ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น 269 ถือมืดมาแทงหัวใจของคุณ + 270 ไม่มีของขวัญแล้ว

Now you are reading ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น Chapter 269 ถือมืดมาแทงหัวใจของคุณ + 270 ไม่มีของขวัญแล้ว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
ตอนที่ 269 ถือมืดมาแทงหัวใจของคุณ + ตอนที่ 270 ไม่มีของขวัญแล้ว

ตอนที่ 269 ถือมืดมาแทงหัวใจของคุณ

เหอปี้อวิ๋นกลับมาถึงบ้านด้วยความโกรธแค้น เปิดเตาเตรียมทำบะหมี่ มีเพียงเธอและอู่เยวี่ยสองคน หากทำกับข้าวก็จะสิ้นเปลืองเกินไป น้ำเพิ่งจะเริ่มเดือด อู่เหมยก็บุ่มบ่ามเข้ามา พอเห็นว่ายังมีเหยียนหมิงซุ่นและสยงมู่มู่ตามมาด้านหลังด้วย เธอก็สะดุ้งตกใจ

อู่เหมยไม่แม้แต่จะมองเธอ เดินตรงไปผลักเปิดประตูห้องของอูเยวี่ย เหล้าดีสิบกว่าขวดเหล่านั้นวางอยู่ครึ่งห้องตรงฝั่งที่เธอเคยอยู่เมื่อก่อน เธอ หยิบแค่เหล้าเหมาไถสองขวด อู่เหลียงเย่สองขวด และหงหนี่ว์เอ๋อร์หนึ่งไห ส่วนที่เหลือเธอไม่ได้หยิบ พวกนั้นเป็นเหล้าธรรมดา ซื้อมาขวดละหนึ่งหยวน ถ้าหยิบไปแล้วเหอปี้อวิ๋นก็ไม่ปวดใจ

“ลูกจะเอาเหล้าพวกนี้ไปทำอะไร?”

เหอปี้อวิ๋นที่ตามเข้ามาในแววตามีประกาย เหล้าหลายขวดนี้เธอเตรียมสำหรับสถานที่ที่จะไปไว้นานแล้ว อู่เหลียงเย่สองขวด สำหรับหิ้วกลับบ้านเกิดตอนปีใหม่ ส่วนเหล้าเหมาไถสองขวดจะเอาไปให้อีกครั้งในเดือนหนึ่ง เหล้าดีๆ ทั้งหมดที่พ่อเธอดื่ม เธอเป็นคนมอบให้ ตอนนี้ไม่ต้องพูดถึงว่าที่คุณพ่อเหอมีความสนิทสนมและอบอุ่นใจกับเธอขนาดไหน ก็ล้วนเป็นเพราะคุณงามความดีของเหล้าดีเหล่านี้

“พ่อให้หนูมาเอาค่ะ ถ้าแม่อยากจะพูด ให้ไปคุยกับพ่อค่ะ”

อู่เหมยเอาเหล้าหงหนี่ว์เอ๋อร์ให้เหยียนหมิงซุ่น เหล้าเหมาไถให้สยงมู่มู่ ตัวเองถืออู่เหลียงเย่ ขี้เกียจจะพูดกับเหอปี้อวิ๋น หันหลังแล้วเดินออกไปทางด้านนอก เหอปี้อวิ๋นโกรธจนยื่นมือดึงเธอไว้ อยากจะแย่งเหล้าคืนมา

เหยียนหมิงซุ่นบังอยู่ด้านหน้าอู่เหมยอย่างฉลาด พูดอย่างสุภาพว่า “ครูเหอครับ ครูอู่ให้เหมยเหมยมาเอาเหล้าจริงๆ เขายังบอกว่า ให้เหมยเหมยเอาเหล้าทั้งหมดไปครับ!”

ความหมายที่ซ่อนอยู่ในคำพูดก็คือ ‘อู่เหมยมีเมตตามากพอแล้ว ยังเหลือเหล้าเก่าๆ พวกนี้ไว้ให้ครู!’

