ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น 1854 หยั่งเชิง + 1855 ความคิดของผู้ชายกับผู้หญิงต่างกัน
ตอนที่ 1854 หยั่งเชิง
รสชาติของขนมที่นี่ดีจริง ๆ ไม่ได้แย่ไปกว่าฝีมือของภัตตาคารป้าหวังเลย เหมยเหมยเพิ่มความเร็วในการเคี้ยว จนกินหนึ่งชิ้นหมดไปอย่างรวดเร็ว
นัยน์ตาของเหมยซูหานฉายแววอบอุ่น แม้นิสัยของเหมยเหมยจะเปลี่ยนไปมาก แต่ความชื่นชอบในการกินถั่วลิสงของเธอไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิดยังคงเหมือนในความฝัน ขอแค่เป็นขนมที่ทำจากถั่วลิสงเธอก็ชอบกินทั้งนั้น
“ดื่มชาด้วยสิ อย่ากินแต่ขนมอย่างเดียว” เหมยซูหานเอ่ยขึ้น
เหมยเหมยเงยหน้าขึ้นมองเขา เธอเห็นเขาเอาแต่จิบชาดื่มอย่างเดียวไม่แตะขนมเลยสักชิ้น จึงถามว่า “ทำไมนายไม่กินเลยล่ะ?”
“ฉันไม่ชอบกิน ถ้าเหมยเหมยชอบเดี๋ยวก็ห่อกลับบ้านไปด้วยสิ” เหมยซูหานโบกมือเรียกพนักงานหน้าประตู พูดกำชับไม่กี่ประโยค พนักงานโค้งตัวแล้วก็เดินออกไป
“ฉันสั่งให้พ่อครัวทำขนมอีกตอนนี้เลย ขนมพวกนี้ต้องทำสดใหม่ถึงจะอร่อย วันหลังถ้าเธออยากกินก็โทรมาหาผู้จัดการร้านของที่นี่ได้เลย แล้วจะมีคนไปส่งให้เธอถึงบ้าน” เหมยซูหานอธิบาย
เหมยเหมยได้ฟังก็รู้ทันทีว่าโรงน้ำชาแห่งนี้ต้องเป็นของเหมยซูหานแน่นอน
“ขอบคุณนะ แต่แม่ครัวที่พี่หมิงซุ่นจ้างมาให้ฉันก็ฝีมือดีเหมือนกัน ขนมที่ฉันกินก็ล้วนเป็นฝีมือเธอทั้งนั้น รสชาติดีมากด้วย ไม่ขอรบกวนพ่อครัวที่นี่จะดีกว่า”
เหมยเหมยปฏิเสธอย่างอ้อมค้อม เธอไม่อยากให้เหมยซูหานมาใกล้ชิดจนเกินไป เหตุที่รับปากว่าจะร่วมงานกันนั่นเป็นเพราะถูกตัวล่ออย่างหานจื่อจวิน และอีกอย่างพวกเรื่องติดต่อประสานงานเจ้าเสวียเอ๋อร์ก็เป็นคนรับผิดชอบจึงไม่จำเป็นต้องให้เธอติดต่อกับเหมยซูหานอีก
เหมยซูหานส่งยิ้มให้และไม่ได้พูดอะไรอีก เขาคิดไว้อย่างดีแล้ว
แค่ได้รับรู้ว่าเหมยเหมยสุขสบายดี เขาก็ดีใจแล้ว ไม่วิงวอนขออะไรอีก
เหมยซูหานไม่ได้วอแวอะไรอีก เหมยเหมยพลันนึกโล่งใจ สำหรับเหมยซูหานในตอนนี้เหมยเหมยเกลียดไม่ลงจริง ๆ หากไม่เป็นเพราะชาติก่อนเหมยซูหานกับอู่เยวี่ยทำเรื่องน่าสะอิดสะเอียนไว้ เธอก็คงจะไม่ใจร้ายกับเหมยซูหานขนาดนี้
เธอไม่ได้มองข้ามความเศร้าโศกที่ประดับตรงหว่างคิ้วของเหมยซูหานเลย ไม่ต้องให้เดาก็รู้ว่าเป็นเพราะงานแต่งงานของเฮ่อเหลียนเช่อกับอู่เยวี่ย
“เฮ่อเหลียนเช่อแต่งงานแล้ว นายจะทำอย่างไรต่อไป?” เหมยเหมยอดถามไม่ได้
เหมยซูหานสะดุ้งเล็กน้อยแต่ก็ยิ้มอย่างดีใจ
นี่เหมยเหมยกำลังเป็นห่วงเขาอยู่เหรอ?
