่า ตอนนี้ประชาชนของเทศมณฑลชิงหยวนกำลังเผชิญช่วงเวลาอันยากลำบากเพียงใด ไม่น่าแปลกใจเลยที่เชลยจากการบุกโจมตีหมู่บ้านเร้นลับก่อนหน้านี้ จะพร้อมใจกันยินดีเป็นแรงงานให้กับอู๋ฝาน แม้จะไม่ได้รับเงินทอง แต่อย่างน้อยทุกวันก็มีอาหารให้ทาน แค่เรื่องนี้ก็มากพอเป็นสิ่งจูงใจให้พวกเขาอยู่ต่อแล้ว

อู๋ฝานที่เคยได้อยู่ในโลกซึ่งมีสภาพแวดล้อมสงบสุข ไฉนเลยจะเคยเห็นผู้อพยพลี้ภัยจำนวนมากมายขนาดนี้มาก่อน? ความรู้สึกเห็นอกเห็นใจเกิดขึ้นอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ แต่จำนวนคนที่ต้องการความช่วยเหลือมีมากมายมหาศาล ลำพังเขาไม่อาจทำอะไรได้มาก

ตอนนี้เองที่ผู้อพยพลี้ภัยที่อยู่ไม่ไกลจากรถม้าล้มพับลง เด็กชายตัวน้อยที่ตามมาพยายามเขย่าร่างอีกฝ่ายพลางร้องไห้เสียงดัง

อู๋ฝานที่เห็นจึงหันไปกล่าวกับลั่วหยาง “ไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น”

“ขอรับนายท่าน” ลั่วหยางควบคุมม้าให้หยุด ก่อนจะกระโดดลงจากที่นั่งควบคุมเพื่อไปสอบถามเรื่องราว

“นายท่าน คนเป็นลมเพราะหิวขอรับ” ลั่วหยางกลับมารายงาน

“ลั่วเยวี่ย นำขนมปังกับน้ำให้เด็กไป” อู๋ฝานบอกกับลั่วเยวี่ย

ลั่วเยวี่ยพยักหน้าตอบรับและทำตามอย่างเชื่อฟัง เธอนำอาหารและน้ำลงจากรถลากและมอบให้กับเด็กชาย อู๋ฝานที่นั่งอยู่บนรถลากได้เห็นอีกฝ่ายโขกศีรษะขอบคุณลั่วเยวี่ย

“เด็กน้อยที่น่าเวทนา” ลั่วเยวี่ยถอนหายใจขณะกลับไปยังรถลาก เพราะได้เห็นสภาพอันเลวร้ายของอีกฝ่าย เธอจึงนึกถึงช่วงเก่า ๆ ของตนเองกับน้องชาย หากไม่ได้เจอกับอู๋ฝาน เกรงว่าสภาพของพวกเธอคงเลวร้ายยิ่งกว่านี้เสียด้วยซ้ำ

ทันใดนั้นเรื่องที่ทำให้ทั้งอู๋ฝานและลั่วเยวี่ยต้องโกรธก็เกิดขึ้น ผู้อพยพที่อยู่ใกล้ ๆ หลังเห็นอาหารและน้ำในมือของเด็กชาย พวกเขาก็รุมเข้ามาพยายามแย่งชิงจากมือ

“ถอยไปนะ อาหารกับน้ำนี่พี่สาวคนนั้นให้ข้ามา อย่าเอาไปนะ!” เด็กชายร้องออกมาตัวสั่นเทา ขณะพยายามปกป้องอาหารและน้ำไว้

ทว่าอย่างไรเขาก็เป็นเพียงเด็กคนหนึ่ง เมื่อเผชิญหน้ากับกลุ่มผู้หิวโหย มีหรือจะต่อต้านเรี่ยวแรงของผู้ใหญ่มากมายได้

“หยุด! พวกเจ้ากำลังทำอะไร?!” ลั่วเยวี่ยที่เห็นเรื่องดังกล่าวถึงกับต้องตะโกนพร้อมกระโดดลงจากรถลาก ขณะคิดเข้าไปทวงอาหารและน้ำคืนจากกลุ่มคนมาให้เด็กชาย

แต่เพราะกลุ่มคนเหล่านี้หิวโหย หลังคว้าเอามาได้ พวกเขาจึงส่งเข้าปากโดยไม่รีรอ ไม่เหลือจังหวะเวลาให้ลั่วเยวี่ยได้แย่งกลับคืน ทุกสิ่งถูกกลืนลงไปหมดสิ้น

กลุ่มผู้หิวโหยก็ไม่ต่างอะไรกับคนไร้สติ

ลั่วเยวี่ยที่เห็นจึงไม่อาจทำอะไรอื่นได้อีก

ทว่าที่นางไม่คาดคิด คือการที่กลุ่มคนไม่เพียงแค่แย่งชิงอาหารและน้ำจากเด็กชาย แต่กลับคิดลงมือกับพวกตนเองด้วย

“บนรถลากนั่นมีอาหาร! ทุกคนรีบไปคว้ามา!” ไม่ทราบว่าเป็นเสียงตะโกนของผู้ใด แต่ตอนนี้เองที่บรรดาผู้อพยพรอบด้านต่างหันมามองรถลากของอู๋ฝานด้วยดวงตาทอประกายเจิดจ้า

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด