ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น 1756 อยู่ใต้ชายคาบ้านคนอื่น จำเป็นต้องก้มหัว + 1757 รู้สึกคลางแคลงใจ

Now you are reading ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น Chapter 1756 อยู่ใต้ชายคาบ้านคนอื่น จำเป็นต้องก้มหัว + 1757 รู้สึกคลางแคลงใจ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1756 อยู่ใต้ชายคาบ้านคนอื่น จำเป็นต้องก้มหัว

โอหยางซานซานลงรถตรงหมู่บ้านที่ระยะทางไม่ไกลจากดินแดนใหม่เท่าไรนัก ที่นี่ไม่ได้เจริญรุ่งเรืองและสะอาดเหมือนกับในเมือง ทั้งแออัดและสกปรก ความสงบเรียบร้อยของชุมชนก็ย่ำแย่ มีพวกนักเลงหัวไม้เดินผ่านมาเป็นครั้งคราวและผิวปากส่งให้โอหยางซานซาน

“คนสวย พี่พาไปเลี้ยงไอศกรีมไหม!” นักเลงบางคนถึงกับเข้ามาอย่างไม่เจียมตัว คิดจะลงไม้ลงมือกับเธอ

“ไสหัวไป!” โอหยางซานซานตะโกนขึ้นอย่างเย็นชา

“เอ๊ะ ที่แท้ก็เป็นสาวน้อยแผ่นดินใหญ่นี่เอง เจ้าอารมณ์ไม่น้อยเลยนี่” พวกนักเลงได้ยินสำเนียงของเธอ ก็รู้เลยว่าเธอเป็นคนแผ่นดินใหญ่ ความกล้าจึงมีมากขึ้น ในแววตาเผยถึงความคิดลามกอนาจารคิดอยากจะลากเธอไปในซอยเล็ก ๆ

ดวงตาของโอหยางซานซานฉายแววเย็นชาส่งขาถีบเร็วปานไฟฟ้า รองเท้าส้นสูงสามนิ้วเตะเข้าที่ส่วนสำคัญที่สุดของนักเลงหนึ่งในนั้น นั่นถึงชีวิตเลยนะนั่น ไอ้นักเลงเฮงซวยนั่นกรีดร้องอย่างเจ็บปวด ตัวงอเป็นกุ้งแห้ง เกรงว่าเจ้านั่นจะใช้การไม่ได้แล้ว

“อ๊าก… ”

โอหยางซานซานใช้ขาถีบซ้ำอีกครั้ง เธอส่งขาถีบอย่างรวดเร็วมาก ซ้ำยังเตะส่วนนั้นของอีกฝ่ายโดยเฉพาะ เพียงครู่เดียวเจ้าพวกนักเลงสามคนก็ลงไปนอนกองอยู่ที่พื้นแล้ว แต่ละคนเจ็บจนดิ้นพล่าน

“ยังไม่ไปอีก? หรืออยากจะกลายเป็นขันที?” โอหยางซานซานตะเบ็งเสียงถาม แข้งขายังขาวขนาดนี้ เรียวตรงขนาดนี้ สวยงามขนาดนี้ แต่ในสายตาของพวกนักเลงกลับไม่มีความต้องการใด ๆทั้งสิ้น

พวกนักเลงที่เหลือต่างมองหน้ากัน ไหนเล่าจะกล้าคิดร้ายกับโอหยางซานซานอีก พวกเขาพยุงนักเลงเฮงซวยทั้งสามคนขึ้นและวิ่งหนีไปอย่างหัวหดตดหาย

โอหยางซานซานหัวเราะอย่างดูแคลน เสยผมขึ้นท่ามกลางสายตาตื่นตกใจของผู้คน จากนั้นเดินขึ้นไปบนตึกเก่าตึกหนึ่ง สูงสี่ชั้น ทั้งมืดทั้งทรุดโทรม และบนระเบียงยังแขวนด้วยเสื้อผ้าสีสดใสเต็มไปหมด สายไฟฟ้าห้อยลงมาต่ำมาก แค่ยื่นมือออกไปทางหน้าต่างก็สามารถสัมผัสได้แล้วซึ่งอันตรายมาก

