ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น 1692 เจ้าเล่ห์ + 1693 ใกล้จะอายุยี่สิบปีแล้ว

Now you are reading ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น Chapter 1692 เจ้าเล่ห์ + 1693 ใกล้จะอายุยี่สิบปีแล้ว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1692 เจ้าเล่ห์

เหยียนหมิงซุ่นกำลังคิดแผนเอาเปรียบจ้าวอิงหัวอยู่ในใจไม่ให้แสดงออกทางสีหน้า แล้วคีบขึ้นฉ่ายใส่ถ้วยเหมยเหมยเงียบ ๆ แกล้งทำเป็นไม่เห็นเธอกลอกตาใส่

“ทานขึ้นฉ่ายสิบใบถึงจะทานปีกไก่ได้หนึ่งชิ้น” เหยียนหมิงซุ่นตั้งกฎไว้ จะลดให้ไม่ได้แม้แต่ใบเดียว

ยัยตัวแสบเป็นคนประเภทที่โลภมากแต่กระเพาะเล็ก พอคลาดสายตาหน่อยก็จะทานมากแต่ระบบย่อยอาหารดันทำงานได้ไม่ดีพอจึงง่ายต่อการเป็นกรดไหลย้อน หากเขาไม่จับตาดูให้ดีหน่อยยัยโง่นี่ต้องเผลอทานเยอะเข้าแล้วมาบ่นว่าปวดท้องในตอนค่ำอีกแหง ๆ

สิ่งที่เหยียนหมิงซุ่นไม่รู้คือเหมยเหมยจะเป็นกรดไหลย้อนเฉพาะเวลาที่เขาอยู่บ้านเท่านั้น เพราะเธอรู้ว่าจะมีคนดูแลถึงได้กล้ากินอย่างเอาแต่ใจแบบนี้

ถ้าเธออยู่ตัวคนเดียวแล้วเผลอทานจนปวดท้องขึ้นมา ต่อให้ปวดท้องจนตายก็ไม่มีคนดูแลเธอก็ย่อมไม่มีทางทานเยอะอยู่แล้ว!

เหมยเหมยถลึงตาใส่เขาแวบหนึ่งแล้วทานขึ้นฉ่ายอย่างเชื่อฟัง บรรดาผักทั้งหมดเธอเกลียดขึ้นฉ่ายที่สุดเลย เวลาเคี้ยวในปากสุดท้ายเหลือแค่ซากเหมือนกำลังเคี้ยวเปลือกไม้ก็ไม่ปาน ไม่อร่อยเลย

เหยียนหมิงซุ่นอมยิ้มน้อย ๆแต่กลับกำลังคิดบางอย่างอยู่ในใจ ช่วงนี้เฉินหมิงเริ่มตุกติกอีกแล้ว เมื่อก่อนพี่เฉินยังพอควบคุมเขาได้แต่ตอนนี้กลับไม่มีประโยชน์อะไรอีก เฉินหมิงไม่ฟังคำสั่งเสียด้วยซ้ำถึงขั้นค้ายาเสพติด

เมื่อก่อนเขาได้ตั้งกฎข้อห้ามสามข้อไว้ให้พี่เฉิน–

ค้ามนุษย์ ค้ายาเสพติด ค้าอาวุธปืน!

พี่เฉินทำตามกฎอย่างดีถือว่าสงบเสงี่ยมพอสมควร แต่เฉินหมิงมาถึงก็ทำผิดกฎทันที หากตอนนี้เขาได้รับผลประโยชน์จากการค้ายาเสพติดก็เกรงว่าเขาจะไปลองทำสองข้อที่เหลือด้วย

ต้องรีบกำจัดเฉินหมิงให้สิ้นซากก่อนที่เขาจะปีกกล้าขาแข็งไปมากกว่านี้ ไม่อย่างนั้นต้องสร้างเรื่องเดือดร้อนในอนาคตอย่างแน่นอน!

เหยียนหมิงซุ่นถอนหายใจเฮือกหนึ่ง เขาไม่อยากไปถึงจุดนี้กับเฉินหมิงเลยจริง ๆ แต่ทุกอย่างไม่สามารถหวนกลับคืนไปเหมือนเดิมได้อีก!

ต่อให้เขาไม่ลงมือจัดการเฮ่อเหลียนชิงก็ไม่มีทางปล่อยให้เขามีชีวิตอยู่ต่อไป เพราะกฎสามข้อนั่นเป็นกฎที่เฮ่อเหลียนชิงตั้งไว้เอง เขาไม่อนุญาตให้มีคนทำลายกฎของเขาในพื้นที่ของเขาเด็ดขาด

เหมยเหมยรู้ว่าเขาลำบากใจเลยพูดปลอบ “เฉินหมิงทำตัวเองทั้งนั้น พี่เมตตาเขามากพอแล้ว”

ความจริงเหยียนหมิงซุ่นไม่ได้รู้สึกแย่อย่างที่เหมยเหมยคิดเพราะเขาเองก็ไม่ได้ผูกพันกับเฉินหมิงลึกซึ้งมากขนาดนั้น แต่พอเห็นสีหน้าเป็นห่วงของเหมยเหมยเขาก็อดผุดแผนร้ายขึ้นไม่ได้ ขมวดคิ้วน้อย ๆทำเอาเหมยเหมยปวดใจแทบแย่เลยพูดปลอบโยนเขาไปเรื่อย ๆ

“เฮ้อ…” เหยียนหมิงซุ่นถอนหายใจเบา ๆ เรียกให้หัวใจของเหมยเหมยบีบรัดแน่น

เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นเหยียนหมิงซุ่นรู้สึกแย่ขนาดนี้!

“พี่ หรือว่าฉันนวดให้พี่ดี? รับรองว่าพี่ต้องหายเครียดแน่ ๆ!” เหมยเหมยเสนอตัวเองซึ่งเข้าแผนของใครบางคนพอดี

แต่ทว่า–

เหมยเหมยที่โดนถอดเสื้อจนร่างเปลือยก็ไม่เข้าใจว่าทั้ง ๆที่เธอกำลังนวดศีรษะให้เหยียนหมิงซุ่น ทำไมอยู่ดี ๆถึงเป็นฝ่ายโดนคร่อมได้?

……

ในเวลาเดียวกันยังมีคู่ชายหญิงที่กำลังพลอดรักกันในโรงแรมแห่งหนึ่ง หลังจากบทรักอันร้อนแรงของเจียงจื้อหรู่กับสวีจื่อเซวียนจบลงก็กกกอดเธอไว้ด้วยความรัก ทั้งคู่กระซิบกระซาบคุยกันอย่างหวานชื่น

“เราจะแอบคบกันแบบนี้ตลอดไปเหรอ?” สวีจื่อเซวียนเริ่มไม่พอใจแล้ว เธออยากเป็นคุณนายเจียงอย่างเปิดเผยแต่ไม่ใช่ชู้ที่ต้องหลบ ๆซ่อน ๆเหมือนตอนนี้

เจียงจื้อหรู่มองหญิงสาวผู้งดงามในอ้อมกอดอย่างรู้สึกผิด เขาชอบสวีจื่อเซวียนจากใจจริง การที่ได้ใช้เวลาอยู่กับเธอนั้นทำให้เขามีความสุขอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ถึงขั้นเริ่มต้นความกระตือรือร้นที่จะแต่งบทประพันธ์ใหม่อีกครั้งเหมือนอ่อนเยาว์ลงไปอีกสิบกว่าปี

เขากัดฟันตัดสินใจแน่วแน่ “รอฉันจัดการเรื่องที่บ้านเสร็จฉันจะจัดงานแต่งงานให้เธออย่างยิ่งใหญ่อลังการ ให้เธอเป็นเจ้าสาวที่สวยที่สุดในโลก!”

“อืม ฉันจะรอคุณนะ!” สวีจื่อเซวียนอิงซบในอ้อมกอดของเจียงจื้อหรู่และรู้สึกหวานชื่นเหมือนหยดน้ำผึ้ง

เจียงจื้อหรู่กลับไม่ได้มองโลกในแง่ดีขนาดนั้น สายตาทอแววกังวลและได้แต่ฝืนยิ้มออกมา

……………………….

ตอนที่ 1693 ใกล้จะอายุยี่สิบปีแล้ว

หลังจากนั้นไม่กี่วันเหมยเหมยก็สอบวิชาสุดท้ายเสร็จสิ้นลง พรูลมหายใจยาวผ่อนคลายไปทั้งตัว แต่มากกว่านั้นคือความดีใจ

ตอนนี้เดือนมิถุนายน อีกหนึ่งเดือนก็จะถึงวันเกิดอายุครบยี่สิบปีของเธอแล้ว เหมยเหมยหน้าแดงนัยน์ตาหยาดเยิ้ม อีกหนึ่งเดือนเธอก็จะได้เป็นคุณนายเหยียนอย่างแท้จริงแล้ว!

อยากลงประกาศในหนังสือพิมพ์รายวันของเมืองหลวงให้คนทั้งโลกรู้ว่าเธอมีความสุขมากขนาดไหนด้วยซ้ำ!

อืม…ถ่อมตัว…แอบฉลองกันเองก็ได้!

“เธอมีเรื่องอะไรให้ดีใจขนาดนั้นฮะ? ฉันเครียดจะแย่อยู่แล้ว สอบรอบนี้ต้องตกอีกแล้วแน่ ๆ อดไปทริปยุโรปร้อยเปอร์เซ็นต์!”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนหน้าบึ้งถอนหายใจไปพลาง

สำหรับเธอแล้วเรื่องที่ไม่เป็นไปตามใจหวังในชีวิตมีอยู่สองอย่าง หนึ่งคือไม่สามารถทานเนื้อได้ตามใจชอบ สองคือมักสอบตก!

หากจัดการสองอย่างนี้ได้ชีวิตของเธอก็เรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบเลยทีเดียว!

เหมยเหมยถลึงตาใส่เธออย่างนึกขำ “สมน้ำหน้า ปกติก็ไม่ขยันเอง พอใกล้สอบก็รีบมาอ่านตายเอาดาบหน้า เธอไม่สอบตกแล้วใครจะสอบตก?”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนถอนหายใจยาวแล้วเอามือทุบศีรษะตัวเองอย่างตึงเครียด “สมองของฉันไม่เข้ากับศิลปะตั้งแต่เกิด ต่อให้หามรุ่งหามค่ำอ่านหนังสือก็ไม่มีประโยชน์หรอก”

“แล้วเธอจะสอบเข้าคณะนี้ทำไม? สู้ไปเรียนการเงินดีกว่า!” เหมยเหมยนึกแปลกใจเหลือเกิน เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนผู้ที่ไม่มีความสามารถด้านศิลปะอย่างแท้จริงคนนี้ ร้องเพลงผิดคีย์ วาดรูปออกมาก็ทำให้อาจารย์โมโหได้ เรื่องเต้นก็ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึง ตัวแข็งราวกับแท่งโลหะ

ไม่ใช่คนที่จะเอาดีด้านศิลปะได้เลยจริง ๆ!

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนถอนหายใจเฮือกหนึ่งแล้วพูดเสียงเศร้า “ก็อยากเรียนมหาลัยเมืองหลวงนี่นา คะแนนของฉันก็สอบได้แค่คณะศิปศาสตร์นี่ล่ะ คณะอื่นฉันก็อยากเรียนอยู่หรอกแต่เขาจะรับฉันเหรอ?”