ดีจัง!
“ก็เหมือนเดิม ใช้ชีวิตอย่างที่ควรจะเป็น เหมยเหมยไม่ต้องเป็นห่วงฉันหรอกฉันสบายดี” เหมยซูหานพูดอย่างอ่อนโยน
เหมยเหมยมุ่นคิ้ว “นายจะสบายดีหรือเปล่านั้นนายรู้แก่ใจก็พอแล้ว ฉันแค่ถามดูเท่านั้นเอง แต่ถึงอย่างไรนายก็ควรคิดถึงแม่เหมยด้วยล่ะว่าความปรารถนาของหญิงชราอย่างเธอคืออะไร”
สิ่งที่แม่เหมยต้องการที่สุดคือการได้อุ้มหลาน เมื่อชาติก่อนความปรารถนาของเธอล้มเหลว ชาตินี้ก็คงต้องแบกความผิดหวังไปจนตายงั้นเหรอ?
ปลายลิ้นของเหมยซูหานรู้สึกถึงความขมขื่น จึงหลับตาลงแล้วถอนหายใจเงียบ ๆ
เขาทำให้แม่และเหมยเหมยต้องผิดหวังเสียแล้ว
แต่เขาอดใจไม่ได้ ห้ามใจไม่อยู่นี่นา!
ชาตินี้ทั้งชาติเขากับอาเช่อได้ผูกติดกันไว้แล้ว แยกจากกันไม่ได้อีก
“ฉันจะคิดหาวิธีเอง ขอบคุณเหมยเหมยที่เตือนนะ” เหมยซูหานพูด
เหมยเหมยก้มหน้าลงเพราะไม่อยากเห็นสายตาเศร้าสร้อยของเหมยซูหานอีก มันทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจเอาซะเลย
เธอนึกบางอย่างขึ้นได้จึงถามหยั่งเชิงว่า “นายยังจำอู่เยวี่ยได้ไหม?”
เหมยซูหานมองเธออย่างตกใจ ไม่เข้าใจว่าเหมยเหมยจะพูดถึงอู่เยวี่ยทำไม ในเมื่อสามปีก่อนเธอเป็นคนผลักอู่เยวี่ยตกตึกลงมาเองกับมือไม่ใช่เหรอ?
“อู่เยวี่ยตายไปเมื่อสามปีก่อนเพราะโรคประสาทกำเริบเลยกระโดดลงมาจากตึกชั้นสี่”
เหมยซูหานพูดพลางสังเกตท่าทีของเหมยเหมย แต่กลับไม่รู้ว่าเหมยเหมยเองก็สังเกตเขาอยู่
“ฉันรู้น่า ตอนนั้นเฮ่อเหลียนเช่อเป็นคนช่วยเก็บศพด้วยนี่ ฝากนายขอบคุณเขาแทนฉันด้วยนะ ไม่ว่าจะอย่างไรอู่เยวี่ยก็เคยเป็นพี่สาวของฉันนี่นา!”
เหมยเหมยไม่เห็นถึงท่าทีผิดปกติของเหมยซูหานจึงแอบผิดหวังเล็กน้อย งั้นแสดงว่าเหมยซูหานไม่ได้รู้เห็นเป็นใจด้วย
เฮ่อเหลียนเช่อไอ้คนวิปริตกล้าปิดบังได้แม้กระทั่งเหมยซูหาน ดูท่าเขาจะไม่ได้ซื่อสัตย์จริงใจกับเหมยซูหานเลยสักนิด!
………………………………………………………
ตอนที่ 1855 ความคิดของผู้ชายกับผู้หญิงต่างกัน
ในเมื่อเหมยซูหานไม่ได้รู้เห็นเป็นใจด้วย เหมยเหมยก็ไม่อยากอยู่ที่นี่นานนักจึงลุกขึ้นขอตัวลา
“รออีกหน่อยสิ อีกสักพักพ่อครัวก็ทำขนมเสร็จแล้ว” เหมยซูหานเอื้อนเอ่ย
เหมยเหมยจึงนั่งลงอีกครั้ง สถานการณ์ดูตึงเครียด ทั้งคู่ต่างก็ไม่รู้จะคุยอะไรกันดีจนทำให้บรรยากาศน่าอึดอัด
“โอหยางซานซานไม่ธรรมดา นายต้องระวังเธอไว้นะ!” เหมยเหมยคิด ๆดูแล้วจึงตัดสินใจเอ่ยเตือนเหมยซูหาน
อู่เยวี่ยในตอนนี้วิปริตเหี้ยมโหด อารมณ์แปรปรวนเอาแน่เอานอนไม่ได้ ร้ายกาจยิ่งกว่างูจงอาง ไม่มีใครรู้ว่าเธอจ้องจะกัดใคร ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นเหมยซูหานก็ได้
เหมยซูหานกลับไม่คิดเช่นนั้น แต่ก็ยังดีใจในความเป็นห่วงของเหมยเหมย จึงยิ้มและพูดว่า “ขอบใจนะ ฉันจะระวังตัว”
เขาเคยเจอโอหยางซานซานมาครั้งหนึ่งแต่ไม่เคยคุยด้วย เฮ่อเหลียนเช่อบอกเขาว่าไม่ต้องไปสนใจผู้หญิงคนนี้ เธอเป็นเพียงเครื่องมือที่เขาฝึกฝนมาเพื่อเป็นเกาะคุ้มกันก็เท่านั้น
แม้จะเป็นเช่นนั้น เหมยซูหานก็ยังรู้สึกอึดอัดใจอยู่ดี อึดอัดเพราะคนที่ยืนอยู่ข้างกายของเฮ่อเหลียนเช่อได้อย่างเปิดเผยไม่ใช่เขา
เหมยเหมยเห็นความเศร้าในแววตาเขา แม้ว่าเธอจะไม่เข้าใจถึงความรักระหว่างผู้ชายกับผู้ชาย แต่เธอก็เชื่อว่าเหมยซูหานรักเฮ่อเหลียนเช่อจริง ๆ แต่เฮ่อเหลียนเช่อนั้นไม่แน่…
“ยังไงนายก็ระวังตัวแล้วกัน!”
พนักงานยกคุกกี้ถั่วลิสงกล่องหนึ่งเข้ามาในห้อง เหมยเหมยรับขนมมาแล้วพูดกำชับอีกเล็กน้อย โดยบอกให้เหมยซูหานไปปรึกษาเรื่องการผลิตละครทีวีกับจ้าวเสวียเอ๋อร์แล้วก็จากไป
เหมยซูหานนั่งตามลำพังอีกสักพัก ดื่มชาในแก้วจนหมด ยิ้มเยาะให้กับตัวเองแล้วก็จากไป
หลังจากกลับบ้านเหมยเหมยก็เล่าสิ่งที่เธอเจอมา พร้อมมุ่ยปากพูดว่า “ฉันว่าเฮ่อเหลียนเช่อไม่ได้จริงใจกับเหมยซูหานเลย ขนาดเรื่องของอู่เยวี่ยก็ยังปิดบังได้!”
เหยียนหมิงซุ่นโอบเธอไว้ในอ้อมอกพลางเหย้าหยอกกับมือนุ่มไร้กระดูกของเธอไปด้วย “แบบนี้ถึงจะทำให้เห็นว่าเฮ่อเหลียนเช่อจริงใจกับเหมยซูหานต่างหาก เธอคิดผิดแล้ว”
ความคิดของผู้ชายกับผู้หญิงแตกต่างกัน ตรงจุดนี้เขาคิดเหมือนกับเฮ่อเหลียนเช่อ เรื่องที่อันตรายขอให้เขาเป็นคนแบกรับไว้แค่คนเดียว จะไม่ยอมให้คนที่ตนเองรักมารับรู้ด้วยเด็ดขาด
พวกเขาจะใช้ความพยายามทั้งหมดที่มีอยู่สร้างหลุมหลบภัยที่ปลอดภัยที่สุดให้กับคนรัก
ไม่ปล่อยให้เรื่องวุ่นวายใดมารบกวนพวกเขา!
ดังนั้นการที่เฮ่อเหลียนเช่อไม่พูดเรื่องอู่เยวี่ยก็ถือเป็นการแสดงความจริงใจต่อคนที่ตัวเองรัก เช่นเดียวกับการที่เขาไม่มีวันให้เหมยเหมยได้รับรู้ว่างานที่เขาทำอยู่มันอันตรายแค่ไหนยังไงล่ะ!
เหมยเหมยเบะปากแล้วพูดอย่างไม่พอใจว่า “พวกผู้ชายมักชอบดูถูกผู้หญิง ผู้หญิงก็มีส่วนแบกรับอยู่ครึ่งแผ่นฟ้า[1] พี่รู้หรือเปล่า? คราวหน้าถ้ามีเรื่องอะไรห้ามปิดบังฉัน ถ้าฉันรู้เข้าละก็…เหอะ ๆ…คุกเข่าบนเปลือกทุเรียน…”
“ไม่มีทางหรอก มีเรื่องอะไรพี่ก็บอกเธอตลอด…พี่ไม่ใช่เฮ่อเหลียนเช่อสักหน่อย”
เหยียนหมิงซุ่นรับปากก็ดีแค่ไหนแล้ว ถึงอย่างไรต่อให้มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นจริง ๆ ถ้าเขาไม่พูดเหมยเหมยก็ไม่มีทางรู้หรอก ตอนนี้กล่อมให้ภรรยาอารมณ์ดีเป็นสิ่งสำคัญที่สุดต่างหาก
เหมยเหมยถูกเอาใจจนอารมณ์ดี มองเขาอย่างเคือง ๆแล้วเอ่ยขึ้นว่า “แล้วจะทำอย่างไรกับอู่เยวี่ยต่อไปดี? จะปล่อยให้เธอหนีไปได้อย่างลอยนวลเหรอ?”
“แน่นอนว่าไม่ รอสบโอกาสดี ๆก่อน อู่เยวี่ยต้องตายสถานเดียว!”
เหยียนหมิงซุ่นลูบหลังปลอบใจเธอ พูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น เขาจะปล่อยอู่เยวี่ยไปได้อย่างไร?
เหมยเหมยจึงค่อยวางใจลงบ้าง และไม่คิดถึงสิ่งที่น่ารำคาญใจอย่างอู่เยวี่ยอีก
แต่สิ่งที่ทำให้เหมยเหมยแปลกใจก็คือด้วยนิสัยของอู่เยวี่ยแล้ว หากได้แต่งงานกับเฮ่อเหลียนเช่อสมดั่งใจหวังก็คงวิ่งแจ้นมาโอ้อวดกับเธอถึงที่นี่แล้วสิ แต่นี่งานแต่งผ่านไปตั้งหลายวันแล้วอู่เยวี่ยกลับเงียบเป็นเป่าสากไม่โผล่มาหน้ามาให้เห็นเลย
ไม่เหมือนนิสัยของเธอเลยสักนิด!
……………………………………………………………….
[1] ความสามารถที่เท่าเทียมกันในสังคม ของสตรี
Comments