สยงมู่มู่เอะอะโวยวายด้วย “พ่อแม่ผมคอแข็งมาก ดื่มเหล้าราวกับดื่มน้ำ ถ้าไม่ฟังครูอู่ ก็เอาเหล้าเหล่านี้ขึ้นไปเก็บก็ได้นะครับ”

พูดไปเขาก็หนีบเหล้าเหมาไถสองขวดไว้ที่ใต้วงแขน หมุนตัวจะไปหยิบเหล้าธรรมดาอีกสองขวด ใจของเหอปี้อวิ๋นเจ็บปวดยิ่งกว่าถูกมีดแทง หากมีเพียงแค่อู่เหมยที่มาเอาเหล้าคนเดียว ไม่ว่าเธอจะพูดอะไรก็จะแย่งเหล้าคืนกลับมา ถือดีอะไรไปกินข้าวบ้านคนอื่น ยังต้องให้เธอเอาเหล้าดีให้ด้วย?

แต่ตอนนี้เหยียนหมิงซุ่นกับสยงมู่มู่อยู่ที่นี่ เธอกลับทำอะไรไม่ได้เลย เธอไม่สามารถยั่วโมโหอู่เจิ้งซือได้อีกแล้ว แต่หากจะทำให้อึดอัดใจแบบนี้ ฆ่าเธอเสียเลยคงดีกว่า และด้วยการทักษะคำนวณที่ฉลาดเฉียบแหลมของบ้านเหอ ทำให้เหอปี้อวิ๋นคิดหาวิธีที่ได้ประโยชน์มากที่สุดออกอย่างรวดเร็ว

“จะดื่มเหล้าทั้งทีก็ต้องดื่มให้สุด มู่มู่เธอถือเยอะไประวังจะตกแตกได้ง่าย ให้ครูกับเยวี่ยเยวี่ยเดินถือไปพร้อมกับพวกเธอแล้วกัน เยวี่ยเยวี่ยมานี่เร็วๆ”

ความคิดของเหอปี้อวิ๋นนั้นง่ายมาก สุดท้ายยังไงเธอก็ยังไม่ยอมให้อู่เหมยเป็นที่โปรดปรานของจ้าวอิงหนานคนเดียว ตั้งแต่ไหนแต่ไรเธอรู้สึกว่า จ้าวอิงหนานไม่รู้จักอู่เยวี่ยดีพอถึงทำได้ด่วนตัดสินใจอย่างนี้ รอให้เธอกับเยวี่ยเยวี่ยทำความรู้จักกันหลายๆ ครั้งเข้า ก็จะพบว่าเยวี่ยเยวี่ยเก่งกว่าอู่เหมยหลายร้อยเท่าและจะต้องหลงอู่เยวี่ยจนเข้าไปถึงก้นบึงของหัวใจ

อู่เยวี่ยนั่งทำการบ้านอยู่ที่โต๊ะหนังสือตลอดเวลา เธอไม่ได้หันมามองสักนิด เธอดูจิตใจไม่สงบนิดหน่อย เหอปี้อวิ๋นเรียกสองครั้งถึงจะได้ยิน เธอไม่อยากไปบ้านสยง บ้านที่ไม่ต้อนรับเธอ!

คุณแม่ก็เหลือเกิน ชอบให้เธอไปประจบประแจงจ้าวอิงหนานอยู่เรื่อย เฮ้อ! เธอไม่รู้สึกเลยว่าจ้าวอิงหนานจะยอดเยี่ยมตรงไหน ถ้าบ้านนั้นยอดเยี่ยมขนาดนั้นจริง ๆ ทำไมไม่อยู่เมืองหลวง มาเป็นครูจนๆ ที่เมืองจินทำไมล่ะ?

ไม่ต้องรอให้อู่เยวี่ยบอกปฏิเสธ สยงมู่มู่เอ่ยก็เอ่ยปากก่อนแล้ว ยิ้มแป้นและกล่าว “ผมคงไม่กล้ารบกวนเพื่อนร่วมชั้นอู่เยวี่ยหรอกครับ เธอสุขภาพไม่ดีไม่ใช่เหรอ อยู่บ้านพักผ่อนจะดีกว่า เดี๋ยวอาการป่วยจะรุนแรง เดือนหน้ามีสอบแล้ว ถ้าผมได้ที่หนึ่งอีก ผมต้องขอโทษด้วยนะ!”

เหอปี้อวิ๋นกับอู่เยวี่ยสีหน้าเปลี่ยนพร้อมกัน คนหนึ่งหน้าคล้ำ คนหนึ่งหน้าซีด นัยน์ตามีน้ำตา อู่เหมยรู้สึกเบิกบานใจ ไม่เสียแรงที่ให้กำไล ถือว่าเขายังมีจิตสำนึกนิดหน่อย!

ทั้งสามคนหอบเหล้าเดินไปข้างนอก ขณะที่ผ่านห้องนอนตัวเอง อู่เหมยครุ่นคิด ผลักประตูออก อยากจะเอากล่องของขวัญที่ตั้งใจเตรียมไว้ไปด้วย ถือโอกาสตอนที่อู่เจิ้งซือไม่ได้สังเกตมอบให้พ่อสยงและจ้าวอิงหนาน ทว่า…

…………………………………………………….

ตอนที่270 ไม่มีของขวัญแล้ว

ในลิ้นชักก็ว่างเปล่า กล่องกับภาพวาดหายไป อู่เหมยสีหน้าเปลี่ยน มุดลงไปหาที่ใต้โต๊ะอย่างไม่รู้ตัว คิดว่าหล่นอยู่ที่พื้นหรือเปล่า แต่ที่พื้นสะอาดสะอ้าน แม้แต่หยากไย่ก็ไม่มี

“เป็นอะไรเหรอ?” เหยียนหมิงซุ่นถาม

“ของขวัญที่ฉันเตรียมไว้หายไป ฉันวางไว้ในลิ้นชักชัดๆ ตอนนี้หายไปแล้ว”

อู่เหมยพูดไปพร้อมทำไม้ทำมือไปด้วย เธอร้อนใจมาก ไม่มีสร้อยเงินแล้ว เธอจะเอาอะไรไปให้จ้าวอิงหนาน? ซื้อใหม่ก็ไม่ทันแล้วล่ะ!

สยงมู่มู่ช่วยหาสักพัก กล่าวอย่างสงสัย “น่าแปลกจริงๆ ของดีๆ จะหายไปได้อย่างไร?”

เขาเห็นกับตาว่าอู่เหมยวางกล่องไว้ เพิ่งจะผ่านไปไม่ถึงชั่วโมง ถึงอย่างไรกล่องไม่สามารถมีขางอกออกมาเองแล้วเดินไปได้หรอกนะ?

“น่าจะถูกคนหยิบไป ไม่ใช่คนนอกขโมยก็เป็นคนข้างในขโมยไป แต่ผมรู้สึกว่าคนในบ้านขโมยเป็นไปได้มากที่สุด ตามปกติแล้วไม่มีคนภายนอกเข้ามาโรงเรียนของพวกเรา” สยงมู่มู่พูดอย่างมั่นใจ ตาชำเลืองออกไปข้างนอกตลอด เพียงแค่ไม่เอ่ยถึงเหอปี้อวิ๋น

แม้ว่าว่าเหอปี้อวิ๋นคนนี้คือผู้อาวุโส แต่การพูดจาและการกระทำกลับทำให้คนไม่รู้สึกเคารพ ความรอบรู้น้อยนิด แถมทำทุกอย่างที่จะได้กำไร เห็นเงินสำคัญกว่าชีวิต บางทีเมื่อเธอเห็นของมีค่าก็อาจจะเอาไป

อู่เหมยก็คิดว่าเป็นอย่างนั้น ตอนที่เธอออกจากบ้านไปไม่ได้ล็อกประตู ลิ้นชักก็ไม่ได้ล็อก มีความเป็นไปได้ที่เหอปี้อวิ๋นอาจจะเอาไป แต่ว่า…

“แม่ของฉันไม่รู้ว่ามีสร้อยในลิ้นชัก เธอคงจะไม่มองออกหรอกนะ?” อู่เหมยคิดไม่ออก

“อย่าเพิ่งไปคิดเรื่องนี้ พวกเราเอาเหล้าขึ้นไปส่งก่อน ถ้าไม่อย่างนั้นพวกครูอู่เขาจะรอแย่ เรื่องสร้อยข้อมือ หลังจากกินข้าวเสร็จค่อยว่ากัน” เหยียนหมิงซุ่นพูดอย่างใจเย็น เขาก็คิดว่าเหอปี้อวิ๋นหยิบสร้อยข้อมือไป แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่มาตามหาสร้อยข้อมือ ต้องลำดับให้ดีว่าอะไรด่วนกว่าหรืออะไรยังรอได้อยู่

อู่เหมยเศร้าใจที่สุด กล่าวตำหนิตัวเอง “ถ้ารู้ตั้งแต่แรกฉันก็คงจะถือไปเลย แล้วตอนนี้ฉันจะเอาอะไรให้แม่บุญธรรมล่ะ?”

“ไม่เป็นไร แม่ฉันก็ยังชอบเธอเหมือนเดิม ถึงแม้เธอไม่ได้ให้สร้อยข้อมือ แต่เครื่องประดับของเธอก็มีเยอะแล้ว” สยงมู่มู่ปลอบใจเธอ

“แต่ว่านี่คือความตั้งใจของฉัน ไม่เกี่ยวกับว่าแม่ของเธอมีเครื่องประดับเยอะ ฉันไม่พูดกับเธอแล้ว เธอแค่เจ้าเด็กน้อย ฟังยังไงก็ไม่เข้าใจหรอก” อู่เหมยตีหน้าผากตัวเองด้วยความหงุดหงิด วางแผนซื้อสร้อยเงินให้จ้าวอิงหนานต่อไป

“เธอว่าใครเด็กน้อย? ตอนที่พี่เกิด เธอยังไม่เป็นเซลล์ด้วยช้ำ พูดจาไม่กลัวถูกฟ้าผ่า ต่อไปต่อหน้าพี่ก็อย่าทำไม่รู้จักเด็กไม่รู้จักผู้ใหญ่ มิเช่นนั้นอย่าโทษพี่แล้วกัน”

ฉิวฉิววิ่งเพ่นพ่านเข้ามาขัดจังหวะสยงมู่มู่พูด ปากคาบกระดาษอยู่ โยนใส่มืออู่เหมย แล้วก็วิ่งออกไปทันที ไม่รู้ว่าไปทำอะไร ก้อนกระดาษมีเศษหญ้าติดจำนวนมาก อู่เหมยปัดออกจนสะอาด แกะก้อนกระดาษออกอย่างระมัดระวัง ปรากฏเป็นภาพวาดของเธอที่หายไป ซึ่งเป็นภาพสมาชิกครอบครัวตระกูลสยง เธอตั้งใจลงสีย้อมโดยเฉพาะ มองดูแล้วทั้งน่ารักทั้งอบอุ่น

เพียงแต่ตอนนี้ยับยู่ยี่ ไม่ว่าจะกดยังไงก็ไม่เรียบคืนสภาพเดิม และยังมีบางจุดที่เสียหาย ภาพวาดนี้ถูกทำลายแล้ว

“ภาพวาดของฉันเป็นอย่างนี้ไปได้อย่างไร? ใครทำ?” เสียงอู่เหมยสะอื้น เมื่อคืนเธอวาดภาพนี้ทั้งคืน เพิ่งจะหลับตอนฟ้าสางนิดหน่อย ตอนนี้กลับเละเทะอย่างนี้ เหมือนมีคนเอามีดมาแทงหัวใจเธอ

ฉิวฉิววิ่งพรวดเข้ามาอีกครั้ง คราวนี้ในปากคาบกล่องไว้ อู่เหมยตาเป็นประกาย รีบเปิดกล่องออก แต่ในกล่องกลับว่างเปล่า สร้อยข้อมือกับปิ่นปักผมหายไปแล้ว”

“ฉิวฉิว สิ่งของในกล่องนี้ไม่มีแล้วเหรอ?” อู่เหมยถามด้วยความร้อนรน

ฉิวฉิวเหนื่อยจนลิ้นห้อย กระดิกหางไปมา บ่งบอกว่าของนั้นหายไปแล้ว อู่เหมยใจสลาย เห็นได้ชัดว่าเหอปี้อวิ๋นเอาสร้อยไป เอากล่องกับภาพวาดที่ไม่มีค่าทิ้งไปทำให้ฉิวฉิวเก็บกลับมาได้

…………………………………………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด