ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น 239 สาวงามมักอาภัพ + 240 ลูกตายตั้งแต่ยังเด็ก

Now you are reading ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น Chapter 239 สาวงามมักอาภัพ + 240 ลูกตายตั้งแต่ยังเด็ก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
ตอนที่ 239 สาวงามมักอาภัพ + ตอนที่ 240 ลูกตายตั้งแต่ยังเด็ก

ตอนที่ 239 สาวงามมักอาภัพ

ครอบครัวสยงตอนนี้ก็ไม่ว่าง สยงมู่มู่พอกลับถึงบ้านก็ถามจ้าวอิงหนาน ถามเธอว่ายังจำป้าสะใภ้เล็กได้ไหม จ้าวอิงหนานอันที่จริงแล้วก็ไม่ค่อยคุ้นเคยกับพี่สะใภ้มากนัก เพราะว่าเวลานั้นเป็นอะไรที่วุ่นวายจริงๆ ครอบครัวของพวกเขาทุกคนแตกกระจายไปทั่ว ต่างคนต่างเดินในทิศทางของตัวเอง หลายปีมานี้ก็ยังไม่สามารถเห็นหน้ากันได้

ตอนพี่ชายคนเล็กของพวกเขากลับมาเมืองหลวง ขณะที่ตัวเธออยู่ที่เมืองจินก็ไม่ว่างเลยเหมือนกัน แต่ตอนที่เธอกับสามีกลับไปนั้น ครอบครัวของพี่ชายคนเล็กก็อยู่ต่างถิ่น นับรวมๆ แล้วก็ได้พบเจอกันแค่สองสามครั้ง อีกทั้งยังเจอแบบรีบเร่งทุกครั้งอีก ถามถึงหน้าตาก็จำได้ไม่ค่อยชัดเจนแล้ว แต่ภาพที่ติดอยู่ในความทรงจำที่ลึกที่สุดก็คือไฝเม็ดนั้น

เพียงแต่ว่าจ้าวอิงหนานเคยดูรูปของพี่สะใภ้เล็กอยู่หลายครั้ง เป็นคนที่สวยมากจริงๆ แต่ไหนแต่ไรมาจ้าวอิงหนานรู้สึกว่าตัวเองหน้าตาสวยมาตลอด แต่พอเธออยู่ต่อหน้าพี่สะใภ้เล็กกลับรู้สึกว่าสู้ไม่ได้จริงๆ เธอสวยจนมีบางคนโมโห พี่สะใภ้เล็กคนนี้สวยจนคนธรรมดาจับต้องไม่ได้ คล้ายกับว่าเป่าลมหายใจใส่ก็สามารถขึ้นสวรรค์ได้เลย

 “มู่มู่พูดขึ้นมาอย่างนี้ ฉันก็คิดขึ้นมาได้ เหมยเหมยกับพี่สะใภ้ของฉันอันที่จริงแล้วเหมือนกันเลย ที่เหมือนที่สุดก็คือไฝเม็ดนั้น เพียงแค่ไฝของพี่สะใภ้เอียงนิดหน่อย” จ้าวอิงหนานพูด

 “แม่ ผมก็ว่าเหมือนป้าสะใภ้เล็กใช่ไหม? อีกทั้งครอบครัวเราก็มีแค่ผมที่อยู่กับป้าสะใภ้เล็กนานที่สุด ป้าสะใภ้เล็กดีกับผมมากๆ ทุกวันมักจะพาผมออกไปซื้อของอร่อยกิน” สยงมู่มู่พูดอย่างอิ่มอกอิ่มใจ

จ้าวอิงหนานหัวเราะพูดว่า “จริงด้วย พอพูดขึ้นมาก็นึกออกแล้วว่า ป้าสะใภ้เล็กของลูกเวลานั้นร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง เลยกลับเมืองหลวงเพื่อดูแลสุขภาพ บังเอิญลูกก็อยู่บ้านคุณตาพอดี นิสัยของลูกก็แปลกๆ ไม่ว่าใครก็ไม่สนใจ สนใจแค่ป้าสะใภ้เล็กของลูกเท่านั้น”

ในหัวปรากฏภาพร่างกายอ่อนแอเปราะบางขึ้นมาแวบหนึ่ง สยงมู่มู่ขมวดคิ้วไม่หยุด ถามว่า “แม่ ป้าสะใภ้เล็กของผมสุขภาพดีขึ้นบ้างหรือยัง? ผมจำได้ว่าสุขภาพของเธอแย่มาก พูดแค่ไม่กี่คำก็หายใจหอบแล้ว”

จ้าวอิงหนานเก็บรอยยิ้ม ถอนหายใจเบาๆ “โรคที่ป้าสะใภ้เล็กของเธอป่วยก็คือความเจ็บปวดจากในใจ คุณหมอรักษาร่างกายได้ แต่รักษาใจไม่ได้นะ!”

