ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลกบทที่ 575 เข้าคิวรอ
บทที่ 575 เข้าคิวรอ
บทที่ 575 เข้าคิวรอ
อู๋ฝานคิดสร้างรากฐานของตนเองขึ้นมา แต่หากทำจริง ด้วยความแข็งแกร่งปัจจุบันของเขาคงไม่มีทางต้านทานการสยบจากทางฝั่งราชสำนักได้ ยิ่งไปกว่านั้น ตลอดมานี้เขาคิดเพียงเรื่องการหาเงินและตักตวงทรัพยากรจากโลกแห่งเกม ไม่ได้มีความคิดอื่น ๆ เช่นนั้น
‘ช่างมัน คิดซะว่าทำดีให้ผู้คนก็แล้วกัน อย่างน้อยก็ทำให้ผู้ปกครองของที่ดินศักดินาว่าง่ายขึ้น’ อู๋ฝานครุ่นคิดอยู่ในใจ
“อู๋ฝาน เจ้าครุ่นคิดสิ่งใดอยู่? เห็นเหม่อลอยมาตลอดทางแล้ว” เมื่อออกมาภายนอกวัดหงอวี่ เจ้าฉีจึงเอ่ยคำถามด้วยความสงสัย
“ก็ไม่ได้มีอะไรมาก แค่ต้องบอกลาเจ้าแล้วทำให้รู้สึกโหวง ๆ ไปบ้าง จะรู้สึกไม่ค่อยดีขึ้นมาก็ไม่ใช่เรื่องแปลกนี่นะ” อู๋ฝานตอบกลับ
แก้มสองข้างของเจ้าฉีพลันแดงระเรื่อขึ้นมา กระทั่งโพล่งคำตอบกลับ “ไม่อยากแยกกับข้าขนาดนั้นเลยหรือ?”
“หือ?” ตอนนี้เองที่อู๋ฝานชะงักเพราะรู้สึกตัว สายตามองเจ้าฉีพร้อมกับทราบว่าอีกฝ่ายเข้าใจผิดแล้ว แต่ในเมื่อคำก็พูดออกไปแล้วจึงมีแต่ต้องกัดฟันไปต่อ “ใช่ เป็นเช่นนั้น”
“ข้าเองก็รู้สึกโหวงในใจเหมือนกัน” เจ้าฉีหน้าแดงตอบกลับ “ตั้งแต่เติบโตขึ้นมา …เจ้านับเป็นสหายที่ดีที่สุดเท่าที่ข้าเคยได้รู้จัก”
ที่วังหลวง เพราะจักรพรรดิชราเอาอกเอาใจเจ้าฉีเกินไป หากผู้อื่นไม่นึกริษยาก็หวาดกลัวนางเสียหมด ดังนั้นตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้หญิงสาวจึงไม่เคยมีมิตรสหายที่สนิท กระทั่งบุตรีจากตระกูลเสนาบดีทั้งหลาย แม้นับได้ว่าเป็นสหายกับนาง แต่พออยู่กับคนเหล่านั้น พวกนางจะเอาแต่ระมัดระวังและพยายามเยินยอ นางที่เคยรับรู้เพียงแต่ด้านนั้น ยามได้รู้จักกับอู๋ฝานจึงรู้สึกผ่อนคลายและเป็นตัวเองมากขึ้น
ขณะนี้ชายหนุ่มกำลังจะออกเดินทางแล้ว หากนางจะรู้สึกไม่ยินดีที่ต้องแยกจากก็ถือว่าเข้าใจได้
“งั้นหรือ?”
“ใช่แล้ว” เจ้าฉีตอบรับ “เอาแบบนี้เป็นไร ในเมื่อต่างฝ่ายต่างไม่อยากแยกจาก งั้นข้าจะหาทางทำให้เจ้าได้อยู่ที่เมืองหลวงต่อเอง”
“อย่าทำแบบนั้นเลย” อู๋ฝานส่ายหน้า “ตอนนี้ก็เริ่มเย็นแล้ว ข้าต้องรีบเดินทาง คุณชายเจ้าเองก็ควรรีบกลับ ถึงเวลาต้องแยกจากแล้ว ภายหน้าพวกเราจะได้พบกันใหม่”
กล่าวคำจบ อู๋ฝานจึงโบกมือให้เจ้าฉีก่อนจะหันกลับไปขึ้นรถลากของตนเอง ขณะเดียวกันก็เรียกลั่วเยวี่ยและอูหย่าไปด้วย
“เดี๋ยวสิ ไฉนเจ้าเร่งร้อนถึงเพียงนี้กัน? ข้ายังพูดไม่ทันจบเลย ปากเจ้าบอกไม่อยากแยกจาก แต่ใจเจ้าคิดแบบนั้นจริงหรือ? เพราะอะไรถึงเร่งร้อนขนาดนั้น?” เจ้าฉีที่เห็นอู๋ฝานรีบขึ้นรถลากจึงไม่พอใจขึ้นมา
“ยิ่งถ่วงเวลาก็ยิ่งยากทำใจจะบอกลา! คุณชายเจ้าไม่ต้องส่งข้า พวกเราจะได้พบกันอีกครั้งแน่นอน ลั่วหยางออกเดินทางได้แล้ว” หลังบอกกับเจ้าฉีแล้ว เขาจึงหันไปบอกให้ลั่วหยางเร่งรีบออกเดินทาง
อู๋ฝานกำลังหวาดเกรงว่าเจ้าฉีจะหาทางรั้งตนเองเอาไว้ ผู้อื่นอาจทำไม่ได้ แต่นางสามารถทำได้อย่างแน่นอน
ลั่วหยางที่ได้รับคำสั่งจึงคุมบังเหียนด้วยสองมือ ก่อนที่รถลากจะเริ่มเคลื่อนที่ไปด้วยความเร็วมากขึ้น
“นี่ เดี๋ยวสิ!” เจ้าฉีพยายามก้าวเท้าพลางตะโกนเรียกหยุดรถลากเอาไว้ แต่รถลากกลับเร่งความเร็วมากขึ้นโดยไม่มีทีท่าจะหยุดลง
“เรื่องบ้าบออะไรกัน เมื่อครู่เจ้ายังบอกว่ายากจะทำใจแยกจาก แต่ตอนนี้กลับเผ่นหนีไปเร็วยิ่งกว่ากระต่ายเสียอีก!” เจ้าฉียืนอยู่กับที่พลางบ่นด้วยความไม่พอใจ
“องค์หญิง พวกเราก็ควรกลับได้แล้วนะเพคะ” เสี่ยวชิงเอ่ยกับเจ้าฉี เมื่อที่นี่ไม่มีคนนอก เสี่ยวชิงจึงเปลี่ยนคำเรียกหา
“อืม” เจ้าฉีพยักหน้าตอบรับ แต่สายตายังคงมองไปยังรถลากของอู๋ฝานที่เริ่มเคลื่อนห่างออกไป นางกระซิบกับตนเองด้วยเสียงเบา “อู๋ฝาน ไม่ช้าพวกเราจะได้พบกันอีก”
“องค์หญิงผู้นั้นเหมือนไม่อยากปล่อยเจ้าไปเลยนะ ปล่อยเอาไว้แบบนั้นจะดีหรือ?” ขณะอยู่บนรถลาก อูหย่าเอ่ยหยอกเย้ากับอู๋ฝาน
เพราะก่อนหน้านี้เจ้าฉีอยู่ด้วย อูหย่าจึงไม่กล้าเปิดปากเอ่ยเพราะเกรงว่าจะถูกเปิดเผยตัวตน ขณะนี้ไม่มีคนนอกแล้วหญิงสาวจึงไม่ต้องคอยระวังอีก
“เจ้าเองก็เป็นองค์หญิงไม่ใช่หรือ?” อู๋ฝานเอนกายกับพนักพิง ทางด้านลั่วเยวี่ยขยับเข้ามาใกล้เพื่อนวดไหล่ให้
“องค์หญิงเช่นข้าไม่ใช่อะไรที่คนอื่นจะเทียบได้” แต่เมื่อนึกถึงเรื่องราวที่ตนเองประสบ อูหย่าพลันต้องหน้าเจื่อนลง
อู๋ฝานมองอูหย่าพลางปลอบ “อย่าคิดมากไปเลย ไว้พวกเราไปถึงอาณาจักรหนานปิงเมื่อไหร่ เมื่อนั้นข้าจะช่วยตรวจสอบให้อย่างละเอียด”
“อืม” อูหย่าพยักหน้าตอบรับ เนื่องจากเกิดเรื่องขึ้นไปแล้ว ต่อให้นางครุ่นคิดมากความไปก็ไม่ได้อันใดขึ้นมา ตอนนี้นางเพียงอยากทราบความจริงเพื่อที่จะได้ล้างแค้นให้กับครอบครัว
อู๋ฝานหันหน้าไปตะโกนบอกลั่วหยางที่กำลังขับรถลาก “ลั่วหยาง เร่งเดินทางหน่อย อย่าได้เสียเวลากับการเดินทางนานจนเกินไป”
“ขอรับนายท่าน” ลั่วหยางตอบกลับมา “ฮ่า!”
รถลากเคลื่อนตัวออกไปด้วยความเร็วสูงขึ้น
จนกระทั่งช่วงเย็น พวกอู๋ฝานจึงถึงมาเมืองแห่งหนึ่ง ก่อนจะหาโรงเตี๊ยมเพื่อใช้พักค้างแรม เพราะกลัวว่าภาพเหมือนจะกระจายไปเป็นวงกว้าง อูหย่าจึงจำเป็นต้องปลอมตัวเป็นบุรุษต่อไป
“พักผ่อนกันให้เต็มที่ พรุ่งนี้เช้าพวกเราจะออกเดินทางกันต่อ” อู๋ฝานบอกกับพวกอูหย่า
“อันที่จริงตอนนี้ก็ยังไม่มืด พวกเราควรเดินทางต่อนะ” อูหย่าเอ่ยขึ้น
“หากยังเดินทางต่อคงไม่มีโรงเตี๊ยมให้ใช้พักค้างแรมแล้ว” อู๋ฝานตอบกลับ
“ไม่มีโรงเตี๊ยมก็ค้างแรมกลางป่าสิ” อูหย่าตอบกลับ “ตอนที่ข้าออกเดินทางฝึกฝน บ่อยครั้งก็ค้างแรมกลางป่าเขา”
“ข้าไม่ชินกับชีวิตแบบนั้น” อู๋ฝานตอบกลับ
“สำออย!” อูหย่าจ้องมองอู๋ฝานก่อนจะเอ่ย
อู๋ฝานทำได้เพียงรับเอาไว้ เพราะหากต้องไปกินนอนกลางป่า เมื่อใดเขาเทเลพอร์ตกลับคงความแตกกันพอดี
เมื่อทานอาหารและกลับมายังห้องพัก อู๋ฝานจึงเทเลพอร์ตกลับโลกความเป็นจริง
หลังรุ่งสาง อู๋ฝานไม่ได้ไปยังโรงงานเฟอร์นิเจอร์เหมือนเคย เพราะพวกลู่หรงฮวาสามารถเริ่มงานกันด้วยตนเองได้แล้ว ไม่ว่าเขาจะไปหรือไม่ไปก็ไม่ได้ส่งผลอะไรมากมาย และเจ้าหย้าหนานยังคอยเฝ้ามองอยู่เหมือนเช่นที่เคยเป็น ดังนั้นจึงไม่น่าจะมีเรื่องใดเกิดขึ้น
แม้ไม่ได้ไปที่โรงงานเฟอร์นิเจอร์แต่ก็ไม่ได้ว่างเว้น เนื่องจากเขากำลังขับรถไปยังโรงงานไวน์
เมื่อมาถึงโรงงานก็เป็นเวลาเกือบจะแปดนาฬิกา แต่ช่วงนี้นอกโรงงานกลับมีรถมาจอดอยู่ไม่น้อยแล้ว ส่วนใหญ่เป็นรถบรรทุกขนาดใหญ่ ตัวแทนแต่ละเจ้าหากไม่ส่งมาสองก็สามคันรถ เพื่อรอคอยว่าเมื่อใดโรงงานเปิดประตู พวกเขาก็จะได้รีบเข้าไปรับสินค้า
รถของอู๋ฝานยังคงเป็นจุดสนใจเหมือนเช่นเคย แม้สถานที่แห่งนี้ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น บรรดาคนขับรถบรรทุกต่างมองมาด้วยความสนใจ
อู๋ฝานก็ไม่ได้รีบเข้าไปในโรงงาน หลังจอดรถเรียบร้อยแล้วเขาก็ลงและเดินไปหากลุ่มคนขับรถบรรทุก
“อรุณสวัสดิ์ครับทุกคน ตอนนี้โรงงานยังไม่เปิดเลย ทำไมมารอกันแต่เช้าขนาดนี้ล่ะครับ?” อู๋ฝานเอ่ยทักทายด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“ไม่เช้าไม่ไหวหรอกครับ คุณก็เห็นว่าต่อให้ผมไม่มาคนอื่นก็มา ถ้าไม่มาแต่เช้าคงไม่เหลือช่องว่างให้เข้าไปแล้ว ที่นี่มีคนมารอรับสินค้าเยอะเกินไปครับ” หนึ่งในคนขับรถบรรทุกตอบกลับมา
“ไม่มาเช้าไม่ไหวจริงนั่นแหละ ผมขับรถบรรทุกมานานหลายปี เคยไปรับเครื่องดื่มจำพวกสินค้ามาสารพัด แต่นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ได้เห็นสินค้ายอดนิยมอย่างสุดเหนือเมฆ ถ้ามาช้ากว่านี้อาจไม่เหลือของให้รับไปก็ได้ครับ”
“แล้วทางคุณมาติดต่อเรื่องธุรกิจเหรอครับ?” หนึ่งในคนขับรถบรรทุกเอ่ยถามกับอู๋ฝาน
แม้จะเห็นจากรถของอู๋ฝานว่าเป็นคนมั่งมี แต่คนขับรถบรรทุกเหล่านี้ต่างก็ทราบดีว่าไวน์สุดเหนือเมฆได้รับความนิยมขนาดไหน ตลาดกำลังขยายตัว ผลกำไรที่รออยู่คือปริมาณอันมหาศาล ต่อให้ร่ำรวยแค่ไหนก็ต้องอยากทำการค้ากับโรงงานที่นำพาผลกำไรมาให้ได้ และช่วงหลายวันที่แวะเวียนมารับสินค้า พวกเขาก็ได้เห็นคนขับรถหรูแวะเวียนมาโรงงานแห่งนี้เพื่อติดต่อธุรกิจอยู่ไม่น้อย
Comments