ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น 1394 เนื้อของฉันไม่ให้เธอกิน + 1395 ตึงได้หย่อนได้
ตอนที่ 1394 เนื้อของฉันไม่ให้เธอกิน
“เหมยเหมย ผู้ชายคนเมื่อกี้คือลูกพี่ลูกน้องของเธอ แล้วยังช่วยติดกิ๊บให้เธอด้วยใช่ไหม?” ฉีฉีเก๋อถามเสียงดังลั่น
“ใช่ ลูกชายลุงสองของฉันเอง นี่ไง กิ๊บติดผมอันนี้ สวยใช่ไหมล่ะ?”
เหมยเหมยชี้ไปที่กิ๊บที่ติดอยู่บนผมด้วยความแปลกใจว่าทำไมฉีฉีเก๋อถึงถามเช่นนี้
ถังม่านลี่สายตาวูบไหวแวบหนึ่งและเริ่มทานเนื้อช้าลงรู้สึกใจฝ่อขึ้นมา
ฉีฉีเก๋อชี้ไปที่ถังม่านลี่ว่า “เมื่อกี้หล่อนบอกว่าพี่สามของเธอเป็นแฟนของเธอ แล้วยังบอกว่าเมื่อกี้พี่สามของเธอไม่ได้ช่วยติดกิ๊บให้เธอแต่กำลังจูบเธออยู่ ฉันบอกว่าไม่ใช่หล่อนก็ยังเถียงฉัน!”
หญิงสาวจากแดนทุ่งหญ้าผู้ตรงไปตรงมากลับเล่าเรื่องทั้งหมดก่อนหน้านี้ออกมาจนหมดเปลือกเหมือนเม็ดถั่วกลิ้งลงจากบนไม้ไผ่ไม่มีผิด ฉีฉีเก๋อคิดว่ามีเรื่องอะไรหากเอาไปซุบซิบลับหลังสู้เปิดใจคุยกันตรง ๆดีกว่า นี่เป็นกฎแห่งแดนทุ่งหญ้าของเธอ
เหมยเหมยหน้านิ่งขรึม เกิดไฟโทสะที่ยากจะบรรยายขึ้นในใจ สกปรกโสโครกสิ้นดี
ถังม่านลี่หดคอน้อย ๆแล้วพูดแก้ตัวเสียงเบา “ก็ไม่ใช่แค่ฉันคนเดียวที่ดูผิดไปสักหน่อย หัวหน้าห้องเจิ้งยังบอกว่าเป็นแฟนกันเลยด้วยซ้ำ ก็ตำแหน่งนั้นดูเป็นอย่างนั้นนี่นา…”
เจิ้งเสวี่ยซานสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อยและนึกเกลียดยายโง่คนนี้เหลือเกิน ก่อนจะรีบอธิบาย “ฉันสายตาสั้น มองไม่ชัดเลยว่าเกิดอะไรขึ้น แค่ได้ยินถังม่านลี่บอกว่าจ้าวเหมยกำลังจูบกันอยู่ฉันถึงได้พูดขึ้นตามสัญชาตญาณว่าเป็นแฟนถึงจะจูบกันได้ ฉันจะรู้ได้อย่างไรว่าถังม่านลี่จะดูผิดไป”
ถังม่านลี่เริ่มร้อนใจ ไหงกลายเป็นความผิดเธอได้ล่ะ?
“ทั้งที่หัวหน้าห้องเจิ้งเธอพูดก่อนต่างหากว่าเป็นแฟนฉันถึงพูดตาม ฉันดูผิดตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ฉัน…”
“เธอเป็นคนบอกว่าจูบก่อนฉันถึงว่าอย่างนั้น…”
เจิ้งเสวี่ยซานเอ่ยอย่างไม่รีบร้อนอะไร เธอได้คิดหาทางเอาตัวรอดไว้ให้ตัวเองล่วงหน้าตั้งแต่ก่อนจะเอ่ยประโยคก่อนหน้านี้แล้ว คนโง่อย่างถังม่านลี่ก็มีไว้หลอกใช้อยู่แล้ว
เหมยเหมยฟังสองคนนี้กัดกันอย่างไม่สบอารมณ์ เธอดึงหน้าลงแย่งเนื้อปิ้งที่เพิ่งทานได้เพียงครึ่งจากมือถังม่านลี่มาโยนทิ้งใส่ถังขยะ แล้วรวบเนื้อย่างเสียบไม้ทั้งหมดยัดให้ฉีฉีเก๋อ
“ฉีฉีเก๋อเธอกินเถอะ เนื้อย่างของฉันไม่ให้คนที่จิตใจสกปรกกิน”
เจิ้งเสวี่ยซานสีหน้าเปลี่ยนแล้วเปลี่ยนอีกแล้วเอ่ยเสียงเบา “จ้าวเหมยเธอพูดแบบนี้ก็เกินไปหรือเปล่า?”
“ฉันจำได้แม่นว่าฉันเคยบอกไว้ก่อนจะออกจากห้องไปว่าลูกพี่ลูกน้องแท้ ๆของฉันมาหา หรือว่าหัวหน้าห้องเจิ้งตาไม่ดี หูก็ไม่ดีด้วยเหมือนกันเหรอ?” เหมยเหมยแค่นหัวเราะใส่ อย่าคิดว่าเธอจะดูไม่ออกถึงความคิดชั่วร้ายของผู้หญิงคนนี้
เจิ้งเสวี่ยซานเถียงไม่ออกเลยจำต้องกล่าวว่า “ฉันได้ยินไม่ชัดจริง ๆ ก็ได้ ถือว่าเป็นความผิดของฉัน ฉันขอโทษเธอแล้วกัน ขอโทษ”
เธอกัดฟันแน่นลุกยืนโค้งให้เหมยเหมยทีหนึ่งอย่างจริงจัง ทำเอาทุกคนชะงักค้างไป และยังรู้สึกว่าจ้าวเหมยเอาจริงเอาจังเกินไปแล้ว
เหมยเหมยทำหน้าเย็นชาปลีกตัวหนีจากเจิ้งเสวี่ยซาน “ฉันจะรับคำขอโทษเธอไว้แล้วกัน หัวหน้าห้องเจิ้งเธอเป็นถึงหัวหน้าห้องที่คุณครูมอบหมายหน้าที่สำคัญไว้เชียว อย่างไรก็ต้องมีความคิดเป็นของตัวเองหน่อยสิ? ทำไมถึงหูเบาขนาดนี้ล่ะ? คราวหลังเธอต้องระวังหน่อยนะ อย่าฟังไม่ได้ศัพท์แล้วจับเอาไปกระเดียด!”
เจิ้งเสวี่ยซานกัดฟันเค้นรอยยิ้มออกมา “ขอบคุณเธอที่ชี้ความผิดของฉันให้ฉันรู้ ฉันจะแก้ไขแน่นอน”
ครั้งนี้เธอผิดคาดไปเอง ไม่คิดว่าฉีฉีเก๋อจะตรงไปตรงมาแบบนี้ เธอจำบทเรียนครั้งนี้ไว้แล้ว วันหลังต้องระวังตัวให้ดี!
เธอเองก็ไม่อยากมีเรื่องกับจ้าวเหมย แต่ใครใช้ให้คุณปู่ไม่ชอบจ้าวเหมยกันล่ะ!
เพื่อเอาใจคุณปู่เธอจึงไม่มีทางเลือกอื่น!
ถังม่านลี่มองเนื้อย่างอีกครึ่งไม้ในถังขยะอย่างเสียดายแล้วนั่งลงเงียบ ๆ ใครจะรู้ว่าจ้าวเหมยจะเจ้าอารมณ์ขนาดนี้บทจะโกรธก็โกรธขึ้นมาจริง ๆ มิน่าถึงว่ากันว่าคนในเมืองไม่มีน้ำใจ ไม่ได้พูดผิดเลยแม้แต่นิดเดียวจริง ๆ!
……………………….
ตอนที่ 1395 ตึงได้หย่อนได้
เหมยเหมยคิดไม่ถึงว่าเจิ้งเสวี่ยซานจะโค้งขอโทษตามปากว่าจริง ๆ บ่งบอกว่าผู้หญิงคนนี้ตึงได้หย่อนได้ เจ้าแผนการยิ่งกว่าอู่เยวี่ย อู่เยวี่ยถือตัวกว่านี้ซึ่งไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีทางโค้งตัวขอโทษแน่นอน
ไม่เช่นนั้นเหมยเหมยคงไม่มีวันดึงอู่เยวี่ยลงมาได้อย่างง่ายดายหรอก หากอู่เยวี่ยในตอนนั้นเจ้าแผนการและหน้าด้านอย่างเจิ้งเสวี่ยซาน เกรงว่าตอนนี้คงไม่รู้ว่าใครจะตายในมือใคร!
เหมยเหมยเริ่มเกิดความระแวงขึ้นในใจพลางมองเจิ้งเสวี่ยซานด้วยสายตาลึกซึ้งแวบหนึ่ง
คราวหลังจะต้องระวังคน ๆนี้ไว้ให้ดี!
หมาที่ไม่เห่าแถมยังซ่อนตัวเก่ง เวลากัดขึ้นมาจะโหดที่สุด!
เหมยเหมยเปลี่ยนความคิดเป็นการกล่าวกึ่งตักเตือนว่า “ในเมื่อหัวหน้าห้องเจิ้งกับถังม่านลี่เข้าใจผิดงั้นเรื่องนี้ก็จบแค่นี้เถอะ ฉันก็ไม่ใช่คนจิตใจคับแคบ แต่ฉันจำเป็นต้องพูดไม่เข้าหูไว้ก่อน ถ้าฉันได้ยินเรื่องจูบกับแฟนแพร่ออกไปข้างนอกก็อย่าหาว่าฉันไม่ไว้หน้าแล้วกัน”
ประโยคสุดท้ายเหมยเหมยเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชาและสีหน้าเยือกเย็นจนถังม่านลี่สะดุ้งวาบอย่างอดไม่ได้ รู้สึกเสียวสันหลังขึ้นมาอย่างหวาดผวา
น่าแปลกเหลือเกิน ทำไมจ้าวเหมยถึงพูดจาได้น่ากลัวกว่าคุณย่าของเธออีกล่ะ?
“เราไม่ใช่คนปากพล่อยสักหน่อยจะไปพูดซี้ซั้วได้อย่างไรกัน ทำไมต้องมองโลกในแง่ลบด้วย…” ถังม่านลี่รู้สึกไม่สบายใจพลางก้มหน้าบ่นอุบอิบแต่ดวงตากลับจ้องเนื้อย่างเสียบไม้บนโต๊ะเป็นระยะ ๆจนน้ำลายสอ
มันหอมมากจริง ๆนะ!
“รู้ก็ดี ทุกคนกินเนื้อเถอะ ตรงนี้ยังมีขนมขบเคี้ยวอีกนิดหน่อย”
เหมยเหมยเก็บความเย็นชาพลางวางเนื้อย่างลงเหมือนเดิม ทั้งยังแกะถุงใส่ขนมขบเคี้ยวที่จ้าวเสวียเอ๋อร์เอามาให้เผยให้เห็นอมยิ้มสีสันสดใสไว้บนโต๊ะ เธอรู้อยู่แล้วว่าคนพวกนี้น่าจะไม่ทาน แต่ในเมื่อเธอชวนแล้วจะทานหรือไม่ก็แล้วแต่
ฉีฉีเก๋อกะพริบตาปริบ ๆ เมื่อสักครู่บรรยากาศในห้องน่ากลัวจัง อีกทั้งดูเหมือนเธอจะเป็นต้นเหตุเสียด้วย
แต่เธอไม่คิดว่าตนเป็นฝ่ายผิด ทั้ง ๆที่พวกถังม่านลี่ต่างหากที่ใส่ร้ายเหมยเหมย เธอในฐานะเพื่อนก็ต้องบอกสิ ป๊าเคยบอกไว้ว่ากับเพื่อนต้องคอยช่วยเหลืออย่างเต็มที่
อืม อย่างไรเสียเธอก็ไม่ผิด!
ทานต่อดีกว่า!
ฉีฉีเก๋อหยิบเนื้อย่างขึ้นมาแทะต่อ แล้วยังแกะโซโคลาตล์ถุงหนึ่งทานไปด้วย เห็นของที่ดำสนิทเป็นแท่ง ๆ ฉีฉีเก๋อเลยถามด้วยความสงสัย “เหมยเหมย อันนี้คืออะไรเหรอ?”
“โซโคลาตล์ ไม่ต่างจากช็อกโกแลตเท่าไหร่ อร่อยมากเหมือนกัน” เหมยเหมยยิ้มอธิบายแล้วดึงมาทานแท่งหนึ่งด้วยความรู้สึกที่นึกอยากทานขึ้นกะทันหัน
“อืม อร่อยจริง ๆด้วย เหมยเหมยขนมอันนี้ซื้อที่ไหนเหรอ? ฉันก็อยากไปซื้อเหมือนกัน” ฉีฉีเก๋อทานไปถามไป เธอทานขนมของเพื่อนไปตั้งมากแล้ว ตามมารยาทเธอก็ต้องซื้อของอร่อย ๆตอบแทนเพื่อนบ้าง เอาแต่ทานของเพื่อนฟรี ๆคงไม่ดีเท่าไร
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเองก็หยิบโซโคลาตล์มาทานหนึ่งถุง เธอแค่ดูยี่ห้อก็รู้ทันทีว่าเป็นสินค้านำเข้า “ยี่ห้อแบบนี้ต้องไปซื้อตามห้างสรรพสินค้าในเมืองหลวง ราคาแพงหูฉี่ ถุงเล็ก ๆแบบนี้ตั้งหลายหยวน โรงเรียนเราก็มีขายแต่เป็นยี่ห้อของประเทศเราเอง รสชาติแย่ไปหน่อยแต่ราคาถูก”
มือของถังม่านลี่ที่เพิ่งยื่นออกไปสั่นระริกแล้วชักกลับอัตโนมัติ
พระเจ้า!
อมยิ้มที่ใหญ่เท่าครึ่งฝ่ามือเธอต้องซื้อด้วยราคาหลายหยวน ขนมคุกกี้ที่ราคาแพงที่สุดจากร้านขายของชำในหมู่บ้านเธอห้าร้อยกรัมก็แค่หนึ่งหยวนกว่าเท่านั้นเอง แม่ของเธอซื้อมาห้าร้อยกรัมทานได้ตั้งหนึ่งเดือน!
ถังม่านลี่หวนนึกถึงสมัยวัยเด็กที่ในหมู่บ้านพวกเธอมีหญิงสาวหน้าตาสะสวยคนหนึ่ง หล่อนได้ยินมาว่าเคยเป็นคุณหนูใหญ่มาก่อน เป็นคนเมืองจิน ต่อให้ขึ้นเขาลงนาทุกวันแต่หญิงสาวผู้นี้ก็มักแต่งตัวสะอาดสะท้านสวยงามอยู่เสมอ
หญิงสาวผู้นั้นเคยบอกเธอไว้ประโยคหนึ่งแต่เมื่อนั้นเธอยังเด็กเลยไม่เข้าใจ ตอนนี้กลับเข้าใจได้แล้ว
‘คนที่รวยจริง ๆมักเสาะหาการใช้ชีวิตที่มีอาหารละเอียดประณีต แต่ไม่ใช่การทานแบบจัดหนักจัดเต็ม!’
จ้าวเหมยน่าจะเป็นคนรวยที่แท้จริงอย่างที่หญิงสาวคนนั้นเคยบอกไว้สินะ?
………………………
Comments