เหมยเหมยส่ายศีรษะมองเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนอย่างเห็นใจ

ความจริงหญิงสาวคนนี้ปากก็พร่ำบ่นพ่อตัวเองอยู่เรื่อยแต่กลับใส่ใจถ้อยคำของพ่ออย่างมาก เหตุผลที่อยากได้ใบปริญญาจากมหาวิทยาลัยเมืองหลวงให้ได้ก็เพราะพ่อเคยไปโม้กับคนอื่นมาก่อนว่าอนาคตลูกสาวเขาจะต้องสอบติดมหาวิทยาลัยเมืองหลวง

เพื่อไม่ให้พ่อต้องอับอายขายหน้า คุณหนูใหญ่เหริ่นจึงต้องกัดฟันพยายามสอบเข้ามหาวิทยาลัยเมืองหลวงให้ได้ แต่เสียดายที่เธอไม่เหมาะกับการเรียนศิลปะจริง ๆ

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนหัวเราะเย้ยตัวเอง “ไม่ว่าอย่างไรฉันก็จะจบจากมหาลัยเมืองหลวงให้ได้ ใบปริญญานั่นอย่างกับทองคำ ไปไหนก็ไม่ขายหน้า อีกอย่างฉันไม่ขาดแคลนเงินสักหน่อย สี่ปีนี้ก็เรียนให้มันจบ ๆไป เรียนจบก็กลับบ้านให้แม่เลี้ยงเอา!”

มีเงินแล้วเอาแต่ใจของจริง!

คุณหนูใหญ่เหริ่นอย่างเธอไม่ขาดเงินสักหน่อย!

“ฉันว่าเธอใช้ชีวิตไปวัน ๆได้ไม่กี่ปีเท่านั้นแหละ ไม่ว่าอย่างไรเธอก็ต้องมีเป้าหมายในชีวิตสักอย่าง ถ้าใช้ชีวิตจืดชืดไร้สีสันไปวัน ๆ ได้เกิดมาทั้งทีเธอจะยอมเสียเปล่าไปอย่างนี้เหรอ?” เหมยเหมยพูดเกลี้ยกล่อม

ฉีฉีเก๋อพยักหน้าอย่างกระตือรือร้น “เหมยเหมยพูดถูก เป้าหมายชีวิตฉันก็คือเที่ยวรอบโลก ไปวาดรูปวิวสวย ๆทั้งหมดไว้ ถ้าทำออกมาเป็นรูปอัลบั้มหนึ่งก็ยิ่งดีเลย ปิดเทอมฤดูหนาวนี้ฉันจะไปกว่างซี ยูนนานและกุ้ยโจว”

“เธอไปคนเดียวหรือไปกับใคร?” เหมยเหมยถามด้วยความเป็นห่วง

“กับรุ่นพี่ชมรมมวยปล้ำ แล้วก็อิงจวี้กังสาขาโฆษณา สถานีแรกเราจะไปบ้านของเขา”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนขยิบตาแล้วพูดเชิงหยอกล้อ “ประธานชมรมชิงซงของพวกเธอก็ไปสินะ?”

“ไปสิ เขาเป็นประธานเชียวนะ!” ฉีฉีเก๋อตอบด้วยท่าทีปกติ

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเองก็หมดสนุก แม่ร่างบึกคนนี้ยังไม่รู้ใจตัวเองพูดไปก็เปล่าประโยชน์!

ฉีฉีเก๋อเสนออย่างกระตือรือร้น “เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนหรือว่าเธอไม่ต้องไปยุโรปแล้ว ไปกว่างซีกับพวกเราสิ อิงจวี้กังบอกว่าที่นั่นมีภูเขามากมายวิวสวยสุด ๆไปเลย ถ้าเธอปีนเขาวันละลูกรับรองว่าจะต้องผอมลงหลายกิโลเลยล่ะ”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนไม่ได้สนใจแม่น้ำภูเขาอะไรเทือกนั้นอยู่แล้ว เธอไปยุโรปก็ไม่ได้เพื่อเที่ยวเล่นแต่ไปซื้อเครื่องประดับกับกระเป๋าเป็นหลัก แต่เธอกลับสนใจเรื่องลดน้ำหนักพอสมควรจึงดวงตาเป็นประกายตอบรับไปทันที

“ใช่คุณจ้าวเหมยหรือเปล่า? ฉันขอคุยกับคุณหน่อยได้ไหม?” หญิงวัยกลางคนที่ดูสง่าผู้ดีคนหนึ่งเดินมาหาพวกเธอ

……………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด