ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น 1258 ตามหลอกหลอนไม่เลิก + 1259 หยั่งเชิง

Now you are reading ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น Chapter 1258 ตามหลอกหลอนไม่เลิก + 1259 หยั่งเชิง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1258 ตามหลอกหลอนไม่เลิก

สองวันนี้หลังจากเลิกเรียน กลุ่มเพื่อนของเหมยเหมยก็มีคนเพิ่มมาสองคน——เฉินเจียกับลี่เมิ่งเฉิน

วันหยุดของเฉินเจียยังเหลืออยู่อีกไม่กี่วัน เขาบอกว่าเขาอยากลิ้มลองรสชาติอาหารของเมืองจิน พวกเหมยเหมยก็ทำได้เพียงให้เจ้ากวางโง่ตัวนี้สมความปรารถนา ช่วงกลางวันเซียวเซ่อกับสยงมู่มู่จะพาไปเที่ยว กลางคืนพวกเขาเจอหน้ากัน เป็นการใช้ชีวิตที่สนุกสนานมากเลยทีเดียว

พวกเขามีความสุขกันมาก เพราะว่าเจ้าโง่กวางน้อยเป็นคนที่ตลกมากจริง ๆ

“กลางคืนพวกเราไปกินเนื้อเสียบไม้กันเถอะ วันนี้ให้ฉันเป็นคนเลี้ยงบ้างนะ พรุ่งนี้ฉันต้องกลับแล้ว ฉันอยากขอบคุณพวกเธอที่ให้การต้อนรับฉันเป็นอย่างดี พวกเธออย่าปฏิเสธเลยนะมื้อนี้ฉันจะต้องเป็นคนเลี้ยงเอง แม่ฉันสอนไว้ว่าจะให้คนอื่นมาเลี้ยงเราตลอดไม่ได้ ไม่เช่นนั้นคนอื่นเขาจะดูถูกเราได้…

อีกหน่อยพวกเธอมาเที่ยวที่ฮ่องกง พอถึงตอนนั้นเดี๋ยวฉันเลี้ยงข้าวพวกเธอเอง รสชาติก็ไม่เลวเหมือนกัน ใช่แล้ว พี่สยง ปีหน้าฉันจะไปเข้าร่วมการแข่งขันที่ประเทศอังกฤษ พี่ต้องมาดูฉันแข่งนะ แต่ว่าไม่ต้องเลี้ยงฉันหรอกเพราะที่อังกฤษไม่มีอาหารรสเลิศอะไร มีแต่อาหารที่น่ากลัว ฉันต้มบะหมี่กินเองยังจะดีกว่า…”

พออยู่ด้วยกันหลายวัน ทุกคนเริ่มชินกับการพูดมากของเจ้ากวางโง่ตัวนี้ ไม่มีใครสนใจเขาปล่อยให้เขานั่งพูดอยู่คนเดียว

ถึงอย่างไรเสียพอเขาพูดจนน้ำลายแห้ง หมอนี่เขาก็จะเงียบไปเอง

“โอ้ย…คอแห้งจังเลย ฉันไปซื้อโค้กหน่อยนะ พวกเธอจะดื่มอะไรไหม”

ไม่ได้รอฟังคำตอบจากทุกคน เฉินเจียก็รีบวิ่งไปซื้อโค้กที่ร้านค้าด้านข้าง ซื้อมาหลายขวดเสียด้วย

“มาดื่มด้วยกันนะ โค้กอร่อยมาก ปกติโค้ชไม่ยอมให้ผมดื่มเยอะ ตอนนี้โค้ชไม่อยู่ ผมจะดื่มเยอะ ๆหน่อย พรุ่งนี้กลับไปก็ไม่ได้ดื่มแล้ว…อร่อยจัง…”

ขอบคุณโค้ก!

ตาหมอนี่หยุดพูดได้เสียที

กลางคืนพวกเขาก็ไม่ได้ไปกินเนื้อเสียบไม้กันแต่ไปกินร้านเนื้อย่างมองโกล เนื้อวัวเนื้อแพะของที่นั่นสดมาก รสชาติก็ดีมากเช่นกัน เหมยเหมยไม่ได้ให้เฉินเจียเลี้ยง หล่อนบอกเพียงแค่ว่ารอไปที่ฮ่องกงแล้วค่อยให้เขาเลี้ยง

ในบรรดาแขกรับเชิญทั้งหกคนเฉินเจียอายุน้อยที่สุด ไร้เดียงสาที่สุด แน่นอนว่าเงินก็น้อยที่สุดเช่นกัน

มีแต่เงินเบี้ยเลี้ยงจากการเป็นนักกีฬา เพราะว่าเขาอายุยังน้อยจึงไม่เคยเข้าร่วมการแข่งขันระดับชาติ เงินรางวัลจึงไม่ได้มากมายอะไร ถึงแม้ว่าจะมากกว่าพนักงานประจำทั่วไป แต่แน่นอนว่าก็ไม่สามารถเทียบกับพวกเหมยเหมยได้

“รอปีหน้าผมไปแข่งที่ประเทศอังกฤษ ถ้าได้รางวัลกลับมาผมก็จะได้เงินรางวัลไม่ต่ำกว่าหนึ่งแสนหยวน ปีหน้าผมมีการแข่งขันหกรายการ ถ้าโชคดีได้รางวัลทุกรายการล่ะก็ ฮ่า ๆ เราก็จะได้ย้ายไปอยู่บ้านที่หลังใหญ่ขึ้นสักที!”

เฉินเจียคิดถึงผลประโยชน์ที่จะได้รับก็มีความสุขจนปล่อยเสียงหัวเราะออกมา คนอื่นเห็นก็พลอยมีความสุขตามไปด้วยเช่นกัน

เหมยเหมยเคยได้ยินเฉินเจียเล่าว่าพ่อแม่ของเขาเป็นครูมัธยมในฮ่องกง เงินเดือนไม่ได้สูงมาก ดังนั้นบ้านของพวกเขาก็ไม่ได้ใหญ่มาก ก็ประมาณ70-80ตารางเมตร แล้วก็ตั้งอยู่ในเขตที่ไม่ค่อยดีเท่าไรนัก

แน่นอนว่าที่ดินของฮ่องกงราคาสูงมาก สามารถมีบ้าน 70-80 ตารางเมตรได้ก็ถือว่าไม่เลวแล้ว บางคนแค่ที่เท่าพอจะฝังศพของตัวเองได้ยังไม่มีเลย!

พวกเขาปิ้งเนื้อพูดคุยเฮฮาสนุกสนาน ส่วนมันของเนื้อกระทบลงบนเตาถ่านส่งเสียงซู่ซู่ เกิดเปลวไฟสีฟ้าลุกโชนขึ้นมา กลิ่นหอมของเนื้อลอยเตะจมูกเป็นระยะ ๆทำเอาน้ำลายสอได้เลยจริง ๆ

เหมยซูหานพาเฮ่อเหลียนเช่อมากินเนื้อย่าง เฮ่อเหลียนเช่อเป็นสัตว์กินเนื้อ ในวันหนึ่งถ้าเขาไม่ได้กินเนื้อก็จะรู้สึกอึดอัด

เพราะเมื่อไม่กี่วันก่อนไม่ได้อยู่กับเขาเฮ่อเหลียนเช่อเลยอารมณ์ไม่ดี เหมยซูหานต้องการจะทำให้เขาอารมณ์ดีขึ้นจึงพามากินเนื้อย่าง แต่ใครจะคิดล่ะว่าจะเจอกับพวกเหมยเหมยเข้า

เฮ่อเหลียนเชื่ออารมณ์เสียยิ่งกว่าเดิม แค่จะมากินเนื้อย่างก็ต้องมาเจอจ้าวเหมย ยัยนี่ตามหลอกหลอนไม่เลิกแฮะ

“อาเช่อ ฉันมีธุระจะถามจ้าวเหมย นายรอฉันเดี๋ยวเดียวนะ เดี๋ยวฉันรีบกลับมา” เหมยซูหานไม่มีเวลามาสนใจว่าเฮ่อเหลียนเช่อจะโกรธไหม เขาจะต้องไปถามให้มันรู้ดำรู้แดงกันไปเลย

………………………………

ตอนที่ 1259 หยั่งเชิง

เฮ่อเหลียนเช่อจากเดิมที่อารมณ์ดีเพราะได้มากินเนื้อย่างกับเหมยซูหานบัดนี้ได้ถูกทำลายจนหมดสิ้น สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปในทันทีราวกับจะมีพายุเข้า

เหมยซูหานพูดจาให้เขาอารมณ์เย็นลง สามปีมานี้เขาได้เรียนรู้จุดอ่อนต่าง ๆของเฮ่อเหลียนเช่อ เขารู้ว่าจะต้องพูดอย่างไรจึงจะสามารถทำให้หมอนี่อารมณ์เย็นลงได้

“ฉันมีธุระสำคัญจะถามจ้าวเหมยจริง ๆ นายเห็นไหม…ฉันไม่ได้แอบหนีไปหาเขา ฉันก็ถามเขาต่อหน้านายนี่ไง นายยังจะมีอะไรไม่สบายใจอีก”

อารมณ์ของเฮ่อเหลียนเช่อเริ่มเย็นลง ก็ใช่ พูดมันต่อหน้าเขายังจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นได้อีก

แต่ถึงอย่างไรเขาก็ไม่พอใจอยู่ดี “นายมีเรื่องสำคัญอะไรจะถามเขา? มีความลับปิดบังฉันเหรอ?”

เหมยซูหานถอนหายใจเบา ๆ แล้วเอาใจพูดดี ๆกับเขาว่า “คืนนี้ฉันจะค้างที่โรงแรม เดี๋ยวเล่าเรื่องทั้งหมดให้นายฟัง โอเคไหม”

เฮ่อเหลียนเช่อค่อยรู้สึกดีขึ้นมาหน่อย อารมณ์ดีขึ้นมาทันที เริ่มมีรอยยิ้มขึ้นมาบ้าง

“เรียกจ้าวเหมยมาตรงนี้สิ นายก็แค่ถามเขาไป ถ้าเขาไม่ตอบมาดี ๆ เดี๋ยวฉันจัดการเขาเอง!” เฮ่อเหลียนเช่อพูดด้วยน้ำเสียงถากถาง

เหมยซูหานหว่างคิ้วเต้นตึกตัก ต้องพูดจาดี ๆกับตาหมอนี่ถึงจะทำให้เขารับปากว่าจะไม่ลงไม้ลงมือได้

เหมยเหมยกินไปไม่กี่ชิ้นก็อิ่มแล้ว ถึงแม้ว่าเนื้อย่างจะรสชาติดีแต่เลี่ยนมาก เธอกินเยอะไม่ได้ไม่งั้นจะรู้สึกทรมานกระเพาะ

คนอื่นยังกินไม่เต็มอิ่ม เหมยเหมยนั่งย่างเนื้อแทนพวกเขาพลิกเนื้อบนเตาย่างไม่ขาด พร้อมทั้งฟังสยงมู่มู่กับอู่เชาแกล้งเจ้ากวางโง่สนุกสนานมากเสียจริง

ลี่เมิ่งเฉินที่กำลังจดจ่อกับการกินเนื้อก็เงยหน้าขึ้นมา เห็นเหมยซูหานกำลังเดินมาที่โต๊ะของพวกเขา ลี่เมิ่งเฉินก็เลยพูดกับเหมยเหมยว่า “มีคนมาหาน่ะ”

เหมยเหมยนั่งหันหลังให้กับพวกเหมยซูหาน ได้ยินเรื่องที่ไม่ดีมา พอเห็นเหมยซูหานก็อดที่จะมุ่นคิ้วไม่ได้

พอมองไปเห็นเฮ่อเหลียนเช่อที่นั่งอยู่อีกโต๊ะ เหมยเหมยก็เริ่มรู้สึกอารมณ์ไม่ดีขึ้นมา

“เหมยเหมย ฉันมีอะไรอยากจะถามเธอหน่อย เธอไปโต๊ะนั้นหน่อยได้ไหม” เหมยซูหานร้องขอด้วยท่าทีอ่อนน้อม

“เรื่องอะไร พูดตรงนี้ไม่ได้เหรอ” เหมยเหมยเหลือบไปมองเฮ่อเหลียนเช่อที่หัวเราะใส่เธอ เธอไม่อยากจะไปตรงนั้นเลยด้วยซ้ำ

สมองเธอไม่ได้มีปัญหาเสียหน่อย ทำไมเธอต้องไปนั่งร่วมโต๊ะกับตาเฮ่อเหลียนเช่อนั่นด้วย

เหมยซูหานมองตามสายตาของเหมยเหมย เห็นเฮ่อเหลียนเช่อที่หุบยิ้มไม่ทันพอดีก็เลยส่งสายตาดุไปให้เขา เฮ่อเหลียนเช่อก็เลยต้องหุบยิ้มแล้วนั่งกินเนื้อต่อไปตามระเบียบ

“ไม่เป็นไรนะ อาเช่อไม่กล้าทำอะไรเธอหรอก ตรงนี้คนเยอะเกินไป” เหมยซูหานร้องขอ

เหมยเหมยรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เขาคิดไม่ถึงว่าเฮ่อเหลียนเช่อจะเชื่อฟังเหมยซูหานขนาดนี้ ดูแล้วสงสัยสามปีมานี้เหมยซูหานจะสั่งสอนเฮ่อเหลียนเช่อมาได้ไม่เลวเลยทีเดียว

ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเหมยซูหานมาหาเธอเพราะเรื่องอะไร เหมยเหมยลองคิดดูดี ๆแล้วก็ตอบตกลง เธอบอกกับพวกสยงมู่มู่แล้วก็เดินตามเหมยซูหานไปที่โต๊ะของพวกเขา

“พี่สยง ผู้ชายคนนนั้นเป็นใครเหรอ ดูแล้วน่ากลัวจัง” เฉินเจียถามขึ้นด้วยเสียงอันเบา สีหน้าแสดงถึงความกังวลใจ

“ไม่มีอะไรหรอก กินต่อเถอะ”

สยงมู่มู่คีบเนื้ออุดปากไม่ให้เฉินเจียพูดอะไรต่อ ตอนนี้เฉินเจียจำเป็นต้องเงียบไว้

ลี่เมิ่งเฉินพูดแทรกขึ้นมาว่า “ไม่เป็นไรหรอก เฮ่อเหลียนเช่อไม่ทำอะไรจ้าวเหมยแน่ เมืองจินไม่ใช่ถิ่นของเขา”

สยงมู่มู่ใจสั่นเล็กน้อย ลี่เมิ่งเฉินรู้จักเฮ่อเหลียนเช่อด้วยงั้นเหรอ?

เขาเป็นใครมาจากไหนกันแน่?

เซียวเซ่อก็เงยหน้าขึ้นจ้องลี่เมิ่งเฉิน แล้วถามขึ้นว่า “นายเป็นคนจากบ้านตระกูลลี่ใช่ไหม”

สีหน้าของลี่เมิ่งเฉินเปลี่ยนไปเล็กน้อยแต่ก็กลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว เขาไม่ได้ตอบอะไรเซียวเซ่อแค่ก้มหน้ากินเนื้อต่อไป

สยงมู่มู่อยากจะถามต่อ แต่เซียวเซ่อส่ายหัวเบา ๆให้เขา บรรยากาศรอบตัวเงียบลงมาในทันที

เหมยเหมยนั่งลงตรงข้ามเฮ่อเหลียนเช่อ เธอไม่ได้คิดจะสนใจตาโรคจิตนี่ เหมยซูหานคีบเนื้อที่ย่างสุกแล้วให้เธอ แต่เธอก็ไม่กิน เธอเร่งให้เขารีบ ๆถามมา

เหมยซูหานถอนหายใจเบา ๆกัดฟันเล็กน้อย แล้วพูดด้วยประโยคอันแสนประหลาดขึ้นว่า “เหมยเหมย เธอคิดว่าบ้านบนตึกชั้นสูงที่สุดเป็นยังไง ชั้น 33 โอเคไหม?”

…………………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด