ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น 1926 อย่าใช้เหตุผลกับผู้หญิง + 1927 โด่งดังแล้ว

Now you are reading ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น Chapter 1926 อย่าใช้เหตุผลกับผู้หญิง + 1927 โด่งดังแล้ว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1926 อย่าใช้เหตุผลกับผู้หญิง

ความจริงเหยียนหมิงซุ่นนึกถึงเสี่ยวกัวได้กะทันหัน เสี่ยวกัวแต่งงานมาหลายปีแล้วแต่ไม่มีลูกสักที ทั้ง ๆที่สองสามีภรรยาไม่มีปัญหาเรื่องสุขภาพ ประเด็นสำคัญเลยคือพวกเขารู้จักกับเฉินซานเหมือนกัน

เพื่อพิสูจน์ว่าสิ่งที่เขาคิดเป็นเรื่องจริงเหยียนหมิงซุ่นเลยมาหาเสี่ยวกัวและก็เป็นไปตามคาด เมื่อเสี่ยวกัวเองก็โดนพิษกู่เหมือนกัน

ไม่รู้ว่าเฉินซานได้ทำร้ายคนไปมากเท่าไร อีกอย่างเขาทำแบบนี้เพื่อเหตุผลอะไรกันแน่

พ่อมดยอดฝีมือบอกว่าพิษกู่หักสวาทไม่มียาถอนพิษ นั่นหมายความว่าเฉินซานไม่ได้มีเป้าหมายที่จะใช้กู่ควบคุมเขากับเสี่ยวกัว แต่บอกได้เพียงว่าเฉินซานทำไปเพื่อทำร้ายคน หากเป็นเช่นนี้จริง ๆเฉินซานก็คือโรคจิตคนหนึ่ง!

การให้เสี่ยวกัวไปรวบรวมรูปถ่ายมาก็เพื่อรวบรวมหลักฐานให้มากกว่านี้ จากความสามารถของเสี่ยวกัวเขาเชื่อว่าขณะเดียวที่เขารวบรวมรูปถ่ายคงตามสืบทุกเรื่องของเฉินซานในระยะเวลาสามสิบปีที่ผ่านมาได้ด้วยแน่ ๆ เพราะนั่นเป็นสัญชาตญาณตามสายอาชีพของเขา

แต่เจ้าหมอนี่ก็ขี้เกียจเหลือเกิน หากบอกให้เขาไปตามสืบทุกเรื่องในช่วงเวลาหลายสิบปีของเฉินซานโดยตรงเสี่ยวกัวจะต้องปฏิเสธแน่นอนและไม่คิดจะมีลูกอีกต่อไป

เฉินซานเป็นคนเจ้าเล่ห์ เขาจะต้องเอาหลักฐานมัดตัวไปฟาดหน้าเขาเพื่อให้เฉินซานยอมแพ้แต่โดยดีอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง

เหมยเหมยนอนขี้เซาอยู่บนเตียงกระทั่งตอนเที่ยงแต่ยังอิดออดไม่ยอมลุกไปไหน เหยียนหมิงซุ่นกลับมาแล้วป้าฟางทำมื้อเที่ยงเสร็จแล้ว เขามองปราดเดียวก็รู้ว่ายัยตัวแสบกำลังคิดอะไรอยู่เลยอดหัวเราะไม่ได้

“ถ้ายังไม่ลุกก็ไม่ต้องคิดจะไปเรียนช่วงบ่ายแล้วนะ ไหนเธอบอกว่าเป็นคาบของอาจารย์ขาโหดไม่ใช่เหรอ?” เหยียนหมิงซุ่นจงใจเอ่ยขึ้น

ทุกวันหลังจากเหมยเหมยกลับจากมหาวิทยาลัยจะต้องพูดคุยเรื่องที่เกิดขึ้นในมหาวิทยาลัยกับเขาทุกวัน ต่อให้เขาไม่ไปเรียนด้วยก็รู้ทุกเรื่องเกี่ยวกับอาจารย์และรู้ดียิ่งกว่าใครว่าอาจารย์คนไหนที่ยัยปีศาจน้อยของเขากลัวมากที่สุด ซึ่งก็คืออาจารย์ที่ถูกขนามนามว่าเป็นอาจารย์ขาโหดท่านหนึ่งนี่แหละ