ทางเดินมืดมากและพื้นทางเดินก็มืดสนิท ซ้ำยังมีก้นบุหรี่นอนกลิ้งเกลือกอยู่ โอหยางซานซานมุ่นคิ้วเดินขึ้นไปยังชั้นสาม เคาะประตูห้องห้องหนึ่ง เคาะเพียงแค่ครั้งเดียวประตูก็เปิดออก

“ทำไมเธอถึงเพิ่งมาเอาป่านนี้?” น้ำเสียงแหบพร่าไม่พอใจเอามาก แต่ก็ฟังออกว่าเป็นชายวัยกลางคน

ผ้าม่านในห้องถูกปิดสนิท ดูมืดสลัว ดวงตาของโอหยางซานซานฉายแววขยาด พูดขึ้นเสียงเบา “กลางวันแสก ๆจะปิดม่านทำไม?”

“ถ้ามีคนเห็นฉันเข้าจะทำอย่างไร? ไม่ง่ายเลยกว่าฉันจะเอาชีวิตรอดมาได้” ชายหนุ่มดูหวาดกลัว แท้จริงแล้วเขาคือโอหยางสยง เขาบาดเจ็บและหนีออกมา ที่แท้ก็บากหน้าไปขอความช่วยเหลือจากโอหยางซานซานนี่เอง

มือขวาของโอหยางสยงใช้ผ้าขาวบางห้อยไว้ บนร่างก็มีผ้าก๊อซหลายผืนพันไว้อยู่และมีรอยเลือดซึมออกมา ชะตาชีวิตดูตกต่ำ เค้าของคุณชายผู้สูงส่งแห่งเมืองหลวงไปอยู่ที่ไหนเสียแล้วล่ะ?

โอหยางซานซานมองเขาอย่างดูถูก หยิบซองเล็ก ๆออกมาจากกระเป๋า “นี่คือยาทาแผลและยาแก้อักเสบ คุณอารีบจัดการแผลให้เสร็จเถอะ”

โอหยางสยงบาดเจ็บไม่น้อย ซ้ำยังไม่ได้รักษาให้ทันท่วงทีจนบาดแผลเป็นหนองหมดจึงทำให้มีกลิ่นเหม็น ในห้องมีแต่กลิ่นเหม็นคละคลุ้งจนโอหยางซานซานไม่อยากอยู่ที่นี่นาน ๆ

“หนูไปก่อนนะ อีกระยะหนึ่งจะรีบทำเรื่องส่งตัวไปอยู่อเมริกา คุณอารักษาตัวก่อนเถอะ” โอหยางซานซานพูดด้วยเสียงเรียบนิ่งแล้วหมุนตัวเตรียมเดินออกไป

“เดี๋ยว เธอต้องทายาให้ฉันก่อนสิ!” โอหยางสยงพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด มองด้วยสายตาเย็นชา

แต่ก่อนหลานสาวคนนี้เคารพเขามาก ถ้าให้เธอไปทางตะวันออกไม่มีทางกล้าไปทางตะวันตกแน่นอน ตอนนี้เหลิงทำตัวสูงส่งเสียดฟ้าเมินไม่สนใจเขา ไม่เห็นแก่หน้าเขาเลยสักนิด ซ้ำยังให้เขามาอยู่ในที่โสโครกแบบนี้อีก แล้วจะให้โอหยางสยงชอบใจได้อย่างไร?

โอหยางซานซานขมวดคิ้วแน่น มุมปากหยักยิ้มอย่างถากถางดูถูกอย่างไม่มีปกปิด

“คุณอาในตอนนี้ก็เป็นแค่หมาเร่ร่อนตัวหนึ่งเท่านั้นเอง คิดจะมาเบ่งบารมีอะไรต่อหน้าหนูเหรอ? อย่าลืมสิ หนูเป็นคนช่วยคุณอาไว้นะ”

เธอเชิดคางขึ้น เดินเข้าใกล้โอหยางสยงที่หน้าตาซีดเขียว พูดดูแคลนว่า “คนเราอยู่ใต้ชายคาบ้านคนอื่นจำเป็นต้องก้มหัว[1] หลักการนี้คงไม่จำเป็นต้องให้หนูสอนคุณอาหรอกใช่ไหมคะ?”

…………………………………………………………..

ตอนที่ 1757 รู้สึกคลางแคลงใจ

โอหยางซานซานไม่ปกปิดความดูถูกในแววตาเลยสักนิด น้ำเสียงก็ไม่น่าฟัง มีหรือที่โอหยางสยงจะทนไหว มือซ้ายที่ไม่ได้บาดเจ็บหมายจะตบหน้าสักฉาดหนึ่ง

“โอ๊ย!”

โอหยางสยงเจ็บจนเหงื่อไหลชุ่ม มือซ้ายตกลงไปอย่างไร้เรี่ยวแรง มองโอหยางซานซานอย่างเหลือเชื่อ

หลานคนนี้ของเขาไปฝึกกังฟูมาตั้งแต่เมื่อไรกัน?

เขารู้สึกคลางแคลงใจ การเปลี่ยนแปลงภายนอกของโอหยางซานซานคงไม่ต้องเอ่ยถึง การเปลี่ยนแปลงของเด็กสาวในวัยเจริญพันธุ์ แม้ว่าโอหยางซานซานจะสวยกว่าเดิมมาก แต่นิสัยใจคอค่อนข้างเปลี่ยนไปมาก

แต่ใบหน้าที่ประดับอยู่ไม่ต่างอะไรจากเมื่อก่อนเลย

แต่สิ่งที่ทำให้เขาแปลกใจคือนิสัยที่เปลี่ยนไปของโอหยางซานซานทั้งก่อนและหลัง ทำไมจู่ ๆถึงได้เปลี่ยนไปเหมือนกลายเป็นคนแปลกหน้าล่ะ?

เขาจำได้ดีช่วงที่เขาเคยไปเยี่ยมโอหยางซานซานที่อเมริกาเมื่อสองปีก่อน หลานสาวคนนี้ยังคงเหมือนเดิม ทำไมในช่วงเวลาสั้น ๆไม่ถึงสองปี เธอถึงได้เปลี่ยนไปมากขนาดนี้?

“เกรงใจฉันหน่อยก็ดีนะ ถ้าไม่เป็นเพราะหนูช่วยคุณอาเอาไว้ คนของเหยียนหมิงซุ่นคงเจอตัวคุณไปนานแล้ว” โอหยางซานซานประกาศกร้าวอย่างเย็นชา

โอหยางสยงพิงผนังอย่างไร้เรี่ยวแรง เข่นเขี้ยวกัดฟันแน่น เสือร่วงลงสู่พื้นที่ราบถูกสุนัขรังแก[2] และเขาจะรอวันที่ได้หวนคืนกลับมาเป็นผู้ยิ่งใหญ่อีกครั้ง แล้วจะต้องสั่งสอนหลานสาวคนนี้ให้ดี

“จะจัดการทำเรื่องให้ฉันไปเอมริกาเมื่อไร?” โอหยางสยงฝืนความโมโหถามขึ้นอย่างขุ่นเคือง

“อีกไม่กี่วันหรอก ตอนนี้นังชั่วจ้าวเหมยอยู่ฮ่องกง รอเธอกลับแผ่นดินใหญ่ก่อนค่อยจัดการ” แววตาโอหยางสยงเผยความกลัว รีบถามว่า “เหยียนหมิงซุ่นมาไหม?”

“ไม่หรอก แค่จ้าวเหมยคนเดียว” โอหยางซานซานมองเขาอย่างดูแคลนและไม่อยากคุยกับเขาอีก จึงเตรียมที่จะจากไป แต่โอหยางสยงก็เรียกตามหลังมาว่า “เธอไม่คิดจะแก้แค้นแทนพ่อแม่เธอเลยเหรอ? พวกเขาตายด้วยน้ำมือของเหยียนหมิงซุ่นนะ”

ถึงแม้ตอนนั้นเฮ่อเหลียนเช่อจะเป็นคนฆ่าหวงอวี้เหลียน แต่เขากลับโยนความผิดนั้นไปให้เหยียนหมิงซุ่น และแน่นอนว่าโอหยางสยงไม่ได้สนใจต่อความเป็นความตายของหวงอวี้เหลียน แต่เขารู้ถึงความสัมพันธ์ของโอหยางซานซานกับหวงอวี้เหลียนดี เขาจึงต้องใช้ประโยชน์จากจุดนี้

เหยียนหมิงซุ่นทำลายกิจการที่เขาสร้างมาด้วยน้ำพักน้ำแรงทิ้งภายในวันเดียว ครึ่งชีวิตที่เหลือยังต้องอยู่อย่างหลบ ๆ ซ่อน ๆในต่างประเทศ จะได้กลับมาอีกเมื่อไรก็ไม่รู้ โอหยางสยงจึงไม่เต็มใจเอามาก

พอเขาได้ยินว่าจ้าวเหมยอยู่ฮ่องกงตัวคนเดียว ความคิดบางอย่างก็แล่นผ่านขึ้นมา  ต่อให้ครึ่งชีวิตที่เหลือของเขาจะเป็นได้แค่หมาเร่ร่อน แต่เขาก็จะทำให้เหยียนหมิงซุ่นเจ็บปวดกับการสูญเสียคนรัก ทุกข์ทนจากการอกหัก!

ฮ่องกงไม่ใช่ที่ของเหยียนหมิงซุ่น เขาแค่ต้องระวังตัวหน่อย จากนั้นก็ให้โอหยางซานซานช่วยเหลือ จ้าวเหมยไม่มีทางรอดไปจากเงื้อมมือเขาได้แน่

โอหยางซานซานมีท่าทีสงบมาก ถามกลับว่า “แล้วคุณอาคิดจะแก้แค้นอย่างไร?”

โอหยางสยงมีสีหน้าดีใจ พูดแผนการที่เขาคิดออกมา แน่นอนว่าโอหยางซานซานตื่นเต้นมาก ในโลกใบนี้ไม่มีใครเกลียดจ้าวเหมยได้เท่าเธออีกแล้ว เธออยากแทงใจจ้าวเหมยด้วยดาบนับพันเล่ม สับให้เละเป็นหมื่นท่อน!

แต่ตอนนี้เธอทำแบบนั้นไม่ได้!

คนคนนั้นไม่มีทางยอม!

“ล้มเลิกเรื่องนี้เสียเถอะ บอดี้การ์ดข้างกายจ้าวเหมยเยอะราวกับเมฆ ถึงเวลานั้นกลัวว่าจะไม่ได้แก้แค้น แต่จะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่น แล้วดึงให้เหยียนหมิงซุ่นมาหาเสียเปล่า” โอหยางซานซานปฏิเสธทันควัน

โอหยางสยงเห็นเธอมีท่าทีนิ่งเฉย ไม่มีความแปรปรวนทางอารมณ์เลยสักนิด ความคลางแคลงใจจึงมีมากขึ้น อดพูดออกไปไม่ได้ว่า “โอหยางซานซานเธอยังเป็นคนอยู่หรือเปล่า? เธอรู้ไหมว่าพ่อแม่เธอตายอย่างน่าอนาถแค่ไหน?”

“แล้วไง? ตอนนี้จะให้หนูไปสู้กับเหยียนหมิงซุ่นงั้นเหรอ?” โอหยางซานซานมีสีหน้าดูหมิ่นเหยียดหยาม ช่างไม่รู้จักประมาณตนเลยจริง ๆ ถ้าอยากตายนักก็อย่าลากเธอไปเกี่ยวด้วยสิ

โอหยางสยงมองโอหยางซานซานจากไปด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง เสียงของร้องเท้าส้นสูงค่อยๆ เงียบลง เขาวิ่งไปที่หน้าต่างแล้วยกผ้าม่านมุมหนึ่งแง้มมองก็เห็นว่าโอหยางซานซานไม่ได้รีบโบกรถกลับแต่เธอไปแผงขายของกินข้างทาง ซื้อลูกชิ้นปลาไม่กี่ไม้มากินอย่างเอร็ดอร่อย

ท่าทีของเขาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย

……………………………………………………………………..

[1] เปรียบเทียบการถูกควบคุมหรือจำกัดสิทธิ์จึงต้องทำตามอย่างไม่มีทางเลือก

[2] คำปริศนาพักท้าย ที่หมายถึง การสูญเสียอำนาจ หรือถูกลดตำแหน่งลง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด