ราชินีพลิกสวรรค์ 491 ศิษย์โปรดของตำหนักเย่า!
หมัดลมที่ไร้รูปร่าง เคลื่อนเข้าหาท่านประมุข ลมหมัดที่ดุร้ายพังทลายภาพระหว่างคนทั้งสองอย่างบ้าคลั่ง
เมื่อเจียงหลีปล่อยหมัดนี้ออกไป ทั้งหันเหยากวงและเจิ้งหยวนก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้น พวกเขาสัมผัสได้ถึงพลังอันน่าสะพรึงกลัวที่มีอยู่ในหมัดนี้
ณ เวลานี้ ท่านประมุขที่ลอยตัวกลางอากาศ ค่อยๆ ยกมือขึ้น นิ้วทั้งห้ากลายเป็นกรงเล็บ ต้านหมัดของเจียงหลีไว้
หมัดทรงพลังถูกเขาสกัดกั้นอย่างง่ายดาย ทำให้เกิดเส้นโค้งโปร่งแสงเสียดถูกับอากาศจนเกิดเป็นประกายไฟ
“ตั้งใจดูให้ดี” สายตาของท่านประมุขตกลงไปที่หันเหยากวง
ประโยคนี้ เห็นได้ชัดว่าพูดกับเขา
ดวงตาของหันเหยากวงเป็นประกาย จับจ้องไปที่ท่านประมุข
เมื่อมองเห็นมือของท่านประมุขขยับเล็กน้อย ความแข็งแกร่งของหมัดที่ไร้รูปร่างของเจียงหลีกลับเริ่มสลายไปจากฝ่ามือของเขา ภาพลวงตาปรากฏขึ้นตรงหน้าของหันเหยากวงและคนอื่นๆ
ภาพเหล่านี้เป็นทักษะการต่อสู้ทั้งหมดที่เจียงหลีได้เรียนรู้ ทุกการเคลื่อนไหวและทุกกระบวนท่าปรากฏต่อหน้าทุกคนอย่างชัดเจน
กระบวนท่าในภาพนั้น ล้วนเป็นพื้นฐานทั้งหมด ถึงขั้นวางไว้หน้าทุกคน ก็จะเป็นทักษะการต่อสู้ที่ทุกคนไม่สนใจ แต่ในขณะนี้ พวกเขามีความเข้าใจที่ลึกซึ้งขึ้นในใจ
ไม่ว่าทักษะการต่อสู้จะเรียบง่ายเพียงใด หากฝึกจนขึ้นใจแล้ว ก็จะชำนาญและปลดปล่อยพลังอันน่าสะพรึงกลัวออกมาได้!
หมัดนี้ดูเหมือนธรรมดา แต่กลับครอบคลุมทักษะการต่อสู้ทั้งหมดที่เจียงหลีเข้าใจ
หันเหยากวงเก่งกาจมาก ความสามารถในการใช้หอกก็ยอดเยี่ยมมาก แสดงให้เห็นถึงพรสวรรค์ของเขาในการเข้าใจทักษะการต่อสู้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับหมัดของเจียงหลี ยังแตกต่างอยู่มาก
ความเข้าใจในทักษะการต่อสู้ของเจียงหลี ถึงขั้นเป็น ‘เทพแห่งการมอง’ แล้ว นางเข้าใจแก่นแท้ของทักษะการต่อสู้ทั้งหมด ลืมกระบวนท่าพื้นฐาน และรวมหัวใจของทักษะการต่อสู้แต่ละประเภทไว้ในหมัดเดียว
มิเช่นนั้น นางปล่อยพลังหมัดเพียงหมัดเดียวจะระเบิดคนที่อยู่ในอาณาเขตเดียวกันกับนางอย่างง่ายดายได้อย่างไร
พลังหมัดของเจียงหลีค่อยๆ สลายไปจากฝ่ามือของท่านประมุข และภาพเหล่านั้นก็หายไปด้วยเช่นกัน
“มองเห็นชัดเจนแล้วหรือไม่” ท่านประมุขยืนด้วยท่ามือไขว้หลังและถามหันเหยากวงที่ใบหน้าขาวซีด
หันเหยากวงนิ่งเงียบ แต่ความตกใจในดวงตาของเขายากที่จะเก็บซ่อนไว้ได้
เขายอมรับว่าตัวเองแพ้แล้ว!
เขาพ่ายแพ้ครั้งแรกในชีวิต! แถมยังแพ้ให้กับสตรีอีกด้วย!
ผู้คนหลายหมื่นคนต่างนิ่งเงียบอยู่นอกน้ำตกของฮวงเสิน ฉากเมื่อชั่วครู่สร้างคลื่นที่โหมกระหน่ำในใจพวกเขา บางคนถึงกับนั่งลงกับพื้น เริ่มหลับตาและครุ่นคิด
อัจฉริยะสะกิดนิดเดียวก็กระจ่างแล้ว
เทียนเจียวคือผู้ที่เรียนรู้ได้ด้วยตัวเอง
แต่ปีศาจกลับติดต่อกับผู้อื่นและส่งเสริมความก้าวหน้าของผู้คนให้มากยิ่งขึ้นด้วยกระบวนท่าของตัวเอง!
“ข้า…ข้าทะลุทะลวงได้แล้ว!” ผ่านไปครู่หนึ่ง ศิษย์หลิงจงขั้นเจ็ดที่ติดคอขวดมานาน จะขึ้นก็ไม่ใช่ ลงก็ไม่ใช่ ได้ถอยออกจากการครุ่นคิดนั้นแล้ว
และเขาก็ไม่ใช่คนเดียวที่เป็นเช่นนั้น
…
ใบหน้าของหันเหยากวงเปลี่ยนเป็นสีเขียว ดวงตาที่หยิ่งผยองถูกทำลายจนหมดสิ้น และเก็บความอวดดีไว้ แล้วก้มศีรษะและนำมือประสานยกขึ้นในระดับอกชื่นชมด้วยใจจริง “ศิษย์มองเห็นชัดเจนแล้ว”
“เจ้ายอมแล้วหรือไม่” ท่านประมุขถามขึ้นอีกครั้ง
หันเหยากวงแววตาดิ้นรนชั่วครู่ สุดท้ายก็กลับมาสงบนิ่ง “ข้ายอม!”
“เด็กมีอนาคตสอนได้” ท่านประมุขพยักหน้า “เจ้าตั้งใจฝึกฝนที่ตำหนักเย่ว์ เก็บความหยิ่งผยองไว้ในใจ เจ้าจะได้รับประโยชน์จากการฝึกฝนครั้งนี้ ตำหนกทั้งสี่อย่างเย่า เย่ว์ ซิง และเฉินไม่มีการแบ่งระดับ เพียงแต่สอนศิษย์ตามความถนัดของพวกเขาเท่านั้น”
“ขอรับ ข้าจะปฏิบัติตามคำสอนของท่านประมุข” หันเหยากวงก้มศีรษะลงต่ำ
คำพูดสั้นๆ ทำให้ความประทับใจของเจียงหลีที่มีต่อกลุ่มอำนาจฮวงเสินเพิ่มมากขึ้นเมื่อเทียบกับสถาบันไป๋หยวน
“เด็กน้อย ไปกันเถอะ” หลังจากท่านประมุข ‘สั่งสอน’ หันเหยากวงเสร็จแล้ว ก็หันกลับมามองเจียงหลีด้วยท่าทางใจดี
เจียงหลียิ้มแฉ่ง
เขายกมือขึ้นหมุน เจียงหลีและเขากลายเป็นแสงไฟเข้าไปในช่องว่างนั้นและหายตัวไป
หลังจากที่พวกเขาจากไป เสียงที่หนักแน่นดังขึ้นอีกครั้ง “พวกเจ้าแต่ละคนไปรายงานตัวที่ตำหนักเย่ว์ ตำหนักซิงเถิด”
“ขอรับ!” เจิ้งหยวนที่กำลังตกใจอยู่นั้น ขานตอบด้วยความร้อนรน
ขณะที่หันเหยากวง ค่อยๆ ยืนหลังตรง เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าโดยไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
…
การเดินทางในห้วงเวลาไม่นานนัก เมื่อเจียงหลีลืมตาขึ้น ได้อยู่ในวังอันงดงามตระการตาและมีแสงสีทองอยู่ทุกหนทุกแห่ง
ยิ่งไปกว่านั้น วังมีขนาดใหญ่มาก เป็นแนวยาวและไม่รู้ว่าปกคลุมระยะไกลเพียงใด
นอกจากตัววังแล้ว ทิวทัศน์นอกหน้าต่างก็สวยงามมากเช่นกัน
เจียงหลีได้เห็นความงดงามเช่นนี้แค่เพียงในวังเทียนอู่กงเท่านั้น
ฮวงเสินสมแล้วที่เป็นกลุ่มอำนาจระดังสูงในตอนนั้น ถึงแม้อำนาจจะลดลงชั่วคราว แต่รากฐานก็ยังอยู่ เจียงหลีถอนหายใจในใจ
“ซือจุน นี่คือศิษย์น้องคนเล็กของเราใช่หรือไม่”
เสียงบุรุษที่พูดได้เต็มเสียงและมีพลังปรากฏขึ้นทันที
เจียงหลีหันหลังกลับไป มองเห็นแสงเงาสามดวงส่องแสงจากภายในตำหนักและตกลงตรงหน้าตน เผยให้เห็นร่างสูงยาวสามร่าง
สามคนนี้ล้วนเป็นชายรูปลักษณ์สง่างามทั้งหมด
ยิ่งไปกว่านั้น ทั้งสามคนยังสวมชุดศิษย์ประจำตำหนักเย่า และยิ่งดูหล่อเหลาประดุจเทพขึ้นไปอีก
“แค่กๆ ระวังหน่อย อย่าทำให้ศิษย์คนโปรดที่ข้าค้นหามาเนิ่นนานต้องตกใจ” ท่านประมุขแกล้งไอและกล่าวเตือนคนทั้งสาม
เจียงหลีมองสำรวจไปที่ชายทั้งสามด้วยความสงสัย และเหลือบมองท่านผู้เฒ่าที่นั่งอยู่ตำแหน่งสูงของห้องโถง
ในขณะที่มองสำรวจคนทั้งสาม พวกเขาก็มองสำรวจมาที่นางด้วยเช่นกัน
ยิ่งมองอย่างละเอียด ความประหลาดใจก็ยิ่งปรากฏในแววตาของคนทั้งสาม
“พวกเราอยู่ที่ตำหนักเย่ามากี่ปีแล้วนะ ไม่เคยมีสตรีมาก่อนเลย” คนพูดงดงามและสง่างามราวกับสตรีก็ไม่ปาน แต่กลับไม่มีกลิ่นอายของสตรีเลย
“ข้านับก่อน แม้นไม่ถึงพันปี ก็มีแปดเก้าร้อยปีแล้ว” ชายผู้มีใบหน้าหล่อลึก งดงามดั่งปีศาจและโดดเด่นเหนือผู้คนทั่วไปพูดขึ้น
“และพอมาก็เป็นหญิงงามที่สุดในปฐพีเลย!”
“…” เจียงหลีเงยหน้าขึ้นมองผู้พูด ในบรรดาสามคนนี้ เขามีรูปลักษณ์ที่ดุดันน้อยที่สุด รูปหล่องดงามและกิริยาท่าทางสูงสง่า แต่น้ำเสียงกลับนุ่มนวล
“พวกเจ้าทั้งสามเป็นหน้าเป็นตาให้ข้าหน่อยไม่ได้เลยหรือ” ท่านประมุขทนฟังต่อไปไม่ไหวแล้ว
ถึงขั้นพูดกับเจียงหลีว่า “ศิษย์รัก อย่าโดนหลอกด้วยรูปลักษณ์ภายนอกของสามคนนี้เลย ดูจากภายนอก พวกเขาเหมือนอายุยังน้อย แต่คนที่อายุน้อยสุดก็แปดร้อยกว่าปีแล้ว”
ห้ะ?
มุมปากของเจียงหลีกระตุกอย่างรุนแรง พักเรื่องอายุไว้ก่อน นางคือคนเดียวที่ครอบครองชายผู้สง่างามที่สุดในโลก จะหลงใหลในความสวยงามง่ายๆ ได้อย่างไร
พวกเขาทั้งสามไม่สนใจเลยราวกับคุ้นชินกับมันแล้ว
ถึงขั้นที่ชายรูปงามพูดกับท่านประมุขต่อว่า “คนแก่หนังเหนียว ท่านเองก็ไม่รู้มีชีวิตมากี่ปีแล้ว ยังจะมาหาว่าพวกเราแก่อีก”
“ต่อหน้าศิษย์น้องเล็ก ไว้หน้าท่านอาจารย์บ้าง” ชายรูปงามประดุจมารกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ฮ่าๆ
เจียงหลียิ้มอย่างไม่เต็มใจ
เอ่อม นี่คือตำหนักเย่าหรือ…
ท่านอาจารย์และลูกศิษย์ รวมนางด้วยแล้ว ทั้งหมด…ห้าคนหรือ
“ศิษย์รัก มานี่ ข้าจะแนะนำศิษย์พี่ผู้ไร้ฝีมือทั้งสามให้กับเจ้า” ร่างของท่านประมุขหายแวบและปรากฏข้างๆ เจียงหลี
Comments