แถมได้ยินมาว่ายังมีสี่มือปราบพญายมกับเจ้าอาวาสปราบมังกรอะไรเทือกนั้นอีก ลำบากนักศึกษาเหล่านี้จริง ๆที่ต้องอุตส่าห์คิดตั้งฉายาพวกนี้ขึ้น สงสัยคงศึกษาตำราของกิมย้งโกวเล้งและอุนสุยอันมาอย่างดีแล้วแน่เลย

กองผ้านวมสั่นระริก เหมยเหมยแอบคร่ำครวญในใจ เธอลืมอาจารย์ขาโหดคนนั้นไปได้อย่างไรนะ?

“เพราะพี่นั่นแหละฉันเลยไม่กล้าไปเรียนแล้ว เพื่อน ๆต้องหัวเราะเยาะฉันแน่ ๆ…” เหมยเหมยเลิกผ้าห่มออกแล้วถลึงตาจ้องใครบางคน

เหยียนหมิงซุ่นหยิบเสื้อมาใส่ให้อย่างเอาอกเอาใจ “เมื่อคืนมืดขนาดนั้นใครจะเห็นชัดกันเล่า? อีกอย่างเมื่อคืนคนที่จูบก็ไม่ได้มีแค่เราอย่างน้อยก็มีเป็นสิบคู่ ไหนจะอีกคู่ที่เกือบจะทำอะไรเกินเลยตรงนั้นอยู่แล้วด้วยนะ”

เหมยเหมยถูกเขาจุดประกายความอยากรู้อยากเห็นขึ้นมา “จริงเหรอ? พวกเขาอันนั้นกันจริงเหรอ?”

“จริงสิ แต่พอถึงขั้นตอนสุดท้ายพวกเขาก็ออกไปแล้ว เทียบกับพวกเขาแล้วที่เราทำไปก็แค่เล็กน้อย เธอจะกังวลอะไรเนี่ย?” เหยียนหมิงซุ่นเอ่ยหน้าตายไม่แม้แต่จะกะพริบตา

เมื่อคืนเหตุการณ์ร้อนแรงไปหน่อยก็จริงแต่ไม่ได้ถึงขั้นที่เขาพูด แต่เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของยัยตัวแสบ เขาจำเป็นต้องใส่สีตีไข่เพิ่มสักนิด

เหมยเหมยถูกเขาเบี่ยงความสนใจไปได้สำเร็จเลยรู้สึกสบายใจขึ้นมาบ้าง เธอกับเหยียนหมิงซุ่นแค่จูบกันเท่านั้น ส่วนคนอื่นๆเกือบจะดำเนินไปถึงขั้นตอนสุดท้ายเลยนะ เธอมีอะไรให้กังวลอีกล่ะ?

“เฮ้ย ใกล้จะเที่ยงแล้ว ทำไมพี่ไม่มาปลุกฉันเร็วกว่านี้ล่ะ คาบแรกเป็นคาบของอาจารย์ขาโหดเชียวนะ ถ้าไปสายละก็ต้องโดนทำโทษให้ยืนสำนึกผิดอีกแน่เลย…”

เหมยเหมยดูนาฬิกาแวบหนึ่งก็สะดุ้งตกใจจนตื่นเต็มตาแล้วก็รีบสวมเสื้อผ้าอย่างว่องไว ก่อนจะรีบวิ่งไปล้างหน้าแปรงฟันด้วยความร้อนรน ขณะที่แปรงฟันไปก็บ่นเหยียนหมิงซุ่นไป เหยียนหมิงซุ่นลูบจมูกปอย ๆอย่างระอา ใช้เหตุผลกับผู้หญิงไม่ได้จริง ๆ!

ใครให้เขาตามใจยัยตัวแสบนี่ล่ะ!

ยอมทุกอย่างแม้เธอจะทำตัวงี่เง่าเอาแต่ใจ และสามารถให้อภัยได้กับจุดด้อยของเธอทุกอย่าง…

มื้อเที่ยงถูกจัดการไปราวกับกำลังต่อสู้ เหยียนหมิงซุ่นไปส่งเธอที่มหาวิทยาลัยด้วยตัวเอง พอรถยนต์ผ่านหอสมุดเหมยเหมยก็ฉุกคิดได้ว่าวันนี้เป็นวันคริสต์มาส เธอจึงเอ่ยถามว่า “เจียงจื้อหรู่แต่งงานวันนี้สินะ?”

………………………

ตอนที่ 1927 โด่งดังแล้ว

“กำลังจัดเลย จัดที่โรงแรมเมืองหลวงนี่แหละ” เหยียนหมิงซุ่นขับรถไปตอบคำถามไป

เหมยเหมยลอบถอนหายใจแผ่วเบา เกรงว่าวันไหนสวีจื่อเซวียนคิดจะกระโดดตึกฆ่าตัวตายขึ้นมาจริง ๆก็ขัดขวางงานแต่งงานนี้ไม่ได้อีกแล้วสินะ!

ทั้งน่าเศร้าน่าสงสารและน่าแค้นใจนัก!

เหยียนหมิงซุ่นพูดขึ้นอีก “เพื่อนคนนั้นของเธออาการไม่ค่อยดีเท่าไรเพราะขาหักไปข้างหนึ่ง ต่อให้กลับมาหายดีก็เดินแบบปกติไม่ได้อีกแล้ว ส่วนขาอีกข้างก็อาการไม่สู้ดีนัก ถือว่าพิการไปแล้ว”

อย่าพูดถึงแค่ว่าอีกฝ่ายอยู่ท่ามกลางอากาศเย็นจัดเป็นเวลานานเลย เพราะก่อนหน้านี้เพิ่งผ่านการแท้งมาก่อนอีกต่างหาก สวีจื่อเซวียนสุขภาพแย่ลงอย่างสิ้นเชิงและตลอดชีวิตนี้ต้องทุกข์ทรมานกับโรคภัยไข้เจ็บเท่ากับคนพิการคนหนึ่งไปอย่างสมบูรณ์แบบ

เหมยเหมยถอนหายใจอีกที คนน่าสงสารคือคนที่ทำผิดแล้วไม่รู้จักปรับปรุงตัว ผลลัพธ์ที่สวีจื่อเซวียนได้รับจะโทษใครได้ล่ะ?

“ต่อให้น่าสงสารแล้วทำไงได้ ทำได้แค่โทษตัวเธอเองเท่านั้นแหละ”

เหยียนหมิงซุ่นกระตุกยิ้มอย่างพึงพอใจ เขายังกังวลว่ายัยโง่คนนี้จะใจอ่อนแล้วสอดมือไปยุ่งเรื่องชาวบ้านอีกด้วยซ้ำ!

พอส่งเหมยเหมยถึงใต้ตึกอาคารเรียนแล้วเหยียนหมิงซุ่นก็พูดทิ้งท้ายไม่กี่ประโยคแล้วก็จากไป ใต้ตึกอาคารเรียนคณิตศาสตร์มีนักศึกษาที่หอบตำราเรียนอยู่ไม่น้อย แม้คืนของการเฉลิมฉลองจะผ่านพ้นไปแล้วแต่ทุกคนยังดูคึกคักอยู่เหมือนเดิมราวกับถูกฉีดยากระตุ้นมาเสียอย่างนั้น

“ดาวมหาลัยมาแล้ว…คนที่ขับรถคือผู้ชายคนเมื่อคืนเหรอ? โรแมนติกจัง…”

มีคนเอ่ยขึ้นด้วยเสียงที่ไม่เบานัก เดิมทีเหมยเหมยยังคิดจะแอบย่องเข้าไปเงียบ ๆ แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นเป้าสายตาของทุกคนซึ่งแต่ละคนต่างหันมองมาทางเธอ ดั่งแสงสปอร์ตไลท์สาดส่องลงมาทำให้เธอหนีไปไหนไม่ได้

ถูกสายตาจับจ้องราวกับเข็มที่ทิ่มแทงตามตัวทำเอาเหมยเหมยนึกโกรธจนก่นด่าเหยียนหมิงซุ่นในใจหลายที แสร้งทำเป็นแน่นิ่งแล้วเดินตรงไปข้างหน้าไม่หันมองไปทางใด

แต่สายตาประหลาดรวมถึงเสียงซุบซิบด้านหลังทำเอาเธอหนีไม่พ้น หากไม่ใช่เพราะอาจารย์ขาโหดคนนี้มีพลังทำลายล้างสูงเกินไปเหมยเหมยจะต้องหมุนตัวเดินกลับทันที ไม่เข้าเรียนคาบบ้า ๆนี่อีกแล้ว

ระยะทางสั้น ๆเพียงไม่กี่สิบเมตรแต่เหมือนกับเส้นทางสู่ลานประหาร ในที่สุดก็เดินมาถึงห้องเรียนสักทีเหมยเหมยจึงถอนหายใจพรูยาว ขณะที่พวกฉีฉีเก๋อได้จับจองที่นั่งเสร็จสรรพแล้วโบกมือให้เธอ

“วันนี้เธอยังกล้ามาเรียนจริง ๆนะ? จุ๊ ๆ สุดยอด…” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนมองเธอด้วยสายตามีเลศนัยปนหยอกล้อ

เหมยเหมยหน้าแดงระเรื่อพลางยืดตัวตรงเถียงกลับไป “มีอะไรให้กลัวกัน? ไม่ได้ทำเรื่องอะไรน่าอายสักหน่อย…”

ลำพังแค่จูบเท่านั้นและไม่ได้มีแค่เธอคนเดียวสักหน่อย มีคนตั้งมากมายที่จูบกันแล้วทำไมถึงต้องจ้องเล่นงานเธอคนเดียวล่ะ?

“ใครให้เธอเป็นดาวมหาลัยกันล่ะ อีกอย่างคนอื่นเขาจูบกันในมุมอับแสงแบบหลบ ๆซ่อน ๆแต่เธอก็นะ สงสัยกลัวคนทั้งโลกไม่รู้ว่าดาวมหาลัยจ้าวอย่างเธอจะจูบแล้ว แล้วไหนจะยืนอยู่ตรงกลางที่แสงไฟสว่างมากที่สุดอีก ชิ…ร้อนแรงดุเดือดเหลือเกิน ยินดีด้วยนะ ตอนนี้เธอโด่งดังโดยสมบูรณ์แบบแล้ว”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกับฉีฉีเก๋อมองด้วยสายตาประหลาด ดูสมน้ำหน้าเล็กน้อยปนหยอกล้อ เหมยเหมยเริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติเลยถามขึ้นว่า “พวกเธอหมายความว่าไง? พูดให้รู้เรื่องสิอย่าพูดครึ่ง ๆกลาง ๆแบบนี้สิ!”

“เธอไปดูกระทู้มหาลัยเองเถอะ”

หลังเรียนคาบวิชาของอาจารย์ขาโหดอย่างกระวนกระวายจนหมดไปสองคาบ ทันทีที่หมดเวลาเรียนเธอก็พุ่งไปยังห้องคอมพิวเตอร์ของมหาวิทยาลัยด้วยความร้อนรน

ยุคนี้คอมพิวเตอร์เริ่มเป็นที่นิยมในเมืองหลวงมากขึ้นแต่ยังไม่ใช่สิ่งที่มีกันทุกครัวเรือน มีเพียงชนชั้นกลางขึ้นไปกับมหาวิทยาลัยต่าง ๆถึงจะมีในครอบครอง มหาวิทยาลัยเมืองหลวงเปิดให้เรียนวิชาคอมพิวเตอร์ ทั้งยังสร้างห้องคอมพิวเตอร์ที่ต่อสายอินเตอร์เน็ตเพียงในรั้วมหาวิทยาลัยเท่านั้น ทว่าก็มีอาจารย์นักศึกษาใช้บริการกันอย่างล้นหลาม

เหมยเหมยจ่ายเงินทันทีแล้วเปิดคอมพิวเตอร์หนึ่งเครื่อง คอมพิวเตอร์ในห้องคอมพิวเตอร์ล้วนเป็นเครื่องซีพียูรุ่น 286 กับรุ่น 386 ที่ถูกคัดออกมาจากห้องปฏิบัติการประจำมหาวิทยาลัย การใช้งานจึงช้าเป็นพิเศษและเทียบกับคอมพิวเตอร์รุ่นบางเฉียบในยุคภายหลังไม่ได้เลยสักนิด ฉะนั้นเธอจึงรังเกียจมากและนี่เพิ่งจะเคยมาเป็นครั้งแรกอีกด้วย!

………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น 1926 อย่าใช้เหตุผลกับผู้หญิง + 1927 โด่งดังแล้ว

Now you are reading ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น Chapter 1926 อย่าใช้เหตุผลกับผู้หญิง + 1927 โด่งดังแล้ว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1926 อย่าใช้เหตุผลกับผู้หญิง

ความจริงเหยียนหมิงซุ่นนึกถึงเสี่ยวกัวได้กะทันหัน เสี่ยวกัวแต่งงานมาหลายปีแล้วแต่ไม่มีลูกสักที ทั้ง ๆที่สองสามีภรรยาไม่มีปัญหาเรื่องสุขภาพ ประเด็นสำคัญเลยคือพวกเขารู้จักกับเฉินซานเหมือนกัน

เพื่อพิสูจน์ว่าสิ่งที่เขาคิดเป็นเรื่องจริงเหยียนหมิงซุ่นเลยมาหาเสี่ยวกัวและก็เป็นไปตามคาด เมื่อเสี่ยวกัวเองก็โดนพิษกู่เหมือนกัน

ไม่รู้ว่าเฉินซานได้ทำร้ายคนไปมากเท่าไร อีกอย่างเขาทำแบบนี้เพื่อเหตุผลอะไรกันแน่

พ่อมดยอดฝีมือบอกว่าพิษกู่หักสวาทไม่มียาถอนพิษ นั่นหมายความว่าเฉินซานไม่ได้มีเป้าหมายที่จะใช้กู่ควบคุมเขากับเสี่ยวกัว แต่บอกได้เพียงว่าเฉินซานทำไปเพื่อทำร้ายคน หากเป็นเช่นนี้จริง ๆเฉินซานก็คือโรคจิตคนหนึ่ง!

การให้เสี่ยวกัวไปรวบรวมรูปถ่ายมาก็เพื่อรวบรวมหลักฐานให้มากกว่านี้ จากความสามารถของเสี่ยวกัวเขาเชื่อว่าขณะเดียวที่เขารวบรวมรูปถ่ายคงตามสืบทุกเรื่องของเฉินซานในระยะเวลาสามสิบปีที่ผ่านมาได้ด้วยแน่ ๆ เพราะนั่นเป็นสัญชาตญาณตามสายอาชีพของเขา

แต่เจ้าหมอนี่ก็ขี้เกียจเหลือเกิน หากบอกให้เขาไปตามสืบทุกเรื่องในช่วงเวลาหลายสิบปีของเฉินซานโดยตรงเสี่ยวกัวจะต้องปฏิเสธแน่นอนและไม่คิดจะมีลูกอีกต่อไป

เฉินซานเป็นคนเจ้าเล่ห์ เขาจะต้องเอาหลักฐานมัดตัวไปฟาดหน้าเขาเพื่อให้เฉินซานยอมแพ้แต่โดยดีอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง

เหมยเหมยนอนขี้เซาอยู่บนเตียงกระทั่งตอนเที่ยงแต่ยังอิดออดไม่ยอมลุกไปไหน เหยียนหมิงซุ่นกลับมาแล้วป้าฟางทำมื้อเที่ยงเสร็จแล้ว เขามองปราดเดียวก็รู้ว่ายัยตัวแสบกำลังคิดอะไรอยู่เลยอดหัวเราะไม่ได้

“ถ้ายังไม่ลุกก็ไม่ต้องคิดจะไปเรียนช่วงบ่ายแล้วนะ ไหนเธอบอกว่าเป็นคาบของอาจารย์ขาโหดไม่ใช่เหรอ?” เหยียนหมิงซุ่นจงใจเอ่ยขึ้น

ทุกวันหลังจากเหมยเหมยกลับจากมหาวิทยาลัยจะต้องพูดคุยเรื่องที่เกิดขึ้นในมหาวิทยาลัยกับเขาทุกวัน ต่อให้เขาไม่ไปเรียนด้วยก็รู้ทุกเรื่องเกี่ยวกับอาจารย์และรู้ดียิ่งกว่าใครว่าอาจารย์คนไหนที่ยัยปีศาจน้อยของเขากลัวมากที่สุด ซึ่งก็คืออาจารย์ที่ถูกขนามนามว่าเป็นอาจารย์ขาโหดท่านหนึ่งนี่แหละ

แถมได้ยินมาว่ายังมีสี่มือปราบพญายมกับเจ้าอาวาสปราบมังกรอะไรเทือกนั้นอีก ลำบากนักศึกษาเหล่านี้จริง ๆที่ต้องอุตส่าห์คิดตั้งฉายาพวกนี้ขึ้น สงสัยคงศึกษาตำราของกิมย้งโกวเล้งและอุนสุยอันมาอย่างดีแล้วแน่เลย

กองผ้านวมสั่นระริก เหมยเหมยแอบคร่ำครวญในใจ เธอลืมอาจารย์ขาโหดคนนั้นไปได้อย่างไรนะ?

“เพราะพี่นั่นแหละฉันเลยไม่กล้าไปเรียนแล้ว เพื่อน ๆต้องหัวเราะเยาะฉันแน่ ๆ…” เหมยเหมยเลิกผ้าห่มออกแล้วถลึงตาจ้องใครบางคน

เหยียนหมิงซุ่นหยิบเสื้อมาใส่ให้อย่างเอาอกเอาใจ “เมื่อคืนมืดขนาดนั้นใครจะเห็นชัดกันเล่า? อีกอย่างเมื่อคืนคนที่จูบก็ไม่ได้มีแค่เราอย่างน้อยก็มีเป็นสิบคู่ ไหนจะอีกคู่ที่เกือบจะทำอะไรเกินเลยตรงนั้นอยู่แล้วด้วยนะ”

เหมยเหมยถูกเขาจุดประกายความอยากรู้อยากเห็นขึ้นมา “จริงเหรอ? พวกเขาอันนั้นกันจริงเหรอ?”

“จริงสิ แต่พอถึงขั้นตอนสุดท้ายพวกเขาก็ออกไปแล้ว เทียบกับพวกเขาแล้วที่เราทำไปก็แค่เล็กน้อย เธอจะกังวลอะไรเนี่ย?” เหยียนหมิงซุ่นเอ่ยหน้าตายไม่แม้แต่จะกะพริบตา

เมื่อคืนเหตุการณ์ร้อนแรงไปหน่อยก็จริงแต่ไม่ได้ถึงขั้นที่เขาพูด แต่เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของยัยตัวแสบ เขาจำเป็นต้องใส่สีตีไข่เพิ่มสักนิด

เหมยเหมยถูกเขาเบี่ยงความสนใจไปได้สำเร็จเลยรู้สึกสบายใจขึ้นมาบ้าง เธอกับเหยียนหมิงซุ่นแค่จูบกันเท่านั้น ส่วนคนอื่นๆเกือบจะดำเนินไปถึงขั้นตอนสุดท้ายเลยนะ เธอมีอะไรให้กังวลอีกล่ะ?

“เฮ้ย ใกล้จะเที่ยงแล้ว ทำไมพี่ไม่มาปลุกฉันเร็วกว่านี้ล่ะ คาบแรกเป็นคาบของอาจารย์ขาโหดเชียวนะ ถ้าไปสายละก็ต้องโดนทำโทษให้ยืนสำนึกผิดอีกแน่เลย…”

เหมยเหมยดูนาฬิกาแวบหนึ่งก็สะดุ้งตกใจจนตื่นเต็มตาแล้วก็รีบสวมเสื้อผ้าอย่างว่องไว ก่อนจะรีบวิ่งไปล้างหน้าแปรงฟันด้วยความร้อนรน ขณะที่แปรงฟันไปก็บ่นเหยียนหมิงซุ่นไป เหยียนหมิงซุ่นลูบจมูกปอย ๆอย่างระอา ใช้เหตุผลกับผู้หญิงไม่ได้จริง ๆ!

ใครให้เขาตามใจยัยตัวแสบนี่ล่ะ!

ยอมทุกอย่างแม้เธอจะทำตัวงี่เง่าเอาแต่ใจ และสามารถให้อภัยได้กับจุดด้อยของเธอทุกอย่าง…

มื้อเที่ยงถูกจัดการไปราวกับกำลังต่อสู้ เหยียนหมิงซุ่นไปส่งเธอที่มหาวิทยาลัยด้วยตัวเอง พอรถยนต์ผ่านหอสมุดเหมยเหมยก็ฉุกคิดได้ว่าวันนี้เป็นวันคริสต์มาส เธอจึงเอ่ยถามว่า “เจียงจื้อหรู่แต่งงานวันนี้สินะ?”

………………………

ตอนที่ 1927 โด่งดังแล้ว

“กำลังจัดเลย จัดที่โรงแรมเมืองหลวงนี่แหละ” เหยียนหมิงซุ่นขับรถไปตอบคำถามไป

เหมยเหมยลอบถอนหายใจแผ่วเบา เกรงว่าวันไหนสวีจื่อเซวียนคิดจะกระโดดตึกฆ่าตัวตายขึ้นมาจริง ๆก็ขัดขวางงานแต่งงานนี้ไม่ได้อีกแล้วสินะ!

ทั้งน่าเศร้าน่าสงสารและน่าแค้นใจนัก!

เหยียนหมิงซุ่นพูดขึ้นอีก “เพื่อนคนนั้นของเธออาการไม่ค่อยดีเท่าไรเพราะขาหักไปข้างหนึ่ง ต่อให้กลับมาหายดีก็เดินแบบปกติไม่ได้อีกแล้ว ส่วนขาอีกข้างก็อาการไม่สู้ดีนัก ถือว่าพิการไปแล้ว”

อย่าพูดถึงแค่ว่าอีกฝ่ายอยู่ท่ามกลางอากาศเย็นจัดเป็นเวลานานเลย เพราะก่อนหน้านี้เพิ่งผ่านการแท้งมาก่อนอีกต่างหาก สวีจื่อเซวียนสุขภาพแย่ลงอย่างสิ้นเชิงและตลอดชีวิตนี้ต้องทุกข์ทรมานกับโรคภัยไข้เจ็บเท่ากับคนพิการคนหนึ่งไปอย่างสมบูรณ์แบบ

เหมยเหมยถอนหายใจอีกที คนน่าสงสารคือคนที่ทำผิดแล้วไม่รู้จักปรับปรุงตัว ผลลัพธ์ที่สวีจื่อเซวียนได้รับจะโทษใครได้ล่ะ?

“ต่อให้น่าสงสารแล้วทำไงได้ ทำได้แค่โทษตัวเธอเองเท่านั้นแหละ”

เหยียนหมิงซุ่นกระตุกยิ้มอย่างพึงพอใจ เขายังกังวลว่ายัยโง่คนนี้จะใจอ่อนแล้วสอดมือไปยุ่งเรื่องชาวบ้านอีกด้วยซ้ำ!

พอส่งเหมยเหมยถึงใต้ตึกอาคารเรียนแล้วเหยียนหมิงซุ่นก็พูดทิ้งท้ายไม่กี่ประโยคแล้วก็จากไป ใต้ตึกอาคารเรียนคณิตศาสตร์มีนักศึกษาที่หอบตำราเรียนอยู่ไม่น้อย แม้คืนของการเฉลิมฉลองจะผ่านพ้นไปแล้วแต่ทุกคนยังดูคึกคักอยู่เหมือนเดิมราวกับถูกฉีดยากระตุ้นมาเสียอย่างนั้น

“ดาวมหาลัยมาแล้ว…คนที่ขับรถคือผู้ชายคนเมื่อคืนเหรอ? โรแมนติกจัง…”

มีคนเอ่ยขึ้นด้วยเสียงที่ไม่เบานัก เดิมทีเหมยเหมยยังคิดจะแอบย่องเข้าไปเงียบ ๆ แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นเป้าสายตาของทุกคนซึ่งแต่ละคนต่างหันมองมาทางเธอ ดั่งแสงสปอร์ตไลท์สาดส่องลงมาทำให้เธอหนีไปไหนไม่ได้

ถูกสายตาจับจ้องราวกับเข็มที่ทิ่มแทงตามตัวทำเอาเหมยเหมยนึกโกรธจนก่นด่าเหยียนหมิงซุ่นในใจหลายที แสร้งทำเป็นแน่นิ่งแล้วเดินตรงไปข้างหน้าไม่หันมองไปทางใด

แต่สายตาประหลาดรวมถึงเสียงซุบซิบด้านหลังทำเอาเธอหนีไม่พ้น หากไม่ใช่เพราะอาจารย์ขาโหดคนนี้มีพลังทำลายล้างสูงเกินไปเหมยเหมยจะต้องหมุนตัวเดินกลับทันที ไม่เข้าเรียนคาบบ้า ๆนี่อีกแล้ว

ระยะทางสั้น ๆเพียงไม่กี่สิบเมตรแต่เหมือนกับเส้นทางสู่ลานประหาร ในที่สุดก็เดินมาถึงห้องเรียนสักทีเหมยเหมยจึงถอนหายใจพรูยาว ขณะที่พวกฉีฉีเก๋อได้จับจองที่นั่งเสร็จสรรพแล้วโบกมือให้เธอ

“วันนี้เธอยังกล้ามาเรียนจริง ๆนะ? จุ๊ ๆ สุดยอด…” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนมองเธอด้วยสายตามีเลศนัยปนหยอกล้อ

เหมยเหมยหน้าแดงระเรื่อพลางยืดตัวตรงเถียงกลับไป “มีอะไรให้กลัวกัน? ไม่ได้ทำเรื่องอะไรน่าอายสักหน่อย…”

ลำพังแค่จูบเท่านั้นและไม่ได้มีแค่เธอคนเดียวสักหน่อย มีคนตั้งมากมายที่จูบกันแล้วทำไมถึงต้องจ้องเล่นงานเธอคนเดียวล่ะ?

“ใครให้เธอเป็นดาวมหาลัยกันล่ะ อีกอย่างคนอื่นเขาจูบกันในมุมอับแสงแบบหลบ ๆซ่อน ๆแต่เธอก็นะ สงสัยกลัวคนทั้งโลกไม่รู้ว่าดาวมหาลัยจ้าวอย่างเธอจะจูบแล้ว แล้วไหนจะยืนอยู่ตรงกลางที่แสงไฟสว่างมากที่สุดอีก ชิ…ร้อนแรงดุเดือดเหลือเกิน ยินดีด้วยนะ ตอนนี้เธอโด่งดังโดยสมบูรณ์แบบแล้ว”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกับฉีฉีเก๋อมองด้วยสายตาประหลาด ดูสมน้ำหน้าเล็กน้อยปนหยอกล้อ เหมยเหมยเริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติเลยถามขึ้นว่า “พวกเธอหมายความว่าไง? พูดให้รู้เรื่องสิอย่าพูดครึ่ง ๆกลาง ๆแบบนี้สิ!”

“เธอไปดูกระทู้มหาลัยเองเถอะ”

หลังเรียนคาบวิชาของอาจารย์ขาโหดอย่างกระวนกระวายจนหมดไปสองคาบ ทันทีที่หมดเวลาเรียนเธอก็พุ่งไปยังห้องคอมพิวเตอร์ของมหาวิทยาลัยด้วยความร้อนรน

ยุคนี้คอมพิวเตอร์เริ่มเป็นที่นิยมในเมืองหลวงมากขึ้นแต่ยังไม่ใช่สิ่งที่มีกันทุกครัวเรือน มีเพียงชนชั้นกลางขึ้นไปกับมหาวิทยาลัยต่าง ๆถึงจะมีในครอบครอง มหาวิทยาลัยเมืองหลวงเปิดให้เรียนวิชาคอมพิวเตอร์ ทั้งยังสร้างห้องคอมพิวเตอร์ที่ต่อสายอินเตอร์เน็ตเพียงในรั้วมหาวิทยาลัยเท่านั้น ทว่าก็มีอาจารย์นักศึกษาใช้บริการกันอย่างล้นหลาม

เหมยเหมยจ่ายเงินทันทีแล้วเปิดคอมพิวเตอร์หนึ่งเครื่อง คอมพิวเตอร์ในห้องคอมพิวเตอร์ล้วนเป็นเครื่องซีพียูรุ่น 286 กับรุ่น 386 ที่ถูกคัดออกมาจากห้องปฏิบัติการประจำมหาวิทยาลัย การใช้งานจึงช้าเป็นพิเศษและเทียบกับคอมพิวเตอร์รุ่นบางเฉียบในยุคภายหลังไม่ได้เลยสักนิด ฉะนั้นเธอจึงรังเกียจมากและนี่เพิ่งจะเคยมาเป็นครั้งแรกอีกด้วย!

………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+