ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น 365 ในความเป็นจริงนั้นยากกว่าจะได้มีชื่อเสียง + 366 เหยียนหมิงต๋าหลงใหลในไหวพริบเข้าแล้ว

Now you are reading ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น Chapter 365 ในความเป็นจริงนั้นยากกว่าจะได้มีชื่อเสียง + 366 เหยียนหมิงต๋าหลงใหลในไหวพริบเข้าแล้ว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
ตอนที่ 365 ในความเป็นจริงนั้นยากกว่าจะได้มีชื่อเสียง + ตอนที่ 366 เหยียนหมิงต๋าหลงใหลในไหวพริบเข้าแล้ว

ตอนที่ 365 ในความเป็นจริงนั้นยากกว่าจะได้มีชื่อเสียง

วันนี้มื้อเย็นของตระกูลเหยียนช้าไปกว่าเดิมนิดหน่อย เพราะคุณปู่เหยียนออกไปพบปะกับเพื่อน พอกลับมาถึงฟ้าก็มืดสนิทแล้ว ทุกคนต่างรอเขาเพื่อทานข้าว กฎของตระกูลเหยียนเป็นแบบนี้ หากคนไม่ครบก็ไม่สามารถเริ่มทานข้าวได้

ดูท่าทีคุณปู่จะอารมณ์ดี อีกทั้งยังฮัมเพลงอยู่ตลอด จนทำให้ตอนทานข้าวคุณย่าหยางอดไม่ได้ที่จะถามออกมา “ตาแก่มีเรื่องอะไรดีๆ ก็เล่าให้พวกเราฟังบ้างสิ อย่าหัวเราะยิ้มแย้มอยู่คนเดียว”

คุณปู่เหยียนที่รอจะได้ฟังประโยคคำถามนี้จากภรรยาของเขา จึงได้กระแอมเสียงและพูดประเด็นสำคัญออกมา “วันนี้ฉันออกไปนั่งดื่มชากับพวกคุณสวีมา”

คุณย่าหยางเกิดความรำคาญ “ฉันรู้แล้ว ตอนคุณออกไปได้บอกกับฉันแล้ว แต่รีบพูดประเด็นสำคัญสักที อย่าเอาแต่พูดไร้สาระมันเสียเวลา”

คุณปู่เหยียนมองคุณย่าหยางอย่างไม่พึงพอใจ และจึงได้พูดต่อ “ก็คุณสวีเป็นคนในสมาคมวาดรูปไม่ใช่เหรอ เมื่อสัปดาห์ที่แล้วเขาได้ไปเป็นกรรมการให้กับการแข่งขันวาดภาพรุ่นเยาวชน แล้ววันนี้คุณสวีก็บอกกับฉันว่าตอนนี้เขาได้เจอต้นกล้าพันธุ์ดีแล้ว เรียนวาดรูปได้แค่สองเดือนก็คว้ารางวัลชนะเลิศอันดับสองมาได้ และเธอยังมีลักษณะการวาดที่มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเองด้วย หากว่าตั้งใจฝึกฝนดีๆ อีกหน่อยต้องมีความสามารถเหลือล้นเป็นแน่”

ท่าทีของคุณย่าหยางบ่งบอกว่าเธอดูตื่นเต้นและแปลกใจ “ว้าว เด็กคนนี้เก่งจริงๆ แล้วเป็นเด็กบ้านไหนกันล่ะ?”

เหยียนหมิงซุ่นใจเต้นรัว ต้นกล้าที่ดีที่คุณปู่พูดถึง ทำไมช่างเหมือนกับยายตัวแสบเลยล่ะ!

คุณปู่เหยียนมุ่ยหน้า เขายิ้มจนตาหยีและแสร้งแสดงสถานการณ์ต่อ “เด็กคนนี้พวกเราต่างก็รู้จัก เป็นลูกของครูคนหนึ่งในอี้จง และยังเคยมาที่บ้านเราด้วย!”

เหยียนหมิงซุ่นแค่ฟังก็รู้ได้ว่าคนที่คุณตาพูดถึงอยู่คืออู่เหมย ในใจรู้สึกดีมาก ยายตัวแสบได้รับรางวัลซะด้วย อีกทั้งยังเป็นรางวัลชนะเลิศอันดับสองด้วย สุดยอดจริงๆ!

