ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น 1358 ไม่ใช่ว่าพึ่งพาพ่อแม่หรือไง + 1359 ดาวมหาลัยชนบท

Now you are reading ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น Chapter 1358 ไม่ใช่ว่าพึ่งพาพ่อแม่หรือไง + 1359 ดาวมหาลัยชนบท at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1358 ไม่ใช่ว่าพึ่งพาพ่อแม่หรือไง

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาก แน่นอนว่าเธอไม่ใช่แฟนคลับของเหมยเหมย คนที่เห็นแกเงินอย่างเธอนอกจากเงินก็ไม่มีอะไรเข้าตาเธออีกแล้ว เหตุผลที่ไล่ตามหนังสือการ์ตูนของเหมยเหมยก็เพราะทุกคนในชั้นเรียนอ่านกันหมด ถ้าเธอไม่อ่านจะขายขี้หน้าเอา

สำหรับคุณหนูใหญ่ผู้ที่ไม่เคยขาดแคลนเงินแล้ว เพียงแค่ของที่เพื่อนร่วมชั้นธรรมดามี (ยกเว้นคะแนน) คนอย่างเธอก็ต้องมีอย่างแน่นอน จะนับว่าเป็นการดีหากเพื่อนร่วมชั้นคนอื่นไม่มีแต่เธอมีแบบนั้นถึงจะทำให้เธอภูมิใจ!

ถึงแม้เธอจะซื้อหนังสือการตอบโต้ของเจ้าหญิงอัปลักษณ์ของเหมยเหมยกลับมาแต่ไม่เคยเปิดอ่านเลยจริง ๆสักครั้ง พอนึกขึ้นได้จึงไปเปิดอ่านผ่าน ๆมาบ้าง ไม่งั้นคงจำชื่อหนังสือไม่ได้ด้วยซ้ำ

“เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนจะต้องจำผิดแน่ ๆ “นักเขียนชื่อดังขนาดนั้นจะมาเรียนทำไม? หนังสือเล่มหนึ่งก็ทำรายได้ให้เขาตั้งหลายแสนแล้ว ยังต้องมาเรียนอีกเหรอ!” สีอันน่ากล่าวอย่างจงใจ

เธอก็แค่ไม่อยากให้คนรู้ว่าจ้าวเหมยเป็นนักเขียนที่โด่งดังมาก อีกทั้งภูมิหลังของครอบครัวก็ดีมากเช่นกัน หน้าตาก็สะสวยเสียขนาดนั้น คนที่สมบูรณ์แบบไม่มีใครเทียมแบบนี้ทำไมจะต้องมาอยู่ร่วมหอเดียวกับเธอด้วยนะ?

สีอันน่าที่เป็นดั่งดวงดาวที่ห้อมล้อมด้วยเดือนมาตั้งแต่เด็กและถูกปฏิบัติราวกับเจ้าหญิงมาโดยตลอด แค่เห็นจ้าวเหมยเธอก็ทอดถอนใจพลางคิดขึ้นว่า ‘ทั้งเก่งทั้งดีเลิศ ทำไมยังสวยอีกนะ’ ไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย

เธอไม่อยากเป็นคนขับให้จ้าวเหมยเด่น เธอเป็นเจ้าหญิงที่ไม่มีใครเหมือนและไม่เหมือนใคร!

เจิ้งเสวี่ยซานก็พูดเสริมขึ้นคล้อยตามอย่างนุ่มนวลว่า “ใช่แล้ว เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนน่าจะจำผิดแล้ว พวกเราไปทานอาหารกันเถอะ ตอนบ่ายยังต้องรวมตัวกันที่ชั้นเรียนอีก!”

“รู้ไหมว่าความจำฉันดีจะตายไปจะจำผิดคนได้อย่างไร มันเรียกว่าอะไรนะ…”เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนชักอารมณ์เสียแล้ว ต้องคิดชื่อหนังสือเล่มนั้นให้ออก

สวีจื่อเซวียนที่ใบหน้ากำลังครุ่นคิดอยู่ก็ส่งเสียงออกมา น้ำเสียงเยือกเย็น “ชื่อหนังสือว่าการตอบโต้ของเจ้าหญิงอัปลักษณ์ ใช่ไหม นามปากกาว่าเจ้าหญิงอัปลักษณ์”

“ใช่ ๆ ๆ…ชื่อนี้แหละ เจ้าหญิงอัปลักษณ์เป็นนามปากกาของเหมยเหมยเธอเคยกล่าวในรายการนั้น ดูเหมือนว่าตอนเธอยังเด็กคนอื่นมักเรียกเธอว่าคนอัปลักษณ์ หนังสือเล่มนี้เป็นประสบการณ์ของเธอเอง แม่เจ้า…จ้าวเหมยเปลี่ยนแปลงไปมากเลยนะ ตัวจริงดูดีกว่าในโทรทัศน์อีก แล้วตอนเด็ก ๆเธอน่าเกลียดขนาดไหนเนี่ย!”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนทำหน้าเหมือนเหลือเชื่อ ทั้งอิจฉาและริษยา ยิ่งไปกว่านั้นคือความขัดเคือง

ตั้งแต่เด็กเธอน่ารักกว่าตุ๊กตาเสียอีก ใครเห็นต่างก็เอ็นดูแต่กลับเป็นแบบนั้นอยู่ได้ไม่นาน แค่เวลาสั้น ๆเท่านั้น

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนมองลงไปที่พุงกลมดิกของเธอ ความอยากอาหารก็หายไปในทันที

อ้วนจนขนาดนี้แล้ว เธอยังจะกินอะไรอีกเล่า!

เดี๋ยวเธอจะกินแค่ผักใบเขียวและไม่แตะเนื้อสัตว์อย่างแน่นอน ไม่ผอมลงสักห้ากิโลเธอจะยอมเป็นหมาเลย!

พอถังม่านลี่ได้ยินว่าภูมิหลังของจ้าวเหมยยิ่งใหญ่ขนาดนี้ ไฟแห่งความริษยาในใจก็เหมือนมีลมพัดจนไฟลุกโหมพวยพุ่งขึ้นสุดหัว จนปรากฏให้เห็นบนใบหน้าอย่างชัดเจน แม้ว่าสวีจื่อเซวียนที่อยู่ข้าง ๆจะเห็นได้ไม่ชัดนัก แต่ก็มีท่าทีอิจฉาริษยาอยู่บ้างเล็กน้อย

เจิ้งเสวี่ยซานมองสองคนนี้อย่างไร้ท่าทีใด ๆ พลางแกล้งพูดอย่างไม่ใส่ใจว่า “มิน่าจ้าวเหมยถึงวางตัวแบบนั้นมันก็สมควรแล้วล่ะ ใครใช้ให้เธอมีความสามารถตั้งแต่อายุยังน้อยกันล่ะ และฉันยังได้ยินมาว่าพ่อของจ้าวเหมยเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดในเมืองจิน แม่ยังเป็นจิตรกรที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลก ดูเขาแล้วหันมามองตัวเองสิ เฮ้อ……”

สวีจื่อเซวียนและถังม่านลี่รวมไปถึงสีอันน่าสามคนสีหน้าเปลี่ยนไปในเวลาเดียวกัน แต่ในไม่ช้าสวียื่อเซวียนและสีอันน่าก็กลับสู่สภาวะปกติ

มีเพียงถังม่านลี่เท่านั้นที่แสดงท่าทีโมโห ตะโกนว่า “หากฉันมีพ่อที่เป็นผู้มีอำนาจสูงสุด ยังมีมีแม่เป็นจิตรกรชื่อดัง ฉันจะต้องเก่งกว่าจ้าวเหมยแน่นอน!”

เชอะ พึ่งพาพ่อแม่กินข้าวนับว่ามีความสามารถงั้นเหรอ?

ต้องเหมือนเธอต่างหากที่พึ่งพาความสามารถของตนเองล้วน ๆ สอบติดมหาวิทยาลัยเมืองหลวงจากเขตภูเขาอันไกลโพ้นได้ นี่สิถึงเรียกว่ามีความสามารถอย่างแท้จริง!

…………………………………………………

 ตอนที่ 1359 ดาวมหาลัยชนบท

ถึงแม้ว่าสวีจื่อเซวียนจะไม่แสดงท่าทีไม่ชอบใจออกมาแต่เธอก็เห็นด้วยกับถังม่านลี่อย่างชัดเจน จ้าวเหมยเป็นคนที่เธอมองแล้วรู้สึกขัดหูขัดตาไปเสียหมด ทุกคนต่างก็มาเรียนกันทั้งนั้นจะวางมาดอะไรนักหนา?

อีกทั้งเธอเองก็คิดว่าจากความสามารถของตัวเอง ต่อให้ไม่มีพ่อเป็นผู้นำที่มีอำนาจและมีแม่เป็นจิตกรชื่อดัง วันข้างหน้าจะต้องเก่งกว่าจ้าวเหมยแน่นอน!

วัยรุ่นสร้างตัวอย่างไรก็ถือว่าเป็นเรื่องดี

หลักการของซางจ่งหย่ง[1]ใช่ว่าทุกคนจะเข้าใจกันเสียหมด!

ถึงแม้ว่าสวีจื่อเซีวยนจะเป็นสาวในอำเภอเล็ก ๆแต่เธอก็มีพรสวรรค์ที่ไม่ธรรมดามาตั้งแต่อายุยังน้อย ตอนสามขวบท่องบทกวีได้ ห้าขวบวาดภาพได้ ตอนอายุสิบขวบประพันธ์ร้อยแก้ว เธอเป็นสาวน้อยมากความสามารถที่โด่งดังไปทั่วเมืองเล็ก ๆของเธออย่างกว้างขวาง

และด้วยหน้าตาที่สะสวยครบเครื่องในด้านศิลปะรอบด้าน ตั้งแต่เด็ก ๆเธอก็มีฉายาว่า ‘ลูกของเขา’ แต่ก็ถูกเลี้ยงจนกลายเป็นสวีจื่อเซวียนที่มีนิสัยหยิ่งผยองจอมโอหังอยู่ดี

เป็นคนประเภทคล้าย ๆกับลี่เมิ่งเฉิน ที่คิดว่าทุกคนเป็นเพียงคนธรรมดาไม่มีใครสู้เธอได้ ขนาดคุยกับพวกคนธรรมดายังถือว่าเป็นเรื่องเสียเวลาเลย

แต่ลี่เมิ่งเฉินเป็นคนที่มีพรสวรรค์จริง ๆ คนพิลึกแบบนั้นในโลกนี้หาได้ไม่กี่คนหรอก ส่วนคนอย่างสวีจื่อเซวียนอย่างมากก็แค่มีพรสวรรค์บ้างแต่ก็ไม่ถึงขั้นเป็นบุคคลหายากในโลกใบนี้

แน่นอนว่าสวีจื่อเซวียนรุ่นเดียวกับเหมยเหมย ถ้าหากไม่มีเหมยเหมยมาขวางทาง สวีจื่อเซวียนต้องได้เป็นที่หนึ่งอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง แต่ทว่าตอนนี้…

เจิ้งเสวี่ยซานและสีอันน่าเห็นแววตาของถังม่านลี่ที่เต็มไปด้วยความคุกรุ่น ทุกคนต่างยิ้มอย่างมีนัยยะ ในห้องพักมีถังม่านลี่ที่เป็นคนหัวอ่อนและยังเป็นผู้หญิงที่ใจทะเยอทะยานสูงเทียมฟ้า หลังจากนี้ต้องมีเรื่องสนุก ๆให้ดูแน่นอน!

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนตัดสินใจอย่างเด็ดขาดว่าจะเกาะขาของจ้าวเหมยเอาไว้ให้แน่น แน่นอนว่าต้องทุ่มเทความจริงใจออกมา  เธอชำเลืองมองตาของถังม่านลี่แวบหนึ่งแล้วแค่นเสียงพูดขึ้นว่า “ต่อให้เธอจะมีพ่อแม่แบบจ้าวเหมย เธอก็ทำอะไรไม่ได้หรอก”

ถังม่านลี่โกรธจนคิ้วหนาเตอะชี้ตั้ง ถ้าไม่ใช่เพราะว่าพึ่งได้รับเงินร้อยหยวนจากสาวอ้วนคนนี้ เธอจะต้องก่นด่ายัยอ้วนนี่แน่นอน!

“เธอยอมแพ้เถอะ จ้าวเหมยสวยอย่างกับนางฟ้า ต่อให้ไม่เขียนหนังสือแค่พึ่งหน้าตาสวย ๆก็ใช้ชีวิตได้อย่างสุขสบายแล้ว เธอคิดว่าเธอจะเทียบได้เหรอ?” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนหัวเราะเยาะ

ถังม่านลี่หน้าเสียเหมือนลูกบอลที่ลมรั่วเลยทันที แต่ครู่เดียวก็กลับมามีกำลังใจอีกครั้ง พูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่ยอมแพ้ว่า “ฉันก็ใช่ว่าจะไม่สวยนี่ ก็เป็นดาวโรงเรียนทุกปีอยู่นะ”

นี่เป็นเรื่องจริงไม่ได้โกหกเลยสักนิด สีหน้าท่าทางของถังม่านลี่ดูลำพองใจเป็นอย่างมาก

“ดาวโรงเรียนบ้านๆที่มีกลิ่นของหัวหอมใหญ่แรง ๆแบบนั้นจะมีประโยชน์อะไร?…มีความสามารถพอที่จะไปเป็นดาวมหาลัยเมืองหลวงนี้ได้ไหมล่ะ? ตอนนี้ฉันพนันได้เลยว่าดาวมหาลัยของเราปีนี้จะต้องเป็นจ้าวเหมยแน่นอน และน่าจะสามารถทำลายสถิติครองตำแหน่งสี่ปีซ้อนด้วย!”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเปล่งเสียงดังขึ้นสูง ยิ่งเห็นสายตาของถังม่านลี่ก็ยิ่งทำให้รู้สึกไม่พอใจ ดาวโรงเรียนจากเมืองเล็ก ๆแล้วอย่างไรเล่า?

นึกถึงปีนั้นที่เธอเป็นดาวอันดับหนึ่งของโรงเรียนที่ใคร ๆต่างก็ชื่นชม!

คิดถึงประวัติศาสตร์อันรุ่งโรจน์สมัยตอนอนุบาล หัวใจของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนก็เหมือนโดนทิ่มแทง  ตัดสินใจว่าอีกเดี๋ยวจะสั่งให้เจ้าของร้านอาหารทำผักต้มให้เธอทาน

ถ้าขนาดว่าเธอกินหญ้าหนึ่งเดือนเต็มแล้วยังไม่ผอมลงเธอก็คงยอมแพ้ที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองแล้ว อยากกินอะไรก็กิน อยากดื่มอะไรก็ดื่ม เสพสุขกับชีวิตให้สุด!

“เชี่ยนเชี่ยนเธอนี่เป็นคนที่มีอคติกับความห่างไกลสินะ จ่าวจวงก็นับว่าเป็นสถานที่ที่ไม่เลวเลยนะ และอีกอย่างม่านลี่เองก็หน้าตาสวย หุ่นก็ดีขนาดนี้ ฉันเห็นแล้วยังรู้สึกอิจฉาเลย!” เจิ้งเสวี่ยซานพูดอย่างเนิบนาบ ถังม่านลี่ที่สีหน้าแย่เมื่อครู่ก็พลันรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาไม่น้อย

ถึงแม้ว่าท่าทางและคำพูดของเธอจะเหมือนดูถูกคนชนบทไปบ้างและไม่ได้สนใจบ้านเกิด แต่เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนดูแคลนบ้านเกิดต่อหน้าเธอแบบนี้ ถังม่านลี่รู้สึกแย่อย่างมาก ทันใดนั้นเธอก็พลันรู้สึกซาบซึ้งที่เจิ้งเสวี่ยซานช่วยกู้หน้าให้เธอ

…………………………………………..

[1] ซางจ่งหย่ง เป็นเรื่องล่าในสมัยราชวงศ์ซ่ง ที่กล่าวถึงเด็กคนหนึ่งมีพรสวรรค์ในการประพันธ์บทกวีมาก แต่พอโตขึ้นเรื่อย ๆความสามารถจุดนี้ก็ค่อยๆ จางหายไปจนอายุยี่สิบปี พรสวรรค์ที่มีทั้งหมดก็มลายหายไปจนสิ้น

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด