ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลกบทที่ 583 เริ่มงานเลี้ยง

Now you are reading ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก Chapter บทที่ 583 เริ่มงานเลี้ยง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 583 เริ่มงานเลี้ยง

……….

บทที่ 583 เริ่มงานเลี้ยง

เจียงอวี่ไม่ยินดี เพราะตลอดช่วงที่ผ่านมาเขาแค้นอู๋ฝาน สิ่งที่อีกฝ่ายทำในโรงประมูลคือจุดเริ่มต้นของความแค้น ความต้องการของเขาไม่ใช่ยุติความบาดหมาง แต่เป็นการแก้แค้น เพื่อทำให้อีกฝ่ายอับอายขายหน้าและกระทั่งสิ้นชีวิต!

“พ่อครับ งานเลี้ยงเริ่มขึ้นแล้วแต่อู๋ฝานยังไม่มา เห็นชัด ๆ ว่าไม่ไว้หน้าพ่อ มันเป็นแค่คนบ้าคนหนึ่ง ต่อให้มีความสามารถและเบื้องหลังขนาดไหน แต่ตระกูลเจียงของพวกเราก็เป็นหนึ่งในห้าตระกูลใหญ่แห่งเจียงโจว ทั้ง ๆ ที่พ่อเชิญมันด้วยตัวเองแล้วแต่มันกลับยังไม่มา มันมากพอที่จะแสดงให้เห็นถึงความอวดดีของมันแล้วนะครับ” เจียงอวี่เอ่ย

เจียงฟั่นโจวขมวดคิ้วเพราะไม่ค่อยพอใจกับการที่อู๋ฝานมาเข้าร่วมงานไม่ตรงเวลาจริง ๆ แต่เขาไม่ได้ขุ่นข้องเหมือนเจียงอวี่ ขณะนี้จึงบอกกับลูกชาย “ไปกัน พ่อยังต้องพาลูกไปพบคนอีกมาก หลังวันนี้ลูกจะแยกตัวออกไปทำกิจการด้วยตัวเองแล้ว พยายามผูกสัมพันธ์ให้มากเข้าไว้ เข้าใจใช่ไหม?”

“ทราบครับพ่อ” เจียงอวี่ตอบรับด้วยความยินดี

แม้ก่อนหน้านี้เขาจะเคยเริ่มธุรกิจมาบ้าง แต่ก็เป็นธุรกิจขนาดเล็ก ทั้งยังทำเพราะนึกสนุกเป็นส่วนใหญ่และไม่ได้รับการยอมรับโดยตระกูล แต่นับจากวันนี้จะต่างออกไปแล้ว เพราะเขากำลังจะได้รับการสนับสนุนจากทั้งผู้เป็นพ่อและทางตระกูล ไม่ว่าจะด้านการเงินหรือเส้นสาย มันจะไม่ใช่อะไรที่ก่อนหน้านี้จะเทียบได้อีก

เจียงอวี่มั่นใจในความสามารถ และเชื่อว่าด้วยความสามารถของตนเอง รวมกับแหล่งเงินทุนกับเส้นสายจากทางตระกูล เขาจะสามารถเป็นใหญ่ในเจียงโจวได้ เมื่อถึงเวลานั้นไม่ว่าจะหวังจื่อหมิงหรืออู๋ฝานก็ต้องสยบอยู่แทบเท้าของเขา!

ช่วงเย็นราวหนึ่งทุ่ม แขกที่ได้รับเชิญโดยตระกูลเจียง ยกเว้นอู๋ฝานต่างมากันพร้อมหน้า อย่างไรตระกูลเจียงก็เป็นหนึ่งในห้าตระกูลใหญ่แห่งเจียงโจว อำนาจของพวกเขาไม่ใช่อะไรที่ควรจะตั้งข้อสงสัย ไม่ว่าใครที่ได้รับเชิญต่างก็ต้องเห็นแก่หน้าตระกูลเจียง เพื่อมาผูกสัมพันธ์และให้การสนับสนุน

“ขอทุกท่านงดใช้เสียงสักครู่ครับ!” ที่ตรงหน้าโถง เจียงฟั่นโจวเดินขึ้นเวทีไปพร้อมกับเจียงอวี่ที่เป็นลูกชาย สีหน้าท่าทีเวลานี้ยิ้มแย้มพร้อมมองผู้คนในงาน

หลังเจียงฟั่นโจวเอ่ยปาก ทั้งห้องโถงจึงเริ่มเงียบเสียงลง

“ก่อนอื่นผมต้องขอขอบคุณทุกท่านที่สละเวลามาร่วมงานเลี้ยงของตระกูลเจียงในค่ำคืนนี้” เจียงฟั่นโจวเริ่มเกริ่น “และงานเลี้ยงวันนี้ก็ไม่ได้มีจุดประสงค์อื่นใด แค่มีเรื่องต้องการประกาศให้ทราบเท่านั้นครับ”

กล่าวถึงตรงนี้ เจียงฟั่นโจวจึงหันไปมองทางเจียงอวี่ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มอย่างมาดมั่นและอวดดี

“เรื่องคือลูกชายของผมเจียงอวี่ นับจากวันพรุ่งนี้ไปจะเริ่มทำธุรกิจด้วยตัวเอง เพื่อเข้าแข่งขันกับคนรุ่นเดียวกันแล้วครับ แต่เขายังอาจจะขาดประสบการณ์อยู่บ้าง หวังว่านับจากวันนี้ทุกท่านจะช่วยเอ็นดูและดูแลด้วยนะครับ” เจียงฟั่นโจวเอ่ยเสียงดัง

เจียงอวี่ก้าวออกมาด้านหน้าพร้อมเอ่ยกับผู้คน “หวังว่าในอนาคตทุกท่านจะช่วยเอ็นดูและดูแลผมด้วยนะครับ เจียงอวี่คนนี้มีความมั่นใจที่จะนำพาเจียงโจวไปสู่ระดับโลกครับ”

ถ้อยคำอันมั่นใจของเจียงอวี่ บางคนได้ฟังแล้วตื่นเต้น บางคนขมวดคิ้ว บ้างก็เฉยชาไม่ใส่ใจ

แต่ไม่ว่าพวกเขาจะคิดหรือรู้สึกอะไรก็ไม่ได้เอ่ยออกมาจากริมฝีปาก เนื่องจากงานวันนี้ยังต้องเห็นแก่หน้าเจ้าภาพ

“มีความมุ่งมั่นที่ดี ผมขอประกาศเริ่มงานเลี้ยงในค่ำคืนนี้อย่างเป็นทางการ หวังว่าทุกท่านจะได้มีช่วงเวลาที่ดีนะครับ” เจียงฟั่นโจวเอ่ยปิดพิธี

จากนั้นพ่อลูกตระกูลเจียงจึงเดินลงมาจากเวที พร้อมกับกลุ่มหญิงงามที่อยู่หลังม่านเวทีออกมาแสดงตัว หลังโค้งให้ผู้ชมด้วยรอยยิ้มจึงเริ่มการแสดงขึ้น

“นั่นสวี่จื่อฉีใช่ไหม? ตระกูลเจียงเชิญเธอมาได้ด้วยเหรอเนี่ย?”

“ก็มีข่าวลือเรื่องนี้มานานแล้ว นายไม่สนใจเอง นอกจากสวี่จื่อฉีแล้ว วันนี้ยังมีดาราดังอีกหลายคนเลย”

“ตระกูลเจียงลงทุนสร้างรากฐานให้เจียงอวี่เต็มที่ดีจริง ๆ”

“นักร้องคู่นั้นก็ดูดีไม่น้อย ผิวขาวละเอียดชวนจับ แล้วหน้าอกก็ใหญ่ดีซะด้วย”

“ได้ยินว่ามีคนคอยตามจีบสวี่จื่อฉีไม่น้อยเลยใช่ไหม? พวกคุณชายชื่อดังแห่งเมืองหลวงต่างก็อยากเกี่ยวพันกับเธอทั้งนั้น ไม่รู้เลยว่าเธอจะได้แต่งงานกับคนตระกูลดังฝั่งไหน ตอนเจอหน้าหรือพูดคุยต้องสุภาพเข้าไว้ล่ะ”

“แต่ว่านะ …สวี่จื่อฉีออกมาแสดงก่อนแล้วใครจะเป็นคนปิดท้ายล่ะ? หรือว่าตระกูลเจียงเชิญคนที่มีตำแหน่งสูงกว่าสวี่จื่อฉีมาได้?”

“ตำแหน่งสูงกว่าสวี่จื่อฉีเนี่ยนะ? นั่นจักรพรรดินีแห่งวงการบันเทิงแล้วนะ คนระดับนั้นในประเทศมีเพียงหยิบมือ ไม่ใช่แค่มีเงินแล้วจะเชิญมาได้ ตระกูลเจียงจะถึงขนาดเชิญมาได้เชียวเหรอ?”

“ก็ไม่ได้ยินข่าวว่าจะมีดาราดังคนไหนมาเจียงโจวอีก แต่ได้ยินว่าหลันเฉียงเองก็มางานวันนี้ด้วยนะ”

“นายน้อยสวีพูดเองว่าไม่มีดาราดังคนอื่นมาเจียงโจวงั้นก็คงไม่มีแล้ว ใครบ้างในเจียงโจวที่ไม่รู้ว่านายน้อยสวีคอยติดตามวงการบันเทิงขนาดไหน?”