พี่สะใภ้เล็กของเธอก็เป็นคนที่ชีวิตอาภัพคนหนึ่ง!

สยงมู่มู่ถามอย่างแปลกใจ “ป้าสะใภ้เล็กเป็นโรคอะไรเกี่ยวกับใจ? น้าเล็กก็เชื่อฟังคล้อยตามเธอทุกอย่าง พี่เสวียหลินก็ไม่ดื้อ ป้าสะใภ้เล็กมีอะไรที่ไม่ได้ดั่งใจอีก?

จ้าวอิงหนานไม่มีความสนใจที่จะพูดคุยเล่นต่ออีก หยิบซี่โครงให้สยงมู่มู่ พูดอย่างไม่อดทนว่า “เป็นเด็กเป็นเล็กถามเยอะแยะไปทำไม? รีบๆ กินข้าว กินเสร็จแล้วก็ไปทำการบ้าน ครั้งนี้สอบได้ที่หนึ่ง ครั้งต่อไปก็ควรรักษาอันดับไว้ถึงจะถูก แม่ของลูกขี้โม้ต่อหน้าแม่ของเหมยเหมยไว้ ถ้าลูกไม่ดิ้นรนเพื่อหน้าแม่ แม่ก็จะหักค่าขนมลูก!

สยงมู่มู่หน้าคว่ำทันที เขารู้อยู่แล้วว่าแม่ของเขาต้องพูดอย่างนี้ เพราะฉะนั้นเขาถึงไม่อยากสอบได้ที่หนึ่ง สอบได้ที่หนึ่งทุกครั้งยุ่งยากจะตาย!

เฮ้อ! เพื่อเด็กบื้อคนนั้น ครั้งนี้ทำเขาขาดทุนอย่างมาก คราวหลังต้องให้ยัยเด็กบื้อเลี้ยงซาลาเปาไข่ปูเขาหลายๆ ครั้งแน่นอน ถึงอย่างไรยัยเด็กบื้อตอนนี้ก็มีเงินเยอะกว่าเขา

เพิ่งจะกินข้าวเสร็จ พ่อสยงดึงจ้าวอิงหนานเข้าห้องนอนด้วยท่าทีลับๆ ล่อๆ จ้าวอิงหนานเขินหน้าแดง พูดอย่างไม่พอใจว่า ”ไอ้หยา มู่มู่อยู่บ้านนะ!”

พ่อสยงยิ้มเหมือนจะไม่ยิ้มมองภรรยาตัวเอง พูดหยอกล้อว่า “เรื่องนั้นพวกเราไม่ต้องรีบ เธอพูดเรื่องเมื่อสักครู่ให้จบก่อน อย่ามาทำให้อยากแล้วจากไปสิ”

จ้าวอิงหนานโมโหจ้องเขม็งอย่างเกรี้ยวกราด ผู้ชายเลวความรู้สึกตายด้าน ไม่โรแมนติกเอาซะเลย แต่ว่าอารมณ์โมโหของเธอมาไว ไปก็ไว แค่ข่มกลั้นเอาไว้ไม่ถึงนาที ตัวเองก็กลั้นไม่ไหว พูดออกมาเอง

 “จริงๆ พี่คนเล็กของฉันยังมีลูกสาวคนหนึ่ง ถ้ายังมีชีวิตอยู่ถึงตอนนี้ก็น่าจะมีอายุสิบสองขวบได้แล้ว” จ้าวอิงหนานถอนหายใจลึกๆ

ความเจ็บที่ต้องสูญเสียเลือดเนื้อเชื้อไขไป ผู้หญิงคนไหนจะสามารถรับไหว?

ถ้าเปลี่ยนมาเป็นเธอ กลัวว่าจะต้องเจ็บปวดใจไปทั้งชาติ!

…………………………………………….

ตอนที่ 240 ลูกตายตั้งแต่ยังเด็ก

พ่อสยงตกใจมาก “เด็กคนนั้นตายตั้งแต่เด็กเลยเหรอ?”

จ้าวอิงหนานพยักหน้า “ส่วนเหตุการณ์โดยละเอียดนั้นฉันเองก็ยังไม่ค่อยชัดแจ้ง เวลานั้นพวกเรายังอยู่ที่ภาคเหนืออยู่เลย พี่ชายเล็กกับพี่สะใภ้เล็กอยู่ที่ภาคใต้ เวลานั้นวุ่นวายมาก ทุกหนทุกแห่งมีแต่ความวุ่นวาย พี่ชายเล็กของฉันเหมือนจะไปก่อเรื่องไว้กับใคร ก็เลยเอาพี่สะใภ้เล็กที่กำลังตั้งท้องอยู่ส่งกลับไปอยู่บ้านแม่ของพี่สะใภ้เล็ก พี่สะใภ้เล็กของฉันก็คลอดลูกที่บ้านแม่ แต่ว่าเพราะพี่สะใภ้เล็กบำรุงร่างกายได้ไม่ค่อยดี บวกกับทุกหนทุกแห่งกำลังวุ่นๆ กันอยู่ เด็กคนนั้นพอคลอดออกมาถึงรู้ว่าตายตั้งแต่ในครรภ์แล้ว พอการคลอดครั้งนั้นของพี่สะใภ้เล็กผ่านไปร่างกายก็แย่ลง จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ดีขึ้นเลย”

พ่อสยงนึกไม่ถึงว่าพี่เขยที่เจริญรุ่งเรืองยิ่งใหญ่อย่างจ้าวจื้อหยวน ในปีนั้นก็มีเวลาตกอยู่ในที่นั่งลำบากด้วย เพียงแต่น่าสลดใจแทนเด็กคนนั้น!

“โชคดีที่เสวียหลินเป็นเด็กดี ผมดูแล้วหลานๆ คุณเยอะขนาดนั้น แต่เสวียหลินเหมือนพ่อตาผมที่สุด” พ่อสยงพูดยิ้มๆ

จ้าวอิงหนานก็ปลื้มอกปลื้มใจมาก จ้าวเสวียหลินหลานชายเธอคนนี้ ถึงแม้ว่าจะยังไม่เคยพบหน้า แต่ก็ได้ยินพ่อแม่พูดชมบ่อยๆ ตอนคุยโทรศัพท์กัน แต่แค่คิดก็รู้แล้วว่าคุณพ่อรักหลานชายคนนี้มากขนาดไหน

“ครั้งก่อนแม่ฉันพูดในโทรศัพท์ว่า เสวียหลินจะกลับเมืองหลวงเพื่อเรียนหนังสือ หลังจากนี้ต่อไปก็จะอยู่เรียนหนังสือที่นั่น รอช่วงปิดเทอมฤดูหนาวฉันควรจะกลับไปสักครั้ง ปีนี้ฉันไม่ไปฉลองปีใหม่ที่บ้านคุณแล้วนะ!”

พ่อสยงยกมือสองมือสนับสนุนเห็นด้วย หัวเราะพูดว่า “ต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้วคุณภรรยา คุณแค่อย่าทิ้งผมกับลูกไว้ก็พอแล้ว”

“พูดมาก!”

จ้าวอิงหนานมองค้อนประหลับประเหลือกอย่างน่ารักให้ ตัวเธอเองกลับกลั้นยิ้มไว้ไม่ได้ มองจนในใจของพ่อสยงคันยุบยิบไปหมด แต่พอนึกถึงไอ้ลูกเวรที่อยู่ข้างห้องแล้ว จึงต้องระงับอารมณ์ที่กำลังก่อหวอดลง เดี๋ยวค่อยให้มันออกมาก่อกวนความสงบสุขตอนกลางคืน

“คุณภรรยา บ้านแม่ของพี่สะใภ้เล็กอยู่แถวไหนเหรอ? ดูรูปร่างหน้าตาเธอแล้วคงเป็นคนใต้ใช่ไหม?” พ่อสยงไม่มีอะไรจะพูดก็หาเรื่องมาพูดไปเรื่อย เพื่อกระจายจุดสนใจของตัวเอง

จ้าวอิงหนานกะพริบตาปริบๆ ผงกหัวอย่างไม่แน่ใจ “อันนี้ฉันก็ไม่รู้จริงๆ พี่สะใภ้เล็กไม่เคยพูดเรื่องที่บ้านของเธอเลย เหมือนว่าจะฐานะไม่ค่อยดี พ่อแม่ทนความทุกข์ยากไม่ไหว จึงเหลือแค่เพียงเธอคนเดียว”

พ่อสยงเองได้ฟังดังนั้นก็ถอนหายใจ ช่วงเวลานั้นมีคนอาภัพเยอะมากจริงๆ!

เขากับจ้าวอิงหนานอยู่ที่เป่ยต้าฮว่างอย่างหนาวสั่น ถ้าไม่ใช่เพราะว่ามีโชคล่ะก็ เพียงแค่ประคองซึ่งกันและกัน ลำพังก็กลัวว่าจะทนความทุกข์ไม่ไหวเหมือนกัน!

บ้านอู่ตอนกลางวันมีเรื่องชวนหัวไม่ถึงชั่วโมง วุ่นวายจนทั้งโรงเรียนรู้กันหมด จากตึกใหม่ส่งไปถึงตึกเก่า ทุกคนต่างก็หัวเราะน้อยๆ บ้างก็ไม่อยากจะยุ่งกับเรื่องของชาวบ้านมากนัก แต่มีบางพวกคือคนสอดรู้สอดเห็นเรื่องของคนอื่นหรือบางพวกก็คือพวกริษยา สุมหัวนินทาอยู่ด้วยกัน โดยรวมก็คือหัวเราะเยาะเรื่องตลกขบขันของบ้านอู่

ใครให้อู่เจิ้งซือได้รางวัลบุคคลตัวอย่างอยู่ทุกปีกันล่ะ!

ใครให้เหอปี้อวิ๋นพูดโม้โอ้อวดเรื่องที่ลูกสาวคนโตได้ที่หนึ่งอยู่ทุกเดือนกันล่ะ!

บ่ายนี้ความขี้โม้โอ้อวดคงแตกละเอียดแล้วล่ะสิ วันหลังถ้าเจอเหอปี้อวิ๋นคงจะต้องให้ความสนใจกับคะแนนของอู่เยวี่ยมากขึ้นแล้ว ก็เหมือนกับเหอปี้อวิ๋นแต่ก่อน พบเห็นใครก็ยกเรื่องคะแนนสอบขึ้นมาพูด กลัวว่าคนอื่นจะไม่รู้ว่าอู่เยวี่ยได้ที่หนึ่ง

เชอะ! ถึงแม้ว่าลูกๆ ของพวกเขาจะไม่ได้ที่หนึ่ง แต่คะแนนก็คงที่นะ หลังจากนี้ใครจะมีอนาคตกว่ากันก็ยังไม่แน่ อีกอย่าง ลูกๆ ของพวกเขาก็ไม่มีกลิ่นเต่าอะไรนั่น!

คะแนนดีแค่ไหน หน้าตาดีมากขนาดไหนก็จะเป็นคำพูดที่ไร้สาระ ร่างกายเหม็นกว่าส้วมหลุม ใครคนไหนที่จะซวยยินยอมแต่งผู้หญิงแบบนี้เข้าบ้าน?

พวกเขาได้ยินมาว่ากลิ่นตัวของอู่เยวี่ยไม่ได้เหม็นธรรมดานะ!

ห่างกันร้อยเมตรยังสามารถสำลักตายได้ จิ้งจอกตอนที่เต็มไปด้วยราคะยังไม่เหม็นเท่าเธอเลย!

อันที่จริงคนเราต่างก็มีใจที่อิจฉาริษยา อย่าเห็นแค่ว่าภายนอกนั้นพวกเขาประจบเอาใจคุณ แต่ในใจยังไม่รู้เลยว่าอยากเห็นคุณซวยขนาดไหน เพื่อนบ้านพวกนี้ก็เป็นเช่นนั้น ต่อหน้าก็เกรงใจ แต่ไม่ว่าใครต่างก็รอหัวเราะเยาะเรื่องตลกของบ้านอู่ ยิ่งมีเรื่องวุ่นวายมากเท่าไร ในใจพวกเขาก็ยิ่งมีความสุขมากเท่านั้น

…………………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด