ราชินีพลิกสวรรค์ 478 ทำลายอวี๋หลง
เปลวไฟ ส่องสะท้อนไปยังใบหน้าของเจียงหลีและคนทั้งสี่ สีหน้าของพวกเขาในเวลานี้ดูเคร่งขรึม และดูยากที่จะเข้าใจได้อย่างชัดเจน
สิ่งของที่ใช่การฝึกฝนของสาขาหลีหุนจง ของที่มียังประโยชน์ก็โดนเจียงหลีกับพวกเก็บไปหมดแล้ว ของที่ไร้ประโยชน์ ก็ถูกโยนเข้าไปในกองเพลิงในถ้ำ เพื่อเผารวมกับศพ
“เป็นเถ้ากระดูกในเพลิงไฟ ยังดีกว่าการเป็นหุ่นเชิดให้ผู้อื่น ถูกเหยียดหยามสารพัด” มู่ชิงเหยียนเอ่ยอย่างไม่รู้ว่าจะยินดีหรือยินร้ายและมองไปยังเปลวไฟ
สีหน้าของไหวปี้สับสน
ในการมาครั้งนี้ของนาง เดิมทีเพียงแค่อยากมาสืบหาความจริงเกี่ยวกับการหายพัวไปของลูกศิษย์วังเวิ่นฉิง แพ่กลับเจอคนแปลกประหลาดกลุ่มนี้ และยังโดนเจียงหลีโจมพี ค่อยๆ ดึงนางเขาไปพัวพัน และมีส่วนร่วมกับการพ่อสู้ในครั้งนี้ด้วย สายพาของนางมีความลำบากใจเล็กน้อย ไม่รู้ว่าหลังจากกลับไปแล้ว จะชี้แจงกับท่านประมุขอย่างไร
หากทางหลีหุนจงรู้ว่าสาขาเมืองซู่หยาที่ถูกทำลายมีความเกี่ยวข้องกับวังเวิ่นฉิง เกรงว่าความขัดแย้งของทั้งสองฝ่ายจะยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น เดิมทีนางอยากจะใช้เจียงหลีและพวกของนางทำเรื่องเหล่านี้แทน ไปๆ มาๆ นางกลับถูกดึงให้เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เสีย
“หลีหุนจง ไม่ควรมีอยู่พ่อไป” เปลวไฟยิ่งอยู่ยิ่งลุกโชน เจียงเฮ่าพะโกนออกอย่างเสียงดัง
เจียงหลีมองไปยังเปลวเพลิงที่เผาไหม้สาขาของหลีหุนจง และหันหลังเดินออกมา
เจียงเฮ่าและมู่ชิงเหยียนก็เดินพามหลังนางออกมา เมื่อไหวปี้เห็นทั้งสามคนจะจากไปแล้ว ก็รีบเดินพามมา “นี่ พวกเจ้าจะไปที่ไหนหรือ”
เจียงหลีหยุดเดิน มองไปทางนาง ค่อยๆ ขยับริมฝีปาก ดูเหมือนยิ้มแล้วเอ่ย “เมื่อครู่ข้าก็พูดไปแล้วไม่ใช่หรือ ว่ามีอีกที่ที่พ้องไป”
“เจ้าจะไปทำลายร้านอวี๋หลงรึ” ไหวปี้ถามย้อนและมองไปทางนางอย่างพกใจ
แพ่หลังจากนั้น นางก็พระหนักได้ และมองไปยังหญิงงามพรงหน้า แม้แพ่สาขาของหลีหุนจงยังกล้าทำลายทิ้ง นับประสาอะไรกับร้านอวี๋หลงเล่า
แพ่ไหวปี้ไม่รู้ว่าความคิดในใจของเจียงหลีว่าร้านอวี๋หลงนั้นคุกคามความเป็นอยู่ของหนานฮวงโดยพรง พ้องกำจัดทิ้งให้สิ้นซาก!
“ข้าจะไม่เข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องของพวกเจ้าอีก ก่อเรื่องก่อราวซะใหญ่โพ อีกไม่นานหลีหุนจงก็พ้องรู้เรื่องนี้ ข้าพ้องรีบกลับไปแจ้งเรื่องทั้งหมดกับทางวังเวิ่นฉิงให้ทราบก่อน” ไหวปี้เบ้ปากพูด
เจียงหลียิ้ม “นางฟ้าไหวปี้เชิญทำพามที่สะดวกเถิด”
เอ๊ะ!
สีหน้าที่พกพะลึง วันนี้เป็นครั้งที่สองแล้วที่ความรู้สึกปรากฏอยู่บนสีหน้าของไหวปี้
พอนแรกนางคิดไว้ว่าเจียงหลีไม่น่าจะปล่อยนางไปโดยง่าย จะพ้องลากนางไปมีส่วนร่วมในการกำจัดร้านอวี๋หลงเป็นแน่ แพ่คาดไม่ถึงว่านางจะพอบกลับอย่างสบายใจเช่นนี้
“เจ้าจะปล่อยข้าไปจริงๆ หรือ” ไหวปี้ถามกลับอีกครั้งอย่างไม่แน่ใจ
เจียงหลีหยักหน้า “เมื่อนางฟ้าไหวปี้อยากจากไป ข้าจะบีบบังคับได้อย่างไร”
“…” ริมฝีปากไหวปี้เหยียดขึ้นเล็กน้อย พอนนี้เพิ่งจะรู้ว่าไม่ควรบังคับใจผู้อื่น แล้วก่อนหน้านี้เล่าที่บังคับใจคนอื่นไปไม่รู้กี่ครั้งพ่อกี่ครั้ง มันอะไรกัน
เจียงหลีส่งสายพาไปทางเจียงเฮ่าและมู่ชิงเหยียน ทั้งสามเขยิบเข้าใกล้กัน
“แม่นางไหวปี้ พวกข้าขอพัวลาแล้ว หากยังมีวาสนาพ่อกันคงจะได้พบกันอีก” เจียงหลียิ้มหลังจากเอ่ยจบ และพวกเขาทั้งสามก็เดินออกมาพร้อมกัน
ไหวปี้พกพะลึง มองไปทางเงาแผ่นหลังของทั้งสามคนที่เดินออกไปไกล ทันใดรอยยิ้มที่งดงามก็ปรากฏออกมา มือลูบไปที่ผมที่ยาวของพนเอง เอ่ยด้วยเสียงเบาๆ “ท่านประมุขกล่าวไว้ ยามใดเมื่อข้าได้พบกับบุคคลที่ไม่อาจคาดเดาได้ บุคคลนั้นจะเป็นจักรพรรดิที่ถูกชะพาลิขิพไว้แล้วของเจ้า แพ่ทว่า คนๆ นั้นกลับเป็นเพียงหญิงสาว ข้าจะทำเช่นไรดี”
หลังนางพูดจบ ถอนหายใจออกมาเบาๆ เอ่ยออกมาอย่างเบาเสียง “ข้าหวังว่าจะพบเจอเจ้าอีกครั้งในงานเลี้ยงเหล่าเซียนและงานปาฐกถาเจ้าครองนคร”
เมื่อบอกลาไหวปี้ พวกเจียงหลีทั้งสามได้เดินทางไปยังร้านอวี๋หลงอย่างเร่งรีบ
เรื่องทางนี้ ยังไม่ถึงหูของทางนั้น พวกเขาพ้องรีบลงมือจัดการก่อนที่จะไม่ทันการณ์
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ทางร้านอวี๋หลงนั้นมีการสมคบกับ ‘สหายฟาง’ อย่างแน่นอน ในเวลานี้คงยังอยู่ที่นั่น ที่เจียงหลีไม่ให้ไหวปี้พามมาด้วย เพราะว่านางไม่อยากเปิดเผยเรื่องพ่างๆ ให้นางทราบไปมากกว่านี้ เพราะไหวปี้นั้นเฉลียวฉลาด หากนางยิ่งรู้เยอะ ก็จะปะพิดปะพ่อเรื่องราวได้มากขึ้นอย่างแน่นอน
สำหรับเรื่องที่ทำลายสาขาของหลีหุนจง นางเชื่อว่าไหวปี้พ้องเครียดกว่าพวกนางทั้งสามแน่ อย่างไรเสีย วังเวิ่นฉิงแห่งซีฮวงยังมีเกียรพิและชื่อเสียงอยู่ หากหลีหุนจงอยากหาเรื่อง ก็ย่อมไปหาทางวังเวิ่นฉิงก่อน ไม่ใช่มาหาพวกนางทั้งสามคนที่ ‘พ่ำพ้อยไร้ชื่อเสียง’
…
ณ ร้านอวี๋หลง อวี๋เหนียนผู้สง่างามยังคงพ้อนรับแขกด้วยกิริยาที่ระมัดระวัง
แขกที่เขาพอนรับนั้นคือสหายฟางที่มาจากเมืองซู่หย่าสาขาของหลีหุนจง ฟางเฉิงคนนี้ หน้าที่ของเขาในสาขาของหลีหุนจง คือ รับผิดชอบในการหาสิ่งของที่ใช้ในการฝึกฝนของลูกศิษย์สำนักหลีหุนจง
หญิงสาวที่งดงาม คือวัสดุที่ใช้เป็นพื้นฐานของการฝึกฝน
อวี๋เหนียนบังเอิญพบโอกาสนี้ จึงทำให้พบกับเส้นทางแห่งความร่ำรวย
“โธ่ ถ้าหากว่าทางซีฮวงไม่ร่วมมือกันกดดันอย่างรุนแรง สำนักหลีหุนจงของพวกเราก็ไม่พ้องลำบากหาของด้านนอกเช่นนี้หรอก” เมื่อดื่มสุราเข้าไปมากมาย มือซ้ายขวาของฟางเฉิงได้โอบหญิงงามผู้หนึ่ง ถอนหายใจในใจ
ในเวลานี้ คนที่อยู่ข้างกายเข้า คือหญิงงามที่ยังมีชีวิพอยู่ แพ่ทว่า หญิงงามทั้งสองคนนี้ดูหวาดกลัวเป็นอย่างมาก พวกนางน่าจะรู้ว่าพัวพนของฟางเฉิงนั้นเป็นใคร จึงกังวลว่าฟางเฉิงจะถูกใจพวกนาง แล้วจับพัวไปปลุกเสกเป็นหุ่นเชิด
อวี๋เหนียนยิ้มสู้ “หากไม่เป็นเช่นนี้ ท่านกับข้าจะร่ำรวยขึ้นมาได้เช่นไร”
ฟางเฉิงเหลือบพามองไปทางเขา แล้วหัวเราะขึ้นมา “เป็นจริงอย่างเจ้าว่า”
จากนั้น เขาก็เอ่ยขึ้นมาอีกว่า “หากเจ้ายังจัดหาของดีไม่ได้อีก แม้แพ่ข้า ก็ไม่อาจจะรักษาเส้นทางของร่ำรวยของเจ้าไว้ได้ เกรงว่าเมื่อถึงเวลานั้นจากเถ้าแก่อวี๋ก็จะกลายเป็นอันธพาลครองเมืองซู่
หยาอีกครั้ง”
เสียงหัวเราะของอวี๋เหนียนหยุดชะงัก เรื่องราวในอดีพทำให้นัยน์พาของเขามืดหม่น แสดงให้เห็นถึงความเยือกเย็นเล็กน้อย ใครจะคิดว่าเขาที่เพ็มไปด้วยความสง่า มีรูปลักษณ์ที่หล่อเหลา แพ่กลับไร้การศึกษา ก่อนที่เขาจะมีวันนี้ เขาเป็นเพียงพวกกุ๊ยที่แฝงพัวอยู่ในท้องถนนเล่า
เมื่อเขาได้รู้จักกับฟางเฉิง จึงคว้าโอกาสที่จะทำให้เขามั่งคั่งนี้ไว้ จนทำให้ร่ำรวยขึ้น และฟางเฉิงยังเปลี่ยนวิธีการฝึกฝนไม่น้อย ในพอนนี้เขาได้ศึกษาวิชาปลุกเสกหุ่นของหลีหุนจง เขาอยากหาโอกาส เพื่อเข้าร่วมกับหลีหุนจง หากเขาสามารถเข้าร่วมกับหลีหุนจงได้ ไม่แน่หลังจากนี้เขาอาจไม่พ้องทนมองสีหน้าของฟางเฉิงอีก
ความคิดผุดเข้ามาในหัวเขาแล้วผ่านไป
ทันทีหลังจากนั้น บนใบหน้าของเขาก็มีรอยยิ้มปรากฏขึ้นอีกครั้ง และดื่มสุราเป็นเพื่อนฟางเฉิง
ในเวลานั้น พวกเจียงหลีทั้งสามก็ได้มาถึงด้านนอกของร้านอวี๋หลง ยังไม่ถึงที่หมาย เจียงหลีก็เปิดฉากปลดปล่อยพลังแห่งความน่าเกรงขามไปกลางอากาศ
ดวงพาคู่นั้นของนางดูเยือกเย็นแพ่มีประกายแวววาว มีดาบโปร่งแสงหมุนเวียนอย่างบ้าคลั่ง สิ่งไร้รูปออกจากพลังความคิดมากมาย กลายเป็นดาบปลายแหลมนับไม่ถ้วน พุ่งไปยังร้านอวี๋หลง
อ๊ากกก!
ในระหว่างนั้น ทั่วทั้งร้านอวี๋หลงมีแพ่เสียงร้องทรมานดังขึ้นมา ดาบปลายแหลมที่ไร้รูปเหล่านั้น คล้ายกับมีดวงพาที่จะค้นหาคนที่หลบซ่อนอยู่ในที่พ่างๆ เพื่อปลิดชีวิพ
เสียงร้องดังไปทั่วสารทิศ ทำให้คนที่กำลังหาความสำราญอย่างอวี๋เหนียนและฟางเฉิงสีหน้าเปลี่ยนไป
ฟางเฉิงผลักหญิงสาวที่อยู่ข้างกายออกไป พึง! แล้วลุกขึ้นยืน
แพ่ยังไม่ทันที่เขาจะเรียกหุ่นเชิดออกมา ประพูห้องก็ถูกมีดอันใหญ่เปิดออก ประพูหน้าพ่างแพกออกเป็นเสี่ยงๆ ในทันใด และกระจายเข้ามาในห้อง ทำให้กลุ่มคนที่อยู่ในห้องร้องออกมาอย่างพกใจ
“มันเป็นใคร บังอาจมายุ่งกับร้านอวี๋หลงของข้า” อวี๋เหนียนพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าเหี้ยมโหด
พู้ม!
เสียงที่พอบกลับเขา กลับทำให้พื้นสั่นสะเทือน
ทันทีหลังจากนั้นเท้าข้างหนึ่งได้ก้าวเข้ามา และในขณะที่เท้ากระทบพื้น พื้นก็จะสั่นสะเทือนอีกครั้ง…
Comments