“แต่ตามติดเฉพาะดาราหญิงอย่างเดียวนะ ฮ่า ๆ”

“จะว่าไปแล้ว ในเมื่อเชิญหลันเฉียงมาด้วย เธอจะเป็นคนปิดงานรึเปล่า?”

“จะเป็นไปได้เหรอ? สถานะของหลันเฉียงในวงการบันเทิงต่ำกว่าสวี่จื่อฉีอยู่นะ ถ้าสวี่จื่อฉีไม่ได้อยู่ปิดงานแล้วจะเป็นหลันเฉียงได้ยังไง? ไม่น่าจะเป็นไปได้”

“ก็ไม่เห็นจำเป็นต้องมีแบบแผนขนาดนั้น ต่อให้สถานะของหลันเฉียงต่ำกว่าสวี่จื่อฉี แต่ด้วยพื้นเพของเธอคนนั้น มันแข็งแกร่งมากพอจะเป็นคนรับหน้าที่ปิดงานแน่นอน”

“ที่นายพูดมาก็มีเหตุผลนะ”

หลังเริ่มงานเลี้ยงอย่างเป็นทางการ บรรดาแขกต่างก็เริ่มเข้าสังสรรค์พลางพูดคุยกันเอง ส่วนกลุ่มคนหนุ่มสาวต่างก็เริ่มพูดถึงดาราที่ทำการแสดงอยู่บนเวที โดยเฉพาะสวี่จื่อฉีที่ออกมาเป็นคนแรก นับว่าเรียกสายตาของคนหนุ่มสาวได้เป็นอย่างดี

แม้เจียงอวี่ต้องเข้าสังคมกับผู้เป็นพ่อ แต่บ่อยครั้งสายตาก็จะหันไปมองหญิงสาวที่แสดงอยู่บนเวที นัยน์ตาคู่นั้นราวกับมีเพลิงลุกโชนออกมาก็ไม่ปาน

“อวี่เอ๋อร์มัวมองอะไรอยู่? มาทางนี้ พ่อจะแนะนำลูกให้รู้จักกับคนของสำนักตะวันเพ็จ ตั้งใจและอย่าเสียสมาธิ เข้าใจใช่ไหม?” เจียงฟั่นโจวตระหนักได้ว่าบุตรชายเสียสมาธิจึงเอ่ยเตือนขึ้นมา

“ครับพ่อ” เมื่อเจียงอวี่ได้ยินคำว่าสำนักตะวันเพ็จ เขาจึงรีบเปลี่ยนท่าทีและหันสายตาออกจากสวี่จื่อฉีทันที

เบื้องหลังห้าตระกูลใหญ่แห่งเจียงโจวมีสำนักอยู่ และสำนักตะวันเพ็จคือคนที่ให้การสนับสนุนตระกูลเจียงของพวกเขา

แต่ในอดีต การติดต่อกับสำนักตะวันเพ็จเป็นหน้าที่ของเจียงฟั่นโจวและผู้อาวุโสของตระกูล ก่อนหน้านี้คนรุ่นเยาว์เช่นเจียงอวี่ไม่มีคุณสมบัติมากพอที่จะได้พูดคุยกับคนจากสำนักตะวันเพ็จ เนื่องจากคนของสำนักส่วนใหญ่มักจะถือดีและวางตัวสูงส่ง ดังนั้นพวกเขาจึงรังเกียจที่จะปฏิสัมพันธ์กับคนรุ่นเยาว์เช่นเจียงอวี่ เว้นแต่จะเป็นผู้มีความสามารถพิเศษอันยอดเยี่ยม นั่นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

ซึ่งก็เห็นได้ชัด ว่าก่อนหน้านี้เจียงอวี่ไม่อาจสร้างความประทับใจแก่คนจากสำนักนอกแห่งสำนักตะวันเพ็จได้

ปัจจุบันพ่อของเขาออกหน้าแนะนำตัวให้อย่างเป็นทางการ เจียงอวี่จึงทั้งตื่นเต้นและประหม่า ในฐานะคนของห้าตระกูลใหญ่ เขาทราบดีถึงอิทธิพลที่สำนักมีต่อตระกูล หากไร้ซึ่งการสนับสนุนทางอำนาจจากสำนัก ก็เป็นเรื่องยากที่ตระกูลจะสามารถพัฒนาต่อไปได้ในอนาคต ดังนั้นถ้าไร้การสนับสนุนจากสำนัก เจียงอวี่ในอนาคตก็ยากจะประสบความสำเร็จ

ดังนั้นเขาจึงกระหายอยากมีปฏิสัมพันธ์กับคนจากสำนักต่าง ๆ โดยเฉพาะคนจากสำนักตะวันเพ็จที่เป็นอำนาจเบื้องหลังให้แก่ตระกูลเจียง

……….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด