ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น 1948 มีแต่สตรอว์เบอร์รี + 1949 น้ำลดตอผุด

Now you are reading ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น Chapter 1948 มีแต่สตรอว์เบอร์รี + 1949 น้ำลดตอผุด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1948 มีแต่สตรอว์เบอร์รี

พอเห็นเหมยเหมยเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนก็ตื่นเต้นขึ้นมาราวกับถูกฉีดยากระตุ้น บนจมูกกลม ๆมีสิวสีแดงเม็ดหนึ่งปรากฏขึ้นมา เห็นแล้วช่างน่าขันเหลือเกิน

“หัวเราะอะไร ฉันทำเพื่อใครล่ะ? ไม่ใช่เพราะเธอหรือไง ข่มตาหลับไม่ได้เลยทั้งคืน”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเคืองมาก ทุกครั้งที่เธอนอนไม่หลับสิวก็จะขึ้นทันที ผลชัดเจนมากและมาตรงเวลายิ่งกว่าประจำเดือนอีก

เหมยเหมยอบอุ่นใจ เธอล้วงครีมไข่มุกในกระเป๋าออกมาแล้วโยนไปให้ “เห็นท่าทางน่าสงสารของเธอแล้วครีมไข่มุกนี้ให้เธอแล้วกัน ทาแค่ไม่กี่ครั้งก็หายแล้ว ฉันเคยใช้แค่สองสามครั้งเธออย่ารังเกียจแล้วกัน”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนรับครีมไข่มุกมาอย่างมีความสุข “ไม่รังเกียจเลย เธอมีแต่ของดี ๆทั้งนั้น ฉันไม่โง่ถึงขนาดดีไม่ดีก็แยกแยะไม่ได้หรอกน่ะ”

ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่เหมยเหมยใช้ล้วนแต่เป็นแบรนด์ต่างประเทศ ราคาแพงและแน่นอนว่าได้ผลลัพธ์ดีมากเช่นกัน ต่อให้เธอมีเงินก็ไม่สามารถหาซื้อมันได้ หลายยี่ห้อไม่มีขายในประเทศเพราะต้องไปซื้อที่ต่างประเทศเท่านั้น

“เธอจะเอายังไงกับเซียวเวยต่อ? เธอสั่งมาได้เลยฉันมีกำลังคน ฝีมือถือว่าเป็นกระสอบทรายชั้นเยี่ยมเลยล่ะ” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนทาครีมไข่มุกที่จมูกของเธอ จากนั้นก็ตบอกอย่างภาคภูมิใจ

เหมยเหมยมุมปากกระตุก คุณหนูใหญ่คนนี้รู้จักแต่กระสอบทรายหรือไงกันนะ ไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้เธอใส่คนในกระสอบไว้กี่คน

“พวกเราไม่ต้องยุ่งแล้ว ผู้ชายของฉันบอกว่าเขาจะตรวจสอบเอง” เหมยเหมยกล่าวด้วยรอยยิ้ม

เวลานี้พวกเธอทั้งหมดอยู่ในห้องเรียน ฮีตเตอร์ทำความร้อนได้เพียงพอและอบอุ่นมาก เหมยเหมยแก้ผ้าพันคอและหมวกออกพร้อมทั้งถอดเสื้อคลุมด้วยจนเผยลำคอขาว ๆของเธอ อยู่ดี ๆเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนและฉีฉีเก๋อก็มีสีหน้าท่าท่างแปลกไป หูก็แดงไปหมด

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนแสร้งว่าปกติ สะกิดเหมยเหมยปิดตาและพูดว่า “เธอพันผ้าพันคอเอาไว้ดีกว่า เร็วเข้าเถอะ”

เหมยเหมยฟังไม่เข้าใจ “ทำไมต้องพันผ้าพันคอด้วยล่ะ ฉันร้อนจะตายอยู่แล้ว”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนมองไปรอบ ๆ พอเห็นว่าไม่มีใครสนใจจึงพูดกระซิบว่า “เธอพลีกายขอร้องให้ผู้ชายของเธอช่วยทำการบ้านให้ใช่ไหมล่ะ?”

เหมยเหมยหน้าร้อนผ่าวแล้วถลึงตาใส่ “พูดจาไร้สาระ!”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนยิ้มอย่างลำพองใจพลางชี้ไปที่คอของเธอ พูดอย่างคลุมเครือว่า “ยังคิดจะทำปากแข็งอีก ดูที่คอของเธอสิ จุ๊ ๆ ผู้ชายของเธอมีพลังเหลือเฟือจริง ๆ ฉันว่านะไม่เจ็ดครั้งก็แปดครั้งละมั้ง?”

สาวเมืองหลวงหน้าหนาจริง ๆ หญิงสาวที่ยังไม่ได้แต่งงานพูดถึงผู้ชายขึ้นมาโดยที่หน้าไม่แดงเลยสักนิด เหมยเหมยโมโหจนหน้าแดงก่ำพลันรีบร้อนหยิบกระจกเล็ก ๆออกมาจากกระเป๋า ส่องอยู่ครู่หนึ่งก็ตกใจจนรีบหยิบผ้าพันคอมาจากลิ้นชักแล้วพันมันไว้ด้วยใบหน้าแดงซ่าน

ลำคอขาวเนียนของเธอเต็มไปด้วยรอยคิสมาร์กสีแดงอมม่วงจากฝีมือของใครบางคน มิน่าเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกับฉีฉีเก๋อถึงมีสีหน้าแปลกไปแบบนั้น

ไม่รู้ว่ามีคนอื่นเห็นอีกหรือเปล่า ช่างน่าขายหน้าจริง ๆ!

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนยังคงถามเซ้าซี้ว่าตกลงแล้วเจ็ดครั้งหรือแปดครั้ง เหมยเหมยถลึงตาจ้องเธอด้วยความโมโห ตวาดเสียงต่ำว่า “เธอเอาเวลาไปสนใจว่าผู้ชายของเธอจะทำได้กี่ครั้งดีกว่านะ!”

พอพูดถึงตรงนี้เหมยเหมยก็มีเจตนาร้ายขึ้นมาพร้อมกระซิบถามข้างหูของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนว่า “บอกมาว่าเธอกับอิงจวี้กังถึงขั้นไหนแล้ว? เคยจูบกันหรือยัง? ใครเป็นคนเริ่มก่อน?”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพูดเสียงดังด้วยสีหน้าเรียบนิ่งว่า “เรื่องจูบต้องมีอยู่แล้ว และแน่นอนว่าผู้ชายต้องเป็นฝ่ายเริ่มก่อน ถึงอย่างไรพวกเราก็เป็นสาวน้อยแสนบอบบางนะ!”

เหมยเหมยหันไปยกนิ้วชื่นชมผู้หญิงคนนี้

“ฉันขอเตือนพวกเธอไว้ก่อนว่าแค่จูบปากก็ได้อยู่หรอกแต่อย่าเพิ่งกินสุกก่อนหามเด็ดขาด ไม่ว่าจะหื่นจะต้องการขนาดไหนก็ต้องทน!” เหมยเหมยกล่าวเตือนพวกเธอ

ตอนนี้เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนและฉีฉีเก๋อต่างก็ทนไม่ไหวแล้ว ทั้งสองดึงแขนของเธอไว้คนละข้างแล้วจั๊กจี้ด้วยความโมโห

ตัวเองกับผู้ชายมีความสุขบรรเลงเพลงรักด้วยกันทุกคืนแต่จะให้พวกเธอเป็นแม่ชีที่ปฏิบัติตามกฎ ถึงแม้จะพูดว่าเพราะหวังดีกับพวกเธอก็เถอะแต่ในใจกลับไม่กระดากใจบ้างเลยหรือไง!

ปวดตัวชะมัดเลย!

…………………………………………..

ตอนที่ 1949 น้ำลดตอผุด

ทางฝั่งเหยียนหมิงซุ่นสืบได้ความอย่างรวดเร็วเพราะให้ลูกน้องระดับประเทศทำเรื่องเล็กน้อยแค่นี้ ช่างเหมือนใช้วัวไปฆ่าไก่จริง ๆ ใช้เวลาไม่ถึงสองชั่วโมงก็สืบสาวราวเรื่องได้แล้ว

ฮวาจิงหลิงเป็นเซียวเวยจริง ๆแต่ตอนนี้ยังสืบหาไม่พบว่าเธอเกี่ยวข้องกับอู่เยวี่ยอย่างไร แต่หลังจากอู่เยวี่ยมาเมืองหลวง เธอเคยไปเจอเซียวเวยอยู่สองครั้งดังนั้นอู่เยวี่ยจึงเป็นผู้ต้องสงสัยที่สุด

เหยียนหมิงซุ่นไม่สนใจเรื่องนี้ เขาส่งเสี่ยวอวิ๋นไปช่วยเหมยเหมยตามสืบแล้วก็ไม่ยุ่งกับเรื่องนี้อีก

“เซียวเวยเธอสารภาพเองว่าแค้นใจคุณหนูเรื่องที่ช่วยเซียวเซ่อทำให้แม่ของเธอต้องอับอายในงานเลี้ยงวันเกิดปีนั้น ดังนั้นถึงได้ทำแบบนี้” เสี่ยวอวิ๋นรายงาน

เหมยเหมยมุ่นคิ้ว ถ้าหากว่าเป็นเพราะเหตุผลนี้ก็มีความเป็นไปได้ แต่เธอรู้สึกว่าเซียวเวยไม่เหมือนลูกสาวที่แสนกตัญญูอะไรขนาดนั้น มันต้องมีเหตุผลอื่นอีกแน่นอน

“เธอว่าเซียวเวยทำไปเพราะอะไร?” เหมยเหมยถามเสี่ยวอวิ๋น

เสี่ยวอวิ๋นตอบอย่างไม่ลังเล “ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตามก็ไม่ใช่เหตุผลตามที่เธอพูดอย่างแน่นอน”

เธอเล่าสถานการณ์คร่าว ๆของเซียวเวยในช่วงหลายปีที่ผ่านมาให้ฟัง อาจารย์เซียวสำนึกผิดกะทันหันจึงหย่ากับแม่ของเซียวเวย จะว่าไปถึงแม้ว่าอาจารย์เซียวจะอายุมากแล้วแต่สติกลับไม่เลอะเลือนเลยสักนิด เขารู้เรื่องที่ภรรยาของเขาคบชู้นานแล้ว แต่เพราะตัวเองเติมเต็มความสุขให้ไม่ได้จึงทำเป็นปิดตาข้างหนึ่งไป

จนถึงตอนหย่าร้างจริง ๆ อาจารย์เซียวไม่เลอะเลือนเลยสักนิด เขาเอาหลักฐานมากมายตบหน้าคุณนายหรู และเพราะคุณนายหรูเป็นฝ่ายผิดดังนั้นแม่ของเซียวเวยจึงไม่ได้รับทรัพย์สินมากนัก แต่อาจารย์เซียวก็ไม่ได้ปฏิบัติแย่กับเธอแต่อย่างใด ทุก ๆเดือนเธอจะได้รับเงินค่าเลี้ยงดูจำนวนไม่น้อย

ถึงอย่างไรก็เป็นลูกแท้ ๆของเขานี่นา!

เซียวเวยถูกตัดสินให้อยู่ในความดูแลของแม่ ส่วนพี่ชายเซียวจิ่งหนิงกลับได้อยู่กับอาจารย์เซียว หลังจากหย่าร้างแม่ของเธอก็ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข เปลี่ยนแฟนไม่ซ้ำหน้าแต่เงินก็ใช้จ่ายไม่หยุด ชีวิตที่สุขสบายของเซียวเวยในอดีตก็ลดลงจากฟ้าร่วงหล่นสู่พื้นดิน ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาความสัมพันธ์ของเธอกับแม่นั้นย่ำแย่มากซึ่งจะมองอย่างไรก็มองไม่ออกว่าเธอจะเป็นลูกที่แสนกตัญญูได้อย่างไร

เสี่ยวอวิ๋นพูดอธิบายว่า “เพราะจำเป็นต้องไว้หน้าอาจารย์เซียวเลยทรมานเซียวเวยมากไม่ได้”

เหมยเหมยพยักหน้า “ฉันเข้าใจแล้ว เรื่องนี้ฉันจะพูดกับเซียวจิ่งหมิงเองว่าอย่าให้อาจารย์เซียวรู้”

ถึงแม้ว่าร่างกายของอาจารย์เซียวจะดีขึ้นมากเพราะผลพวงจากยาวิเศษ แต่ถึงอย่างไรก็อายุเยอะมากแล้วคงรับเรื่องสะเทือนใจไม่ไหว เรื่องเสียหายแบบนี้อย่าเอาไปรบกวนคนแก่อย่างเขาจะดีกว่า

“คุณชายหมิงก็บอกแบบนี้เช่นกัน คุณหนูวางใจได้” เสี่ยวอวิ๋นรับประกัน หากเหยียนหมิงซุ่นไม่ได้บอกล่วงหน้า ด้วยวิธีการของเธอแล้วคุณหนูอย่างเซียวเวยที่ถูกเลี้ยงอย่างตามใจมาตั้งแต่เด็กจะต้านทานไว้ได้อย่างไร?

เหมยเหมยยิ้มพลางกดโทรหาเซียวจิ่งหมิง ตอนนี้เขาเป็นผู้มีอำนาจที่สุดในตระกูลเซียว ถึงแม้ว่าเซียวเวยจะไม่ได้อยู่ที่บ้านตระกูลเซียวแล้วแต่ก็ยังเป็นคุณหนูของตระกูลเซียวอยู่ ในเมื่อเกิดเรื่องขึ้นแล้วก็ต้องหาคนในครอบครัวเป็นธรรมดา

“เหมยเหมยวางใจได้ เรื่องนี้ฉันต้องจัดการให้เธอแน่นอน” เซียวจิ่งหมิงพูดเสียงต่ำพลางแอบก่นด่าเซียวเวยในใจว่าโง่ อยากหาที่ตายก็อย่าลากตระกูลเซียวไปด้วยสิ ถึงขนาดกล้าล่วงเกินจ้าวเหมยได้อย่างไรกัน?

แน่นอนว่าเซียวจิ่งหมิงไม่ได้ใจดีเหมือนรูปลักษณ์ภายนอกของเขา ผ่านไปไม่ถึงหนึ่งวันเซียวเวยก็มาหาเหมยเหมยด้วยตัวเองพร้อมโค้งขอโทษเธอ ถึงแม้เธอจะดูไม่ค่อยยินยอมเต็มใจเท่าไรนักแต่แล้วจะอย่างไร ขอแค่มาให้ทุกคนเห็นก็พอแล้ว

ถึงอย่างไรสิ่งที่เธอต้องการก็เป็นเช่นนี้ แต่ทว่า——

“เซียวเวย เธอจะขอโทษแค่นี้ไม่ได้หรอกนะ เธอต้องเขียนจดหมายขอโทษและโพสต์ลงในกระทู้ของเพจมหาวิทยาลัยให้ฉันด้วย จดหมายขอโทษไม่ควรเขียนต่ำกว่าแปดร้อยคำและต้องลงสามวันติดต่อกัน เห็นแก่อาจารย์เซียวและลุงเซียวงั้นฉันให้อภัยเธอก็ได้” เหมยเหมยไม่ยอมยกโทษให้เซียวเวยง่าย ๆ

หากไม่ใช่เพราะเห็นแก่หน้าของอาจารย์เซียว ตอนนี้เซียวเวยคงไม่ได้อยู่สบายเช่นนี้หรอก!

คนอย่างจ้าวเหมยมีบุญคุณต้องทดแทน หากมีแค้นต้องชำระ จิตใจคับแคบไม่ต่างอะไรกับเข็ม เธอจะยอมปล่อยให้คนที่ทำร้ายเธอไปง่าย ๆได้อย่างไรกันล่ะ?

………………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด