ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น 1112 ทำข้อตกลง + 1113 แกล้งป่วย
ตอนที่ 1112 ทำข้อตกลง
เมืองหลวง
จ้าวอิงสยงได้รับข่าวล่วงหน้าว่าเหมยเหมยจะมาที่เมืองหลวงเพียงลำพัง สีหน้าดูซับซ้อนนัก แววตาเผยให้เห็นถึงความสับสนอยู่ภายใน ใจ
เขาต้องขายหลานสาวแท้ ๆ ไปจริงหรือ
ตัวเขาที่เป็นแขกวีไอพีประจำสโมสรอันดับหนึ่ง ไม่มีใครรับรู้ถึงความรุนแรงของเฮ่อเหลียนเช่อดีเท่าเขาแล้ว โดยเฉพาะกับผู้หญิง
แต่ก่อนเขาเคยได้ยินคนพูดกัน เฮ่อเหลียนเช่อชื่นชอบการทรมานหญิงสาวบนเตียง ผู้หญิงที่ถูกทารุณจนตายก็มีจำนวนไม่น้อย
ยิ่งจ้าวเหมยที่มีอายุเพียงแค่นี้ แถมยังเป็นคุณหนูผู้เลอค่าที่ไม่เคยได้รับความทรมานมาก่อน หากต้องไปอยู่ในกำมือของเฮ่อเหลียนเช่อ มีแต่ความตายเพียงหนทางเดียว!
เบื้องหน้าได้ปรากฏภาพรอยยิ้มแสนน่าเอ็นดูของเหมยเหมย จ้าวอิงสยงจึงพลอยใจอ่อนและเกิดความสับสน
หานซู่ฉินเดินมาหา แค่ดูก็รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ ลอบแสยะยิ้มให้กับตัวเอง ไร้ประโยชน์ลูกศรวางอยู่บนคันธนูแล้วถึงมานึกเสียใจทีหลัง
“คุณเสียใจเหรอ?” หานซู่ฉินสีหน้าเรียบนิ่ง แววตาเย็นชา
จ้าวอิงสยงลอบถอนหายใจไปพลาง “เธอไม่เข้าใจนิสัยใจคอของเฮ่อเหลียนเช่อ ถ้าเหมยเหมยตกไปอยู่ในกำมือของมัน เกรงว่าจะ…”
หานซู่ฉินตัดบทอย่างเยือกเย็น “มีความตายเพียงหนทางเดียวหรือ? แล้วจะทำไม หากตอนนี้ไม่ใช่จ้าวเหมยที่ตาย ก็เป็นคุณที่ต้องตาย หรือว่าคุณจ้าวอิงสยงต้องการจะสละชีพตัวเอง?”
จ้าวอิงสยงสั่นเทิ้มไปทั้งตัว ความใจอ่อนเล็กน้อยที่มีเมื่อครู่ได้เลือนหายไปอย่างรวดเร็ว สีหน้าแปรเปลี่ยนไปเป็นความหนักแน่น
เขายังใช้ชีวิตได้ไม่เพียงพอเลย สิบกว่าปีก่อนหน้านั้นเขาทนทุกข์ทรมานมามาก ครึ่งชีวิตที่ผ่านมาได้ทนทุกข์มาแล้ว อีกครึ่งชีวิตที่เหลืออยู่เขาจะต้องเสพสุขกับชีวิต ผู้หญิง เงินทอง อำนาจ ทุกสิ่งต่างก็ขาดไม่ได้
หลานสาวเหรอ…ก็ทำเหมือนกับไม่ได้รับเธอกลับคืนมาสิ!
อีกอย่างเป็นถึงหลานสาวของตระกูลจ้าว สละชีพตัวเองเพื่อวงศ์ตระกูลก็สมควรแล้วนี่!
หานซู่ฉินลอบมองจ้าวอิงสยงด้วยสายตาเย็นชา ผู้ชายเห็นแก่ตัว เหตุใดก่อนหน้านั้นเธอไม่เคยค้นพบมาก่อนเลยว่าชายที่นอนร่วมเตียงเคียงหมอนจะเป็นคนที่เลือดเย็นไร้ความรู้สึกได้ถึงเพียงนี้?
วันนี้เขาสามารถขายหลานสาวแท้ๆ ได้ พรุ่งนี้ก็คงใช้มีดแทงข้างหลังภรรยาอย่างเธอคนนี้ได้เช่นกัน ไม่ได้การล่ะ รอให้ผ่านมรสุมนี้ไปได้ก่อน เธอจะต้องเตรียมการให้กับตัวของเธอเอง
“พ่อของเรายังไม่รู้ใช่ไหม?” จ้าวอิงสยงกังวลใจเล็กน้อย
“ยัง คุณแม่สุขภาพแย่มาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว คุณพ่อท่านดูไม่ออกหรอก” หานซู่ฉินมั่นออกมั่นใจเป็นอย่างมาก
จ้าวอิงสยงรู้สึกโล่งใจ ช่วงเวลาที่สำคัญถือว่าแม่ของตนก็ยังพึ่งพาได้แหะ!
แต่น่าเสียดายที่คุณย่าสุขภาพแย่เกินไป ปกป้องเขาได้อีกแค่ไม่กี่ปีแล้ว!
“แล้วฝั่งเหมยเหมยจะพูดยังไง?” จ้าวอิงสยงเอ่ยถามอีกครั้ง
หานซู่ฉินจ้องเขาไปที “มีอะไรให้ต้องพูดอีก คุณไปคุยกับเฮ่อเหลียนเช่อ พอตกลงกันได้ก็จัดการพาส่งตัวเธอไป”
“หากเหมยเหมยไม่ยินยอมจะทำอย่างไร?”
หานซู่ฉินมองผู้ชายอย่างดูแคลน พลางเอ่ยขึ้นอย่างเย็นชา ”ช่วยไม่ได้ถ้าเธอไม่ยินยอม ถ้าเชื่อฟังก็ดีหน่อย ถ้าไม่เชื่อฟังก็ตีให้สลบแล้วเอาไปส่ง”
จ้าวอิงสยงนิ่งงัน เป็นอีกครั้งที่ลอบถอนหายใจ แต่กลับไม่ได้พูดอะไรอีก ได้เพียงแต่จำนนต่อแผนการของภรรยา
เฮ่อเหลียนเช่อเองก็ได้รับข่าวคราวว่าเหมยเหมยมาเมืองหลวงเพียงลำพัง พลางยกแส้ขึ้นมาเล่นอย่างสำราญใจ ก่อนเอ่ยติดตลก “ใจกล้าไม่น้อยเลยนี่!”
“คุณชายเช่อ คุณจะแต่งงานกับคุณหนูจ้าวจริงเหรอ?” โอหยางสยงเอ่ยถามเลียบๆ เคียงๆ
เฮ่อเหลียนเช่อมองเขาอย่างเย็นชา โอหยางสยงกลัวจนเสียวสันหลังวาบพลันรีบก้มหน้าลง ไม่กล้าแม้แต่จะสบสายตากับเฮ่อเหลียนเช่อ
“ผู้หญิงแบบนั้นเหมาะที่จะเป็นคุณผู้หญิงเฮ่อเหลียน? คำถามโง่เขลาเบาปัญญาแบบนี้ต่อไปอย่าได้ถามอีก” เฮ่อเหลียนเช่อมีท่าทีไม่สบอารมณ์ ตอนนี้ในหัวใจของเขามีเแค่ดอกเหมยน้อยแต่เพียงผู้เดียว ต่อให้หญิงงามซีซือยังอยู่บนโลกใบนี้ เขาก็ไม่อาจเผลอใจหลงรักได้
โอหยางสยงพยักหน้าหงึกหงัก พร้อมกระตุกยิ้มอย่างเห็นดีเห็นงามด้วย เมื่อเห็นเฮ่อเหลียนเช่อมีสีหน้าท่าทีไม่แย่นัก จึงเอ่ยถามอีกครั้ง “แล้วเหตุใดคุณชายเช่อถึงได้ทำข้อตกลงร่วมกับจ้าวอิงสยงเล่า?”
“แก้เบื่อ แค่แกล้งไอ้โง่นั่นเล่น!” คำพูดของเฮ่อเหลียนเช่อได้ฉุดเรียกเสียงหัวเราะจากบรรดาลูกน้องไปยกใหญ่ ป่าเถื่อนไร้ซึ่งศีลธรรม
เฮ่อเหลียนเช่ออารมณ์ดีไม่น้อย เขาชี้ไปยังภาพถ่ายของเหมยเหมย เผยรอยยิ้มจางๆ “แม่สาวน้อยนี่หน้าตาไม่เลวเลย รับมาไว้เป็นของเล่นให้พวกแกละกัน”
“ขอบคุณครับคุณชายเช่อ!”
ทุกคนต่างหัวเราะร่า เพียงแค่มองภาพถ่ายก็รับรู้ได้ว่าหลานสาวตระกูลจ้าวนั้นเป็นหญิงสาวผู้เลอโฉม งดงาม อ่อนช้อย นุ่มนวล ประจวบเหมาะกับช่วงวัยแรกแย้ม รสชาตินี้…สูบวิญญาณได้แน่!
…………………………………………………….
ตอนที่ 1113 แกล้งป่วย
สองชั่วโมงต่อมา
เหมยเหมยลงจากเครื่องและเดินออกมาจากสนามบิน พลางโบกแท็กซี่คันหนึ่งมุ่งหน้าไปยังบ้านตระกูลจ้าว แต่สิ่งที่เธอไม่รู้คือ พี่เสือคอยติดตามเธออยู่ด้านหลัง มาได้ครึ่งทางจึงสับเปลี่ยนสัญญาณลับกับคนอีกกลุ่มหนึ่ง พี่เสือถึงได้ปลีกตัวออกไปสถานีรถไฟ เตรียมโดยสารรถไฟรอบดึกเพื่อกลับเมืองจิน
ทุกคนในตระกูลจ้าวอยู่กันพร้อมหน้า รุ่นลูกรุ่นหลานมีเพียงแค่เหมยเหมย ส่วนจ้าวเสวียหลิน จ้าวเสวียไห่และคนอื่น ๆ ยังไม่มา
“เหมยเหมยมาได้อย่างไร? แล้วพ่อแม่เธอล่ะ?”
จ้าวอิงหนานตกใจอยู่ไม่น้อย ตอนเช้าพี่เล็กบอกว่าเหมยเหมยไม่มา แต่พอตกบ่ายทำไมเหมยเหมยถึงมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่เพียงลำพัง
“พ่อกับแม่มีธุระด่วนต้องจัดการค่ะ หนูเลยล่วงหน้ามาก่อน” เหมยเหมยเอ่ยตอบอย่างไม่หวาดหวั่น
จ้าวอิงหนานอยากเอ่ยถามต่อ หานซู่ฉินกระตุกยิ้มและพูดขัดขึ้น “มาก็ดีแล้ว คุณแม่ท่านเอาแต่บ่นหา เหมยเหมยรีบเข้าไปดูคุณย่าสิ ท่านป่วยหนักมาก…”
เธอเอ่ยขึ้นพลางถอนหายใจอย่างเจ็บปวด ล้วงผ้าเช็ดหน้าออกมาจากกระเป๋า พลางซับตรงหางตา
อันหย่าฟางตวัดสายตามองเธอแวบหนึ่งพลันส่งสายตาเย้ยหยัน และเหลือบมองเหมยเหมยด้วยความรู้สึกหลากหลาย ขมวดคิ้วแน่นไม่คลาย
หรือเราจะ…
“คุณย่าเป็นอะไรคะ? ป่วยเป็นอะไร แล้วทำไมคุณป้ารองไม่ตามหมอมาดูแลล่ะคะ หนูเข้าไปก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไร อีกอย่างถ้าคุณย่าเห็นหน้าหนูคงจะโมโหจนไข้ขึ้นกว่าเดิม ร่างกายก็จะทรุดเข้าไปอีก!”
เหมยเหมยไม่อยากจะเจอกับคุณย่าจอมเลอะเลือน จึงจงใจชักแม่น้ำทั้งห้ามาพูด ไม่รอให้หานซู่ฉินได้พูดต่อก็หันเอ่ยถามอันหย่าฟางอีกครั้ง “ป้าสามคะ ห้องของหนูอยู่ที่ไหน หนูเหนื่อยแล้ว อยากหลับสักงีบ”
แววตาขออันหย่าฟางปรากฏรอยยิ้ม น้ำเสียงกลับยังคงเย็นชา “ป้าพาไปเอง”
เหมยเหมยเลิกคิ้ว คุณป้าสามของเธอใจดีขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
อันหย่าฟางเดินนำอยู่ด้านหน้า เหมยเหมยเดินตามอยู่ด้านหลัง ไม่มีใครเอ่ยปากพูด บรรยากาศอึมครึม มีเพียงเสียงฝีก้าวอันเบาหวิวของพวกเธอ
“ตอนนี้ตระกูลจ้าวเกิดเรื่องขึ้นมากมาย เธอกลับเมืองจินไปเถอะ”
เมื่อขึ้นมายังชั้นสอง อันหย่าฟางจึงเอ่ยปากพูดทันที เหมยเหมยใจเต้นระส่ำ เหลือบมองเธออย่างนึกประหลาดใจ
“แต่คุณปู่ให้หนูมา บอกว่าคุณย่าเริ่มไม่ไหวแล้วอยากเจอหนู” เหมยเหมยตอบ
อันหย่าฟางถอนหายใจเสียงเบา แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก เพียงแค่ชี้ไปยังห้องห้องหนึ่งและเอ่ย “ห้องนี้แหละ”
เมื่อพูดจบเธอก็ปลีกตัวออกไปไม่ได้เอ่ยคำพูดใด ๆอีก ที่ควรตักเตือนเธอได้เตือนไปหมดแล้วจึงเดินออกไป เรื่องนี้ต้องให้เหมยเหมยเป็นคนตัดสินใจเอง เธอคงไม่เข้าไปยุ่งเรื่องไร้สาระพวกนี้หรอก
เหมยเหมยมองตามแผ่นหลังของอันหย่าฟางที่หายลับไปตรงมุมบันไดอย่างตกตะลึง คุณป้าสามนี่ก็เย็นชาเสียจริง จู่ ๆ ก็พูดขึ้นมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ใครเขาจะเชื่อคำพูดของเธอ!
หากไม่ใช่เพราะตัวเธอนั้นรู้เรื่องลับลมคมในมาตั้งแต่แรก เกรงว่าจะไม่มีทางเชื่อ เพราะงั้นคำเตือนของอันหย่าฟางดูไม่ค่อยจริงใจเท่าไหร่นัก
ด้านล่าง หานซู่ฉินมีสีหน้าไม่สู้ดีนัก ท่าทีที่เหมยเหมยมีต่อเธอเมื่อครู่ดูจะให้ความเคารพเกินไปเสียหน่อย นั่นทำให้เธอทนไม่ได้ พลันหายไปอย่างไร้ร่องรอย
ช่วงเวลามื้อเย็น จ้าวอิงหนานขึ้นมาเรียกเธอให้ไปทานข้าว เหมยเหมยแสร้งทำทีเป็นง่วง โดยบอกให้พวกเขาทานไปก่อนไม่ต้องรอเธอ
เธอไม่แม้แต่ที่จะกล้ากินอาหารของตระกูลจ้าว ตระกูลจ้าวในตอนนี้ เธอไม่กล้าไว้ใจใครแม้แต่คนเดียว จ้าวอิงหนานไม่มีทางทำร้ายเธอ แต่ยากที่จะมีอะไรมาประกันว่าจะไม่ถูกคนอื่นหลอกใช้ เพราะงั้นเธอถึงเชื่อแค่ตัวเอง
โชคดีที่ฉิวฉิวยังมีของกินเยอะแยะมากมาย แถมยังไม่ซ้ำกันด้วย พอให้เธอกินไปได้ทั้งปีก็ไม่มีปัญหา
จนกระทั่งมื้อเย็นผ่านไป เหมยเหมยก็ยังไม่ได้ลงมา คุณปู่จึงอารมณ์เสียขึ้นมาเล็กน้อย อยากขึ้นไปเรียกให้เธอลงมาอยู่คุยเป็นเพื่อนกับคุณย่า จ้าวอิงหนานรู้สึกสงสารเห็นใจหลานสาวจึงเอ่ยขึ้นว่า “คืนนี้เป็นคืนสุดท้ายเสียที่ไหนล่ะ พ่อก็ให้เหมยเหมยได้พักผ่อนก่อน ฉันจะไปคุยเล่นกับแม่เอง”
จ้าวอิงหนานไม่เข้าใจนัก หลายปีมานี้คุณย่าไม่เคยถามสารทุกข์สุขดิบอะไรกับหลานสาวเลย ทำไมจู่ ๆ ถึงได้คิดถึงขึ้นมาได้ล่ะ?
คุณย่ารับรู้ว่าเหมยเหมยมาถึงเมืองหลวงแล้ว จึงรู้สึกเบาใจลงบ้าง เธอเองก็ไม่อยากคุยกับยัยเด็กบ้านั่นเช่นกัน ไม่อยากจะเสียอารมณ์
“ไม่ต้องเรียกมาหรอก บอกให้เหมยเหมยพักผ่อนเสีย ฉันเองก็จะนอนแล้ว”
คุณย่าเอ่ยขึ้นพร้อมกับปิดเปลือกตาลง เพียงไม่นานก็เข้าสู่ห้วงนิทรา ลมหายใจเข้าออกผันแปรเป็นสม่ำเสมอ
การแกล้งป่วยถือว่าเป็นงานหนัก ในที่สุดก็สามารถหลับตาลงได้อย่างสบายใจ!
…………………………………………………………
Comments