คุณย่าหยางกลับไม่ได้รู้สึกดีที่จะมาทายคำกับคุณปู่เหยียน เธอเอาแต่โมโหและรบเร้าคุณปู่ เหยียนหมิงซุ่นจึงแอบกระซิบเบาๆ ที่ข้างหูเธอเพื่อบอกชื่อของคนคนหนึ่ง คุณย่าหยางถามขึ้นอย่างตื่นเต้น “เป็นตัวแสบอู่เหมยจริงๆเหรอ? เธอไปเรียนวาดรูปตั้งแต่ตอนไหนกัน?”

คุณปู่เหยียนจ้องหลานชายคนโตอย่างไม่พอใจที่แย่งคำพูดของเขาไป น่าโมโหเสียจริง!

“เป็นถึงหลานสาวคนเล็กของตระกูลอู่ ยายแสบนี่เก่งจริงๆ ไม่ทันไรก็ได้รับรางวัลชนะเลิศอันดับสองแล้ว วันนี้ที่ได้ฟังคุณสวีพูดก็ไม่อยากจะเชื่อ แต่พอดูภาพวาดภาพนั้นก็รู้ได้เลยว่าต้องเป็นยายแสบวาด เอกลักษณ์การวาดแบบนั้นคนอื่นทำไม่ได้หรอก”

คุณปู่เหยียนเอาแต่ชื่นชมต่ออู่เหมย ท่าทีเปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนมาก คุณย่าหยางจึงจงใจพูด “เมื่อก่อนบอกว่าอู่เหมยไม่ค่อยฉลาดนัก ไม่ได้เป็นเด็กดีไม่ใช่เหรอ?”

“เมื่อก่อนผมไม่เคยบอกว่าเด็กคนนี้ไม่ดี แค่บอกว่าเธอฉลาดไปหน่อยเท่านั้นเอง แต่ดูจากตอนนี้แล้ว เหมยเหมยถือว่าไม่เลวนะ ฝีมือในการทำอาหารก็ดี แถมยังวาดรูปเก่งอีกด้วย รูปร่างหน้าตาก็ดี ฉลาดไปบ้างก็ไม่ใช่ปัญหา แค่เธอจิตใจดีก็พอแล้ว!”

คุณปู่เหยียนสู้หน้าไม่ค่อยได้ เมื่อก่อนเขามีอคติต่ออู่เหมย แต่ตอนนี้เขาก็เปลี่ยนแล้วไง ยายแก่นี่ชอบทำให้คนอื่นลำบากใจเสียจริง ยิ่งแก่ก็ยิ่งไม่น่ารักเลย

คุณย่าหยางเบะปากมองเขาแต่ก็ไม่ได้ล้ออะไรตาแก่อีก เธอรู้สึกดีใจแทนอู่เหมยจากใจจริงๆ เด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่มีความสามารถแบบนี้ ในอนาคตไม่ลำบากแน่นอน

คุณปู่เหยียนพูดขึ้นด้วยความรู้สึกสะเทือนใจ “ในความเป็นจริงนั้นยากนัก กว่าจะได้มีชื่อเสียง แต่ก่อนทุกคนต่างเอาแต่พูดว่าอู่เยวี่ยดี ชื่นชมเด็กคนนี้จนเสียคน แต่ตอนนี้กลับกันกลายเป็นหลานสาวคนเล็กทำเรื่องน่าทึ่งให้คนคาดไม่ถึง ดูท่าภรรยาของครูอู่จะไม่ค่อยฉลาดนัก คะแนนของอู่เยวี่ยตกหล่น เพราะงั้นภาระหน้าที่ต้องตกไปอยู่ที่เสี่ยวเหอ”

แต่คุณย่าหยางกลับไม่เห็นด้วย “ไม่ใช่เหตุผลนี้หรอก เมื่อก่อนเสี่ยวเหอปฏิบัติกับอู่เหมยแย่มาก มีลูกสาวสองคน ทำกับคนหนึ่งราวกับสิ่งล้ำค่า แต่ทำกับอีกคนราวกับต้นหญ้า ฉันมีอายุมากขนาดนี้แล้วยังไม่เคยพบเห็นใครที่เป็นแม่แบบเธอเลย จิตใจลำเอียงไปถึงไหนแล้ว ตอนนี้ยายแสบอู่เหมยพัฒนาแล้ว จะคอยดูว่าเสี่ยวเหอจะยังเอาลูกสาวคนโตไปพูดโอ้อวดในแง่ดีอีกไหม”

เหยียนหมิงต๋าฟังแล้วรู้สึกขัดหู ทำไมคุณปู่กับคุณย่าต้องบอกว่าอู่เยวี่ยไม่ดีด้วย ทั้งที่เยวี่ยเยวี่ยใจดีและเก่งขนาดนั้น ทำไมคุณปู่กับคุณย่าถึงมองไม่เห็นล่ะ?

…………………………………………………………………………………………..

ตอนที่ 366 เหยียนหมิงต๋าหลงใหลในไหวพริบเข้าแล้ว

เหยียนหมิงต๋าทนไม่ได้จึงเงยหน้าขึ้นและพูด “คุณปู่คุณย่า ทำไมถึงได้พูดถึงเยวี่ยเยวี่ยแบบนั้น? เยวี่ยเยวี่ยเธอทั้งอ่อนโยนทั้งใจดี การเรียนก็ดีเด่นอีก ไม่เห็นจะมีข้อเสียอะไรเลย ผมคิดว่าเยวี่ยเยวี่ยเก่งกว่าเหมยเหมยอีก”

เหยียนหมิงต๋าพยายามเน้นน้ำเสียงในประโยคสุดท้ายมาก นี่เป็นคำพูดที่มาจากใจของเขา ในใจของเขาอู่เหมยเทียบกับอู่เยวี่ยไม่ได้เลยสักนิด แม่แต่ปลายเส้นผมและนิ้วมือก็เทียบไม่ได้

เหยียนหมิงซุ่นหัวคิ้วผูกกันแน่น น้องชายบ้านนี้โง่พอสมควรแฮะ ใจทั้งใจยกให้อู่เยวี่ยเป็นนางฟ้า แต่กลับไม่รู้ว่านางฟ้าคนนี้ไม่ใช่คนดี และไม่ได้มีความอ่อนโยนเลยสักนิด และจิตใจยังไร้คุณธรรม

“นายโดนบังตาไปแล้วหรือไง ฉันมองไม่เห็นข้อดีของอู่เยวี่ยเลย แต่ข้อบกพร่องมีอยู่เต็มไปหมด ต่อไปนายพยามติดต่อกับอู่เยวี่ยให้น้อยลงหน่อยนะ จิตใจโง่ๆ อย่างนาย อู่เยวี่ยถึงได้ชักจูงนายไปง่ายๆ แถมนายยังเอาแต่เพ้อถึงข้อดีของเธออีก!” เหยียนหมิงซุ่นพูดเสียงต่ำเพื่อตำหนิเขา เขาทนเห็นความหลงใหลของเหยียนหมิงต๋าไม่ได้

ชอบใครไม่ชอบ แต่กลับไปชอบอู่เยวี่ยที่มีจิตใจลึกลับซับซ้อน แม้แต่เขาเองยังไม่อาจจะจ้องมองผู้หญิงคนนี้ อู่เยวี่ยหลอกล่อหมิงต๋า ราวกับหลอกล่อลิงให้เล่นกับเธอจนหัวหมุน!

เหยียนหมิงต๋าไม่พึงพอใจ จึงเถียงกลับ “พี่ใหญ่มีอคติต่ออู่เยวี่ยเกินไป พี่ไม่เคยสัมผัสกับอู่เยวี่ยมาก่อน เพราะงั้นพี่ไม่มีสิทธิ์มาพูดแบบนี้”

เหยียนหมิงซุ่นหัวเราะเยาะ และประชดขึ้น ”ยังต้องให้สัมผัสอีกเหรอ? เรื่องฉาบฉวยของอู่เยวี่ยรู้กันไปทั่วทั้งโรงเรียนแล้ว สภาพจิตใจไม่ปกติ ไหนจะอิจฉาริษยาที่น้องสาวสวยกว่า ตอนดึกดื่นก็ตื่นมาบีบคออู่เหมย เรื่องนี้คุณตากับคุณยายเองก็รู้ หมิงต๋าเองก็คงจะรู้ไม่ใช่เหรอ?”

แน่นอนว่าเหยียนหมิงต๋ารู้ แต่อู่เยวี่ยเคยอธิบายให้เขาฟังตั้งแต่แรกแล้ว และเขาก็เชื่ออู่เยวี่ยด้วย จึงได้พูดแก้ตัวให้ “เป็นเพราะเยวี่ยเยวี่ยฝันร้ายจริงๆ เธอไม่ได้ตั้งใจนี่ อู่เหมยเองก็ใจเสาะเกิน โวยวายเสียงดังจนคนทั้งตึกรู้!”

เหยียนหมิงซุ่นมองเขาอย่างเย็นชา ไอเย็นแผ่ไปทั่วทั้งแผ่นหลังและเหงื่อผุดจนไหลอาบเต็มหลัง คนที่เขากลัวที่สุดในบ้านก็คือเหยียนหมิงซุ่น และกลัวเสียยิ่งกว่าเหยียนโฮ่วเต๋อ

“ถ้างั้นวันนี้พี่ลองบีบคอแก แล้วมาดูกันว่าแกจะยังไม่ร้องอยู่รึเปล่า?”

เหยียนหมิงต๋าค่อยๆ หดคอหลบและไม่กล้าส่งเสียง เขารู้ดีว่าพี่ใหญ่กำลังโกรธ ต่อให้เขาอยากช่วยพูดดีๆ แทนอู่เยวี่ย แต่ก็ไม่กล้าพูดอะไร เขาไม่กล้ามีปัญหากับพี่ใหญ่

คุณย่าหยางพยักหน้าเห็นด้วย “ข้อบกพร่องของอู่เยวี่ยน่ากลัวจริงๆ หากว่าเป็นย่าคงไม่กล้านอนห้องเดียวกับเธอ ยายแสบอู่เหมยช่างน่าสงสารจริงๆ”

เหยียนหมิงซุ่นพูดขึ้นอีก “ส่วนเรื่องกลิ่นเต่าก็คงไม่ต้องพูดถึงแล้วล่ะ เพราะจมูกเหยียนหมิงต๋าไม่รับรู้กลิ่น สูดดมยังไงก็ไม่รู้กลิ่น ฉันจะพูดข้อบกพร่องที่สุดของเธอแล้วกันนะ อู่เยวี่ยเธอชอบพูดโกหก และมีกลอุบายที่ไม่ได้ใสสะอาด คุณสมบัติของความเป็นคนก็แย่เกินไป”

คุณปู่เหยียนและคุณย่าหยางต่างแสดงออกถึงความตกใจ เรื่องนี้พวกเขาไม่เคยรู้ ถ้าหากเป็นเรื่องจริง เด็กอู่เยวี่ยนี่ก็ปล่อยไว้ไม่ได้แล้ว

เหยียนหมิงซุ่นได้เล่าเรื่องครั้งก่อนที่อู่เยวี่ยขโมยเครื่องเงินของอู่เหมยไป และยังทำลายภาพเหมือนของเธอให้ฟัง ครั้งนั้นเขาและสยงมู่มู่ต่างสงสัยว่าเหอปี้อวิ๋นเป็นคนทำ แต่ความเป็นจริงกลับกลายเป็นโทษเหอปี้อวิ๋นแทน คนที่ขโมยไปก็คืออู่เยวี่ย

คุณปู่เหยียนหัวคิ้วผูกกันแน่น เรื่องนี้เขาเองก็รู้ ตอนนั้นเขาเองก็คิดว่าเหอปี้อวิ๋นเป็นคนเอาไป กระทั่งได้ไปตักเตือนว่ากล่าวอู่เจิ้งซือ บอกว่าเขาจัดการเรื่องในบ้านได้ไม่เข้มงวดพอ ตอนนี้ดูเหมือนว่าคำพูดนี้จะถูกต้อง ไม่ใช่จัดการภรรยาไม่เข้มงวดพอ แต่กลับเป็นอบรมสั่งสอนลูกสาวได้ไม่ดีพอ

“พี่ใหญ่พูดเหลวไหล เยวี่ยเยวี่ยจะขโมยของได้ยังไง? พี่ต้องใส่ความเยวี่ยเยวี่ยแน่ๆ!”

เหยียนหมิงต๋าไม่เชื่อเลยสักนิด และยังโกรธมากด้วย เพราะเหยียนหมิงซุ่นสบประมาทหญิงสาวในดวงใจของเขา พี่ใหญ่น่ากลัวเกินไป ทำเพื่ออู่เหมยโดยการใส่ร้ายเยวี่ยเยวี่ย!

คุณย่าหยางใช้ฝ่ามือตบเขาไปทีหนึ่ง พร้อมกับตำหนิ “พี่ใหญ่ของแกจะพูดโกหกได้ยังไง? วันๆ เอาแต่พร่ำหาเยวี่ยเยวี่ย เยวี่ยเยวี่ย ย่าว่าหลานหลงใหลในไหวพริบของเธอเข้าแล้ว”

…………………………………………………………………………………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด